หัวข้อ : บทที่ 3 ขั้นตอนของนักฆ่า

โพสต์เมื่อ 14 ก.พ. 2560, 06:56

บทที่ 3

ขั้นตอนของนักฆ่า



ซือฝุชุดเขียวของเขาคือผึ้งน้อยแสนขยัน สองมือไม่ยอมอยู่ว่าง พอว่างปุบเป็นต้องเปลี่ยนอาวุธลับซัดใส่เขาไม่ได้หยุด ลูกศรเอย มีดบินเอย ลูกดอกเอย เข็มเอยผลัดเปลี่ยนใช้ออก แถมไม่เลือกด้วยว่าซิงหุนกำลังยืนอยู่บนเส้นตรงเตรียมพร้อมออกวิ่ง หรือกำลังผ่อนคลายประสาทเอามือเท้าคางฟังเขาเล่านิทาน

เวลาคนอื่นเล่านิทาน ประโยคเริ่มต้นจะเป็น “กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...”

การเริ่มต้นของซือฝุชุดเขียว จะเป็นมีดบินเล่มเล็กเสมอ

ซิงหุนมักจะยิ้มแย้มหลบได้ แล้วให้ซือฝุชุดเขียวเล่าต่อ

คนชุดเขียวสงสัยอย่างมากว่าทำไมซิงหุนถึงหลบได้สบายๆ ปานนี้ ซิงหุนจะตอบอย่างนอบน้อมว่า “ซือฝุฝึกสอนได้ถูกวิธีขอรับ” ทำให้คนชุดเขียวพอใจมาก

<>::<>::<>



สองปีที่ซิงหุนเดินบนเส้นตรงใต้เท้าท่ามกลางความมืดอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ในที่สุดอยู่มาวันหนึ่ง เขาเดินจนรำคาญแล้ว จึงตะคอกออกมาว่า “เมื่อไหร่จะจบซะที?”

คนชุดเขียวตกตะลึง “ยังไม่ได้ใช้ทรายพิษเลย”

ซิงหุนโมโหขึ้นมาทันที ยิ้มพลางพูดสะกิดคนชุดเขียวว่า “ทำไมซือฝุไม่ใช้น้ำสาดเล่า?”

“อืม มีเหตุผล!”

และแล้วน้ำอ่างใหญ่ก็สาดโครมลงใส่ศีรษะ ภายในห้องศิลามีเสียงน้ำดังซ่า

คนชุดเขียวนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วถามว่า “ทำไมเจ้าถึงบินขึ้นไปบนหลังคาได้ยังไง?”

ซิงหุนพลิ้วลอยลงมา ตอบอย่างไม่อายปากว่า “พอสูดหายใจก็บินขึ้นไปเลยขอรับ”

คนชุดเขียวไม่พูดอะไรอีก

ในความมืดมองไม่เห็นอีกฝ่าย ซิงหุนรู้สึกหวั่นใจนิดๆ ขึ้นมาทันควัน ตัวเขาไม่ควรจะเผยวิทยายุทธ์นี้ที่หัดจากม้วนผ้าแพรใช่ไหม? ซือฝุชุดเขียวเอะใจแล้วหรือ?

“เจ้ามีความคุณสมบัติดีมาก เมื่อก่อนอาจารย์ของข้าเคยบอกว่าวิชาตัวเบาของสำนักเรานี้สามารถยืมพลังของลมมาช่วยหนุนได้ ข้าเองยังทำได้แค่ปล่อยตัวตามสภาวะของลมเท่านั้น ในห้องศิลาที่ปิดทึบแบบนี้ เจ้าสามารถอาศัยน้ำที่สาดออกไปช่วยหนุนขับเคลื่อนลมปราณลอยขึ้นไปได้...ไม่เลว!” คนชุดเขียวไม่ทราบพักอยู่ที่นี่มาตั้งกี่ปีเข้าไปแล้ว เขาอยู่ในหุบเขาก็มุ่งมั่นแต่เรื่องถ่ายทอดวิชา ความคิดอ่านจึงซื่อๆ ทื่อๆ วิชาหายใจของเขากับคัมภีร์ภายในชีพจรสวรรค์ต่างเป็นวิชาที่เน้นการถ่ายลมหายใจสู่เส้นชีพจรเป็นหลักทั้งคู่เขาจึงนึกไม่ถึงโดยสิ้นเชิงว่าในมือซิงหุนจะมีคัมภีร์วิชาพลังภายในอันมหัศจรรย์อยู่ด้วย เวลานี้เขาแค่คิดว่าซิงหุนมีปฏิกิริยาตอบโต้ไวมาก เป็นคนที่เหมาะแก่การฝึกวิทยายุทธ์เท่านั้น

ซิงหุนถามหยั่งเชิงอีกว่า “วิชาตัวเบาของสำนักเรายืมอากาศ ช่วยหนุนได้หรือขอรับ?”

“อากาศ?” คนชุดเขียวพยักหน้าอีกครั้ง เขาไม่เคยรู้จักคำว่า “อากาศ” มาก่อน รู้แค่ว่ามีลมและมีปราณ แต่จากการอยู่ร่วมกับซิงหุนมาจนถึงตอนนี้ ทำให้เขาชินเสียแล้วกับคำศัพท์แปลกๆ ที่ซิงหุนโพล่งออกมานานๆ ครั้ง อย่างคำว่า “คลื่นเสียง” ก็ทำให้เขาได้รับประโยชน์อย่างมาก “ถูกต้อง ปราณที่พวกเรามองไม่เห็นและจับต้องไม่ได้นี้ มันว่างเปล่า ขณะเดียวกันก็มีอยู่ บางครั้งพวกมันก็ผนึกรวมตัว บางครั้งก็ไหลทะลัก เหมือนดั่งลำธาร น้ำตก ลำคลอง และแม่น้ำ ที่ต่างมีการเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น ความเลิศล้ำของวิชาตัวเบาอยู่ที่อยู่ประชิดตรงหน้าโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัวได้ จึงจำเป็นต้อง...หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับอากาศ เมื่อคนเราเคยชินกับการมีอยู่ของอากาศไปแล้ว เมื่อมีคนเพิ่มมาหนึ่งคนจึงย่อมจะไม่รู้สึก สิ่งที่นักฆ่าต้องการ ก็คือวิชาตัวเบาที่เงียบกริบไร้สุ้มเสียงและกระแสปราณเช่นนี้แหละ”

นักฆ่าอีกแล้ว! ซิงหุนถอนหายใจ สองปีมานี้ เขานอนบนเตียงฝึกคัมภีร์ภายในชีพจรสวรรค์อยู่ทุกคืน พลังภายในข้างในร่างราวกับงูตัวเล็กๆ ที่เลื้อยปราดๆ ไปตามเส้นชีพจรอย่างสนุกสนาน

เมื่อสัมผัสได้ว่าพลังนั้นกำลังมุดปราดๆ อยู่ภายในร่าง แล่นไปถึงทุกส่วนของร่างกายตามแต่ใจต้องการ ซิงหุนก็อยากจะลองดูมากๆ ว่าฟาดฝ่ามือลงไปหนึ่งเปรี้ยงแล้วจะมีอานุภาพทำให้ก้อนหินแตกเป็นเสี่ยงๆ หรือเปล่า เขานึกไปถึงเทพกระบี่หกชีพจร  จึงโคจรปราณให้งูตัวนี้พุ่งไปยังนิ้วชี้ แล้วจิ้มเข้าใส่ผนัง

แล้วต้องร้อง “ซี๊ด” ออกมาทันที ชั่วพริบตาที่นิ้วจิ้มใส่ผนัง เขาเจ็บเสียจนเอามือกุมนิ้วดิ้นพราดๆ อยู่บนเตียง ในหนังสือนี่เขียนเอาไว้โอเวอร์เกินไปมาก เวลานี้ซิงหุนเริ่มจะนึกแค้นจอมยุทธ์ที่เขียนนิยายเรื่องนี้เสียแล้ว แต่ก็ต้องฝึกวิชากันต่อไป ตัวเขามองว่า เมื่อมาถึงโลกแห่งไหน ก็ควรจะทำตามกฎของโลกแห่งนั้น สภาพแวดล้อมของชาติก่อนคือต้องหัดขับรถให้เป็น พูดภาษาต่างประเทศได้ ใช้คอมพิวเตอร์เป็น ตลอดจนมีสารพัดบัตรประจำตัวและความสามารถในการหาเงินกับจีบสาว มาชาตินี้ถ้าไม่ฝึกพลังภายในให้ดีๆ จะก้าวหน้าไปพร้อมๆ กับยุคสมัยได้ยังไง? ดังนั้นเขาจึงอดทนเลี้ยงลูกงูภายในร่างต่อไป โดยหวังว่าสักวันมันจะแข็งแกร่งจนสามารถช่วยให้เขาคุ้มครองตัวเองได้

“เปลี่ยนลูกเล่นบ้างไม่ได้หรือขอรับ?” ซิงหุนถามอย่างหงุดหงิด เดินตามเส้นตรงมาตั้งสองปี เหมือนความอดทนของเขาจะมาถึงขีดสุดแล้ว จึงมุ่งหวังให้เปลี่ยนลูกแบบเสียบ้าง อย่าให้มันน่าเบื่อแบบนี้อีก

คนชุดเขียวก็กำลังนิ่งคิดเหมือนกัน เนิ่นนานค่อยพูดว่า “ได้ พวกเราเปลี่ยน...เปลี่ยนไปใช้กลไกยิงอาวุธลับกัน”

ซิงหุนเหลือกตาใส่ เปลี่ยนแต่น้ำไม่เปลี่ยนยา ก็หลบอาวุธลับอยู่ดี! เขากำลังจะวิจารณ์ความคร่ำครึของซือฝุชุดเขียว ก็ต้องถูกคำพูดถัดมาทำเอาตะลึงพรึงเพริด

“พึงรู้ว่าอาวุธลับที่ร้ายกาจที่สุดในโลกนี้ต่างยิงด้วยกลไกทั้งสิ้น แรงมนุษย์เทียบไม่ได้เลย ถ้าเจ้ายังสามารถใช้วิชาตัวเบาหลบได้บนเส้นตรงนี้ ความว่องไวของเจ้าก็ไม่มีใครเทียบได้แล้ว! ข้าจะใช้หน้าไม้สิบแผงต่อกันยิงใส่พร้อมๆ กัน!” คนชุดเขียวยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น ไม่เคยมีคนลองใช้วิชาตัวเบาหลบอาวุธที่ยิงโดยกลไกมาก่อน ถ้าซิงหุนสามารถฝึกสำเร็จ อย่างนั้น...ช่างน่าตื่นเต้นอะไรอย่างนี้! คิดแล้วแวบออกไปจากห้องศิลาทันที

“นายนึกว่ากำลังแสดงเรื่อง The Matrix อยู่รึไงห๊ะ?! นั่นมันการ์ตูน! มันคือเรื่องโกหกโว้ย!” ซิงหุนอ่อนใจอย่างมาก

หน้าไม้สิบแผงยิงออกติดๆ กันให้ความรู้สึกยังไง? ซิงหุนนึกถึงฉากสเปเชียลเอฟเฟคในภาพยนตร์ตอนห่าธนูดำมืดเป็นแพใหญ่เหมือนฝูงตั๊กแตนพุ่งบินเข้ามาหา ที่นี่กว้างแค่ไหนกันเชียว ที่ใต้เท้าคือเส้นตรง...เส้นตรงที่ยาวแค่สามสิบเจ็ดก้าวเองนะ!

ที่ซิงหุนคิดนั้นถูกต้องแล้ว หน้าไม้สิบแผงถูกจัดวางยังสองฝั่งของห้องศิลา เขาเอียงคอถามซือฝุชุดเขียว “แรงยิงของหน้าไม้มีมากแค่ไหนขอรับ?

“ภายในระยะหนึ่งร้อยจ้าง  ไม้ศิลาล้วนแหลกลาญ! แต่ที่เหวยซือ เตรียมไว้เป็นหน้าไม้ดอกเล็ก เน้นแค่ความเร็ว ไม่ได้เน้นแรงยิง!” คนชุดเขียวตอบอย่างคล่องแคล่ว

ถ้าเน้นแรงยิง โดนยิงเข้าสักดอก ข้าก็ไส้ทะลุพุงแตกไปเลยน่ะสิ ซิงหุนแอบด่าอยู่ในใจ ความคิดแล่นวาบ แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ถามว่า “แล้วซือฝุหลบได้ไหมขอรับ?”

“ข้า...ยังไม่เคยลอง” คนชุดเขียวซื่อมาก เพราะอยู่ในความมืด เขาจึงมองไม่เห็นรอยยิ้มของซิงหุน

ภายในห้องศิลาเปลี่ยนเป็นเงียบกริบ ก่อนจะได้ยินเสียงหน้าไม้ดีดผึงเสียงแรก ต่อจากนั้นเสียงหน้าไม้ถูกยิงออกก็ดังผสมกันจนกลายเป็นเสียงกระหึ่มก้อง เพียงชั่วเวลาสิบกว่าวินาที ห้องศิลาก็เปลี่ยนเป็นเงียบกริบอีกครั้ง

“ซือฝุ?” ซิงหุนร้องเรียกเบาๆ เห็นไร้ปฏิกิริยาตอบรับ ก็ตะโกนเรียกอีกครั้ง “ท่านยังสบายดีอยู่ไหมขอรับ ซือฝุ?”

เพิ่งพูดขาดคำ ประสาทที่เฉียบไว้ก็รู้สึกได้ถึงปราณที่คุกคามเข้าใส่ ซิงหุนลอยตัวถลาหลบ หัวเราะหึหึพูดว่า “ข้ารู้อยู่แล้วว่าทำให้ซือฝุบาดเจ็บไม่ได้แน่!”

คนชุดเขียวแค่นเสียงเฮอะ “เจ้าเล่ห์นัก!” แล้วพุ่งปราดเข้าหายื่นมือไปคว้าหมับ

ซิงหุนได้ยินเสียงของคนชุดเขียวไม่ได้แฝงอารมณ์ไม่พอใจ ก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกรธอะไรเขา จึงหัวเราะคิกคักพลางวิ่งหนีไปทั่วห้องศิลาเล่นไล่จับกับคนชุดเขียว

ยังไงเขาก็เพิ่งจะอายุแปดขวบเท่านั้น เพียงไม่นานก็ถูกคนชุดเขียวคว้าขาได้จับขาชูขึ้นห้อยหัวลง “เฮ้อ! วิชาตัวเบาของซือฝุเป็นอับดับหนึ่ง ศิษย์ยังต้องพยายามต่อไป! ซือฝุขอรับ...”

ประโยคสุดท้ายน้ำเสียงเปลี่ยนเป็นอ้อน เดิมทีคนชุดเขียวตั้งใจจะดุว่าสั่งสอนศิษย์น้อยสักยก ได้ฟังอย่างนี้ก็ใจอ่อนปล่อยซิงหุนลง “เจ้าแอบลักไก่นั้นไม่ผิดหรอก แต่วิชาที่เจ้าฝึกคือการใช้วิชาตัวเบาหลบหลีก ซึ่งจะแอบลักไก่ไม่ได้ ฝึกต่อไป!”

คนชุดเขียวมีวิชาตัวเบาเลิศล้ำอยู่แต่แรก ตอนที่ทิศทางของลูกดอกหน้าไม้เปลี่ยนมายิงใส่เขากะทันหัน เขาก็คิดได้แล้วว่าซิงหุนต้องฉวยโอกาสใช้เสียงยิงของหน้าไม้แผงแรก ช่วยกลบไม่ให้เขาได้ยินตอนขยับย้ายหน้าไม้แผงอื่นๆ การสามารถพลิกแพลงตามสถานการณ์เป็นเรื่องดี แต่กลับฝ่าฝืนวิธีฝึกสอนของเขา

ซิงหุนได้แต่ยอมรับชะตากรรม เสี่ยงต่อการถูกยิงไส้แตกท้องทะลุใช้วิชาตัวเบาพลิ้วหลบอย่างตั้งใจ สุดท้ายก็ถูกยิงใส่ท้องน้อยอยู่ดี จึงจบการแข่งขันลงด้วยเสียงร้องลั่น

หนึ่งลูกดอกนี้ทำเอาเขายืดตัวตรงไม่ได้ไปสามวันเต็มๆ คนชุดเขียวถอนหายใจพูดว่า “ถ้าเป็นหน้าไม้บุกตีเมือง เจ้าคงตายไปนานแล้ว”

ซิงหุนโมโหจนอยากจะแผดด่าออกไป สูดหายใจลึกๆ ทำเอาท้องปวดแปลบ ต้องแข็งใจอดทนไว้

เห็นศิษย์ทำอวดเก่ง คนชุดเขียวนึกถึงว่าซิงหุนเพิ่งจะแค่แปดขวบ น้ำเสียงจึงเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน “ครั้งหน้าจะให้เจ้าสวมชุดเกราะ จะได้ช่วยเพิ่มน้ำหนักและป้องกันการบาดเจ็บไปด้วยพร้อมกัน”

“ทำไมข้าถึงลงมือสกัดหรือรับอาวุธลับไม่ได้ล่ะ?”

คนชุดเขียวนิ่งคิด แล้วพูดว่า “นั่นเป็นการฝึกขั้นถัดไป!”

ซิงหุนชักจะสงสารคนชุดเขียวนิดๆ จากที่อยู่ด้วยกันมาสองปี เขาเข้าใจดีแล้วว่าคนชุดเขียวเป็นคนประเภทที่ถ้าถามเขาว่าหนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับเท่าไร เขาจะตอบว่าสาม ถ้าถามเขาว่าสองบวกหนึ่งเท่ากับเท่าไร เขาจะบอกว่าท่านถามผิดแล้ว

เขาจับมือคนชุดเขียวข้างหนึ่งยกขึ้นมา พูดว่า “ซือฝุ ท่านเคยชินกับการใช้มือซ้ายซัดอาวุธลับใช่ไหมขอรับ?”

คนชุดเขียวพยักหน้า

ซิงหุนจับมือขวาของอีกฝ่ายยกขึ้นมา “เคยชินกับการใช้มือขวารับอาวุธลับใช่ไหมขอรับ?”

คนชุดเขียวพยักหน้าอีกครั้ง

ซิงหุนถอนหายใจ “ถ้ามือซ้ายของท่านบาดเจ็บ ท่านก็ใช้มือขวาซัดอาวุธลับไม่ได้งั้นสิ? อย่าบอกนะขอรับว่าในสถานการณ์แบบนั้น ท่านได้แต่ใช้วิชาตัวเบาหนี!”

“หลังจากบาดเจ็บ ข้าย่อมจะสู้ฝ่ายนั้นไม่ได้ ถ้าไม่หนีก็สิ้นเปลืองวิชาตัวเบาที่ยอดเยี่ยมแย่น่ะสิ!” คนชุดเขียวเข้าใจเหตุผลขอนี้ดีมาก

ซิงหุนยิ้มเจื่อนๆ เขาไม่อยากจะถกกับซือฝุชุดเขียวเรื่องด้านตรงกับด้านกลับต่อแล้ว

นักฆ่า ย่อมจะยิ่งฆ่าได้ราบรื่นมากเท่าไรยิ่งเก่งมากเท่านั้น ถ้าให้ปืนเขาหนึ่งกระบอก เขาจะยิงโป้งเก็บไอ้คนที่นับ “หนึ่ง สอง สาม เริ่มได้!” ทันทีตั้งแต่มันเริ่มนับ “หนึ่ง” ไม่ว่าในมือคนคนนั้นจะมีเข็มดอกสาลี่พายุพิรุณ หรือหน้าไม้บุกตีเมืองก็ตาม นี่สิคือขั้นตอน! ขั้นตอนของนักฆ่า!


<>::<>::<>::<>::<>::<>


แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 2560, 06:57 โดย

หลินโหม่ว เข้าร่วมเมื่อ 14 ก.พ. 2560, 06:56

3 ความคิดเห็น