เรื่องเล่าจากมุมมองของเนี่ยอี้
นึกถึงครั้งแรกที่เขาสังเกตเห็นเนี่ยเฟยเฟย คือในนิตยสาร “เซินหลาน เว่ยหลาน” สิ่งที่สะดุดตาเขา คือภาพถ่ายที่เธอถ่าย ซึ่งแฝงอารมณ์ความรู้สึกเอาไว้มากมายในดวงตาของปลาในภาพ นามแฝงของเธอคือ เป้ยเยี่ย
หลังจากนั้นเขาได้เห็นภาพถ่ายฝีมือเธอมากขึ้นเรื่อยๆ ในภาพถ่ายของเธอแฝงโลกทั้งใบเอาไว้ เธอเหมือนจะมีอารมณ์ความรู้สึกกับโลกใต้ทะเลอย่างไม่มีวันจบสิ้น อยากรู้ รัก ทอดถอนชมเชย สงสาร ปวดร้าวเสียดาย
เขาเคยจินตนาการว่าต้องเป็นคนที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกมากมายแค่ไหน ถึงจะสามารถทำให้ภาพถ่ายผลงานของตัวเองทุกภาพสะท้อนความรู้สึกเหล่านี้ออกมาอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรมได้
ต่อมาเขาได้ประมูลภาพถ่ายม้าน้ำของเธอมาในงานประมูลการกุศลแห่งหนึ่ง พิธีกรของบริษัทประมูลชวนเขาคุยสองสามคำ บอกว่าช่างภาพของภาพถ่ายนี้ก็แซ่เนี่ยเหมือนกัน ชื่อว่า เนี่ยเฟยเฟย มาจากเมือง S เหมือนเขาด้วย เขาเป็นคนประมูลภาพนี้ของเธอไปได้ ก็ถือว่ามีวาสนาต่อกัน
เขาค่อยรู้ชื่อจริงของเธอก็ตอนนั้น...เนี่ยเฟยเฟย
ต่อมาอีก ในงานราตรีของน้าสาวเซี่ยหลุน เขาได้พบตัวจริงของเนี่ยเฟยเฟยเป็นครั้งแรก ตอนนั้นเธอกำลังเต้นรำอยู่ในฟลอร์กับลูกชายไม่เอาถ่านของบ้านสกุลฟู่
ตอนนั้น เซี่ยหลุนถามเขาว่า “เด็กผู้หญิงคนนั้นใครน่ะ? ไม่รู้นิสัยของฟู่ส้าวอวี่หรือยังไงกันแน่ ดันกล้าไปเต้นรำกับเขาได้”
ฟู่ส้าวอวี่ ลูกชายคนเล็กของสกุลฟู่สมองมีปัญหาเล็กน้อย เด็กผู้หญิงทำดีกับเขาหน่อยมักจะถูกเขาตามตื๊อติดหนึบ ผู้โชคร้ายคนก่อนคือเปี่ยวเม่ยของแฟนในตอนนั้นของเซี่ยหลุน เปี่ยวเม่ยคนนั้นโดนตามตื๊อจนแฟนขอเลิก งานหมั้นถูกยกเลิก แถมยังเกือบได้เป็นโรคซึมเศร้า สุดท้ายได้แต่เดินทางไปลี้ภัยที่อเมริกา
มีเพื่อนที่เป็นหมอคนหนึ่งผ่านเข้ามาทักทายเขาสองคนพอดี พอได้ยินเซี่ยหลุนพูดถึงคู่เต้นรำของฟู่ส้าวอวี่ ก็ต่อให้ว่า “เด็กผู้หญิงคนนั้นหรือ ก็ เนี่ยเฟยเฟย ลูกสาวคนเดียวของประธานบริษัทเชียนจื้อฉวนเหมยไง เป็นช่างภาพถ่ายรูปทะเล ทำงานถ่ายรูปอยู่แต่ข้างนอกตลอดทั้งปี หายากนะที่มาโผล่ในงานแบบวันนี้ได้”
เซี่ยหลุน “มิน่าล่ะถึงได้ไม่คุ้นหน้า”
เพื่อนหมอพูดยิ้มๆ ว่า “อายุยังน้อย แต่ถ่ายรูปได้เจ๋งมากเลยแหละ ‘เซินหลาน เว่ยหลาน’ ถึงกับเปิดคอลัมน์ภาพให้เธอโดยเฉพาะเลย นิสัยแบบศิลปินล่ะมั้ง ไม่ค่อยสนใจข่าวลือพวกนี้ในวงการซักเท่าไหร่ คงจะเห็นฟู่ส้าวอวี่ไปขอเต้นรำแล้วถูกสาวหาข้ออ้างปฏิเสธหลายรายติดกันจนดูน่าสงสารนั่นแหละ ผ่านทางพบความอยุติธรรมชักดาบเข้าช่วยน่ะดี แต่น่าเสียดายที่ดันสงสารผิดคน โดนฟู่ส้าวอวี่เกาะหนึบเข้าให้ซะแล้ว...”
เนี่ยอี้มองดูเธอจากมุมมืดของระเบียงซึ่งมีม่านไข่มุกห้อยลงมาบังอีกชั้น ทำให้ขวางกั้นมุมนี้จากสายตาของคนในฟลอร์เต้นรำโดยสิ้นเชิง
เนี่ยเฟยเฟยสวยมาก รูปร่างสูงเพรียว แต่งหน้างามประณีต เสื้อผ้าการแต่งตัว บุคลิกกิริยา เป็นกุลสตรีแบบมาตรฐาน แต่มองแบบใจเป็นกลาง เธอไม่ใช่คนที่สวยที่สุดและสง่าที่สุดในฟลอร์ แต่เพราะเธอคือเนี่ยเฟยเฟย คืนนั้นเขาจึงสังเกตเห็นแต่เธอคนเดียว
สีหน้าของเนี่ยเฟยเฟยดูมีเอกลักษณ์อย่างมาก เธอมอบความรู้สึกให้แก่โลกใต้ทะเลอย่างไม่มีออมรั้ง แต่กับโลกแห่งแสงสีของมนุษย์ เธอดูจะเว้นระยะห่างอย่างประหลาด
ประจวบกับที่เนี่ยเฟยเฟยกับฟู่ส้าวอวี่เต้นเข้ามาใกล้ตำแหน่งระเบียงที่พวกเขายืนอยู่พอดี สายตาเธอค่อนข้างเย็นชา ดูไม่ได้มีความกระตือรือร้น ฟู่ส้าวอวี่เต้นไม่เก่ง แค่เวลาสั้นๆ นาทีเดียวก็เหยียบเท้าเธอไปแล้วสามสี่ครั้ง เอาแต่ขอโทษไม่ได้หยุด
เซี่ยหลุนเห็นว่าหญิงงามสายเย็นชาแบบนี้ ปฏิกิริยาทั่วไปที่ควรมีน่าจะเป็นอดทนข่มกลั้นไปเงียบๆ แต่นึกไม่ถึงว่าเนี่ยเฟยเฟยกลับพูดออกมาว่า “มิสเตอร์ คุณอย่าตื่นเต้นขนาดนี้สิ รักษาความถี่กับความแรงในการเหยียบเท้าฉันแบบเมื่อตอนแรกสุดนั่นแหละดีแล้ว ฉันเห็นว่าหลังจากคุณเหยียบเท้าฉันแล้ว ไม่ต้องลองขยี้เท้าซ้ำดูว่าเหยียบเต็มเท้าหรือยังก็ได้ค่ะ จริงๆ นะ...”
ตอนที่เนี่ยเฟยเฟยพูดประโยคนี้ เขากับเพื่อนหมอหยุดคุยกันทันที เซี่ยหลุนยิ้มพลางก้มหน้าลงดื่มเหล้า เพื่อนหมอก็ยิ้ม “ดูแล้วเข้าใกล้ยากยาก แต่พูดจาเข้าท่าดีแฮะ” แล้วหันมาพูดกับเขา “เหมือน Yee มากเลยนะ”
เขาเงยหน้าขึ้นดูที่ฟลอร์ พักใหญ่ค่อยพูดว่า “เคยเห็นผลงานของเธอ ถ่ายได้ไม่เลวเลย”
เพื่อนหมอทำหน้าตะลึง “Yee นายรู้จักเธอด้วยหรือ?”
เขาตอบว่า “เพิ่งเคยเจอตัวจริงเป็นครั้งแรก”
ตอนจะกลับบ้าน ระหว่างรอรถมารับ เขากับเซี่ยหลุนได้เจอเนี่ยเฟยเฟยอีกครั้งริมสระน้ำพุ เนื่องจากมีรูปปั้นหินอ่อนรูปเทพีแห่งโชคชะตาสามองค์คั่นกลาง เธอจึงมองไม่เห็นเขา และถ้าไม่ใช่เพราะเพื่อนของเธอ (น่าจะคังซู่หลัว) สั่งสอนเธอซะเสียงดัง เขากับเซี่ยหลุนก็คงไม่ได้สังเกตเหมือนกันว่าเธอยืนอยู่ตรงนั้น
คังซู่หลัว “เฟยเฟยเอ๋ย บอกเธอแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าไปซี้ซั้วผดุงคุณธรรมช่วยใครเขาอีก เธอจะไปรู้ได้ยังไงกันยะว่าคนที่เธอช่วยน่ะไม่ใช่งูเห่า? โจวเพ่ยนี่เป็นตัวอย่างนึงเลย อีตาฟู่ส้าวอวี่นี่สงสัยจะเป็นอีกตัวอย่างนึงด้วย เมื่อกี้ฉันได้ยิน Lilin เล่าเรื่องผู้หญิงคนก่อนที่ตานี่ไปตามตื๊อแล้วขนหัวลุกเลยแหละ ถ้าวันหลังเขามาตามตื๊อเธอแบบนั้นด้วยแล้วเธอจะทำยังไง?”
เนี่ยเฟยเฟยดูนิ่งมาก “แต่จะให้เพราะกลัวว่าจะช่วยคนผิด แล้วนับจากนี้ไปเลยไม่ช่วยใครอีกก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ ฉันว่าเรื่องนี้ดูแล้วคนเขาลือกันไปเองมากกว่า โลกนี้หรือจะมีคนที่โอเวอร์ขนาดนั้น เธออย่าขู่ตัวเองไปหน่อยเลย”
คังซู่หลัวร้อนใจ “เธอน่ะใจกว้างเกินไปแล้ว โลกนี้กว้างไพศาลมีเรื่องประหลาดสารพัด เกิดโอเวอร์ขนาดนั้นขึ้นมาจริงๆ ล่ะ?”
เนี่ยเฟยเฟย “ถ้าเวอร์ขนาดนั้นจริงๆ...งั้นก็ต้องอบรมเป็นหลักสิ”
คังซู่หลัว “ถ้าอบรมแล้วไม่มีประโยชน์ล่ะ?”
เนี่ยเฟยเฟย “งั้นก็ลงโทษสิ”
คังซู่หลัว “อืม ลงโทษ...หา? ลงโทษ? ลงโทษ...หมายความว่าไง?”
เนี่ยเฟยเฟยอธิบาย “ตื๊อหนึ่งหนอัดหนึ่งครั้งน่ะสิ”
คังซู่หลัวเหมือนเอามือปิดปาก “อัด...อัดอีกแล้ว? ถ้าอัดแล้วยังไม่มีประโยชน์ล่ะ?”
เนี่ยเฟยเฟย “งั้นก็อัดต่อไป อัดจนกว่าเขาจะยอมเชื่อฟังนั่นแหละ”
คังซู่หลัว “อัด...ไม่ได้นะ อีตาฟู่ส้าวอวี่นี่ไม่ค่อยเหมือนคนอื่น เธอไม่ดีกับเขา เขาจะอาละวาดจะฆ่าตัวตายนะ ฟังว่าเขาขู่จะฆ่าตัวตายกับผู้หญิงคนก่อนที่เขาตามตื๊อ ต่อมาผู้หญิงคนนั้นทนไม่ไหวประสาทกินเกือบได้ฆ่าตัวตายไปด้วยอีกคน ไปอยู่โรงพยาบาลตั้งครึ่งเดือนแน่ะถึงค่อยหาย เธอคิดดูสิว่าเกิดเธออัดเขา แล้วเขาไปฆ่าตัวตายเพราะถูกเธออัด...”
เนี่ยเฟยเฟยพูดอย่างอ่อนโยน “งั้นก็ส่งพวงหรีดไปให้สิ”
คังซู่หลัวตกตะลึงไปอึดใจใหญ่ “...ถึงจะรู้สึกว่ามีตรงไหนแปลกๆ สักที่ แต่ดูเหมือนควรจะส่งพวงหรีดไปให้แหละนะ”
บทสนทนานี้ทำเอาเซี่ยหลุนขำกลิ้งไปหนึ่งนาทีกว่าๆ เขาเองก็ยิ้มเหมือนกัน หลังจากนั้นรถของเขาได้มาถึง เขาจึงขึ้นรถจากไป
หลังจากนั้นได้ยินว่าฟู่ส้าวอวี่ไปตามตื๊อเนี่ยเฟยเฟยจริงๆ ตอนแรกเธอยังมีมารยาทกับฟู่ส้าวอวี่มาก ผลคือฟู่ส้าวอวี่ได้คืบเอาศอก ตามตื๊อหนักข้อเกินเหตุขึ้นเรื่อยๆ เนี่ยเฟยเฟยพูดจริงทำจริง อัดฟู่ส้าวอวี่ไปสองหนจริงๆ
ฟู่ส้าวอวี่ไม่ได้ฆ่าตัวตาย แต่หลังจากนั้นตระกูลฟู่ได้หาเรื่องถอดรายการบันเทิงของบริษัทพ่อเนี่ยเฟยเฟย ให้รายการของบริษัทอื่นเข้ามาแทน กะว่าจะใช้สั่งสอนเนี่ยเฟยเฟย แล้วหลังจากนั้นยังพยายามหาเรื่องบริษัทของพ่อเนี่ยเฟยเฟยอยู่เรื่อยๆ
เขาแอบยื่นมือเข้าช่วยบริษัทของพ่อเนี่ยเฟยเฟยทุกครั้งที่ถูกบ้านฟู่ส้าวอวี่หาเรื่อง ซึ่งปกติเขาจะไม่สอดมือเข้ายุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนั้น ตอนนั้นเขากับเนี่ยเฟยเฟยยังไม่ได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการ
เซี่ยหลุนถามเขาว่าทำไมอยู่ดีๆ ถึงสอดมือเข้ายุ่งกับเรื่องนี้
เขาตอบว่า มีบางคนเป็นคนดีแต่ยืนหยัดด้วยตัวเองไม่ได้ มีบางคนยืนหยัดด้วยตัวเองได้ กลับไม่ยอมทำเรื่องดีๆ คนอย่างเนี่ยเฟยเฟยหาได้ยาก เขาชื่นชมเธอ
หลังจากนั้นมา เขาได้ยินคำเล่าลือบางอย่างเกี่ยวกับเนี่ยเฟยเฟยเพิ่มเติม ถึงค่อยรู้ว่าบางทีเธอน่าจะไม่ได้เว้นระยะห่างกับโลกของมนุษย์หรอก เธอแค่มีโลกส่วนตัวของเธอเอง ซึ่งผู้คนและเรื่องราวที่อยู่นอกโลกส่วนตัวใบนั้นของเธอ เธอจะไม่สนใจ และขี้เกียจจะไปสนใจ แต่บางครั้งเธอจะรู้สึกน่าสนุก ดังนั้นในดวงตาของเธอจึงมักจะแฝงความรู้สึกสนใจต่อโลกใบนี้ ถ้อยคำที่พูดออกมาก็มักจะมีอารมณ์ขันช่างแซว
เธอเป็นเหมือนเงือกสาวแสนสวย มาจากท้องทะเลขึ้นมาเยือนโลกมนุษย์ แต่เพราะสักวันหนึ่งก็ต้องหวนคืนสู่ท้องทะเล จึงแฝงความไร้เดียงสาและห่างเหินซึ่งมีแต่ในตัวของอาคันตุกะผู้ผ่านทางเท่านั้น และได้สร้างโลกของตัวเองให้แก่ตัวเอง นั่นแหละคือที่สถิตของความไร้เดียงสาของเธอ เธอได้เก็บผู้คนและเรื่องราวที่เธอชอบเอาไว้ในโลกใบเล็กๆ ที่เธอสร้างขึ้นมาบนบก ในโลกใบนั้นมีแต่ความรักและความอบอุ่น ไม่มีความเจ็บปวดทุกข์โศกเสียใจใดๆ ทั้งสิ้น
เขาบอกไม่ได้แน่ชัดว่าเมื่อไหร่กันที่ตัวเขาเริ่มอยากจะเดินเข้าไปในโลกใบเล็กๆ ของเธอ เป็นในงานปาร์ตี้เลือกภรรยาที่น่าเบื่อสุดแสนนั่น เมื่อเขามองผ่านกระจก น้ำ และปลาเขตร้อน ไปเห็นเธอที่เดินเรื่อยเปื่อยสบายอารมณ์อยู่นอกตู้กระจก หรือในห้องดื่มน้ำชาของเซียงจวีถ่า เมื่อเขามองทะลุม่านไข่มุกสีรุ้งไปเห็นเธอที่เดินอย่างสบายอารมณ์มาตามนัดดูตัว?
เนิ่นนานมานี้ สิ่งที่เขาไม่เคยบอกกับเธอมาโดยตลอดคือ ตลอดมาเขาเองเป็นฝ่ายที่อยากจะเดินเข้าไปในโลกของเธอ โลกใบนั้นดึงดูดเขามากเกินไป
และมาบัดนี้เขาค่อยได้ตระหนักในที่สุด ว่านั่นคือโลกที่เธอได้สร้างขึ้นมาเพื่อเขา
แก้ไขเมื่อ 9 ต.ค. 2560, 21:07 โดย หลินโหม่ว