หัวข้อ : ฉันไม่อยากเป็นซินเดอเรลลา บทที่ 4 สักต์ปีกรักกับสัตว์น้ำได้ไหม? (1)

โพสต์เมื่อ 25 ก.ค. 2559, 21:48

บทที่ 4 สักต์ปีกรักกับสัตว์น้ำได้ไหม?

 

เขากับเธอมีความสัมพันธ์แบบไหนต่อกันกันแน่?

ขณะที่ฉินชวนยังคงคิดปัญหาเรื่องนี้ไม่ตก ซูจิ่นลืมดวงตากลมโตที่งัวเงียเลื่อนลอยขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน ลุกขึ้นเหมือนมองไม่เห็นเขา ปล่อยผมยาวแผ่สยายยุ่งเหยิง บนเรือนร่างงามยังคงสวมแค่ชุดนอนเมื่อคืนนี้ที่สวมแล้วยังยั่วยวนชวนให้คนทำบาปยิ่งกว่าไม่สวมเสียอีกชุดเดิม เดินไปเข้าห้องน้ำโดยไม่สนใจอะไร

ฉินชวนไม่พอใจกิริยามองข้ามเขาโดยสิ้นเชิงของเธออย่างมาก ลุกพรวดขึ้นนั่ง จ้องประตูห้องน้ำอย่างหงุดหงิดอยู่อึดใจใหญ่ คิดเล็กน้อย สุดท้ายตัดสินใจกลับห้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน

ดูท่าทางยายนั่นคิดจะทำเป็นเหมือนว่าไม่เคยเกิดอะไรขึ้นทั้งนั้นเห็นๆ! ชายหนุ่มควรจะรู้สึกโล่งอกเพราะเรื่องนี้แท้ๆ แต่ไม่ทราบทำไมเขาถึงเคืองนักหนา เขาขมวดคิ้วส่องกระจกสำรวจดูรอยจูบที่เธอทิ้งไว้บนตัวเขาไม่ใช่น้อยเมื่อคืนนี้...ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้ากัดเขาแรงแบบนี้มาก่อน แต่เขาทราบว่าตัวเขากับค่อนข้างพอใจ...เขาไม่เคยตื่นเต้นคึกคักเวลาร่วมรักมากขนาดนี้มานานโขแล้ว

เขารู้สึกพิเศษกับเธอ แต่น่าจะยังห่างไกลเกินกว่าจะเรียกว่ารักมาก แต่เขาเห็นจะต้องพูดว่า เขาชอบร่วมรักกับเธอ เธอเร่าร้อนและใจกล้า ขาเรียวสวยคู่นั้นรัดเอวเขาไว้แน่นตลอดเวลา สนองรับการแทรกลึกเป็นจังหวะของเขา...นึกไปถึงฉากร่วมรักบางฉากเมื่อคืนนี้อย่างเผลอไผล ท่อนล่างของเขาเกร็งเขม็งขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวอีกครั้ง

บ้าจริง ชายหนุ่มสะบัดศีรษะ สลัดภาพวาบหวิวออกไปจากสมอง ไปอาบน้ำอีกครั้งอย่างกลัดกลุ้ม หรือแค่ชั่วข้ามคืน เขาก็เสพติดเธอเข้าเสียแล้ว? จำได้ว่าตอนที่มกุฏราชกุมารของประเทศใดสักประเทศในทวีปยุโรปแต่งงานครั้งที่สอง เจ้า “สาว” อายุเกินครึ่งร้อยที่เป็นคู่ควงของเขามานานสามสิบปี เคยแอบกระซิบบอกกับเพื่อนของเธอว่า หนึ่งในสาเหตุที่มกุฏราชกุมารท่านนี้ไม่สามารถแยกทางกับเธอได้สักที ก็คือเขา sexually addicted to her (เสพติดเธอในเรื่องเพศสัมพันธ์)

บทสนทนาลับนี้ ไม่ทราบรั่วไหลออกมาจากทางไหน และได้แพร่กระจายไปทั่วในสังคมชั้นสูง กระทั่งตัวเขาที่ไม่เคยสนใจเรื่องซุบซิบเหล่านี้ก็ยังเคยได้ยินมา และปฏิกิริยาของเขาในตอนนั้นคือแค่นเสียงอย่างดูถูก เพราะเขามองว่าจะขึ้นเตียงกับผู้หญิงคนไหนก็เหมือนกันทั้งนั้นมาแต่ไหนแต่ไร ดังนั้นปัญหาเรื่องเสพติดผู้หญิงคนไหนเป็นพิเศษจึงไม่ควรจะมีอยู่ แต่หลังจากผ่านเมื่อคืนนี้ เขาชักจะไม่ค่อยมั่นใจต่อความเข้าใจในเรื่องนี้ของเขาเสียแล้ว เธอแตกต่างจากคู่ควงในอดีตของเขาอย่างมาก และเขาไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าความสุขสมได้รับจากเธอแรงกล้ากว่าอย่างมาก

ความจริงที่ฉินชวนเกิดความรู้สึกเช่นนี้ได้ ไม่แน่ว่าจะเป็นเพราะเทคนิคของซูจิ่นดีเลิศอะไรนัก เพียงแต่เขากับเธอมีความสัมพันธ์กันโดยไม่ได้คำนึงถึงปัจจัยภายนอก แต่โดนผลักดันโดยแรงดึงดูดระหว่างหญิงชายที่ถือเป็นสัญชาตญาณดิบอย่างยิ่ง เพราะเหตุนี้ความสุขสมที่ประสาทสัมผัสได้รับจึงบริสุทธิ์กว่ากันมาก

ชายหนุ่มเป่าผมจนแห้ง แล้วใจลอยอยู่หน้ากระจกครู่หนึ่งอีกครั้ง ตัดสินใจว่าต้องไปคุยกับเธอสักหน่อย ไม่ว่าเธอจะคิดอย่างไร เขาก็ต้องการจะบอกความคิดของเขาให้ทราบ และเขาเห็นว่า ในเมื่อมีความสัมพันธ์แบบนี้กันแล้ว และเธอกับเขาต่างก็รู้สึกดีต่อกัน ก็พอจะลองคบกันได้ ถ้าไปได้สวยจริงๆ ละก็...ถึงแม้ว่าจนถึงปัจจุบัน ข้อที่ห้าของกฎหมาย “การแต่งงานระหว่างตระกูลขุนนางกับสามัญชน” ซึ่งอนุมัติให้คนในราชวงศ์สมรสกับสามัญชนได้ที่ผ่านมติสภามาตั้งแต่เมื่อปี 1970 จะยังไม่เคยมีตัวอย่างใดๆ มาก่อน แต่เขาก็ไม่รังเกียจอะไรที่จะเป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์

ชายหนุ่มเคาะประตูห้องนอนของเธอ เนิ่นนานไม่มีปฏิริรายาตอบรับ เขาผลักประตูเข้าไปอย่างเป็นห่วงเล็กน้อย แล้วต้องพูดไม่ออกเมื่อพบว่าหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว คุณเธอก็กลับขึ้นเตียงไปนอนต่อ

ม่านหน้าต่างเปิดออกแล้ว หญิงสาวสวมชุดนอนหน้าตาคล้ายๆ กับเมื่อคืนนี้ กอดผ้าห่มนอนอาบแสงแดดอันอ่อนโยนของฤดูหนาว ให้ความรู้สึกอบอุ่นและแสนสบาย ทำให้ฉินชวนอดนึกถึงแมวที่มักจะนอนหมอบอาบแดดอยู่บนหลังคาไม่ได้

เธอคือแมวป่าตัวน้อย ก่อนที่เขาจะรู้ตัวว่าตัวเองกำลังจะทำอะไร ก็ได้เดินไปถึงข้างตัวเธอลูบศีรษะเธออย่างลืมตัว ซูจิ่นหลับไม่ค่อยลึกนัก พอถูกเขาแตะตัว ก็ลืมตาขึ้น สบตากับเขาอย่างงัวเงียอยู่พักใหญ่ จากนั้นกอดผ้าห่มพลิกตัวหันหลังให้เขาคิดจะนอนต่อ ระหว่างที่พลิกตัว ขาเรียวสวยของเธอกับกางเกงในผ้าไหมสีชมพูอ่อนต่างแลบโชว์ออกมา ฉินชวนนึกถึงเมื่อคืนนี้ว่าเขากึ่งบังคับเข้าสู่ร่างของเธอทางด้านหลังจากมุมนี้แหละ...ไปจนกระทั่งเธอสุขสม

แข็งใจข่มความรู้สึกร้อนรุ่มกะทันหันภายในตัว เขานั่งลงที่ริมเตียงของเธอ พูดเบาๆ “ตื่นแล้วฝืนนอนต่อจะไม่ดีต่อสุขภาพนะ”

เห็นซูจิ่นไม่กระดุกกระดิกแกล้งทำเป็นตายต่อไป ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากหยักลึกได้รูป คิดเล็กน้อย ตัดสินใจไม่พูดพล่ามไร้สาระ เอ่ยตรงๆ ว่า “เราคบกันเถอะ”

ซูจิ่นตัวแข็งทื่อ สิบวินาทีให้หลังจึงหันหน้ามามองเขาอย่างงุนงง เห็นในดวงตาสีสนิทเหล็กของเขามีแต่แววจริงจัง ก็มุมปากกระตุก “คุณล้อเล่นอะไรน่ะ?”

ณ เวลานี้ ในที่สุดหญิงสาวก็หายจากอาการเมาค้างโดยสิ้นเชิง

ถึงแม้ปฏิกิริยาของซูจิ่นจะถือว่าอยู่ในการคาดคะเนของฉินชวนอยู่แล้ว ชายหนุ่มยังคงขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด “ผมไม่เห็นว่าเหมือนล้อเล่นที่ตรงไหน”

เขานั่งอยู่ริมเตียงของเธอ ก็ยังคงนั่งตัวตรงด้วยความเคยชิน ซูจิ่นไม่ชอบถูกเขาก้มลงมองอย่างเหนือกว่าแบบนี้ กอดผ้าห่มยันตัวขึ้นมา นั่งขัดสมาธิบนเตียง มองตาเขาพูดเสียงจริงจังว่า “ฉันนึกไม่ออกว่าเรามีเหตุผลอะไรที่ต้องคบกัน”

แววตาฉินชวนวาบประกายประหลาด ยื่นมือออกไปอย่างปุบปับ ใช้นิ้วเดียวลูบรอยแดงบนลำคอเธอเบาๆ ซูจิ่นตัวสั่นสะท้านเบี่ยงหลบการแตะต้องอย่างแฝงนัยของเขา ดวงหน้างามเผลอแดงระเรื่อ ชายหนุ่มรั้งมือกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย ยังคงมองที่รอยแดงนั้นพูดเสียงราบเรียบ “เมื่อคืนนี้แหละคือเหตุผล” เขากับเธอต่างรู้ดี ไม่แค่ลำคอหัวไหล่เท่านั้น เรือนร่างภายใต้ร่มผ้าของเธอ ก็ทิ้งร่องรอยอันเชิญชวนแบบนี้ไว้ไม่น้อย

หญิงสาวถูกสายตาเยือกเย็นของเขาจ้องจนชักจะใจแป้ว ก้มหน้าลงจ้องผ้าปูเตียงพูดถ้อยคำที่คิดไว้ก่อนแล้วด้วยน้ำเสียงแข็งทื่อ “ฉันจำอะไรเมื่อคืนนี้ไม่ได้เลย”

ชายหนุ่มเลิกคิ้วซ้ายอย่างไม่นึกตกใจ มุมปากเหยียดยิ้มหยัน ฝีมือแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องของเธอห่วยสิ้นดี ยิ้มเยาะอยู่ในใจ โน้มตัวไปที่ริมหูของเธอ กระซิบเบาๆ “บางทีผมอาจไม่รังเกียจที่จะช่วยทำให้คุณนึกออก” ไอร้อนพ่นเข้าใส่ใบหูของซูจิ่น ย้อมเป็นสีแดงก่ำ ตั้งแต่ที่ได้รู้จักเธอวันแรก ฉินชวนก็ทราบข้อเสียตรงนิสัยหื่นของเธอแล้ว ดังนั้นเมื่อจัดการกับซูจิ่นที่คิดจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เขาก็ไม่ตระหนี่ที่จะใช้ต้นทุนของตัวเอง

“คุณเกลียดผมหรือเปล่า?” เกลียด? นี่มันรู้แล้วแกล้งถามเห็นๆ...เธอแทบจะน้ำลายหกใส่เขาอยู่แล้ว...

ริมฝีปากของชายหนุ่มเหมือนจะแตะถูกใบหูได้รูปของเธอ และเหมือนไม่ได้แตะ ชวนให้จักจี้หัวใจแต่ไม่รู้จะเกายังไง ภายใต้กิริยาท่าทางกำกวมแบบนี้ ศีรษะซูจิ่นยิ่งก้มต่ำกว่าเดิม หัวใจเต้นแรงจนแม้แต่ร่างกายยังพลอยอ่อนระทวยนิดๆ ทั้งที่รู้ดีว่าชายหนุ่มเซ่นแผนชายงามออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ก็ยังคงไร้เรี่ยวแรงจะต่อกร

ตาผู้ชายบ้า! ซูจิ่นแอบด่าในใจอย่างอดไม่ได้ ท่าทางสุภาพอ่อนโยนเหมือนเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวมาตรฐาน ใครจะไปนึกว่าเป็นของปลอมย้อมแมวขายคุณภาพต่ำที่ใช้น้ำยาฟอกขาวเอาชัดๆ เธอจะฟ้องสคบ. เธออยากคืนสินค้า...ฮือ

ดูเหมือนอารมณ์หงุดหงิดโมโหในใจจะทำให้ซูจิ่นเรียกพละกำลังกลับคืนมาได้เล็กน้อย ยกมือขึ้นยันแผ่นอกเขา ผลักชายหนุ่มออกห่างไปเล็กน้อย สูดหายใจลึกๆ พูดเสียงดังว่า “คุณเคยเห็นสักต์ปีกรักกับสัตว์น้ำได้ไหมล่ะ?” ความหมายที่แฝงอยู่คือ เขากับเธออยู่กันคนละโลก ไม่มีพื้นที่ให้คบกันตรงไหนทั้งสิ้น

ชายหนุ่มย่อมจะเข้าใจความหมายของเธอ แต่กลับขมวดคิ้วเบาๆ พูดอย่างไม่เห็นเป็นสำคัญ “ผมรู้แค่ว่าเราสองคนเป็นมนุษย์กันทั้งคู่”

ซูจิ่นค้อนใส่ ความมั่นใจเพิ่มพูนขึ้นอีกนิด ในเมื่อวันนี้คลื่นสมองของเขากับเธอไม่สอดคล้องกันอย่างเห็นได้ชัด คนสุภาพเรียบร้อยอย่างเธอจึงได้แต่พูดตรงๆ เท่านั้น “ฉันไม่ได้เรียกร้องมาตรฐานของแฟนสูงอะไรมาก แต่อย่างน้อยที่สุดจะต้องไม่ใช่จำพวกไม่รู้เมื่อไหร่จะมานอนเลือดโชกอยู่หน้าบ้าน...”

ครั้งก่อนที่ฉินชวนบาดเจ็บ จนบัดนี้เธอย้อนนึกถึงทีไรยังใจสั่นไม่หาย เธอเป็นผู้หญิงดีๆ แบบมาตรฐาน เห็นจะทนความหวาดเสียวแบบสองคนสองคม[1] สามคนสามคมไม่ไหวแน่ ดังนั้นเทียบกับการคบเป็นแฟนกับเขาแล้ว เธอนึกสนใจพันธุกรรมที่เขาจะมอบให้ได้มากกว่า

ชายหนุ่มมองดูเธออย่างลึกซึ้ง จับความคิดของเธอได้ในพริบตา ซูจิ่นเข้าใจผิดว่าเขาคือมาเฟีย ดังนั้นจึงเกิดความกลัวต่อความไม่มั่นคงของชีวิตในอนาคต และต่อต้านการคบหากับเขาลึกซึ้งเกินไปอย่างสุดกำลัง เขาสามารถบอกฐานะของตัวเองเพื่อแก้ความเข้าใจผิดนี้ได้อยู่หรอก แต่ตัวฉินชวนเองรู้ดีว่า ก่อนที่เรื่องระหว่างเขากับตาแก่จะจบลงเรียบร้อย ชีวิตของเขาก็ไม่ได้มั่นคงไปกว่ามาเฟียสักกี่มากน้อย และซูจิ่นที่เติบโตมาท่ามกลางแสงอาทิตย์ ก็ไม่เหมาะที่จะถูกลากเข้าสู่โลกที่มืดหม่นนั่นจริงๆ คิดถึงตรงนี้ ฉินชวนยิ้มขื่น ชีวิตสงบสุขในบ้านของเธอ ทำให้เขาเกือบจะลืมพายุคลื่นลมข้างนอกไปเสียแล้ว เรือนอบอุ่นคือสุสานของวีรชน คำพูดนี้ถูกต้องอย่างมาก

หญิงสาวเห็นดวงตาสีสนิมเหล็กของเขาทอประกายอ้างว้าง พูดเบาๆ ว่า “ผมเข้าใจแล้ว” ก่อนจะลุกขึ้นทำท่าจะไป ในใจเธอได้เกิดความรู้สึกขมฝาดขึ้นมาอย่างปุบปับ...เธอทำให้เขาเจ็บหรือ? เธอไม่ได้คิดจะทำอย่างนี้เลย

ก่อนจะทันนึกรู้ว่าตัวเองจะทำอะไร เธอก็ยื่นมือไปคว้าเขาไว้อย่างลืมตัวเสียแล้ว และแทบอยากจะหั่นมือจอมหื่นของตัวเองทิ้งเมื่อชายหนุ่มกลับมามองเธออย่างไม่เข้าใจด้วยดวงตาเปี่ยมอารมณ์คู่นั้นของเขา...เดิมทีปัญหาคลี่คลายไปแล้ว กลายเป็นว่าตัวเธอดันไปสร้างเรื่องใหม่ หญิงสาวหลุบตาลงรีบใช้สมองที่ควรจะเปลี่ยน CPU ได้แล้วของเธออย่างทั้งนึกเสียใจและแค้นใจ แล้วเกิดปิ๊งไอเดียขึ้นมา แกล้งทำเป็นถอนหายใจเบาๆ อย่างจนใจ ก้มหน้าลงจุมพิตมือเรียวยาวมีรอยด้านนิดๆ จากการจับปืนมานานปีอย่างชัดเจนของเขาเบาๆ อย่างอ่อนโยน “ขอแค่คุณไม่ไปจากฉัน เราก็คบกันเถอะ”

ความจริงแล้วประโยคนี้แฝงลูกไม้ไว้ เพียงแต่ใจของฉินชวนจดจ่ออยู่ที่ว่าทำไมเธอถึงได้เกิดเปลี่ยนใจกะทันหัน เพิ่งทำท่าจะซักไซ้ถามอย่างนึกตื้นตัน ก็ถูกเธอเป็นฝ่ายชะโงกเข้ามาจุมพิตริมฝีปากอ่อนนุ่มของเขาเข้าเสียก่อน จูบที่เปี่ยมด้วยความยั่วยวนนี้ ได้กระตุ้น “อารมณ์” ที่ยังดับไม่สนิทเมื่อคืนนี้ให้ปะทุขึ้น ทำให้คนฉลาดอย่างฉินชวนเกิดอาการสมองขัดข้องอย่างหาได้ยาก ทำให้หลังจากจบเรื่องเขาต้องถอนหายใจว่าตัวเองก็ควรจะเปลี่ยนเป็น CPU Core2 Duo ได้แล้ว...

ไม่ว่าอย่างไร สถานการณ์ในตอนนั้น...ตลอดสายวันนั้น...ได้ผ่านไปอย่างอีโรติกมาก...โดยในขณะที่ซูจิ่นแอบนึกดีใจว่าตัวเองสามารถทำให้ความสัมพันธ์ที่กำกวมแบบไม่รับผิดชอบนี้ดำเนินต่อไปได้ ส่วนฉินชวนนึกว่าตัวเองได้มีแฟนเป็นสามัญชนคนแรก

แสงแดดอันอบอุ่นสาดส่องลงใส่เตียงสีเขียวแอปเปิ้ล ชายหนุ่มรูปงามปานเทพบุตรเอนหลังพิงหัวเตียงบุผ้า จุมพิตอย่างดูดดื่มอ่อนโยนกับหญิงสาวหน้าหวานที่นั่งคร่อมอยู่บนตัวเขา ขณะที่หญิงสาวถูกเขาจูบจนความคิดกระเจิดกระเจิง ชายหนุ่มพลันพลิกตัวกดเธอไว้ใต้ร่าง พูดเสียงแหบพร่าอย่างทนรอไม่ไหว “คุณช้าเกินไปแล้ว”

ผลคือ...ความหวังอันยิ่งใหญ่ของซูจิ่นที่คิดจะพลิกสถานะ ก็ยังคงไม่สมหวัง

 

(ยังไม่จบตอน)



[1]สองคนสองคม คือภาพยนตร์ฮ่องกงเรื่อง “อู๋เจี้ยนเต้า” หรือ Infernal Affairs


แก้ไขเมื่อ 25 ก.ค. 2559, 23:49 โดย

หลินโหม่ว เข้าร่วมเมื่อ 25 ก.ค. 2559, 21:48

38 ความคิดเห็น