หัวข้อ : ฉันไม่อยากเป็นซินเดอเรลลา บทที่ 4 สักต์ปีกรักกับสัตว์น้ำได้ไหม? (2)

โพสต์เมื่อ 26 ก.ค. 2559, 21:39

บทที่ 4 สักต์ปีกรักกับสัตว์น้ำได้ไหม? (2)

 

ชายหญิงคบเป็นแฟนกัน ควรจะทำอะไรกันบ้าง?

โดยปกติแล้ว ถ้าเป็นช่วงหวานชื่นกัน จะโทรศัพท์หากันวันละหลายๆ ชั่วโมง พอว่างหน่อยก็นัดเดทกัน จนกระทั่งทั้งสองฝ่ายต่างทนคิดถึงกันไม่ไหว ตัดสินใจอยู่ด้วยกันหรือก้าวตรงเข้าสู่พิธีวิวาห์

แล้วนัดเดทเขาทำอะไรกันบ้าง? ลำดับก่อนหลังแบบปกติน่าจะเป็น ไปกินข้าวที่ร้านอาหารด้วยกัน ตามด้วยดูภาพยนตร์หรือร้องคาราโอเกะหรือนั่งแช่ในร้านกาแฟ สุดท้ายต่างคนต่างกลับบ้านหรือไปโรงแรมOOXXกัน

แต่สำหรับซูจิ่นกับฉินชวนที่อยู่ด้วยกันมาสามสัปดาห์แล้ว ลำดับก่อนหลังตามปกติที่ว่ามาข้างบน ดูเหมือนไม่เหมาะจะนำมาใช้ทั้งหมด เพราะ “หนูน้อยอัจฉริยะ” สองคนนี้ เริ่มต้นจากก้าวแรก แล้วกระโดดข้ามก้าวอื่นๆ ตรงกลางพุ่งดิ่งไปถึงก้าวสุดท้ายในรวดเดียว

ไม่กี่ปีมานี้ นักศึกษาศาสตร์ต่างแสดงข้อกังขาต่อการให้การศึกษาเด็กอัจฉริยะ มีการถกเถียงกันไม่ได้หยุดในประเด็นปัญหา “ควรจะปล่อยให้เด็กที่มีระดับไอคิวสูงกว่าปกติได้เรียนข้ามชั้นตามความสามารถของตัวเด็กเองหรือไม่” เมื่อลองวิเคราะห์จากเคสของซูจิ่นกับฉินชวน ผลลัพธ์ของการก้าวกระโดดข้ามชั้นแบบนี้ไม่มั่นคงอย่างมาก ตัวอย่างเช่น กระแนะนำตัวเองครั้งแรกของคนทั้งสอง ได้ดำเนินไปจนเสร็จสรรพในระหว่างที่ยังคงเคลิบเคลิ้มอยู่ในอารมณ์หลังจากผ่านจุดสุดยอด...

ทำไมการแนะนำตัวเองอย่างเงอะๆ งะๆ และทำลายบรรยากาศที่ปกติแล้วจะเกิดขึ้นก็แต่ในตอนที่พบหน้ากันครั้งแรกเท่านั้น ถึงได้กลายมาเป็นบทแทรกภายใต้สถานการณ์แบบนี้ได้? หรือจะเพื่อคั่นฉาก NC18? คำตอบคือไม่ใช่ ความจริงแล้ว นี่เป็นยุทธการณ์เบี่ยงเบนความสนใจที่ซูจิ่นซึ่งสารอาหารภายในตัวทั้งหมดถูกสมองที่เสื่อมไปแล้วดูดไปจนเกลี้ยง จนส่งผลให้ร่างกายไม่มีแรงคิดขึ้นอย่างรีบร้อน เพื่อขัดขวางผู้ชายที่คึกคักเกินเหตุก่อเรื่องขึ้นอีกรอบ ถ้าจะยัดเข้าสู่ 36 แผนให้ได้ น่าจะจัดอยู่ในขอบเขตของแผน “ล้อมเว่ยช่วยเจ้า”

“คือว่า...เอ...ถ้าคบกัน ดูเหมือนควรจะเริ่มต้นจากแนะนำตัวกัน...คุณรู้แล้วว่าฉันชื่อซูจิ่น...อือม์...พ่อแม่ฉันยังแข็งแรงดี ไม่มีพี่น้อง เป็นลูกสาวคนเดียวของที่บ้าน เรียนจบปริญญาตรี...อือม์...เรื่องงานอดิเรก...อ่านนิยายการ์ตูน เล่นเน็ตเล่นเกม ดนตรีคลาสสิค คาราโอเกะแล้วก็ท่องเที่ยว...อือม์...คุณยังอยากรู้อะไรอีก? ถ้าไม่มีก็ตาคุณแล้ว”

เดิมทีฉินชวนนั่งพิงตรงหัวเตียง พรมจูบหญิงสาวในอ้อมแขนที่หลังจากสุขสมแล้ว ก็หลับตาไม่อยากแม้แต่จะกระดิกตัวเหมือนแมวขี้เกียจเบาๆ เป็นระยะๆ ตอนได้ยินเธอพูดถึงแนะนำตัวเอง เขาชะงักความเคลื่อนไหวอย่างลืมตัว แล้วขมวดคิ้ว

แนะนำตัวเอง? เขาจะแนะนำยังไงดี? ถ้าคิดจะเปิดเผยฐานะ นี่ถือเป็นโอกาสดี แต่ปัญหาคือ ในสายตาของคนปกติ เจ้าฟ้าชายยังไงก็ดีกว่ามาเฟีย แต่ซูจิ่น...อย่างน้อยที่สุดจากการวิเคราะห์ของเขา...ไม่ถือว่าเป็นคนปกติแน่นอน ตอนนี้เธออุตส่าห์ยอมให้เขาที่เป็นมาเฟียมาเป็นแฟนของเธอแล้ว สัญาชาตญาณของเขาบอกเขาว่าตัวเองไม่ควรจะหาเรื่องเพิ่มในช่วงเวลานี้ ดังนั้นหลังจากเธอแนะนำตัวเองสั้นๆ ที่พูดก็เหมือนไม่ได้พูดแล้ว ชายหนุ่มก็ตัดสินใจเด็ดขาดที่จะคงสถานการณ์ในปัจจุบันไว้ และความเป็นจริงในวันหน้าก็ได้ยืนยันว่า การตัดสินใจในตอนนี้ของเขาถูกต้องอย่างที่สุด

“เอ้อ...พ่อแม่ผมก็ยังแข็งแรงดี มีพี่ชายสองคนกับพี่สาวหนึ่งคน พี่ชายใหญ่กับพี่ชายรองเกิดจากภรรยาคนก่อนของพ่อ...”

“หา? พ่อของคุณเคยหย่าเหรอ?” ในที่สุดซูจิ่นก็ยอมลืมตา มองหน้าเขา ฟังว่าเด็กที่พ่อแม่เคยหย่ากัน ต่อไปโอกาสที่ตัวเองจะหย่าด้วยค่อนข้างสูง

“เอ่อ...ไม่ใช่ครับ ภรรยาคนก่อนของพ่อกับพี่ชายคนรองที่ผมไม่เคยได้พบหน้าเสียไปด้วยอุบัติเหตุ แม่ผมแต่งงานกับพ่อหลังจากนั้นน่ะครับ”

ซับซ้อนจัง เรื่องในครอบครัวของมาเฟียนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย อุบัติเหตุ? คงไม่ใช่อุบัติเหตุจำพวกแก๊งมาเฟียตีกันหรอกนะ? ซูจิ่นเผลอตัวสั่นยะเยือก ยิ่งตัดสินใจแน่วแน่ว่าเธอจะไม่คบเป็นแฟนกับเขานอกห้องคอนโดแห่งนี้เด็ดขาด

ชายหนุ่มเข้าใจว่าเธอหนาว จึงดึงผ้าห่มสูงขึ้นอีกหน่อย ห่อไหล่ของเธอไว้ แล้วพูดต่อว่า “วุฒิของผมพอๆ กับคุณ (สูงกว่าแค่นิดเดียว เคยเรียนในสถาบันปริญญาโท) ส่วนงานอดิเรก...กว้างมากเลยล่ะ (ถึงที่ซูจิ่นพูดมาจะมีด้วยทั้งหมด แต่จำพวกกลางแจ้งอย่างขี่ม้า บาสเก็ตบอลจะมากก่าหน่อย)...คุณยังอยากจะรู้อะไรอีก?”

“ไว้นึกได้ค่อยถามคุณ” ซูจิ่นอ้าปากหาว รู้สึกได้ว่าส่วนนั้นของชายหนุ่มสงบลงจนได้ จึงขยับตัวยุกยิกหาท่าที่สบาย นอนหลับปุ๋ยไป

ฉินชวนมองดูเธออย่างไม่ทราบจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ไม่เข้าใจว่าการแนะนำตัวเองอย่างนี้มีความหมายตรงไหน

แต่ว่า...ช่างมันเถอะ ก้าวแรกของการคบกัน ก็เอาอย่างนี้แหละ ดูเหมือนความง่วงจะติดต่อได้ กลังจากที่หญิงสาวจมดิ่งสู่ห้วงหลับลึกอย่างรวดเร็ว เขาเองก็ชักจะสะลึมสะลือ จึงไถลตัวลงนอนข้างๆ เธอ ไม่คิดจะกลับห้องของตัวเอง เขาสังเกตเห็นตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้วว่า กอดเธอนอนแล้วแสนสบาย

 

ซูจิ่นที่ตื่นมาเพราะความหิว ได้พุ่งเข้าไปในครัวกินขนมปังไปหลายแผ่นก่อน ค่อยรู้สึกว่ากระเพาะสบายขึ้นหน่อย มองเห็นว่าข้างนอกฟ้ามืดแล้ว เป็นเวลาที่ควรจะเริ่มเตรียมอาหารเย็นได้แล้ว จึงกลับห้องไปก่อกวนฉินชวนที่ยังคงหลับอยู่

วิธีที่หญิงหื่นใช้ปลุกหนุ่มรูปงาม ความจริงก็เป็นวิธีเดียวกับที่เจ้าชายหื่นใช้ปลุกเจ้าหญิงนิทรานั่นแหละ ใช้วิธีจูบ เพียงแต่ซูจิ่นลืมไปว่า ในด้านการเป็นฝ่ายรุก ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง ยังคงมีความแตกต่างที่ไม่ควรมองข้ามอยู่ ด้วยเหตุนี้ วิธีการเดียวกัน เมื่อสลับเพศกัน ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจึงต่างกันโดยสิ้นเชิง เจ้าหญิงนิทราที่ถูกปลุกให้ตื่น จะหลงรักเจ้าชายหื่นที่ปลุกเธอตื่นแต่แรกพบอย่างสะเทิ้นอาย และมีชีวิตอย่างมีความสุขนับแต่นั้นมา แต่หนุ่มรูปงามที่ถูกปลุกให้ตื่น จะยื่นมือไปดึงตัวเจ้าหญิงหื่นขึ้นเตียง แล้ว “เจ้าหญิงนิทรา” ก็จะเปลี่ยนเรื่องเป็น “หนูน้อยหมวกแดง” หนุ่มรูปงามเปลี่ยนร่างเป็นหมาป่ากินเจ้าหญิงหื่นที่เล่นบทเสริมเป็นหนูน้อยหมวกแดงจนเกลี้ยงเกลา

ยังดีที่ก่อนหน้านี้หมาป่าตัวนี้กินมาจนอิ่มแปล้ จึงเล่นกับ “หนูน้อยหมวกแดง” เพียงครู่เดียว ก็ปล่อยเธอไปก่อน หลังจากได้เห็นหมาป่าตัวใหญ่ลุกขึ้นอย่างเกียจคร้าน สวมเสื้อผ้าอย่างแช่มช้าแต่สง่างามน่ามองที่สุด สายตาเป็นฟืนเป็นไฟของหนูน้อยหมวกแดงก็เปลี่ยนเป็นรูปหัวใจ หนุ่มรูปงามก็คือหนุ่มรูปงาม หนุ่มรูปงามจะทำอะไรก็เจริญหูเจริญตาไปหมด

“เราเดทกันเถอะ” ซูจิ่นเสนอขึ้นด้วยรอยยิ้มหื่น เธอเห็นว่าในเมื่อห้อยป้าย “กำลังคบเป็นแฟนกัน” แล้ว ก็ต้องมีจรรยาบรรณกันหน่อย ที่ควรทำก็ต้องลองทำดูทั้งหมด ยังไงแฟนคนนี้ไม่รู้จะถูกยกเลิกสิทธิ์เข้าเมื่อไหร่อยู่แล้ว

เห็นชายหนุ่มมีสีหน้าลำบากใจ ซูจิ่นยิ้มตาหยีพูดเสริมว่า “เดทกันในบ้าน” ต่อจากแนะนำตัวเองบนเตียง ซูจิ่นก็ได้สร้างสรรค์ศึกบทความว่าด้วยการคบกันเป็นแฟนก้าวที่สองของแม่นางซู : เดทกันในบ้าน

ไม่ออกจากบ้าน อยู่ในบ้านแล้วจะเดทกันยังไง? ถ้าเป็นผู้หญิงที่ชอบออกสังคมและชอบทำกิจกรรมนอกบ้าน จะต้องนึกดูถูกความคิด “เดทกันในบ้าน” อย่างแน่นอน แต่สำหรับซูจิ่นที่เป็นสาวโอตาคุ การเดทกันในบ้าน นอกจากเรื่องอวดแฟนที่เรียกได้เต็มปากว่าเป็นหนุ่มหล่อระดับท็อปกับชาวบ้านไม่ได้ ซึ่งออกจะน่าเสียใจอยู่แล้ว ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการออกไปเดทข้างนอกมากมายนัก

ฉินชวนอมยิ้ม ไม่อนาทรต่อความคิดแปลดประหลาดของหญิงสาว ในฐานะที่เป็นแฟนหนุ่ม เขาได้แสดงสปิริตอัศวินอย่างเต็มที่...แฟนสาวพูดอะไรก็รับปากหมด

 

ลำดับในการเดทหนึ่ง : กินข้าว

ด้วยการยืนกรานร้องขอของซูจิ่น เมนูอาหารของคืนนี้เปลี่ยนเป็นสปาเก็ตตีโบโลเนสซอสและซีซาร์สลัดซึ่งอยู่นอกแผนการ ฉินชวนเพิ่งเคยทำเป็นครั้งแรกเหมือนกัน หน้าตาดูแล้วไม่เลวอยู่ ไม่รู้ว่ากินแล้วเป็นยังไง ไฟของห้องกินข้าวถูกปรับลงเป็นสีส้มอมเหลืองสลัว เพื่อคำว่า “เดท” ซูจิ่นยังตั้งใจแต่งตัวเป็นพิเศษ เมื่อเธอปรากฏกายในห้องโถงด้วยชุด “Final Fantasy” ชุดนั้น ฉินชวนค่อยเข้าใจอย่างถ่องแท้ในที่สุดถึงเป้าหมายของความคิดสร้างสรรค์เรื่องเดทกันของเธอ...ประเด็นสำคัญคือคงอยากจะอวดชุดราตรีที่เธอยอมเลือดซิบซื้อมานั่นแหละ...

แต่ในบางสถานการณ์ ผู้ชายต้องรู้จักแกล้งโง่กันบ้าง ดังนั้นถึงแม้ฉินชวนจะรู้ดีอยู่แก่ใจ เปลือกนอกก็ยังคงแสดงบทบาทอย่างเต็มที่ลุกขึ้นดึงเก้าอี้ให้เธอ หลังจากประคองเธอนั่งลงเรียบร้อย ก็โน้มตัวจุมพิตแก้มเธอเบาๆ เอ่ยชมอย่างไม่ตระหนี่ “คุณสวยมาก” แลกมาซึ่งอาการหน้าบานของหญิงงาม ยอมงัดเหล้าสุดหวงที่เก็บไว้ก้นหีบออกมาให้ทันที

“ไวน์ Lafite ปี 2005?” หลังจากที่ชายหนุ่มไปหยิบขวดไวน์ออกมาจากตำแหน่งตามที่เธอบอก แววตาก็ทอประกายชื่นชม “ไม่นึกเลยว่าคุณจะรอบรู้เรื่องไวน์มาก”

ซูจิ่นพยักหน้าอย่างภาคภูมิใจ “ไวน์ชาโตปี 2005 ของฝรั่งเศส คุณภาพดีที่สุดในช่วงไม่กี่ปีมานี้ บวกกับอายุปียังค่อนข้างน้อย ราคาจึงถูกกว่าที่ผลิตออกมาเมื่อศตวรรษก่อนเยอะ ดังนั้นจึงเป็นของคุณภาพดีที่ราคาถูกมาก ฉันเก็บไว้ส่วนตัวนิดหน่อย เชื่อว่ารออีกสักยี่สิบปีให้หลัง ราคาไม่มีทางถูกกว่าของปี 1982 แน่นอน” ไวน์ Lafite ปี 1982 ราคาตลาดตั้งขวดละหลายพันดอลลาร์สหรัฐเข้าไปแล้ว

ฉินชวนสนใจแต่เรื่องดื่มมาแต่ไหนแต่ไร จึงรู้แค่ว่าไวน์แดง Lafite ปี 2005 กับปี 1982 รสชาติค่อนข้างดีจริงๆ ส่วนเรื่องราคา เขาไม่เคยรู้มาก่อนจริงๆ ดังนั้นขณะที่ซูจิ่นร่ายตำราว่าด้วยไวน์ เขาจึงแค่ยิ้มบางๆ เท่านั้น ไม่ได้บอกว่าความจริงตัวเขามีของปี 1797 เก็บไว้อยู่หลายขวด...ถ้าเขาพูดออกมา เธอต้องถอนใจเรื่องเงินที่ได้มาโดยมิชอบของมาเฟียอีกแน่ๆ...เพราะราคาของแต่ละขวดอยู่ที่แสนดอลลาร์สหรัฐขึ้นไปทั้งนั้น

ระยะห่างระหว่างสามัญชนกับราชวงศ์ชั้นสูง กว้างจนเกินจะจินตนาการได้จริงๆ...

 

ลำดับขั้นในการเดทสอง : ดูภาพยนตร์

ในศตวรรษที่ 21 ที่โฮมเธียร์เตอร์เป็นที่แพร่หลาย การดูภาพยนตร์ในบ้านเป็นเรื่องธรรมดาอย่างมากไปแล้ว ซูจิ่นเปลี่ยนเป็นชุดอยู่กับบ้าน ล้างจานเสร็จออกมา ก็หยิบโค้กกับมันฝรั่งแผ่นทอด ดูโดราเอมอน ปี 2008 ตอน “โนบิตะกับตำนานยักษ์พฤกษา” ที่เพิ่งจะซื้อกลับมาด้วยกันกับฉินชวน...ระดับของการเดทลดฮวบจากระดับคนทำงานลงมาเป็นระดับประถมในบัดดล

ถึงแม้ฉินชวนจะไม่ได้รังเกียจอนิเมชัน แต่กับภาพยนตร์ระดับนี้ เขายังคงไม่สามารถทำได้อย่างซูจิ่นที่ดูแล้วอินมาก หลังจากเหลือบดูไม่กี่ครั้ง ก็เปลี่ยนความสนใจมาที่ตัวซูจิ่นแทน

เธอนี่ช่าง...เป็นผู้หญิงที่คาดเดาไม่ได้อย่างมาก...นาทีก่อนเรียบร้อยสำรวมจนเหมือนกุลสตรี นาทีต่อเปลี่ยนเป็นเจ้าหญิงเพลย์เกิร์ลได้ในทันที มาตอนนี้เหมือนหนูน้อยหมวกแดงผู้ใสซื่อไร้เดียงสาอีกแล้ว ทั้งตกใจและหัวเราะไปกับเนื้อเรื่องแบบเด็กๆ

ชายหนุ่มกอดซูจิ่นที่กำลังทุ่มเทสมาธิดูภาพยนตร์เข้าสู่อ้อมแขนอย่างครุ่นคิด มีผู้หญิงแบบนี้อยู่ในชีวิต ดูเหมือนไม่เลวอย่างมากจริงๆ

อดทนรอให้หนูน้อยหมวกแดงดูอนิเมชันของเธอจนจบ หมาป่าก็ผลักหนูน้อยหมวกแดงลงสู่โซฟาอันอ่อนนุ่ม ขั้นตอนการเดทได้เข้าสู่ช่วงสุดท้ายตามลำดับขั้นตอน

“ฉันจะอยู่ข้างบน” หนูน้อยหมวกแดงประท้วงเสียงอ่อยใต้ปากของหมาป่า แต่ถูกหมาป่ามองเมินอีกครั้ง

ยังคงพลิกสถานการณ์ไม่สำเร็จ สหายซูจิ่นยังต้องพยายามต่อไป...

 

วันเสาร์ หนูน้อยหมวกแดงซึ่งถูกหมาป่าที่สัญชาตญาณดิบลุกโชนตัวนั้นกินจนเกลี้ยงเกลาเคี้ยวจนแม้แต่เศษกระดูกยังไม่เหลือนอนจนตะวันสายโด่งค่อยตื่นมาอย่างเมื่อยเนื้อตัวปวดเอว นึกด่าคนบางคนว่าไมมีบันยะบันยังไปพลาง นึกเสียดายอีกครั้งที่เขาไม่เลือกทำอาชีพโฮสต์ไปพลาง ด้วยความสามารถของเขา ในหนึ่งคืนต้องรับแขกได้หลายคนแน่นอน

หญิงสาวไปเข้าห้องน้ำ แล้วพลอยอาบน้ำด้วยเลย พอออกมาก็ตัดสินใจกลับขึ้นเตียงไปแกล้งตายต่อ ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น...เธอคิดอย่างขี้เกียจ เสาร์อาทิตย์ทั้งที ต้องพักผ่อนสิถึงจะถูก

เพิ่งจะหลับตาลง ฉินชวนก็มาเคาะประตูห้องนอนเธอ หญิงสาวขมวดคิ้ว ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมศีรษะ ตั้งใจจะทำเป็นไม่ได้ยิน เมื่อคืนนี้เขาน่าจะนอนบนเตียงของเธอ ไม่รู้ว่าเช้านี้ลุกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ตื่นเช้าจริงๆ...ทำไมตัวเขาที่ใช้พลังไปเยอะมากถึงกลายเป็นฝ่ายกระปรี้กระเปร่าได้ โลกบ้าๆ ใบนี้มีเรื่องไม่สมเหตุสมผลเต็มไปหมดจริงๆ ด้วย

ขณะที่ซูจิ่นนึกแค้นสังคมแค้นเทวดาฟ้าดิน ก็ถูกฉินชวนขุดออกมาจากโปงผ้าห่มกะทันหัน เมื่อเธอกรีดร้องออกมาอย่างตกใจ ชายหนุ่มได้เก็บชุดอยู่กับบ้านตัวหนึ่งมาบังคับสวมให้เธอ จากนั้นอุ้มเธอขึ้นมุ่งหน้าไปที่ห้องกินข้าว

หญิงสาวทุบเขาปะท้วงอยู่ 2-3 ครั้ง เห็นท่าทางเขาไม่เจ็บไม่คัน ก็หยุดทุบอย่างเจื่อนๆ ไม่สิ้นเปลืองเรี่ยวแรงอันล้ำค่าของตัวเองอีก

แวบแรกที่ซูจิ่นมองเห็นฉินชวนที่บาร์ซูเหอ ก็รู้สึกได้รางๆ แล้วว่าเขาไม่ได้สุภาพอ่อนโยนเหมือนเปลือกนอก และหลังจากอยู่ร่วมชายคากันมาสามสัปดาห์กับร่วมเตียงกันมาสองวัน เธอยิ่งได้ตระหนักอย่างชัดเจนขึ้นว่า เขาเป็นคนที่นิสัยแข็งกร้าวอย่างมาก บ่อยครั้งที่เรื่องที่เขาตัดสินใจแล้วจะไม่ยอมให้คนอื่นกังขา คิดว่าตอนอยู่ในแก๊ง เขาไม่ใช่ลูกพี่ใหญ่ก็ต้องเป็นบุคคลระดับหัวหน้า เพราะออร่าชวนให้ยอมสยบที่แผ่ออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เกิดจากการหล่อหลอมของสภาพแวดล้อมอย่างแน่นอน

แฟนหนุ่มชั่วคราวที่เธอเก็บกลับมาคือใครกันแน่?

ความอยากรู้อยากเห็นของซูจิ่นได้ขยายตัวขึ้นอย่างไร้ขอบเขต เธอไม่รู้ว่าตัวเองจะทนได้ถึงเมื่อไหร่...แต่ว่า หญิงสาวบอกตัวเอง ก็ยังต้องทนต่อไป...เธอยืนกรานไม่คิดที่จะทำความเข้าใจถึงตัวเขาที่อยู่นอกห้องนี้ เพราะเธอรู้สึกอยู่ตลอดว่า ตัวเขาคนนั้นเป็นคนที่อยู่นอกโลกของเธอ เป็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเธอ

หลังจากฉินชวนอุ้มเธอไปถึงข้างโต๊ะกินข้าวและนั่งลง ค่อยพูดคำพูดประโยคแรกของวันนี้ “ผมรู้สึกว่าคุณจำเป็นต้องบำรุงไต”

“หา?” หญิงสาวมองเขาด้วยสีหน้าแปลกๆ “คนที่ต้องบำรุงไตคือคุณมากกว่ามั้ง?” ผู้ชายที่มีเซ็กส์ไม่บันยะบันยังสิที่จำเป็นต้องบำรุงไตและโด๊ปตัวเอง เกี่ยวอะไรกับผู้หญิงด้วย? คงไม่ใช่ว่าตัวเขาเองอยากจะกินของบำรุงพวกนี้ แต่รู้สึกอาย ถึงได้เอาเธอมาเป็นข้ออ้างบังหน้าหรอกนะ?

ชายหนุ่มมองเธออย่างดูถูก “ผมแข็งแรงดี คุณสิมือเท้าเย็นอยู่บ่อยๆ แล้วยังขี้หนาวอีก เป็นอาการไตบกพร่องชัดๆ” หมอที่เจมมาของฉินชวนสนใจยาแผนจีนมาก เขามีเวลาว่างก็เรียนเอาจากหมอ ดังนั้นจึงเรียกได้ว่าเขาพอจะมีความรู้ด้านนี้อยู่นิดหน่อย เมื่อคืนนี้ตอนที่เขากับเธอร่วมรักกันบนโซฟาในห้องรับแขก เขาก็สังเกตเห็นแล้วว่ามือกับเท้าของเธอเย็นมาก ต่อให้ออกกำลังอย่างหนักกับเขา ก็ไม่ได้อุ่นขึ้นเลยจนแล้วจนรอด หลังจากนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าเธอชอบซุกอยู่ใต้โปงผ้าห่มจริงๆ คิดว่าคงเป็นเพราะขี้หนาวมาก อาการแบบนี้สอดคล้องกับอาการไตบกพร่องทุกประการ

ได้ฟังเขาร่ายอย่างเป็นราว ซูจิ่นก็จนถ้อยคำจะเถียง ก้มหน้าลงดื่มของที่เหมือนอาหารยาซึ่งเขาต้มให้เต็มแรง...ต่อให้เธอไตบกพร่อง ก็เป็นเพราะเขานั่นแหละ

กินข้าวเสร็จ ชายหนุ่มก็ยื่นรายการซื้อของใบหนึ่งมาให้ บนนั้นเขียนพวกสมุนไพรเยอะแยะไปหมด เช่น สารหนู อบเชย เห็ดลู่เอ่อร์ Epimedium โร่วชงหรง ลูกยอ ฯลฯ อ่านลงไปอีก ยังมีเนื้อกวาง หางวัว...ต้องเป็นเมนูอาหารพิลึกๆ ที่ไม่รู้ว่าเขาไปสรรหามาจากไหนอีกแน่ๆ...

แฟนหนุ่มช่วยบำรุงไตให้แฟนสาว...ทำไมยิ่งคิดถึงยิ่งรู้สึกพิลึกหว่า?

ซูจิ่นถูกผลักออกจากประตูบ้านไปซื้อของอย่างไม่เต็มใจ จนกระทั่งหาของในใบรายการได้ครบหมดทุกอย่าง และเข้าแถวรอจ่ายเงิน เธอก็ยังคงคิดข้องใจในปัญหาเรื่องนี้อยู่

“คุณซู บังเอิญจังครับ” เสียงสุภาพอ่อนโยนดังขึ้นที่ริมหู ซูจิ่นเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ ได้เห็นเหวินฉี่ตงในชุดลำลองยืนอยู่ข้างๆ เธอนี่เอง ในมือถือแค่นมหนึ่งขวด

หญิงสาวรีบฉีกยิ้มตามหน้าที่ “บังเอิญจังค่ะ”

 

(ยังไม่จบตอน)

หลินโหม่ว เข้าร่วมเมื่อ 26 ก.ค. 2559, 21:39

21 ความคิดเห็น