โพสต์เมื่อ 31 ม.ค. 2560, 22:25
หย่งเยี่ย
เขียนโดย...จวงจวง
แปลโดย...หลินโหม่ว
บทนำ
จันทรามืดมิด ลมกระโชกแรง ราตรีแห่งการฆ่าคน
หลี่หลินเหยียบเบรก กุมพวงมาลัยแน่น คุณชายของคฤหาสน์หรูบนเขามีนิสัยแปลกๆ อยู่อย่าง คือชอบขี่จักรยานเสือภูเขาออกกำลังกายตอนสี่ทุ่มทุกวัน หน้าที่ของหลี่หลินคือ สร้างอุบัติเหตุให้รถชนกับจักรยานของคุณชายคนนี้
การที่รถเกิดอุบัติเหตุถูกเรียกว่ารถเกิดอุบัติเหตุ เป็นเพราะ “รถ” เกิดอุบัติเหตุ ไม่ใช่ “คนขับรถ” เกิดอุบัติเหตุ เพราะฉะนั้นต่อให้ถูกจับ ก็แค่มีความผิดตามกฎจราจร อย่าว่าแต่ตามแผนการ เขาไม่ได้คิดจะหนีอีกด้วย จะไม่ทิ้งข้อสงสัยอะไรให้แผนการนี้ ที่จะทำให้คนฉุกใจคิดว่านี่คือการฆาตกรรมที่มีการวางแผนไว้ล่วงหน้าเด็ดขาด
แผนการรัดกุมไร้ช่องโหว่
ก่อนเกิดเหตุหลี่หลินไปดื่มกินกับเพื่อน จากนั้นจึงขับรถกลับบ้านที่อยู่บนไหล่เขา บ้านก็ซื้อไว้ตั้งแต่เมื่อหกเดือนก่อน
คนที่ดื่มเหล้ามาขับรถกลับบ้านแล้วบังเอิญไปชนคุณชายที่ออกจากบ้านมาขี่จักรยานออกกำลังกาย เป็นเรื่องปกติมาก
หลังจากรออยู่ห้านาที หลี่หลินค่อยสตาร์ทรถ ขับขึ้นไปบนเขา ไม่มีพลาดแม้แต่นาทีเดียว แม้แต่เวลาที่เขาต้องใช้ในการขับรถกลับบ้านก็ถูกคำนวณเอาไว้แล้ว
ดังนั้นหลี่หลินจึงขับรถชนใส่คุณชายที่ขี่จักรยานเสือภูเขาตามแผนการทุกอย่าง และมองดูจักรยานเสือภูเขากับคุณชายกระเด็นออกไปไกลยี่สิบเมตรด้วยกัน เขาลงจากรถไปดูจนแน่ใจว่าคุณชายตายแล้วจริงๆ ค่อยแจ้งตำรวจด้วยเสียงตื่นตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
ตามแผนการเดิม ก็คือต้องเลือกระหว่างจ่ายค่าทำขวัญกับเข้าคุก แต่เข้าของคฤหาสน์หรูบนยอดเขาไม่ต้องการเงินค่าทำขวัญไม่กี่ล้าน ได้แต่ขอให้ศาลตัดสินจำคุกหลี่หลินสามถึงห้าปี
ตอนที่รับงานนี้มา หลี่หลินก็คำนวณไว้อย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วว่า ใช้เวลาสามถึงห้าปีชดใช้น้ำใจที่ติดค้างไม่ถือว่าขาดทุน แต่ที่เขานึกไม่ถึงก็คือ เวลานี้พี่น้องที่เขาติดค้างน้ำใจคนนั้น ไม่ต้องการให้เขาชดใช้น้ำใจที่ติดค้างอยู่เสียแล้ว แต่ต้องการชีวิตของเขาแทน
หลี่หลินตายในการตีกันชุลมุนภายในคุก ด้วยฝีมือต่อสู้ของเขา ไม่มีทางเป็นคนที่จะมาตายในการยกพวกตีกันของนักโทษสองกลุ่มแน่นอน แต่พี่น้องอีกคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาได้มอบหนึ่งมีดกับหนึ่งประโยคให้เขาอย่างอ่อนโยน
“คนที่เป็นพี่น้องของนายขอให้นายไปดี”
ผู้คุมมาช้าเหมือนตำรวจในหนังไม่มีผิด ร่างของหลี่หลินเกร็งกระตุกขณะที่ตามองมองออกไปยังผืนฟ้าเล็กๆ ตรงช่องหน้าต่าง ยิ้นเย็นชาคิดในใจว่าตายเพราะคุณห่าเหวนี่ขาดทุนเป็นบ้า บางทีตั้งแต่ตอนที่ส่ายหน้าบอกว่าไม่เอาเงิน ก็ถูกกำหนดไว้แล้วละมังว่าต้องลงเอยแบบนี้ พี่น้องของเขาไม่เชื่อว่าเขาไม่ต้องการเงินแม้แต่แดงเดียว แค่ต้องการชดใช้น้ำใจคืนให้เท่านั้น...
<>::<>::<>
หลี่หลินเดินไปบนถนนในยมโลกอย่างสนอกสนใจ เห็นว่าไม่ได้ต่างอะไรกับการเดินบนถนนใหญ่สักนิด เพียงแต่แนวไม้ประดับสีเขียวริมทางเปลี่ยนเป็นดอกไม้สีแดงสดราวกับเลือด
เขาถามวิญญาณที่ตาไม่มีแววไปหลายตน ไม่มีตนไหนสนใจเขาเลย นี่แหละความแตกต่างของโลกมนุษย์กับยมโลก ในโลกมนุษย์ยังไงก็ต้องมีคนที่ใจดีช่วยตอบคำถามให้เขาอย่างละเอียด หลี่หลินสนใจดอกไม้สีแดงสดนี้มาก อยู่ๆ ก็นึกขึ้นมากะทันหันว่า นี่คงไม่ใช่ดอกมัญชุษกะที่เล่าลือกันหรอกนะ? เขานึกถึงแฟนสาวคนหนึ่งที่เขาเคยคิดจะขอแต่งงาน เธออ่านนิยายรักแล้วหลงใหล้ดอกมัญชุษกะยิ่งกว่ากุหลาบแดงเสียอีก เขายืนชมดอกไม้อยู่ครู่หนึ่ง แล้วยื่นมือไปเด็ดมาหนึ่งดอกมาเสียบไว้ด้านหน้าตัวเสื้ออย่างระมัดระวัง
จังหวะนี้เขารู้สึกว่าตัวเขาเหมือนเจ้าบ่าวมาก จากนั้นจึงบังเอิญมองเห็นใบหน้าของวิญญาณตนหนึ่งกำลังเกร็งกระตุก
หลี่หลินยังไม่ทันเดินตามคิวไปถึงตรงหน้าเมิ่งผมเพื่อรับถ้วยน้ำมาดื่ม ก็ถูกเจ้าพนักงานยมโลกที่ควบคุมดูแลเรื่องระเบียบวินัยกับวิญญาณชั้นสูงตนหนึ่งเตะลงไปในแม่น้ำซูถู อย่างเหมือนไม่ได้ตั้งใจแต่ความจริงคือจงใจ หลี่หลินอยากสบถ แต่คิดดูแล้วก็เห็นว่าเราตายไปแล้วยังจะมาโมโหกับเรื่องแบบนี้มันไร้สาระมาก จึงผ่อนคลายตัวเองปล่อยให้ตัวจมลงไปยังก้นแม่น้ำ
<>::<>::<>
ท่ามกลางแนวเทือกเขาแถบชายแดนตะวันตกของแคว้นอาน กำลังอยู่ในช่วงกลางฤดูใบไม้ร่วง อยู่ๆ ดวงตาของเด็กน้อยที่นั่งเหม่อลอยมองไปยังหุบเขาก็เปล่งประกายวาบ เจิดจ้างดงามราวกับบึงน้ำสีรุ้งที่สาดสะท้อนภายใต้แสงอาทิตย์อยู่ด้านล่างห่างออกไปไม่ไกลนัก
หลี่หลินถอนหายใจ หมดอารมณ์แม้แต่จะแกล้งทำเป็นปัญญาอ่อน เพราะเขาได้ยินคนเฝ้ายามที่อยู่ข้างๆ พูดว่า “ปัญญาอ่อนก็ไม่เป็นไร หน้าตาแบบนี้ไม่ส่งไปเรือนโบตั๋นสิน่าเสียดายแย่”
เรือนโบตั๋น หน้าตาแบบนี้ ยังจะไปทำอะไรได้? ดังนั้นหลี่หลินจึงปัดก้นลุกขึ้นยืน ส่งยิ้มให้คนเฝ้ายามด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสาแบบเด็กน้อยวัยหกขวบ “ที่นี่คือที่ไหนน่ะ?”
เขารู้แน่อยู่แล้วว่าที่นี่คือที่ไหน ดูพวกเด็กๆ กลุ่มใหญ่ฝึกหมัดมวยส่งเสียงดัง “ฮึ่ยย่าห์ๆ!” ฉากพรรคนั่นพรรคนี่ฝึกลูกสุนัขที่แสนภักดีตั้งแต่เล็กๆ แสดงให้เห็นอยู่ตรงหน้านี่แล้ว เขาไม่คิดจะเป็นนักฆ่าอีกหรอกนะ ชาติที่แล้วเป็นมาเหนื่อยจะแย่
แต่เทียบระหว่างเป็นนักฆ่ากับถูกส่งไปหอนางโลมแล้ว ดูเหมือนเป็นนักฆ่าจะดีกว่าอยู่หน่อย ดังนั้นหลี่หลินจึงเริ่มมีสติ
มือเล็กๆ ขาวนุ่มนิ่มกุมมีดขาววาววับ เขาลองกวัดแกว่งดู แต่ละส่วนของร่างกายยังไม่ถึงระดับที่ต้องการ แต่ก็จับความรู้สึกของชาติก่อนได้บ้างแล้วนิดหน่อย ทำให้เขาพอใจมาก
หลี่หลินต่อสู้กับกับเด็กคนอื่นๆ บนพื้นที่โล่งกว้างอยู่สามเดือน สามเดือนให้หลัง บนชุดของเขาติดหมายเลข 100 แล้วเดินเข้าไปในเรือนไม้หลังใหญ่ที่ติดหมายเลข 10 พร้อมกับเด็กๆ อีกหนึ่งร้อยคน เริ่มต้นเข่นฆ่ากันเอง
ชั่วพริบตาที่เดินเข้าไปในเรือนไม้หลังใหญ่ หลี่หลินนึกถึงฉากตีกันในคุกเมื่อชาติก่อนขึ้นมาอย่างเศร้าๆ ก่อนจะยิ้มออกมา ชาตินี้ข้างๆ เขาจะไม่มีพี่น้องคนไหนแทงมีดใส่เขาจากข้างหลังได้อีก
<>::<>::<>::<>::<>::<>