องก์ที่ 1
มอบแด่คุณ ผู้ที่ฉันรักอย่างลึกล้ำ (3)
เนี่ยเฟยเฟยตื่นขึ้นมาหลังเที่ยงคืน หลับตาคลำหาสวิตส์ไฟ พอไม่เจอค่อยลืมตา พบว่าไม่ได้อยู่ในห้องตัวเอง ก็ลุกขึ้นลงจากเตียง พับแขนเสื้อขากางเกงชุดนอนขึ้นหลายทบ เดินเท้าเปล่าสำรวจดูรอบๆ เห็นวิวนอกหน้าต่างเหมือนอยู่กลางเขา มีน้ำตก พอเดินต่อไปเจอประตูมีม่านบัง แหวกม่านออกพบห้องรับแขก และเจอเนี่ยอี้ที่กำลังดื่มน้ำดูทีวีจอยักษ์เปิดหนังที่ถ่ายทำในแอฟริกาอยู่ในห้องรับแขก
เนี่ยอี้ทักว่า “ตื่นแล้วหรือ? มาดื่มน้ำสิ” แล้วรินน้ำให้
เนี่ยเฟยเฟยเดินเข้าไปรับแก้วน้ำมาดื่มไปสองอึก แล้วเริ่มเดินวนกลับไปกลับมา ในหัวนึกออกถึงแค่เมื่อคืนนี้ตัวเองพิงเนี่ยอี้หลับไปในรถ ปากถามว่า “ห้องนี้ตกแต่งไม่เลวเลย อยู่บนเขาหรือ?”
เนี่ยอี้ตอบไม่ตรงคำถาม “คุณหลับไปตลอด ผมนัดคนเล่นหมากล้อมวันนี้ จึงพาคุณมาด้วย โทรบอกคุณป้าแล้วว่าคืนนี้คุณจะค้างที่นี่ ป้าหลินเป็นคนช่วยเปลี่ยนชุดนอนให้คุณ”
เนี่ยเฟยเฟย “อ้อ”
เนี่ยอี้ “อยากถามอีกใช่ไหมว่าทำไมผมถึงอยู่ที่นี่?”
เนี่ยเฟยเฟยเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขาอย่างตกใจ
เนี่ยอี้ “ป้าหลินอายุมากแล้ว ไม่สะดวกดูแลคุณตอนกลางคืน ผมเลยมานอนค้างที่นี่” แล้วนั่งลงบนโซฟา เงยหน้าขึ้นมองเธอ “อย่ากังวล”
เนี่ยเฟยเฟย “ฉันไม่ได้กังวล”
เนี่ยอี้ “จริงรึ?”
เนี่ยเฟยเฟย “จริงสิ”
เนี่ยอี้ “คุณเดินวนกลับไปกลับมาที่หน้าบาร์หลายรอบแล้ว”
เนี่ยเฟยเฟยปากแข็ง “ออกกำลังกายค่ะ” จบคำเดินสะดุดเก้าอี้ ได้ยินเสียงเท้าตัวเองดัง “กล็อก” ต้องรีบจับบาร์พยุงตัวยืนขาเดียว
เนี่ยอี้วางแก้วน้ำลง เดินเข้ามาหา “เป็นอะไรหรือ?”
เนี่ยเฟยเฟย “ท...เท้าแพลง”
หลังจากนั้นเนี่ยอี้ก็จับเนี่ยเฟยเฟยนั่งโซฟา จับเท้าเธอมาพาดตักเขาแล้วเอาถุงน้ำแข็งห่อผ้าประคบให้
เนี่ยเฟยเฟยหน้าแดงมาก เนี่ยอี้ถามว่า “เจ็บมากหรือ? ผมกดแรงเกินไปหรือเปล่า?”
เนื่องจากปกติเนี่ยอี้เสียงหล่อมากอยู่แล้ว เวลาพูดจะชอบพูดเบาๆ ยิ่งตอนนี้บรรยากาศโคตรให้ เวลาตี 4 กว่าๆ สารพัดฮอร์โมนที่กระตุ้นให้มนุษย์เกิดอารมณ์มาเต็มตัวเนี่ยเฟยเฟย
เนี่ยเฟยเฟยเอามือปิดหน้า พยายามรักษาน้ำเสียงให้นิ่ง พูดว่า “ไม่เจ็บค่ะ แค่ร้อนนิดหน่อย ช่วยเปิดหน้าต่างหน่อยได้ไหม?”
เนี่ยอี้มองหน้าเธออยู่พักหนึ่ง วางเท้าข้างที่เจ็บของเธอไว้บนหมอนอิง วางถุงน้ำแข็งไว้ข้างๆ แล้วเช็ดมือ
เนี่ยเฟยเฟย “ไม่ต้องประคบน้ำแข็งแล้วหรือ?”
เนี่ยอี้ไม่ตอบ แต่โน้มตัวเข้ามาใกล้กะทันหัน เอามือแตะบ่าเธอ เนี่ยเฟยเฟยยังไม่ทันได้ตั้งตัว หน้าผากเขาก็แตะถูกหน้าผากเธอ เนี่ยอี้หลับตาลง เนี่ยเฟยเฟยแทบจะกลั้นหายใจ ครู่ใหญ่เขาค่อยผละออก พูดว่า “ไม่มีไข้ น่าจะถูกลมได้” แล้วยื่นมือไปหยิบรีโมทมากดเปิดหน้าต่างที่ยาวจดพื้น แถมเปิดแผ่นกั้นแสงบนหลังคาด้วยอีกต่างหาก
เนี่ยเฟยเฟยมองเขาปากอ้าตาค้าง เนี่ยอี้ประคบน้ำแข็งให้เธอต่อ พูดเบาๆ ว่า “หน้าแดงจนร้อนอาจเป็นเพราะปฏิกิริยาทางร่างกาย และอาจเป็นเพราะมีไข้ คุณสวมเสื้อผ้าน้อยขนาดนี้ยังรู้สึกร้อนอีก ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้มีไข้ คิดว่าน่าจะเป็นเพราะค่อนข้างขี้ร้อน”
เนี่ยเฟยเฟยพูดล้อเขาเล่นว่า “ทำไมคุณถึงคิดว่าฉันมีไข้เป็นอย่างแรกล่ะ? บางทีฉันอาจจะหน้าแดงเพราะปฏิกิริยาทางร่างกายก็ได้นะ” แล้วแกล้งทำเป็นถามเขาเหมือนไม่ใส่ใจว่า “เอ การหน้าแดงเพราะเขินนี่เป็นการหน้าแดงเพราะปฏิกิริยาทางร่างกายหรือเปล่าคะ?”
เนี่ยอี้ดูประหลาดใจนิดๆ มองหน้าเธออย่างสงสัย “เขิน? เฟยเฟย คุณหมายถึงตัวคุณน่ะเหรอ?”
เนี่ยเฟยเฟย “อื้อ”
เนี่ยอี้ “ไม่น่าเป็นไปได้เท่าไหร่”
เนี่ยเฟยเฟย “ทำไมถึงไม่น่าเป็นไปได้คะ”
เนี่ยอี้ “คุณไม่มีประสาทส่วนที่รู้สึกอาย”
เนี่ยเฟยเฟย “ทำไมฉันถึงมีประสาทส่วนที่รู้สึกอายไม่ได้คะ? มันก็ไม่ใช่ประสาทระดับสูงเวอร์อะไรสักหน่อย”
เนี่ยอี้หัวเราะ
เนี่ยเฟยเฟย “คุณหัวเราะอะไร?”
เนี่ยอี้ “กำลังนึกถึงบางเรื่อง”
เนี่ยเฟยเฟยรู้สึกทันทีว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่ แต่ยังอดถามไม่ได้ว่า “คุณนึกถึงอะไรหรือ?”
เนี่ยอี้มองหน้าเธอ “แฮรี่พอตเตอร์เข้าฮอกวอตต์”
เนี่ยเฟยเฟยเงียบไปพักใหญ่ๆ ค่อยพูดว่า “เนี่ยอี้ ตอนนั้นคุณรู้สึกว่าฉันบ้าเข้าขั้นเลยใช่ไหม? จะบอกให้นะ ปกติฉันไม่ได้เป็นแบบนั้น นั่นน่ะฉันอยากช่วยกล่อมให้คุณย่าคุณสนุกหรอกมั้ย?”
เนี่ยอี้ลุกไปเปลี่ยนถุงน้ำแข็ง “มันขำมากจริงๆ นั่นแหละ แต่ก็น่ารักมากด้วย”
คำชมมาแบบไม่ทันตั้งตัว ทำเอาเนี่ยเฟยเฟยตะลึงจังงัง
เนี่ยอี้หยิบน้ำแข็งถุงใหม่กลับมานั่งที่เดิม เห็นเนี่ยเฟยเฟยนิ่งเหม่อ ก็ถามว่าใจลอยอะไรน่ะ?
เนี่ยเฟยเฟย “เนี่ยอี้ เมื่อกี้นี้คุณบอกว่าฉันน่ารัก”
เนี่ยอี้มองหน้าเธอด้วยสายตาคำถาม รอให้เธอพูดต่อ
เนี่ยเฟยเฟย “คุณบอกว่าฉันโคตรน่ารัก”
เนี่ยอี้ “คำ ‘โคตร’ นี่คุณเติมเข้าไปเองหรือเปล่า?”
เนี่ยเฟยเฟย “อย่าไปจุกจิกกับรายละเอียดสิ ฉันรู้สึกซาบซึ้งมาก”
เนี่ยอี้ก้มหน้าลงดื่มน้ำ
เนี่ยเฟยเฟย “คุณตาถึงมาก”
เนี่ยอี้สำลักน้ำ เงยหน้าขึ้นมองเธอสามวินาที พูดว่า “อาจเป็นไปได้เหมือนกันว่าวันนั้นผมตาลาย”
เนี่ยเฟยเฟย “เนี่ยอี้ คนเราควรจะมั่นใจในตัวเองกว่านี้หน่อยมั้ย?”
เนี่ยอี้ “ถูกต้อง ตาลายแน่ๆ”
เนี่ยเฟยเฟย “ด็อกเตอร์เนี่ย เมื่อคืนนี้ฉันเพิ่งจะเสี่ยงตายบุกไปช่วยคุณอยู่หยกๆ นะ เห็นใจจริงตอนร่วมทุกข์ยังเป็นคำพูดของคนดังที่ชวนให้คนเชื่ออยู่หรือเปล่าคะ?”
เนี่ยอี้เคาะถุงน้ำแข็งเบาๆ “เฟยเฟย เท้าคุณยังอยู่ในมือผมอยู่เลยนะ”
เนี่ยเฟยเฟย “อ่า...”
กว่าเนี่ยอี้จะจัดการปฐมพยาบาลเท้าให้เนี่ยเฟยเฟยเสร็จ ก็ปาเข้าไปตีห้าครึ่ง ฟังว่าฤทธิ์เหล้าทำให้เขานอนไม่ค่อยหลับ เลยลุกมาดูวีดีโอรอให้ตัวเองง่วง จนพอเริ่มจะง่วงได้ที่ กะว่าดื่มน้ำเสร็จจะไปนอน เนี่ยเฟยเฟยก็ตื่นพอดี และทำตัวเองเท้าแพลง
สรุปว่ากว่าจะจบเรื่อง ทั้งคู่ก็ตาสว่างหายง่วง จึงตัดสินใจนั่งดูหนังที่โซฟากันต่อ
เนี่ยอี้จงใจเลือกหนังเรื่องที่ไม่สนุกที่สุด ดูแล้วจะได้ง่วงนอนเร็วๆ เป็นหนังเกี่ยวกับการผจญภัยในถ้ำที่มีน้ำขังในแอฟริกา
ดูหนังไปได้สักพัก เนี่ยเฟยเฟยบอกว่าถ้ำนี้เมื่อ 4 ปีก่อนเธอเคยไปผจญภัยมาแล้ว เป็นถ้ำใหญ่ที่ยังไม่รู้ว่าใหญ่แค่ไหน น้ำในถ้ำนั้นเป็นน้ำที่ถูกกักไม่ระบายมาล้านปี ลึกหยั่งไม่ถึงก้น
เธอบอกเนี่ยอี้ว่าอย่าบอกพ่อแม่เธอนะว่าเธอเคยไปผจญภัยที่นั่นมาแล้ว พวกท่านไม่อนุญาตให้เธอไป ที่เธอไปครั้งนั้นก็ไม่ใช่งานของเธอ เป็นงานของฉุนอวี๋เหวย คุณไม่รู้จักเขาหรอก เขาเป็นนักดำน้ำผจญภัย ตอนนั้นมีทีวีช่องหนึ่งจ้างเขาไปผจญภัยที่นั่น เธอเลยตามไปเปิดหูเปิดตา ปกติแต่ละปีนอกจากรายการผจญภัยของตัวเองแล้ว เวลาว่างเขาจะเป็นครูสอนดำน้ำให้ฉัน เวลาจะไปผจญภัยที่พื้นน้ำไหน เขาจะจับคู่ไปกับฉัน
(ฉุนอวี๋เหวย เป็น 1 ในผู้สร้างเสียงหัวเราะในเรื่องนี้ โดนถังชีจับคู่วายกับหนิงจื้อหย่วน ช่างภาพผู้ช่วยของเนี่ยเฟยเฟยตลอด)
เนี่ยอี้เอามือเท้าคาง มองหน้าเธอ “คุณชอบน้ำมากหรือ? น้ำในถ้ำนั้นเป็นยังไงบ้าง?”
เนี่ยเฟยเฟยยิ้ม ย้อนถามเขาว่า “คุณคิดว่ามันควรจะเป็นยังไงล่ะ?” แล้วเริ่มพรรณนาว่าบางทีลึกลงไปกว่าหนึ่งร้อยเมตรข้างใต้อาจจะมีวิหารจมอยู่ วิหารอาจจะสลักเรื่องราวของสุริยเทพหรือจันทราเทพ ถ้าฉันลงไปถึงแล้วต้องใช้แสงอะไรยังไงถึงจะถ่ายภาพได้...”
เนี่ยอี้ “เครื่องช่วยดำน้ำในตอนนี้สามารถทนรับแรงดันน้ำได้แค่ที่ระดับความลึก 50 เมตร ถ้าลึกกว่านั้น คุณต้องอยู่ในห้องกระจก”
เนี่ยเฟยเฟย “ตอนนี้ช่วยหยุดใช้สมองซีกซ้ายที่ทำงานด้านคิดตรรกะก่อนค่ะ ช่วยปล่อยสมองซีกขวาที่รับผิดชอบด้านจินตนาการออกมาทำงานแทนได้มั้ย?”
เนี่ยอี้อมยิ้ม ทำท่าเหมือนอยากจะหัวเราะ “ก็ได้ ตกลงว่าน้ำนั่นเป็นยังไง?”
เนี่ยเฟยเฟยหัวเราะด้วย “แน่ละว่าดื่มไม่ได้”
เนี่ยอี้ “ช่างเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่จริงๆ”
เนี่ยเฟยเฟย “ก็ได้ เป็นสีดำค่ะ ส่วนก้นของน้ำเป็นสีดำ เป็นคนละเรื่องกับก้นมหาสมุทรโดยสิ้นเชิงเลยค่ะ ความมืดนั้นกว้างไพศาลและเงียบสงบ แสงของสปอตไลท์อ่อนมากเสียจนเหมือนจะถูกมันกลืนไปในพริบตายังไงยังงั้น บอกตามตรง ฉันกลัวมากเลยแหละค่ะ”
เนี่ยอี้ “คุณก็กลัวเป็นด้วยหรือ?”
เนี่ยเฟยเฟยพยักหน้า “แน่สิคะ ฉันน่ะกลัวความมืดที่สุด โดยเฉพาะแบบที่อยู่ๆ ก็มืดกะทันหัน เวลาไฟดับกะทันหันนี่ฉันตกใจจนสะดุ้งสุดตัวเลยแหละ” เพิ่งพูดจบ แสงสว่างในห้องก็ดับพรึบ ห้องมืดสนิทกะทันหัน เนี่ยเฟยเฟยร้องกรี๊ด โถมเข้าไปกอดเนี่ยอี้แน่นเป็นปูหนีบ
เนี่ยอี้กดรีโมทเปิดทีวีอีกครั้ง เสียงประหลาดใจนิดๆ “จริงด้วยแฮะ”
เนี่ยเฟยเฟยพูดเสียงเครือแทบจะร้องไห้ “ด็อกเตอร์เนี่ย อย่าเล่นบ้าๆ แบบนี้ได้มั้ย?”
07:20 น. เนี่ยเฟยเฟยตื่นเพราะเสียงมือถือปลุก ป้าหลินแม่บ้านเอาอาหารเช้ามาเสิร์ฟ เนี่ยเฟยเฟยถามถึงเนี่ยอี้ แม่บ้านบอกเขาออกไปวิ่งจ้อกกิ้ง แล้วบอกว่าปกติบ้านนี้มีแต่เนี่ยอี้มาคนเดียว เลยไม่มีเสื้อผ้าของใช้ผู้หญิงอยู่เลย มีแต่ชุดวอล์มที่เนี่ยอี้ซื้อมาแล้วเล็กไปอยู่หนึ่งชุด เนี่ยเฟยเฟยเอาไปใส่ก่อนได้
ขนาดว่าเป็นชุดเบอร์เล็กไปสำหรับเนี่ยอี้ ก็ยังหลวกโพรกสำหรับเนี่ยเฟยเฟยอยู่ดี เนี่ยเฟยเฟยเข้าไปห้องเก็บเสื้อผ้าหาหมวกแก๊ปใส่ตีกอล์ฟได้หนึ่งใบ ก็เอามาสวม แล้วเดินกะโผลกกะเผลกลงบันไดไป
ลงบันไดได้ครึ่งทาง เห็นแม่บ้านกำลังต้อนรับแขก ตอนแรกเนี่ยเฟยเฟยกะจะเลี่ยงหลบไป พอดีได้ยินแขกร้องเรียกว่า “คุณหนูเนี่ย” จึงหันกลับไปหยีตาดู พบว่าคนเรียกคือเจี่ยนเฟย จึงทักกลับไปว่า “อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณหนูเจี่ยน”
เจี่ยนซีตาแดงนิดๆ เหมือนเพิ่งร้องไห้มา หน้าซีดหน่อยๆ เธอมากับชายหนุ่มแปลกหน้าหน้าตาดีคนหนึ่งที่มองหน้าเนี่ยเฟยเฟยด้วยสายตาเป็นอริชอบกล
ชายหนุ่มแปลกหน้าพูดเสียงหนัก “ซีซี ฉันจะไปคุยกับเนี่ยอี้...” แต่ถูกเจี่ยนซีตัดบทว่า “ไม่ต้อง เนี่ยอิน ไม่ต้องจริงๆ ค่ะ”
ลือกันว่าเนี่ยอี้มีน้องชายลูกพี่ลูกน้องที่ไม่เอาถ่านอยู่คน ดูท่าน่าจะเป็นนายคนนี้นี่แหละ
เจี่ยนซีมองหน้าเนี่ยเฟยเฟย แล้วฝืนยิ้มพูดว่า “คุณหนูเนี่ย ขอโทษค่ะที่มาหาซะเช้า พอดีเมื่อคืนเมามากไปนิด เช้านี้ตื่นมาแล้วปวดศีรษะ เนี่ยอินจึงพาฉันมาเดินเล่นที่เขามู่ซาน แล้วเลยแวะมาหาเนี่ยอี้น่ะค่ะ”
เนี่ยเฟยเฟย “ฉันเองก็แค่มาอาศัยนอนคืนเดียวเองค่ะ อีกสักครู่เนี่ยอี้น่าจะกลับมา พวกคุณรอก่อนนะคะ”
เนี่ยอินแค่นยิ้มเย็นชา “อาศัยนอนคืนเดียว?” ตาพ่นไฟอยู่เปรี๊ยะๆ “เธอใส่ชุดพี่ชายฉันอยู่เรอะ?”
เนี่ยเฟยเฟย “ใช่”
เนี่ยอิน “เธอ!”
เนี่ยเฟยเฟย “หมวกก็ของพี่ชายคุณ รองเท้าแตะก็ด้วย”
เนี่ยอินพูดอย่างโมโห “เธอยังไม่ได้เข้าประตูบ้านตระกูลเนี่ยของพวกฉัน!”
เนี่ยเฟยเฟยนิ่งคิด แล้วถามว่า “คุณไม่ยอมรับฉันใช่ไหม?”
เสียงเนี่ยอินเย็นชา “ไม่ยอมรับแน่อยู่แล้ว!”
เนี่ยเฟยเฟย “ก็ได้”
เนี่ยอิน “ก็ได้? แปลว่าอะไรของเธอ? ก็ได้?”
เนี่ยเฟยเฟยประหลาดใจ ย้อนถามว่า “ไม่งั้นล่ะ?”
เนี่ยอิน “ฉันไม่ยอมรับเธอ คุณป้าใหญ่ก็ไม่ยอมรับเธอ! เธอเป็นผู้บุกรุก!”
เนี่ยเฟยเฟยมองคนพูดอย่างลังเล ถามว่า “ฉันควรจะร้องไห้มั้ย?”
เจี่ยนซีรีบห้ามเนี่ยอิน แล้วหันมาขอคุยกับเนี่ยเฟยเฟยเป็นการส่วนตัว เนี่ยเฟยเฟยเป็นพวกใจอ่อนกับไม้นวม ทำท่าจะพูดรับปาก เนี่ยอี้ก็กลับจากไปวิ่ง เปิดประตูเข้ามาในบ้านพอดี พูดขอให้เนี่ยเฟยเฟยไปรินน้ำมาให้ แต่พอเห็นเนี่ยเฟยเฟยเดินขากะเผลก ค่อยนึกได้ บอกเดี๋ยวเขาไปรินน้ำเอง
บรรยากาศในห้องรับแขกเงียบแปลกๆ ทันที
หลังดื่มน้ำเสร็จ เนี่ยอี้พูดกับแขกทั้งสองคนว่า “พวกนายไม่ได้สนิทกับเธอ ไม่มีอะไรต้องคุยกันตามลำพัง”
เจี่ยนซีพูดว่า “ไม่ได้คุยอะไรเป็นพิเศษหรอกค่ะ แค่ดูแล้วเห็นว่าคุณหนูเนี่ยดูดีมาก ทางด้านคุณน้า ฉันก็พูดปลอบไปแล้วค่ะ อีกอย่างถ้าคุณสองคนแต่งงานกัน ต่อไปยังไงก็ต้องสนิทกันอยู่ดี”
เนี่ยอี้พูดเสียงเรียบ “ต่อไปพวกเธอก็ไม่ต้องสนิทกันหรอก เอาแบบนี้แหละ”
บทสนทนานี้จบลงแค่นี้ เหมือนมีอะไรแอบแฝงมากมาย และเหมือนไม่มีอะไรแอบแฝงเลย ในหัวเนี่ยเฟยเฟยมีแต่เครื่องหมายคำถาม
เนี่ยอี้กวาดสายตามาที่เนี่ยเฟยเฟย “กินข้าวเช้าหรือยัง?”
เนี่ยเฟยเฟยพยักหน้า
เนี่ยอี้ “งั้นให้คนขับรถส่งคุณไปโรงพยาบาลเลย”
จนกระทั่งเธอจากไป เนี่ยอินกับเจี่ยนซีก็ยังคงอยู่ในห้องรับแขก เนี่ยเฟยเฟยนึกขึ้นได้ว่าถงถงเคยบอกเธอว่า เนี่ยอิน เนี่ยอี้ เจี่ยนซี โตมาด้วยกัน และเมื่อกี้เนี่ยอินบอกว่าเธอเป็นผู้บุกรุก
ผู้บุกรุก คำนี้น่าสนใจมาก
คืนวันที่ 8 คังซู่หลัวแวะมาจัดปาร์ตี้ชุดนอนกับเนี่ยเฟยเฟย หิ้วขาหมูมาด้วยสองขา บอกว่าเธอขาเจ็บ ต้องกินของอย่างเดียวกันแก้เคล็ด
เนี่ยเฟยเฟยดูขาหมูแล้วบอกเพื่อนว่า เธอให้ของขวัญงานหมั้นฉันพิสดารไม่เหมือนใครดี
คังซู่หลัวทำหน้าลึกลับ “ขาหมูสองขานี้ไม่ใช่ขาหมูธรรมดานะ เป็นขาหมูที่พิเศษมาก”
เนี่ยเฟยเฟย “อย่าบอกนะว่าเป็นขาของหมูจากต่างดาว?”
คังซู่หลัว “ตื้นเขินจริงนะยะหล่อน หมูของโลกมันทำไมเรอะ หมูของโลกจะพิเศษมากเพราะบางเหตุผลไม่ได้รึไง?” แล้วพูดอย่างภูมิใจ “นี่น่ะเป็นขาหมูที่ฉันตุ๋นเอง ทำเสียไปตั้งเยอะกว่าจะทำออกมาสำเร็จสองขานี้ เธอไม่ซาบซึ้งเลยเรอะ?”
เนี่ยเฟยเฟย “ซาบซึ้ง” แล้วแบ่งให้ไป 1 ขา “เธอก็กินด้วยสิ”
คังซู่หลัว “ให้เธอทั้งสองขาเลย เฟยเฟย เธอนี่คิดถึงฉันทุกครั้งเลยนะ น่าซึ้งใจเหลือเกิน”
เนี่ยเฟยเฟย “ไม่ซึ้ง เธอกินลงไปแล้วครึ่งชั่วโมงยังไม่เข้าโรงพยาบาล ฉันค่อยกินยังไม่สาย”
คังซู่หลัวทำหน้าจะร้องไห้ “เนี่ยเฟยเฟย เรายังจะคบเป็นเพื่อนกันอยู่อีกมั้ย?”
เนี่ยเฟยเฟย “ไหนเธอส่งข้อความมาบอกฉันว่ามีเรื่องสำคัญอยากคุยด้วย?”
คังซู่หลัวลืมความแค้นที่เพิ่งผูกขึ้นทันที วิ่งไปเลือกตุ๊กตาตัวโตมากอด แล้วพูดอย่างเป็นห่วงเพื่อนว่า ไทเฮาไม่ชอบเธอ หลานไทเฮา หวางเยี่ยน้อยก็ด้วย แบบนี้แต่งกับฮ่องเต้แล้ว เธอไม่ลำบากแย่เหรอ?
เนี่ยเฟยเฟยบอก ไท่ซ่างหวงยังอยู่นะ เธอลืมไปแล้วเรอะ
คังซู่หลัวพูดอีกว่า ก็ใช่ แต่ไท่ซ่างหวงก็แค่ตามใจฮ่องเต้เองนี่ เกิดวันหน้าไทเฮาหาเรื่องให้เธอกับฮ่องเต้ผิดใจกันล่ะจะทำยังไง? เธอมิต้องเข้าไปอยู่ในตำหนักเย็นเรอะ?
เนี่ยเฟยเฟยบอก ก็เปลี่ยนไปแต่งงานกับองค์ชายของซีอวี้สิ เรื่องอะไรจะทน
คังซู่หลัวค่อยโล่งใจ บอกนั่นสิเนอะ ฉันลืมไปเลยว่าเดี๋ยวนี้หย่ากันได้ จากนั้นถามอีกว่า แล้วฮ่องเต้มีความเห็นว่าไง ในเมื่อทั้งไทเฮา หลานไทเฮา หวางเยี่ยน้อยไม่ชอบเธอกันหมด?
เนี่ยเฟยเฟยบอก ฮ่องเต้บอกเธอว่าไม่ต้องไปเล่นกับคนพวกนั้น
คังซู่หลัว “ไม่มีแล้ว?”
เนี่ยเฟยเฟย “ไม่มีแล้ว”
คังซู่หลัวตะลึงไปพักใหญ่ พูดว่า “ฮ่องเต้นี่...นิสัยมีเอกลักษณ์ดีเนอะ”
เนี่ยเฟยเฟยบอกเพื่อนอย่างหนักแน่นว่าเธอจะไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลเนี่ย แต่ปรากฏว่า เรื่องได้พาตัวเข้ามายุ่งกับเธอเอง
วันที่ 9 ฤกษ์หมั้นคือ 17:30 น. ตอนบ่ายโมง เนี่ยเฟยเฟยได้รับโทรศัพท์จากเลขาของเนี่ยอี้ นัดไปเจอกับเนี่ยอี้ที่หอประชุมใบไม้แดงตอนบ่ายโมงครึ่ง พอเนี่ยเฟยเฟยไปตามนัด กลับเจอเนี่ยอิน เขาขอโทษขอโพยที่ทำตัวไม่ดีกับเนี่ยเฟยเฟยก่อนหน้านี้ แล้วยื่นน้ำส้มแก้วหนึ่งให้เธอดื่ม
หลังจากดื่มน้ำส้ม เนี่ยเฟยเฟยก็หมดสติไป มาตื่นอีกทีเวลา 17:30 น. พบว่าตัวเองอยู่บนเตียงในสภาพถูกมัดมือไพล่หลังโยงกับเสาเตียง หอประชุมใบไม้แดงที่เธอโดนขังไว้ อยู่ห่างจากสถานที่จัดงานหมั้นครึ่งเมือง
ตอนเนี่ยเฟยเฟยยังหมดสติ เนี่ยอินถ่ายรูปเธอกับเขาเปลือยอยู่ด้วยกันใต้ผ้าห่ม โผล่ให้เห็นแค่ไหล่ขึ้นไปเก็บไว้หลายรูป เอาไว้แบล็คเมล์เนี่ยเฟยเฟยถ้าเธอไม่ยอมเลิกคบกับเนี่ยอี้ โดยจะส่งไปให้เนี่ยอี้ พ่อแม่เนี่ยอี้ และพ่อแม่เธอ
เนี่ยเฟยเฟยพยายามข่มสติให้เยือกเย็น รับมืออย่างใจเย็น บอกว่านายล้ำเส้นของคำว่าเล่นตลกร้ายแล้ว นายกำลังทำผิดกฎหมาย กำลังข่มขู่คุกคามฉันอยู่นะ
เนี่ยอินบอกต่อให้ถือว่าเขาทำผิดกฎหมาย ก็แค่ผิดตรงละเมิดสิทธิส่วนตัวเท่านั้น เพราะใครจะมายืนยันได้ว่าเขากับเธอไม่ได้คบกันอยู่? ปากคนที่พูดลือกันไปน่ะน่ากลัวที่สุดแล้ว เอางี้ เรามาคบกันจริงๆ เถอะ พี่ชายฉันก็จะไม่สะดวกใจมาแย่งแฟนน้อง แล้วไปเลือกซีซีเป็นแฟนเอง แบบนี้จะได้ลงเอยด้วยดีทั้งสองคู่ แล้วกอดเนี่ยเฟยเฟยเริ่มลวนลามเธอ
เนี่ยเฟยเฟย “ถ้านายข่มขืนฉัน นายได้ติดคุกยาว ไม่ก็ถึงประหารชีวิตแน่”
เนี่ยอินไม่เชื่อว่าเธอจะกล้าไปแจ้งตำรวจถ้าโดนข่มขืน ผู้หญิงที่โดนข่มขืนจะพากันอาย ไม่กล้าไปแจ้งตำรวจทั้งนั้น เพราะต้องบรรยายอย่างละเอียดให้ตำรวจฟังว่าโดนทำอะไรยังไงบ้าง พ่อแม่ตัวเองและตัวเองต้องอับอายขายหน้า เนี่ยอินบอก ยิ่งเป็นคนมีชื่อเสียงในวงการถ่ายภาพอย่างเธอ แฟนๆ ของเธอคงชอบอ่านข่าวแบบนี้ของเธอนะ
เนี่ยเฟยเฟย “บอกตามตรงฉันให้คำจำกัดความตัวเองว่าเป็นศิลปิน พวกศิลปินน่ะมีความขัดแย้งอยู่ในตัวกันทั้งนั้นไม่ใช่รึ? คนอื่นจะพูดกันไปยังไงน่ะฉันไม่ค่อยสนใจจริงๆ นั่นแหละ ฉันหลงรักอัจฉริยะที่ถูกผู้หญิงมากมายหลงรัก จึงต้องโชคร้าย ความจริงคำจำกัดความนี้น่าหลงใหลเอาเรื่องเลยแหละ ฉันได้เตรียมใจรับฐานะใหม่นี้แล้ว...ศิลปินที่ต้องโชคร้ายเพราะตกอยู่ในห้วงรัก นับแต่นี้ไปผลงานของฉันจะแฝงสีเทาหม่นอยู่รำไรท่ามกลางสีสันอันสดใส ใช้สิ่งนี้มาสื่อถึงจิตใจอันหม่นหมองและไม่มั่นใจในโชคชะตาของฉัน” เธอช้อนสายตาขึ้นมองเนี่ยอิน “แล้วคุณล่ะ? เนี่ยอิน คุณเตรียมใจพร้อมที่จะติดคุกไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่หรือยัง?”
เนี่ยเฟยเฟยพูดทั้งหมดนี้ออกมาได้โดยที่เสียงไม่สั่นเลย แต่มือที่ถูกมัดไพล่หลังกลับบิดแน่น ความจริงคืออดตื่นเต้นกังวลไม่ได้
เนี่ยเฟยเฟยจ้องตาเนี่ยอินเขม็ง มือของเนี่ยอินที่จับไหล่เธออยู่บีบแน่นจนเธออยากแยกเขี้ยว แต่อดทนไว้ไม่กระดุกระดิก เวลานี้ใครขยับตัวก่อนคนนั้นแพ้
เนี่ยอินจ้องหน้าเธออยู่พักใหญ่ จังหวะที่เธอคิดว่าเขาควรจะด่าออกมาว่า “เธอมันคนบ้าชัดๆ” ประตูห้องด้านนอกก็ถูกเปิดออกดังกริ๊ก
เนี่ยเฟยเฟยนึกว่าคนที่เข้ามาคือพวกเดียวกับเนี่ยอิน เพราะใช้การ์ดเข้ามาแบบปกติ ไม่ใช่ถีบประตูเข้ามาแบบคนมาช่วยที่เห็นในหนังทุกครั้ง แต่กลายเป็นว่าคนที่เข้ามาคือเนี่ยอี้กับผู้จัดการหอประชุม
เนี่ยอินเห็นเนี่ยอี้ ก็กลืนน้ำลายเอื๊อก รีบแก้เชือกให้เนี่ยเฟยเฟย ร้องเรียกว่า “พี่...”
เนี่ยเฟยเฟยลูบข้อมือที่โดนเชือกมัดจนเป็นรอยแดง เนี่ยอี้มองข้อมือเธอ แล้วโทรสั่งให้พนักงานเอาน้ำแข็งประคบขึ้นมา พอพนักงานเอาน้ำแข็งขึ้นมาแล้ว เนี่ยอี้ให้เอาไปวางในห้องรับแขก
เนี่ยอินเรียก “พี่...” อีกครั้ง เนี่ยอี้ไม่สนใจ หันไปถามเนี่ยเฟยเฟยว่าประคบเองได้ใช่ไหม? ให้ทำแบบที่เขาทำให้วันนั้น แล้วให้เธอไปนั่งดูทีวีรอในห้องรับแขกก่อน เขาขอสะสางธุระนิดหน่อย
เนี่ยเฟยเฟยเพิ่งจะเข้าห้องรับแขกไปเปิดทีวี ก็ได้ยินเสียงรื้อห้อง ของตกแตก ฯลฯ ดังมาจากห้องนอน ครู่หนึ่งผ่านไปค่อยได้ยินเสียงเนี่ยอินพูดปนไอว่า “พี่...พี่ต่อยผม นี่ใครเป็นครอบครัวของพี่กันแน่? นี่พี่ต่อยผมเพื่อคนนอกเรอะ?”
น้ำเสียงเนี่ยอี้นิ่งมาก “ฉันจำได้ว่าเมื่อวันก่อนฉันบอกนายแล้วว่า ให้อยู่ห่างๆ จากเฟยเฟยหน่อย”
เนี่ยอิน “ผมกับซีซีต่างหากที่เป็นครอบครัวของพี่ เป็นคนที่ใกล้ชิดพี่ที่สุด! เนี่ยเฟยเฟยไม่ใช่อะไรทั้งนั้น!”
เนี่ยอี้ “ในโลกนี้มีคนในครอบครัวอยู่สองแบบ แบบแรกคือเลือกไม่ได้ อีกแบบคือเราเลือกเองได้”
เนี่ยอินแค่นยิ้มเย็นชา “พี่หมายความว่า ผมกับซีซีเป็นคนในครอบครัวที่พี่ไม่อยากได้แต่เลือกไม่ได้? ส่วนเนี่ยเฟยเฟยต่างหากที่เป็นคนในครอบครัวในอุดมคติที่พี่เลือกให้ตัวเองสินะ?”
เนี่ยอี้ “เจี่ยนซีไม่ใช่คนในครอบครัวของฉัน ส่วนนายถือว่าเป็นครึ่งหนึ่ง”
(โปรดสังเกตว่าเนี่ยอี้เรียก “เจี่ยนซี” ไม่ได้เรียก “ซีซี” อย่างที่เนี่ยอินเรียก แต่เรียกเนี่ยเฟยเฟยว่า “เฟยเฟย”)
เนี่ยเฟยเฟยเคยได้ยินมาก่อนว่า พ่อของเนี่ยอินเป็นลูกเมียน้อย เป็นพี่น้องคนละแม่ของพ่อเนี่ยอี้
เนี่ยอินนิ่งไปพักหนึ่ง แล้วระเบิดออกมาว่า “พี่โกหก พี่เพิ่งจะรู้จักเนี่ยเฟยเฟยนานแค่ไหนเอง ทำไมถึงเห็นเธอเป็นคนในครอบครัวได้? พี่ก็แค่สุ่มหาใครก็ได้สักคนเพราะอยากให้ซีซีตัดใจจากพี่เท่านั้น พี่เห็นว่าความรักที่ซีซีมอบให้พี่เป็นภาระ ทำให้พี่รู้สึกเหนื่อย พี่ก็แค่ ก็แค่...”
เนี่ยอี้เหมือนเริ่มจะรำคาญ ตัดบทว่า “เฟยเฟยไม่ใช่คนที่ฉันแค่สุ่มหามา ขอบอกอีกครั้ง หลังจากนี้นายกับเจี่ยนซีอยู่ให้ห่างๆ จากเธอหน่อยซะ”
จากนั้นกริ่งประตูดังขึ้นถี่ๆ เนี่ยเฟยเฟยเดินเท้าเปล่าไปเปิดประตู เจี่ยนซีโถมเข้ามาขอโทษเนี่ยอี้ เนี่ยอินบอกไปขอโทษทำไม เธอไม่ได้ทำผิดสักหน่อย เขาต่างหากที่ทำ แล้วพูดกับเนี่ยอี้ว่า ในเมื่อพี่อยากแต่งงานกับคนที่ไม่รักพี่ พี่ยิ่งควรจะเลือกเจี่ยนซีเข้าไปใหญ่ เพราะเจี่ยนซีเพิ่งไปตรวจพบว่าเป็นอัลไซเมอร์ อีกไม่ถึงสองปีเธอก็จะลืมพี่และลืมไปแล้วว่าเคยรักพี่ และไม่มีทางนึกออกอีกด้วย พี่จะไม่ต้องทนอึดอัดกับการถูกรักไปตลอดกาล
เจี่ยนซีพยายามห้ามเนี่ยอินให้หุบปาก แต่เนี่ยอินไม่ฟัง พูดออกมาจนจบ
เนี่ยเฟยเฟยดูเจี่ยนซีร้องห่มร้องไห้แล้วบอกไม่ถูก เหมือนเจี่ยนซีเป็นคนถูกจับตัวมามัด + ถ่ายรูปแบล็คเมล์ซะงั้น แทนที่จะเป็นเธอ เธอที่โดนเนี่ยอินเล่นงานซะหนักยังไม่ร้องไห้เลย แต่พอฟังที่เนี่ยอินพูด เนี่ยเฟยเฟยก็เห็นว่า ตอนนี้เนี่ยอี้ต้องเลือกระหว่างเธอกับเจี่ยนซี ซึ่งเนี่ยอี้ก็ไม่ได้รักทั้งคู่ ส่วนตัวเธอ ถ้าเนี่ยอี้รักเธอ เธอจะไม่ยอมยกเขาให้เจี่ยนซีเด็ดขาด แต่ในเมื่อเขาไม่ได้รักเธอ เธอเองก็ไม่ได้หน้าด้าน + ใจร้ายพอจะไปแย่งผู้ชายกับคนป่วยเป็นอัลไซเมอร์ เธอจึงตัดสินใจพูดออกมาว่า “ฉันขอถอนตัว”
เจี่ยนซีตะลึงมองเนี่ยเฟยเฟย เนี่ยอินที่หน้ายับเพราะถูกอัดถามอย่างสงสัยว่า “เธอถอนตัว? ถอนตัวจากอะไร?”
เนี่ยเฟยเฟยเห็นว่าหากเนี่ยอี้ต้องการภรรยาที่รู้หน้าที่ แต่ไม่มีทางรักเขา การเลือกเจี่ยนซีที่เป็นอัลไซเมอร์ก็เหมาะกว่าจริงๆ ในระยะยาว เขาแค่ต้องคอยดูแลตอนเจี่ยนซีอาการหนักมากขึ้นเรื่อยๆ เท่านั้น
เนี่ยเฟยเฟยเดินเข้าไปตรงหน้าเนี่ยอี้ มองตาเขา แล้วอยู่ๆ ก็เขย่งเท้าโอบคอเขา จูบมุมปากเขา หลับตาลง เนื่องจากขาเธอยังไม่หายเจ็บดี จึงเซเล็กน้อย เนี่ยอี้รีบยื่นมือมาโอบเอวเธอไว้ช่วงพยุง
เธอกระซิบชิดปากเขาว่า “ด็อกเตอร์เนี่ย คุณดูสิว่าคุณมีเรื่องยุ่งเหยิงเยอะออกอย่างนี้ แล้วทำไมถึงยังมายุ่งกับฉันอีกล่ะ? เนี่ยอี้ ต่างฝ่ายต่างถนอมตัว ต่างฝ่ายต่างมีความสุขนะ”
เนี่ยเฟยเฟยมีความกล้ามากมาย แต่ไม่รวมถึงการดูสีหน้าของเนี่ยอี้ในตอนนั้น หลังจากพูดจบ เธอก็ปล่อยมือจากเขา และเดินจากไปโดยที่เนี่ยอี้ไม่ได้พูดรั้งตัวเธอไว้
แม้จะต้องจบกันแบบนี้ เนี่ยเฟยเฟยก็ยังนึกขอบคุณเนี่ยอี้ ที่ได้มอบช่วงเวลาอันแสนสุขซึ่งเธอไม่เคยแม้แต่จะคิดฝันมาก่อนให้แก่เธอ มันจะฝังอยู่ในใจเธอ และทำให้เธอไม่เหมือนที่ผ่านมาอีกต่อไป
วันรุ่งขึ้น เนี่ยเฟยเฟยกับถงถงบินไปเกาะไวโอเล็ต ที่อินโดนีเซีย แม่ของเธอเป็นห่วงลูกสาวที่ดูมีอาการเฮิร์ตเรื่องงานหมั้นล่ม จึงเอาดิกภาษาเยอรมันเล่มหนาปาหัวหมาแตกให้ลูกสาวท่องศัพท์ไประหว่างไปทำงาน จะได้ลืมเรื่องที่อกหัก เหมือนคราวหร่วนอี้เฉิน แล้วแม่จะโทรไปตรวจสอบเรื่อยๆ ว่าท่องศัพท์ไปถึงไหนแล้ว
เนี่ยเฟยเฟยอยากร้องไห้กับความคิดของแม่มาก เธอไม่อยากท่องดิก
เนี่ยเฟยเฟยบังเอิญเจอกับเซี่ยหมิงเทียนบนเครื่องบิน เนื่องจากนิสัยเข้ากันได้ จึงคุยกันถูกคอ และกลายเป็นเพื่อนกัน เซี่ยหมิงเทียนเดินทางไปถ่ายทำหนังเรื่องหนึ่งที่ผู้กำกับกะเล็งกล่อง
เมื่อเนี่ยเฟยเฟยไปถึงจุดหมายปลายทางที่ทำงาน ก็เริ่มต้นทำงานอย่างลืมวันลืมคืน จนเวลาสองเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว งานมีแววจะเสร็จก่อนกำหนด บนเกาะไวโอเล็ตก็เริ่มมีแขกทยอยกันมา เป็นแขกที่มาร่วมในงานรายงานผลงานการทดลองด้านชีววิทยา + งานปาร์ตี้ที่ภรรยาเจ้าของเกาะจัดขึ้นทุกปี
เนี่ยเฟยเฟยรู้มาว่านี่เป็นงานปาร์ตี้ที่เชิญแต่นักชีววิทยาหัวกะทิในหัวกะทิที่ค้นคว้าในเรื่องที่ไม่เป็นที่ยอมรับในโลกสว่างหรือผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม แต่ระดับความยอดเยี่ยมเท่าเทียมหรือเหนือกว่ารางวัลโนเบล นักชีววิทยาทั้งหลายต่างมองว่าการได้รับเชิญมางานนี้มีหน้ามีตายิ่งกว่าได้รับรางวัลโนเบลเสียอีก
ทีมงานของเนี่ยเฟยเฟยก็ได้รับเชิญให้อยู่ร่วมสนุกในปาร์ตี้ครั้งนี้ด้วย เพราะยังทำงานกันไม่เสร็จดีในช่วงที่บนเกาะจัดปาร์ตี้
บนเกาะมีบาร์อยู่แห่งหนึ่งไว้บริการลูกค้า เป็นบาร์ที่พวกเนี่ยเฟยเฟยไปนั่งกันประจำ ปกติคนจะโหรงเหรง แต่วันนี้คนแน่น เพราะแขกในงานปาร์ตี้ทยอยกันมาเยอะแล้ว
เนี่ยเฟยเฟยเห็นเจี่ยนซีนั่งอยู่ในบาร์ นั่งร่วมโต๊ะกับหนุ่มฝรั่งรูปหล่ออายุประมาณ 40 ปีคนหนึ่ง ให้เขาจับจูบมือ คุยหัวร่อต่อกระซิกกับเขาเหมือนเป็นแฟนกันมากกว่าคนรู้จักเฉยๆ เธอจึงสงสัยว่าทำไมเจี่ยนซีถึงมาโผล่ที่นี่ แล้วเนี่ยอี้ล่ะ?
เนี่ยเฟยเฟยเดินเข้าไปหาเจี่ยนซี เจี่ยนซีทำหน้าตกใจมากที่พบเธอ เนี่ยเฟยเฟยบอกขอนัดคุยกันตามลำพังหน่อยนะ ที่บาร์นี้ตอนสองทุ่ม ได้ไหม? เจี่ยนซีตอบตกลง เนี่ยเฟยเฟยจึงขอตัว
จากนั้นตอนจะออกจากบาร์ เนี่ยเฟยเฟยจึงหันไปเห็นว่าเนี่ยอี้นั่งอ่านนิตยสารอยู่ตรงมุมหนึ่งของบาร์ กำลังเงยหน้าขึ้นมองเธอ เธอจึงรู้ว่าเจี่ยนซีมากับเนี่ยอี้นี่เอง เนี่ยอี้เป็นนักชีววิทยาระดับหัวกะทิ คงได้รับเชิญมาในงานปาร์ตี้นี้ด้วย เนี่ยเฟยเฟยยิ้มและพยักหน้าให้เนี่ยอี้ เนี่ยอี้ขมวดคิ้ว แต่ก็พยักหน้าตอบ
ฉุนอวี๋เหวยที่มาบาร์กับเนี่ยเฟยเฟยเห็นอย่างนี้ จึงถามเนี่ยเฟยเฟยว่ารู้จักคนประหลาดแบบนี้ด้วยหรือ? เนี่ยเฟยเฟยย้อนถามว่ารู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นคนประหลาด? ฉุนอวี๋เหวยบอก ก็นักชีววิทยาที่ได้รับเชิญมาในงานนี้ได้ มีแต่คนประหลาดในคนประหลาดทั้งนั้น
สองทุ่ม เนี่ยเฟยเฟยไปที่บาร์พบกับเจี่ยนซีตามที่นัดกันไว้ ตอนนั้นหน้าตาเนี่ยเฟยเฟยเดือดจัดน่ากลัวมากจนผู้ช่วยบอกว่า เจี่ยนซีเห็นหน้าคุณเข้า มีหวังได้ร้องไห้โฮจนไม่เป็นอันคุยกันแน่ และเสนอให้เนี่ยเฟยเฟยฮัมเพลงให้ตัวเองใจเย็นกว่านี้ก่อนไปนัดพบ เนี่ยเฟยเฟยดันฮัมเพลงต่อสู้ เตรียมออกศึกเต็มที่
เนี่ยเฟยเฟยไปก่อนเวลา 40 นาที เจี่ยนซีมาสาย 15 นาที เจี่ยนซีมาถึง เนี่ยเฟยเฟยก็ใส่ตรงๆ เลยว่า ที่ฉันนัดคุณออกมานี่ก็เพราะอยากจะถามว่า คุณคบกับเนี่ยอี้ไปพลางนัดเดตกับหนุ่มอื่นไปพลางนี่ หมายความว่ายังไง?
เจี่ยนซีตาแดงก่ำ “ฉันเปล่านะ คุณหนูเนี่ย คุณไม่มีสิทธิ์มาว่าฉัน”
เนี่ยเฟยเฟย “ก็จริง ชีวิตรักของคุณหนูเจี่ยน ฉันไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งจริงๆ นั่นแหละ แต่ตอนนั้นที่ฉันขอถอนตัว เพราะอยากให้เนี่ยอี้สบาย”
เจี่ยนซีนิ่งไป แล้วพูดว่า “สองเดือนมานี้ ฉันไม่ถือว่าได้คบกับเนี่ยอี้หรอก ฉันรู้ว่าคุณมองฉันยังไง แต่คุณไม่ใช่ฉัน จะมาเข้าใจความรู้สึกของฉันได้ยังไง”
เนี่ยเฟยเฟยทำมือเป็นความหมาย เชิญเล่ามาได้เลยค่ะ ฉันยินดีฟังรายละเอียด
เจี่ยนซี “ฉันหลงรักเนี่ยอี้มาตั้งแต่เด็ก ความจริงมีคนเยอะแยะที่ก็หลงรักเขาเหมือนกัน แต่เนี่ยอี้นิสัยเย็นชา คนอื่นๆ ที่รักเขาจึงทนรักเขาไม่ได้ตลอดรอดฝั่ง ฉันมักจะคิดว่าบางทีในโลกนี้ฉันนี่แหละที่รักเขามากที่สุด เขาไม่ตอบสนองความรักของฉันก็ไม่เป็นไร ยังไงสักวันหนึ่งเขาต้องนึกตื้นตันแน่ หลายปีมานี้ฉันแทบจะอยู่มาได้ด้วยการยึดติดกับความคิดแบบนี้
“แต่การปรากฏตัวของคุณทำให้ฉันคาดไม่ถึงมาก การยอมรับความจริงเรื่องนี้มันยากมาก ฉันลองพยายามที่จะยอมรับมันมาตลอด แต่ไม่นึกเลยว่าระหว่างนี้จะตรวจพบว่าเป็นโรค ตอนนั้นฉันคิดจะลืมเนี่ยอี้จริงๆ ไม่ได้นึกอยากจะทำลายความสัมพันธ์ของคุณกับเนี่ยอี้เลย ที่เนี่ยอินทำแบบนั้นฉันต้องขอโทษอย่างมาก แต่ฉันไม่นึกเลยว่าคุณจะถอนตัว การถอนตัวของคุณให้ความหวังกับฉัน ฉันยอมรับว่าการคิดแบบนี้เห็นแก่ตัวมาก แต่ตอนนั้นฉันดีใจจริงๆ”
เนี่ยเฟยเฟย “ในเมื่อดีใจ งั้นก็ดีกับเนี่ยอี้เสียสิ”
เจี่ยนซี “เขาช่วยติดต่อโรงพยาบาลให้ฉัน หาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญชื่อดังให้ฉัน แต่เราไม่ได้คบกัน ต่อให้รู้ว่าฉันป่วย รู้ว่าโรคนี้รักษาให้หายขาดไม่ได้ เขาก็ไม่ยอมให้ทานเศษเสี้ยวของความรักแก่ฉันเลย ฉันยังคงเป็นฝ่ายรักเขาจะเป็นจะตายอยู่เหมือนเดิม ส่วนเขาไม่มีการตอบสนองใดๆ สักนิด”
เนี่ยเฟยเฟยเงียบไปอึดใจใหญ่ ถามเธอว่า “คุณคิดว่า ‘คบกัน’ ควรจะเป็นยังไงหรือ? หรือการได้อยู่ข้างๆ เขายังไม่พออีก?”
เจี่ยนซียิ้ม “ไม่พอหรอกค่ะ ที่คุณพูดออกมาแบบนี้ได้ เป็นเพราะคุณไม่เคยรักใครอย่างแท้จริงมาก่อน ถ้าคุณรักใครเข้าจริงๆ คุณจะอยากให้ทั้งหมดของเขาเป็นของคุณ ในสายตาของเขามีแต่คุณ”
เนี่ยเฟยเฟย “คุณเห็นว่าการรักเขาขมขื่นเกินไป ไร้ความหวังเกินไป จึงไม่คิดจะรักต่อไปอีก?”
เจี่ยนซีกัดริมฝีปาก “ฉันไม่รู้ ฉันสับสนมาก ฉัน...”
เนี่ยเฟยเฟยมองหน้าอีกฝ่าย พูดเสียงเรียบสนิท “คุณกับฉันต่างรู้ดีว่าเนี่ยอี้เป็นคนที่ไม่มีทางรักใคร ต่อให้เป็นอย่างนี้ก็ยังคงอยากจะคบกับเขา งั้นก็ห้ามเรียกร้องมากเกินไป คนที่บอกว่ารักเนี่ยอี้มาหลายปีอยากจะคบกับเขาคือคุณ คนที่พอเขาไม่ตอบสนองความรักของตัวเอง ก็เริ่มออกเดตกับผู้ชายคนอื่นก็คุณอีกนั่นแหละ คุณทำให้ฉันรู้สึกว่าที่ตอนนั้นฉันขอถอนตัวเป็นเรื่องน่าขำโดยสิ้นเชิง”
เจี่ยนซีหน้าแดงก่ำ “ก็คุณไม่ได้รักเนี่ยอี้ ก็ต้องถอนตัวได้ง่ายกว่าอยู่แล้วสิคะ แต่คุณไม่มีทางเข้าใจหรอกว่าที่ฉันตัดใจตอนนั้นน่ะฉันทำใจได้ยากมากแค่ไหน อย่างน้อยเนี่ยอี้ก็เคยขอคุณแต่งงาน ซึ่งฉันอยากได้แค่ในฝันก็ยังดี คุณไม่รู้หรอกว่าฉันน่ะอิจฉาคุณมากแค่ไหน เพราะคุณไม่ได้รัก จึงเหมือนสามารถเห็นได้ชัดเจนด้วยสายตาของคนนอก แต่คุณไม่สมควรจะอาศัยข้อได้เปรียบนี้มาตำหนิฉัน เพราะคุณไม่มีทางเข้าใจความขมขื่นของฉัน ฉันเห็นซึ้งในความรักครั้งนี้แล้ว อยากจะเสาะหาความสุขครั้งใหม่ แล้วทำไมถึงจะไม่ได้ล่ะคะ?”
เนี่ยเฟยเฟยคิดว่ามันก็ใช่อยู่หรอก แต่ผู้หญิงคนนี้นี่ขัดแย้งในตัวเองจริงๆ “เดิมทีฉันน่ะคิดว่าคุณสองคนจะมีความสุขมาก จะรักหรือไม่รักมันจะไปสำคัญอะไร ต่างคนต่างได้พอใจในสิ่งที่ต้องการก็พอแล้ว ที่แท้สิ่งที่คุณต้องการไม่ใช่ว่าแค่ได้อยู่กับเขาก็เพียงพอ แบบนี้ฉันขอคอนเฟิร์มกับคุณอีกครั้ง คุณตัดใจจากเนี่ยอี้แล้วจริงๆ ใช่ไหม? งั้นฉันจะขอรับช่วงเนี่ยอี้ไปอีกครั้งล่ะนะ”
เจี่ยนซีมองหน้าเนี่ยเฟยเฟยอย่างประหลาดใจ “เนี่ยอี้ไม่ได้รักคุณ คุณอย่าเป็นแมงเม่าบินเข้ากองไฟอย่างฉันเลย การแต่งงานที่ไม่มีความรักน่ะไม่เหมาะสมหรอก”
เนี่ยเฟยเฟย “เขาไม่จำเป็นต้องรักฉัน ให้เงินฉันใช้ก็พอแล้ว ความจริงฉันไม่เรียกร้องเงื่อนไขจากการแต่งงานโหดเท่าไหร่นักหรอก”
เจี่ยนซี “คุณไม่ได้ขาดเงินสักหน่อย”
เนี่ยเฟยเฟย “ขาดสิคะ ขาดมากเลยด้วย” ราคาเครื่องช่วยดำน้ำที่ช่วยให้ดำน้ำทะเลลึกหมื่นเมตรน่ะ ตอนนี้ราคาเก้าหลักขึ้นทั้งนั้น จากนั้นพูดต่อว่า “ความจริงเรื่องความรักน่ะ ฉันก็พอจะเข้าใจอยู่บ้างเหมือนกันค่ะ อาจจะไม่ได้เข้าใจลึกซึ้งเท่าคุณ แต่ฉันเห็นว่าถ้าฉันรักใครสักคน ขอแค่เขาสุขภาพแข็งแรงและมีความสุขก็พอแล้ว”
เจี่ยนซี “คุณพูดได้ง่ายดีนะคะ ถ้าคนที่คุณรักอยู่กับคนอื่นแล้วมีความสุขยิ่งกว่าอยู่กับคุณมากล่ะ?”
เนี่ยเฟยเฟย “งั้นก็ปล่อยมือไปเลย เขามีความสุขของเขา ฉันก็มีความสุขของฉัน”
แยกจากเจี่ยนซีแล้ว เนี่ยเฟยเฟยเดินเล่นให้หายหงุดหงิดอยู่พักหนึ่ง พอกลับไปที่ห้อง ถงถงก็บอกว่าเนี่ยอี้แวะมาหา พอรู้ว่าเนี่ยเฟยเฟยไม่อยู่ ก็ทิ้งของไว้ให้ เป็นกำไลอย่างแพงหนึ่งขอน
แก้ไขเมื่อ 9 ต.ค. 2560, 20:00 โดย หลินโหม่ว