องก์ที่ 2
หากรักมีชีวิตอื่น (3)
หลังจากเหตุการณ์เนี่ยอินหาเรื่อง เนี่ยเฟยเฟยก็ปิดด่านกักตัวทำงานต่อ
ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ วันหนึ่ง ถงถงมาเคาะประตูเรียกเธอ บอกมีโทรศัพท์ ปรากฏว่าเลขาฉู่ของเนี่ยอี้โทรมาหาเธอ บอกเรื่องซีเรียสว่า มีคนส่งจดหมายสนเท่ห์ไปให้เนี่ยอี้ เขียนใส่ร้ายเธอว่า เธอเป็นคนร่าน ชอบจับผู้ชายเก่งๆ ดังๆ สมัยยังเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากสลัดแฟนหนุ่มทิ้งไป ปล่อยให้เขาหัวใจสลายได้ไม่นาน ก็บินไปอเมริกาตั้งเป้าจับนักถ่ายรูปอัจฉริยะชื่อดังระดับโลก Jacob Evans
เธอยั่วยวนเขาเอาตัวเข้าแลกจนได้เป็นลูกศิษย์เขา ได้ Jacob ใช้เส้นตัวเองช่วยหนุนเธอเต็มที่จนภาพเธอกวาดรางวัลเพียบ ได้ร่วมเปิดนิทรรศการภาพถ่ายกับ Jacob
Jacob มีลูกเมียแล้ว การเข้ามาเป็นมือที่สามของเนี่ยเฟยเฟยทำให้เขาหย่ากับภรรยา ต้องบ้านแตกสาแหรกขาด สุดท้าย Jacob ประสบอุบัติเหตุรถคว่ำเสียชีวิต
จดหมายสนเท่ห์เขียนบอกว่าที่เนี่ยเฟยเฟยเลือกจับเนี่ยอี้ คงเพราะเนี่ยอี้ก็เป็นอัจฉริยะเหมือนกัน อยากให้เนี่ยอี้คิดดีๆ อย่าซ้ำรอย Jacob
เลขาฉู่บอกว่า เขาไม่เคยมองเนี่ยเฟยเฟยอย่างลำเอียง แต่ถ้าเรื่องในจดหมายสนเท่ห์นี่เป็นความจริง เขาก็คิดว่าเนี่ยเฟยเฟยไม่เหมาะสมกับเนี่ยอี้ แต่ถ้าไม่เป็นความจริง เนี่ยเฟยเฟยไปคิดดูก็ดีว่ามีใครเป็นศัตรูอยู่ และหาทางเคลียร์ศัตรูคนนี้ซะ
จดหมายสนเท่ห์สามฉบับนี้ เนี่ยอี้ได้รับแล้วไม่คิดจะบอกให้เธอรู้ว่าเขาได้รับ เพราะไม่อยากให้เธอกังวล แต่เลขาฉู่เห็นว่า เนี่ยเฟยเฟยควรจะรับรู้ไว้ว่ามีคนคิดเล่นงานเธอลับหลัง ทำลายความสัมพันธ์ของเธอกับเนี่ยอี้อยู่
เรื่องจริงของเหตุการณ์นี้คือ Jacob Evans อาจารย์ผู้มีพระคุณของเนี่ยเฟยเฟยเป็นเกย์ เขารักกับโจวเพ่ย หนุ่มน้อยเจ้าของร้านกาแฟเล็กๆ เพื่อนของเนี่ยเฟยเฟย (ชื่อนี้เคยโผล่แล้ว ตอนคังซู่หลัวคุยกับเนี่ยเฟยเฟยก่อนจะรู้จักเนี่ยอี้ และเนี่ยอี้ได้ยินเข้า อยู่ในโพสต์ที่ 24 มุมมองของเนี่ยอี้) แล้ว Jacob ไม่กล้าเปิดเผยความสัมพันธ์นี้ เพราะคุณแม่เขาเป็นคาทอลิคที่เข้มงวดมาก ไม่มีทางยอมรับเรื่องนี้ได้ และเขากับภรรยาแยกกันอยู่มานานแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้หย่า
ตอนที่ความเกือบแตก เพื่อช่วยอาจารย์ เนี่ยเฟยเฟยได้ออกรับเป็นคู่ควงของอาจารย์แทนโจวเพ่ย ส่วนโจวเพ่ยกลัวเป็นข่าว ปิดร้านหนีไป
มหาวิทยาลัยที่เนี่ยเฟยเฟยเรียนเข้มงวดกับเรื่องลูกศิษย์กับอาจารย์ที่ปรึกษามีความสัมพันธ์กันมาก จะให้ออกทั้งคู่ แต่ Jacob ไปเจรจากันตัวเนี่ยเฟยเฟยออกว่าถูกเขาบังคับ เนี่ยเฟยเฟยเลยรอดไป Jacob ถูกเชิญออกคนเดียว
ต่อมา Jacob รถคว่ำเสียชีวิต โจวเพ่ยไม่แม้แต่จะมางานศพเขา
เรื่องนี้เนี่ยเฟยเฟยเก็บเป็นความลับมาตลอดเพื่อชื่อเสียงของอาจารย์ ส่วนตัวเธอเวลานั้นถูกโจมตีหนักมาก แต่เธอเห็นชื่อเสียงไม่สำคัญ เธอจึงบอกความจริงแต่กับพ่อแม่ และคังซู่หลัว และไม่แคร์พวกในมหาวิทยาลัยที่พยายามดราม่าด่าทอเธอ
ตอนแรกเนี่ยเฟยเฟยคิดว่าคนส่งจดหมายน่าจะเป็นรุ่ยจิ้ง เพราะเรื่องนี้มีคนรู้อยู่แค่ไม่กี่คน รุ่ยจิ้งอาจจะรู้มาจากแม่ของเธอได้ แต่สำนวนเขียนดีเกิน รุ่ยจิ้งน่าจะไม่มีปัญญาเขียน แต่นอกจากรุ่ยจิ้ง เธอก็นึกไม่ออกว่าจะเป็นใครได้ แต่สงสัยไปก็เท่านั้น จะให้บินไปเอาเรื่องเขาที่อเมริกาก็ใช่ที่
ยังไม่ทันที่เรื่องนี้จะเคลียร์ ก็เกิดเรื่องใหม่ แม่เนี่ยเฟยเฟยโทรหาลูกสาว บอกให้ไปบ้านเนี่ยอี้ด้วยกันด่วน ตอนนั้นเนี่ยเฟยเฟยไม่ได้นอนมาเกือบ 48 ชั่วโมง ก็โดนลากตัวไป
ปรากฏว่า เกิดเรื่องขึ้นระหว่างรุ่ยจิ้งกับเนี่ยอี้ แม่รุ่ยจิ้งพาลูกสาวไปบ้านเนี่ยอี้ นั่งในห้องรับแขกต่อหน้าแม่เนี่ยอี้ เอาเรื่องทวงให้เนี่ยอี้รับผิดชอบ ตอนนั้นเนี่ยอี้ไม่อยู่ ไปทำงานต่างประเทศยังไม่กลับมา แม่เนี่ยอี้เลยโทรตามตัวแม่เนี่ยเฟยเฟยมาร่วมวงไพบูลย์ เพราะเห็นว่าเป็นญาติของแม่เนี่ยเฟยเฟย
เรื่องที่เกิดขึ้นคือ บ่ายวันก่อนรุ่ยจิ้งเอาน้ำแกงไปให้เนี่ยอี้ แล้ววันรุ่งขึ้นกลับมาก็เอาแต่ร้องไห้ เนี่ยอี้ให้เช็คเขียนจำนวนเงินก้อนโตแก่เธอหนึ่งใบ รุ่ยจิ้งสร้างเรื่องให้ดูเป็นว่า ตอนเธอเอาน้ำแกงไปให้เนี่ยอี้ โดนเนี่ยอี้บังคับมีอะไรด้วย แล้วเขียนเช็คเงินก้อนโตให้เพื่อปิดปาก
แม่รุ่ยจิ้งมาดนางร้ายมาก กะเอาเรื่องให้แม่เนี่ยอี้ยอมรับปากรับลูกสาวตัวเองเป็นสะใภ้เต็มที่ แม่เนี่ยอี้รำคาญมาก แม่เนี่ยเฟยเฟยอายมาก + โกรธมาก เนี่ยเฟยเฟยไม่เชื่อโดยสิ้นเชิง แต่เช็คที่เป็นหลักฐานก็ตำตาอยู่
เนี่ยเฟยเฟยบังคับให้รุ่ยจิ้งเล่ารายละเอียด รุ่ยจิ้งจำต้องเล่าว่า เธออยากจะขอบคุณที่วันนั้นเนี่ยอี้ช่วยดูแล เลยไปหาถงถงเลขาของเนี่ยเฟยเฟย ขอยืมมือถือเนี่ยเฟยเฟยมาส่งข้อความหาเนี่ยอี้ เนี่ยอี้ตอบกลับมาว่าเขาป่วยอยู่ นอนพักอยู่ที่บ้าน รุ่ยจิ้งเลยเอาน้ำแกงไปให้เขา
เนี่ยอี้แทรกว่า ใช้มือถือฉันส่งข้อความไป เนี่ยอี้ก็ต้องคิดว่าคนส่งข้อความคือฉันน่ะสิ
รุ่ยอี้บอกแล้วไงล่ะ พอเห็นว่าคนกดกริ่งเป็นฉัน เขาก็เปิดประตูรับอยู่ดี แล้วทำท่าจะร้องไห้ “ในห้องมืดมาก...ฉันขัดขืนแล้วก็ร้องไห้ แต่เขาคงกำลังเบลอหรือไม่เขาก็...มาแต่แรก...เขาไม่ปล่อยฉัน ต่อมาเขาเชียนเช็คชดเชยให้ฉัน ถึงปกติฉันจะดูมีสไตล์มาก แต่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงพรรค์นั้นแน่นอน ฉันเพิ่งจะ 19 ปี เขารังแกฉัน เขาต้องรับผิดชอบ!”
ในห้องรับแขกเงียบไปครู่ใหญ่
เนี่ยเฟยเฟย “จบแล้ว?”
รุ่ยจิ้งพยักหน้า
เนี่ยเฟยเฟย “อ้อ”
รุ่ยจิ้งกัดริมฝีปาก “ฉันไม่ได้โกหก ฉันไม่มีทางเอาความบริสุทธิ์ของตัวเองมาล้อเล่นแค่เพื่อจะใส่ร้ายเนี่ยอี้แน่”
เนี่ยเฟยเฟย “ไม่ต้องถ่อมตัว เธอทำได้ชัวร์”
รุ่ยจิ้งปากสั่น “พี่ริษยาฉัน ริษยาที่ฉันสาวกว่าสวยกว่าพี่ ริษยาที่ฉันกับเนี่ยอี้...”
เนี่ยเฟยเฟยวางแก้วน้ำลงกับโต๊ะกระจกโดยแรงดังเปรี้ยงจนแก้วแตกเป็นสองซีก “เมื่อกี้เธอว่าไงนะ? โทษทีพอดีมือมันลื่นไปหน่อย”
รุ่ยจิ้งหน้าซีดตกใจ ถอยหลังไปหนึ่งก้าวล้มลงนั่งกับโซฟา
เนี่ยเฟยเฟย “เนี่ยอี้ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น พวกคุณจะให้เขารับผิดชอบอะไร?”
ระหว่างพูดใส่กันไปมาอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายแม่เนี่ยเฟยเฟยสุดทน จูงมือลูกสาวกลับ
ระหว่างยืนรอรถมารับที่หน้าตัวคฤหาสน์ ก็เห็นรถเนี่ยอี้ขับเข้ามาจอดพอดี เนี่ยอี้ลงมาจากรถพร้อมสาวสวยตัวสูงคนหนึ่ง เขาก้มลงคุยอะไรกับสาวสวยเล็กน้อย
แม่เนี่ยเฟยเฟยมองหน้าลูกสาว “แม่เข้าใจความรู้สึกลูกดี ถึงต่อหน้าคนนอกจะพูดปกป้องเขายังไง แต่คงจะโกรธเขาอยู่แน่ๆ ไม่เป็นไรหรอก ลูกไม่ต้องไปสนใจเขาได้ ทำเป็นมองไม่เห็นเขาซะ อย่าเป็นฝ่ายเข้าไปหาเขาก่อน ให้บทเรียนเขาเสียบ้างให้เขา...”
เนี่ยเฟยเฟยถามแม่อย่างลังเล “แม่รู้สึกไหมคะว่า...”
แม่ “รู้สึกว่าเขายืนชิดกับแม่หนูสวมกระโปรงคนนั้นมากเกินไปหรือ? มันก็ชิด...”
เนี่ยเฟยเฟย “รู้สึกไหมคะว่าเนี่ยอี้ผอมลง?”
แม่ “......”
เนี่ยเฟยเฟย “แม่ว่าพักนี้งานเขายุ่งมากๆ เลยหรือเปล่า? เขาเลือกกินมากเลยด้วย เพิ่งลงมาจากเครื่องบินแบบนี้ไม่รู้ได้กินอะไรมาบ้างแล้วหรือยัง”
แม่ “......”
เนี่ยเฟยเฟย “หนูไปถามเขาดูนะคะ”
แม่ “......”
เนี่ยเฟยเฟยวิ่งไปถึง ทั้งสองคนยังคุยกันไม่จบ เธอจึงหยุดอยู่ห่างประมาณ 5-6 ก้าว ได้ยินเนี่ยอี้พูดเสียงเรียบกับผู้หญิงคนนั้นว่า “คืนนี้สี่ทุ่มประชุมทางมอนิเตอร์กัน ให้พวกเขาทยอยบรรยายทีละคนเรียงตามลำดับ คนละห้านาที” สาวสวยพยักหน้าหงึกๆ จากนั้นเนี่ยอี้หันมาทางเนี่ยเฟยเฟย “คุณยืนอยู่ห่างขนาดนั้นทำไมน่ะ?”
เนี่ยเฟยเฟย “คุณคุยเรื่องงานอยู่ไม่ใช่หรือ?”
เนี่ยอี้ “คุณเสร็จแล้ว มานี่สิ”
เนี่ยเฟยเฟยเดินเข้าไปหา เนี่ยอี้ส่งเสื้อโค้ทในมือให้เธอ “เบื่อฟังหรือ?”
เนี่ยเฟยเฟย “ฉันคือศิลปินผู้สูงส่ง เรื่องที่ฉันสนใจและห่วงใยคือจิตวิญญาณและแก่นแท้ของโลกใบนี้ ปัญหาขี้ปะติ๋วอย่างสุขภาพของร่างเนื้อของมนุษย์น่ะ ทิ้งไว้ให้นักวิทยาศาสตร์ไร้รสนิยมอย่างพวกคุณแหละดีแล้ว”
สาวสวยตัวสูงทำหน้าไม่เห็นด้วย ทำท่าจะอ้าปากเถียง แต่กลั้นไว้
เนี่ยอี้ “ถ้าไม่มีผมสนใจและห่วงใยสุขภาพของร่างเนื้อคุณ แล้วคุณจะไปสนใจและห่วงใยจิตวิญญาณและแก่นแท้ของโลกใบนี้ได้ยังไง?”
เนี่ยเฟยเฟย “23 ปีก่อนหน้านี้ ดูเหมือนพ่อแม่ฉันจะเป็นคนสนใจและห่วงใยสุขภาพของร่างเนื้อฉันทั้งนั้นนะ...”
เนี่ยอี้ “ผมจำได้ว่าคุณแพ้สับปะรด”
เนี่ยเฟยเฟย “ดังนั้น?”
เนี่ยอี้ “ยาแก้แพ้ตัวใหม่ล่าสุดที่คุณกินช่วงไม่กี่ปีมานี้ ผมเข้าร่วมวิจัยบุกเบิกด้วย”
เนี่ยเฟยเฟย “ดังนั้น...”
เนี่ยอี้ “นี่ก็น่าจะนับว่าเป็นการสนใจและห่วงใยทางอ้อมนะ”
ทั้งสองคนมองหน้ากันพักใหญ่ เนี่ยเฟยเฟยร้อง “ว้าว” ยิ้มออกมา “นับถือคุณชะมัด”
เนี่ยอี้แซวเธอว่า “นักวิทยาศาสตร์ที่ไร้รสนิยมมีอะไรคู่ควรให้ศิลปินผู้สูงส่งอย่างพวกคุณนับถือกัน?”
เนี่ยเฟยเฟยส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ “ด็อกเตอร์เนี่ย ทำไมคุณถึงได้เจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างนี้คะ?”
เนี่ยอี้พูดเนิบๆ “ความจำดีเกินไป”
เนี่ยเฟยเฟย “ถึงงั้นคุณก็ห้ามผูกใจเจ็บฉันสิ”
เนี่ยอี้ “เพราะอะไร?”
เนี่ยเฟยเฟย “เพราะฉันจำได้ว่าในคัมภีร์อะไรสักอย่างเคยเขียนไว้ว่า สามีควรจะยอมให้กับความไม่รู้ โง่เขลา อวดเก่ง แล้วก็ขี้โมโหของภรรยาอย่างไม่มีเงื่อนไข”
เนี่ยอี้เลิกคิ้ว ปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม “คัมภีร์อะไรของประเทศไหนกันครับ?”
เนี่ยเฟยเฟย “แหม อ่านหนังสือมามากเกินไป จำไม่ได้แล้วค่ะ”
เนี่ยอี้มองหน้าเธอสองวินาที “ ‘คัมภีร์แม่นางเนี่ย’ หรือเปล่า?”
เลขาสาวของเนี่ยอี้พูดทวนขึ้นอย่างสงสัย “คัมภีร์แม่นางเนี่ย?”
เนี่ยอี้กับเนี่ยเฟยเฟยหันไปมอง เลขาสาวหน้าเจื่อน ฝืนยิ้มพูดว่า “ฉันแค่สงสัยนิดๆ น่ะค่ะ”
เนี่ยอี้ไม่พูดอะไร เลขาสาวยิ่งหน้าเจื่อนหนักขึ้น เนี่ยเฟยเฟยอธิบายว่า “คัมภีร์ที่ฉันเขียนขึ้นมาเองน่ะค่ะ เนี่ยอี้ของพวกคุณกำลังแขวะว่าฉันพูดเหลวไหลน่ะ”
เนี่ยอี้เอียงหน้ามาย้อนถามยิ้มๆ “แล้วไม่ใช่หรือ?”
เนี่ยเฟยเฟยแกล้งโมโห “ยังไงคุณก็ต้องยอมฉัน เอาอย่างนี้แหละ เรื่องนี้ไม่ต้องปรึกษากันแล้ว”
เลขาสาวฝืนยิ้ม “คุณสองคน...รักกันดีนะคะ” หยุดไปนิด พูดต่อว่า “งั้นท่านประธานเนี่ย...ฉันขอตัวก่อนนะคะ?”
เนี่ยอี้พยักหน้า “ให้เสี่ยวโจวไปส่งคุณ”
พอเลขาสาวไปแล้ว เนี่ยอี้ถามว่า “ทำไมสีหน้าดูแย่แบบนี้?”
เนี่ยเฟยเฟย “ทำงานเหนื่อยน่ะสิคะ ว่าแต่ทำไมคุณถึงลงจากรถตรงนี้ล่ะ?”
เนี่ยอี้เดินไปที่ห้องรับแขก “ฟังว่ามีคนรอพบผมอยู่”
เนี่ยเฟยเฟยหน้าเครียดทันที “พวกเธอมารอคุณไม่ได้มีเจตนาดี คุณไม่ต้องไปพบพวกเธอหรอก”
เนี่ยอี้ปลอบใจเธอ “เรื่องน่าเบื่อเล็กๆ เท่านั้น”
เนี่ยเฟยเฟยมองหน้าเขาอย่างตกใจนิดๆ “คุณรู้หรือคะว่าเรื่องอะไร?”
เนี่ยอี้พยักหน้า “คิดว่า”
เนี่ยเฟยเฟยนึกถึงความบ้าของแม่รุ่ยจิ้งแล้วปวดขมับตุบๆ “คุณอย่าไปเลย ป้าฉันไม่ฟังเหตุผล นักวิทยาศาสตร์ที่ตรรกะแน่นอย่างคุณคุยกับเธอไม่รู้เรื่องหรอก...”
เนี่ยอี้ปัดลูกผมให้เธอ “สีหน้าคุณดูแย่มากจริงๆ”
เนี่ยเฟยเฟย “เพราะโมโหคุณป้าน่ะสิ”
เนี่ยอี้ “เพราะโมโหหรือเหนื่อยมากกันแน่?”
เนี่ยเฟยเฟย “ก็ได้ค่ะ ครึ่งหนึ่งเพราะโมโหคุณป้า อีกครึ่งเพราะทำงานนานเกินไปจนนอนไม่พอหน่อยๆ”
เนี่ยอี้ “ทำงานติดต่อกันนานแค่ไหนแล้ว?”
เนี่ยเฟยเฟยสังเกตดูสีหน้าเขา นิ่งคิด แล้วเอามือปิดหู พูดว่า “48 ชั่วโมง เอาล่ะ อยากเทศน์ฉันก็เทศน์เถอะ ฉันเตรียมตัวพร้อมแล้ว”
เนี่ยอี้สองมือล้วงกระเป๋า มองหน้าเธอโดยไม่พูดอะไร แล้วหยิบมือถือออกมาปรับเป็นหน้าจอนาฬิกาจับเวลา
เนี่ยเฟยเฟย “คุณทำอะไรอยู่หรือคะ?”
เนี่ยอี้ “ช่วยจับเวลาให้คุณ ดูว่าจะอยู่ท่านี้ได้นานแค่ไหน”
เนี่ยเฟยเฟยชักจะเริ่มเมื่อยแขนแล้วจริงๆ “...ด็อกเตอร์เนี่ย นี่น่ะคุณกำลังทำโทษฉันอยู่นะ...”
เนี่ยอี้เก็บมือถือ “คุณเลือกที่จะปล่อยมือลงได้”
พอเนี่ยเฟยเฟยปล่อยมือ พยายามจะพูดแก้ตัว เนี่ยอี้ก็ยัดหูฟังใส่หูเธอ มีเสียงร้องของปลาวาฬดังออกมา เนี่ยอี้ตั้งใจอัดมาให้เธอโดยเฉพาะ เพราะเห็นครั้งก่อนเธอบอกว่าชอบฟัง เนี่ยเฟยเฟยซาบซึ้งใจมาก
ทั้งสองคุยกันอยู่อีกพักหนึ่ง เนี่ยอี้จะไปที่ห้องโถงรับแขก และบอกให้เนี่ยเฟยเฟยไปพักผ่อน แต่เนี่ยเฟยเฟยบอกว่า “เนี่ยอี้ คุณเคยบอกว่าฉันเป็นคนในครอบครัวของคุณ”
เนี่ยอี้พยักหน้า
เนี่ยเฟยเฟยกุมมือเขา “อย่างนั้นเวลาที่คุณถูกตำหนิและใส่ร้าย ที่ยืนของฉันมีที่เดียว คือยืนอยู่ข้างๆ คุณ เพราะฉันคือคนในครอบครัวของคุณ”
สองคนไปสมทบกับแม่เนี่ยเฟยเฟย แล้วกลับเข้าไปในห้องโถงรับแขกด้วยกัน
เข้าไปถึงในห้องโถง แม่รุ่ยจิ้งไม่รู้จักเนี่ยอี้ ชีปาแก้วน้ำชาใส่เนี่ยเฟยเฟย เนี่ยอี้รับแทนให้ แก้วตกพื้นแตกเพล้ง เนี่ยอี้โทรเรียกรปภ.ของคฤหาสน์กับทนายเข้ามา (เนี่ยอี้นัดทนายประจำตระกูลมาล่วงหน้าแล้ว แต่ทนายเพิ่งเดินทางมาถึง)
พอรปภ.กับทนายมาถึง ก็จัดการคุมตัวรุ่ยจิ้งกับแม่ให้นั่งเฉยๆ จากนั้นเนี่ยอี้เอาแผ่น DVD ใส่เครื่องเล่น เรียกหน้าจอออกมา แล้วเปิดภาพจากกล้องวงจรปิดหน้าบ้านเขาตอนเกิดเหตุ เห็นภาพความจริงปรากฏว่า รุ่ยจิ้งเลือกรอจนแม่บ้านของบ้านเนี่ยอี้กลับไปแล้ว ค่อยไปกดกริ่ง เนี่ยอี้มาเปิดประตู
จากเวลาที่พากันหายเข้าประตูไป จนรุ่ยจิ้งออกมาจากบ้านอีกครั้ง กินเวลาแค่ 13 นาทีเท่านั้น และในเวลา 13 นาทีนี้ ยังต้องมีการคุยกัน และเนี่ยอี้ยังเขียนเช็คอีก ไม่มีทางเกิดเรื่องแบบที่รุ่ยจิ้งพูดได้แน่นอน
พอความแตก รุ่ยจิ้งก็ร้องไห้โฮบอกว่าแม่แหละสั่งให้เธอยืนยันกระต่ายขาเดียวว่าถูกเนี่ยอี้รังแก แล้วแม่จะจัดการบังคับให้เนี่ยอี้ต้องรับผิดชอบเอง ส่วนจดหมายสนเท่ห์นั่น ตกลงว่าแม่ของรุ่ยจิ้งเองที่เป็นคนเขียน
เรื่องนี้จบลงที่แม่รุ่ยจิ้งต้องจ่ายค่าถ้วยน้ำชาที่ชีทำแตก ของเก่าหายาก ราคาสูงพอจะทำชีล้มละลายขายตัวได้...
สองแม่ลูกก็อาละวาดดีดดิ้น โดยเฉพาะรุ่ยจิ้ง สบถด่าเนี่ยเฟยเฟยหยาบคายมาก เลยโดนเนี่ยเฟยเฟยตบสั่งสอน + ชกจนลงไปนอนจุก จากนั้นเนี่ยเฟยเฟยก็หมดแรงหน้ามืดหมดสติไป
เรื่องเช็คที่เนี่ยอี้เขียนให้รุ่ยจิ้ง ในตอนนั้นเนี่ยเฟยเฟยไม่ได้ถาม เนี่ยอี้ไม่บอก และไม่เคยบอกใคร เรื่องมาเฉลยในตอนพิเศษหลังจบองก์ที่ 4
หลังจากเนี่ยเฟยเฟยหนีออกจากบ้านหายตัวไปได้ระยะหนึ่ง แม่เนี่ยเฟยเฟยได้ทำหลุมศพที่ฝังแค่เสื้อผ้าของลูกสาวขึ้นในสุสานตระกูล เนี่ยอวี่สือมักจะแวะไปที่หลุมศพแม่อยู่บ่อยๆ
ตอนนั้น เป็นสัปดาห์ที่ 2 หลังจากเจี่ยนซีเสียชีวิต เนี่ยอินที่ได้แต่งงานกับเจี่ยนซี แวะมาเยี่ยมหลุมศพเนี่ยเฟยเฟย เจอเนี่ยอวี่สือ เลยเล่าให้หลานฟังว่าเมื่อก่อนเขาเคยทำเรื่องแย่ๆ เพื่อขัดขวางไม่ให้พ่อแม่หลานได้ลงเอยกันมาเยอะ เขาเอารูปถ่ายแบลคเมล์ของแม่หลานไปให้รุ่ยจิ้งด้วย และรุ่ยจิ้งเอาไปแบลคเมล์เนี่ยอี้ เนี่ยอี้เลยเซ็นเช็คเงินก้อนโตให้ไปเพื่อซื้อเอารูปถ่ายล็อตนี้มา แล้วปิดเงียบไม่บอกให้เนี่ยเฟยเฟยรู้
เนี่ยเฟยเฟยตื่นมา นึกว่านอนอยู่ในห้องรับแขกบ้านเนี่ยอี้ เตียงใหญ่มาก นอนกัน 4-5 คนได้สบายๆ แต่พอหันไปเห็นเนี่ยอี้นอนอยู่อีกปลายฝั่งของเตียง ถึงค่อยรู้ว่านี่ห้องของเนี่ยอี้
เนี่ยเฟยเฟยย่องไปดูหน้าเขาใกล้ๆ แอบแตะผมเขา แตะไล้ไปตามมือของเนี่ยอี้ แล้วสะดุ้งผงะถอย ลุกขึ้นเดินออกไปที่ระเบียง ฮัมเพลงโปรดของตัวเอง เวลาที่เธอรู้สึกไม่ดีหรือไม่สบายใจ จะชอบฮัมเพลงเพลงเดิมซ้ำๆ พักใหญ่กว่าจะหยุด ย่องกลับเข้ามาในห้อง ปิดประตูระเบียงเบาๆ พบว่าเนี่ยอี้นั่งชันเข่าอยู่บนเตียง เหมือนตื่นมานานแล้ว ก็สะดุ้ง ถามเขาว่าตื่นนานแค่ไหนแล้ว เนี่ยอี้บอกตื่นมาเพราะได้ยินเสียงเธอฮัมเพลง คงรู้สึกแย่เรื่องรุ่ยจิ้งสินะ
ทีแรกเนี่ยเฟยเฟยปากแข็งไม่ยอมรับ แต่สุดท้ายก็ยอมรับ เนี่ยอี้จึงขอให้เธอระบายเรื่องที่ไม่สบายใจออกมาให้เขารับฟัง เนี่ยเฟยเฟยจึงบอกขอบคุณเขา เธอรู้ว่าด้วยนิสัยของเนี่ยอี้ ถ้าไม่ใช่เพราะรุ่ยจิ้งเป็นน้องสาวเธอ เขาไม่มีทางเปิดประตูรับแน่ ถ้าไม่ใช่เพราะรุ่ยจิ้งกับแม่เป็นญาติเธอ แม่เขาคงสั่งรปภ.จับโยนออกไปจากบ้านนานแล้ว ที่ยอมทนนั่งฟังเพราะเห็นว่าเป็นญาติของเธอ
เนี่ยอี้จึงสอนสันดานเสียๆ ของมนุษย์บางประเภทให้เธอฟัง ว่าอย่างคุณป้าเธอน่ะ ยังไม่ถือว่าเป็นคนเลวของแท้หรอก บอกว่าเธอโตมาในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นและบริสุทธิ์ คนเลวจริงๆ เป็นยังไง เธอจึงน่าจะยังไม่เคยเจอมาก่อน โลกนี้ไม่ได้ดีอย่างที่เธอคิด จะมีคนมากมายที่พยายามทำร้ายเธอด้วยเหตุผลบางอย่างที่เธอไม่มีวันเข้าใจ เธอจำเป็นต้องเตรียมใจไว้สำหรับการเจอเรื่องพวกนี้ แบบนี้เมื่อเรื่องเหล่านั้นเกิดขึ้น เธอถึงจะไม่ถูกมันทำร้ายมากเกินไป การเข้มแข็ง หมายความว่าแบบนี้
เนี่ยเฟยเฟยตะลึง “ดังนั้นเพราะอย่างนี้หรือคุณถึงได้ไม่ได้เอาจดหมายสนเท่ห์สามฉบับนั้นมาให้ฉันอ่าน คุณกลัวว่าฉันจะรับไม่ได้ และถูกทำร้าย?”
ในใจเธอพลุ่งพล่านตื้นตันมาก + บรรยากาศเป็นใจ จึงขยับเข้าไปใกล้เนี่ยอี้ คุกเข่าลงตรงหน้าเขา มือซ้ายแตะเข่าเขา มือขวาแตะไหล่ รวบรวมความกล้าโน้มตัวเข้าไปทำท่าจะจูบเขา
แต่จังหวะที่ปากกำลังจะสัมผัสกัน เนี่ยอี้กลับผงะถอยไป ขมวดคิ้ว พูดว่า “บางทีกลางคืนอาจจะทำให้คนเรามีอารมณ์ได้ง่าย เฟยเฟย ดูเหมือนเราสองคน จะล้ำเส้นกันนิดหน่อยเสียแล้ว”
บรรยากาศภายในห้องเหมือนเปลี่ยนเป็นเย็นเฉียบอย่างฉับพลัน เนี่ยเฟยเฟยถอยกลับไปนั่งขอบเตียงตามเดิม ยื่นมือจะไปหยิบแก้วน้ำมาดื่ม แต่นึกได้ว่านี่แก้วของเนี่ยอี้ เลยจะไปรินแก้วใหม่ แต่หารองเท้าแตะของตัวเองไม่พบ ระหว่างก้มหา เนี่ยอี้พูดเบาๆ ว่า “อยู่ที่ข้างแจกัน รองเท้าแตะที่คุณจะหาน่ะ”
เนี่ยเฟยเฟยเดินไปสวมรองเท้าแตะ แล้วพยายามรักษาเปลือกนอกให้ดูเยือกเย็น เดินไปรินน้ำอย่างพยายามไม่ให้มือสั่น ดื่มน้ำจนแน่ใจว่าเสียงจะไม่สั่นแล้ว ค่อยถามว่า “คุณตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”
นานสิบวินาที กว่าที่เนี่ยอี้จะตอบว่า “ตอนที่คุณตื่น”
ถึงจะเตรียมใจไว้ก่อน เนี่ยเฟยเฟยยังเย็นเฉียบไปทั้งตัว “ตอนนั้น...ตอนนั้นฉันนึกว่าคุณยังไม่ตื่น”
สีหน้าเนี่ยอี้มองไม่ออก “ตอนนั้นคุณไม่ได้อยากให้ผมตื่น”
เนี่ยเฟยเฟยสูดหายใจลึก พยายามเหนี่ยวรั้งสถานการณ์ด้วยการแกล้งทำเป็นพูดเล่น “ความจริงฉันอยากให้คุณไม่รู้มากกว่า ดูสิ บางทีกลางคืนอาจจะทำให้คนเรา...ได้ง่ายจริงๆ...บางทีฉันอาจจะ...นิดหน่อย...” ในหัวนึกหาคำที่เหมาะสมกว่านี้ไม่ออก “ความจริงคุณแกล้งทำเป็นไม่รู้ได้นะคะ”
เนิ่นนาน เนี่ยอี้พูดว่า “เฟยเฟย เราสองคนแยกกันสักพักจะดีที่สุด ต่างฝ่ายต่างสำรวจตัวเองดู”
ไม่สามารถเหนี่ยวรั้งสถานการณ์ได้แล้ว เธอแสร้งทำเป็นดื่มน้ำ พยักหน้าให้เขา “ได้สิ”
เนื่องจากไม่เหลืออารมณ์นอนต่อแล้ว เธอจึงทำเป็นดูเวลา แล้วอ้างว่าต้องรีบไปที่สตูดิโอต่อแล้ว
ตลอดเวลาที่เธออาบน้ำแต่งตัว สะพายกระเป๋าจากมา เนี่ยอี้ไม่ได้พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว ไม่ได้พูดรั้งตัวเธอไว้เลยด้วย
ระหว่างนั่งรถ จนกลับไปถึงสตูดิโอ เนี่ยเฟยเฟยไม่ได้คิดอะไรเลย ในหัวว่างเปล่าไปหมด ถึงสตูดิโอแล้วก็ยังนั่งเหม่ออยู่อีกพักใหญ่
ความจริงตั้งแต่รับปากการขอแต่งงานของเนี่ยอี้ครั้งที่สอง เธอก็ออกคำสั่งห้ามกับตัวเองอย่างเข้มงวดแล้ว แต่เธอเองก็รู้มาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วเหมือนกันว่า สักวันหนึ่งเธอคงจะละเมิดคำสั่งห้ามนี้จนได้ เพราะตัวเธอไม่ใช่คนช่างระวังตัวอะไร
เธอเฝ้ากังวลถึงวันนี้มาโดยตลอด และตอนนี้มันก็มาถึงจนได้
หลังจากนั้นเนี่ยเฟยเฟยก็ทำงานๆๆ ตลอดเพื่อไม่ให้คิดมาก จนถึงวันที่แม่เธอโทรมาตามให้ไปลองชุดแต่งงาน เนี่ยเฟยเฟยลังเลว่าจะบอกแม่ดีไหมว่างานแต่งงานคงจะต้องถูกยกเลิก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้บอก ด้านเนี่ยอี้เองก็เร่งเคลียร์งานเหมือนกัน
หลังจากไปลองชุดแต่งงานแล้ว ก็เกิดเรื่องขึ้นอีกเรื่อง ในวงการช่างถ่ายภาพ มีคนไปตั้งกระทู้สร้างกระแสเรื่องเนี่ยเฟยเฟยกับ Jacob Evans อาจารย์ของเธอ และมีคนไปโพสต์ในคอมเมนต์ว่าเนี่ยเฟยฟยกำลังจะเป็นภรรยาของเนี่ยอี้
ด้วยความดังของเนี่ยอี้ ทำให้เรื่องนี้ดังกระฉูดทันที และข่าวก็รู้ไปถึงทางพ่อแม่ของเนี่ยอี้ที่ถือสาเรื่องแบบนี้ตามประสาตระกูลใหญ่ที่ร่ำรวยและมีอิทธิพล
เนี่ยเฟยเฟยไม่แคร์ข่าวนี้ บวกกับคิดอยู่ก่อนแล้วว่าเธอกับเนี่ยอี้จบเห่ไปแล้วตั้งแต่เนี่ยอี้ขอให้อยู่ห่างกันสักพัก เพราะเริ่มจับได้ว่าเธอน่าจะมีใจให้เขา แต่ยังไงเธอก็ต้องการคำตอบที่ชัดเจนจากเนี่ยอี้ เมื่อเธอเร่งปั่นงานจนเสร็จก่อนกำหนด 1 สัปดาห์ จึงตัดสินใจจะไปพบเนี่ยอี้เพื่อถามการตัดสินใจของเขาให้มันชัวร์
เนี่ยเฟยเฟยโทรไปหาเลขาฉู่ เลขาฉู่บอกว่าตอนนี้เนี่ยอี้ไปเป็นครูอาสาที่โรงเรียนในภูเขาจงหรง ปกติทุกปีถ้าเนี่ยอี้ไม่ได้อยู่ต่างประเทศ เขาจะหาเวลาไปเป็นครูอาสาที่โรงเรียนประถมในภูเขาจงหรงประมาณหนึ่งสัปดาห์ เป็นช่วงเวลาผ่อนคลายความเครียดในชีวิตปีละครั้งของเขา เวลาไปที่นั่น เนี่ยอี้จะสั่งงาน + วางแผนวิธีแก้ปัญหาเรื่องงานที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเขาไม่อยู่นี้ไว้เสร็จสรรพ แล้วระหว่างไปเป็นครูอาสา เขาจะตัดการติดต่อจากภายนอกทั้งหมด โทรตามตัวไม่ได้เลย
แต่เลขาฉู่ก็บอกอีกว่า ภูเขาจงหรงอยู่ไม่ห่างจากเมือง S นัก ขับรถไปแค่ไม่กี่ชั่วโมง แล้วบอกที่อยู่ให้เนี่ยเฟยเฟย เนี่ยเฟยเฟยจึงให้คนขับรถของที่บ้านขับพาไปที่ภูเขาจงหรง
ไปถึงที่ พบว่าเป็นเมืองขนาดเล็ก มีโรงแรมเล็กๆ อยู่หนึ่งแห่ง เนี่ยเฟยเฟยเช็คอินเข้าพัก แล้วบังเอิญมากว่าเนี่ยอี้พักอยู่ห้องติดกัน ที่รู้เพราะเธอได้ยินเสียงเด็กสาวเอาอาหารมาส่งให้เนี่ยอี้ เป็นลูกสาวแม่บ้านของบ้านเนี่ยอี้เอง แล้วเนี่ยอี้มาเปิดประตูรับ พูดทักทายไปนิดหน่อย
จากคำสนทนาของทั้งสอง ทำให้เนี่ยเฟยเฟยรู้ว่าเด็กสาวคนนี้น่าจะแอบชอบเนี่ยอี้ เด็กสาวถามแม่เธอมาหมดทุกรายละเอียดว่าเนี่ยอี้ชอบไม่ชอบอะไรยังไง และพยายามดูแลเอาใจใส่เขาตามข้อมูลที่ได้มาเต็มที่ (แต่เราที่เป็นคนอ่านอ่านแล้วจะรู้ว่าเนี่ยอี้เฉยสนิท แถมมีแอบรำคาญนิดๆ แต่เห็นแก่หน้าแม่บ้านเก่าแก่ เลยไม่ว่าอะไร)
เนี่ยเฟยเฟยตามไปดูที่โรงเรียนประถม กะหาโอกาสคุยกับเนี่ยอี้ตามลำพัง เป็นคาบที่เนี่ยอี้สอนวิชาพละ ร่วมกับครูอีกคนเล่นบาสกับเด็กแบบแบ่งทีมแข่ง เนี่ยเฟยเฟยยืนแอบดูอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆ
หลังเล่นบาสเสร็จ เนี่ยอี้ไปนั่งพักที่เก้าอี้หน้าต้นไม้ที่เนี่ยเฟยเฟยยืนแอบอยู่ เด็กสาวลูกแม่บ้านที่แอบชอบเขาเอาน้ำโซดามาให้เนี่ยอี้ แล้วชวนเนี่ยอี้คุย ถามเนี่ยอี้ว่ามีเรื่องกลุ้มใจอะไรหรือ? และแนะนำว่า ถ้ามีใครทำให้คุณกลุ้มใจ คุณก็อยู่ให้ห่างๆ จากคนคนนั้นเสียสิ
เนี่ยอี้ถามว่า “เพราะอะไร?”
เด็กสาวบอกว่า “มันก็เหมือนเวลาไม่สบาย วิธีรักษาก็คือกำจัดโรคไง เวลาไม่สบายใจ วิธีแก้ก็คือกำจัดต้นตอที่ทำให้ไม่สบายใจทิ้งไปซะ ถ้ามีใครหรือเรื่องอะไรทำให้คุณเกิดความรู้สึกไม่สบายใจ งั้นคนคนนั้นหรือเรื่องนั้นก็เป็นอันตรายมากสำหรับคุณ ไม่ควรจะอยู่ให้ห่างๆ จากเขาเข้าไว้หรอกเหรอ?”
เนี่ยอี้พูดเสียงเรียบ “อันตราย?” อึดใจใหญ่ ค่อยพูดขึ้นปุบปับว่า “อันตรายมากจริงๆ นั่นแหละ ต้องคิดหาวิธี”
จากนั้นเสียงออดเลิกเรียนก็ดังขึ้น ทั้งสองจึงลุกขึ้นเดินจากไป
ตั้งแต่ได้ยินคำว่า “อันตราย” ออกมาจากปากเนี่ยอี้ เนี่ยเฟยเฟยก็ช็อคมาก ยืนนิ่งตะลึงอยู่พักใหญ่ จากความเข้าใจที่เธอมีในตัวเนี่ยอี้ เธอมองว่านี่คือคำตอบของเนี่ยอี้อย่างแน่นอนโดยที่เธอไม่จำเป็นต้องไปถามเขาต่อหน้าอีก เนี่ยเฟยเฟยจึงโทรศัพท์ตามคนขับรถให้มารับเธอกลับบ้าน
ระหว่างทางนั่งรถกลับบ้าน เนี่ยเฟยเฟยก็ทยอยไล่เรียงความรู้สึกที่ตัวเองมีต่อเนี่ยอี้
เมื่อสิบปีก่อน หลังจากได้พบเนี่ยอี้เป็นครั้งแรก เธอเป็นเหมือนเด็กคลั่งดารา สร้างภาพเนี่ยอี้ในฝันขึ้นมาในใจ โดยที่ความจริงแล้วไม่ได้รู้หรอกว่า ตัวจริงของเขามีนิสัยใจคอแบบไหนยังไง
เธอบอกว่าเธอรักเนี่ยอี้ ตอนที่ความรักเริ่มต้น คือที่ร้านน้ำชาเซียงจวีถ่า แต่ความรักที่เกิดขึ้นในตอนนั้นเป็นแค่ความบังเอิญที่เกิดจากการบ่มเพาะมาสิบปีเท่านั้น ตามหลักแล้ว เมื่อภาพในฝันค่อยๆ ชัดเจนขึ้น ความรักในตัวเนี่ยอี้ที่เธอแค่สร้างภาพขึ้นมาเองควรจะค่อยๆ สลายไปถึงจะถูก แต่ต่อมาเรื่องมันกลายเป็นยังไงกันนะ?
ลองย้อนนึกดูว่าตัวจริงของเนี่ยอี้เป็นคนยังไง?
เขาหล่อ เก่งกาจอย่างโดดเด่นมาก แสดงความผยองอวดดีเฉพาะตัวของอัจฉริยะออกมาเป็นครั้งคราว เย็นชา ดูแล้วเข้าใกล้ยาก ยังมีอะไรอีกหนอ?
ทั้งที่ไม่เชื่อในความรัก แต่ก็ประเมินคุณค่าของความรักไว้สูงมาก ใช้เครื่องช่วยดำน้ำราคาเก้าหลักมาแลกการแต่งงานกับเธอ นั่นเป็นเงินก้อนโตมาก (เทียบเป็นเงินไทย คูณ 5.5) ต่อให้ของที่จะซื้อแตกต่างจากชาวบ้าน เป็นการทำสัญญาแต่งงาน ก็เป็นการทุ่มเงินก้อนโตมากอยู่ดี แต่เขายังคงรู้สึกว่าเขาเอาเปรียบเธอ บอกเธอว่าถ้าเธอได้พบกับคนที่รักเธอ เธอก็สามารถจากไปได้โดยไม่ต้องคิดมาก
นั่นคือเนี่ยอี้ที่ดีกว่า...ให้เกียรติคนอื่นกว่าเนี่ยอี้ในภาพฝัน
ถึงจะไม่ชอบเจี่ยนซี แต่หลังจากเจี่ยนซีป่วย กลับพยายามวิ่งเต้นนานติดต่อกันเป็นเดือนๆ เพื่อช่วยติดต่อหาโรงพยาบาลและหมอชั้นหนึ่งให้เจี่ยนซี ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องที่แค่มีเงินอย่างเดียวจะสามารถทำได้ ถึงเจี่ยนซีจะอุทธรณ์ว่าเขายอมใส่ใจแต่อาการป่วยของเธอโดยไม่ยอมมอบความรักให้เธอเลยก็ตาม แต่การทุ่มเทช่วยเหลืออย่างเต็มกำลังแบบนั้น ก็คู่ควรให้ซาบซึ้งตื้นตันใจแล้ว
นั่นคือเนี่ยอี้ที่ดีกว่า...มีเมตตากว่าเนี่ยอี้ในภาพฝัน
ตอนไปเยี่ยมคุณย่าเขา เขาช่วยปิดบังการมาสายของเธอให้ด้วยเจตนาดี ตอนเขาได้รับจดหมายสนเท่ห์ ก็จงใจปิดบังเธอเพราะกลัวจะทำร้ายจิตใจเธอ ถึงเขาจะทำลงไปแบบนี้เพราะถือว่าเธอเป็นคนในครอบครัวของเขาก็ตาม ก็ถือว่าเป็นห่วงเป็นใยมากพอแล้ว
นั่นคือเนี่ยอี้ที่ดีกว่า...อ่อนโยนใจดีกว่าเนี่ยอี้ในภาพฝัน
ไปเป็นครูอาสาสอนเด็กประถมทุกปี จำชื่อของนักเรียนทุกคนที่เขาเคยสอนได้ สอนเด็กพวกนั้นถึงความลับอันน่ามหัศจรรย์ของโลกใบนี้
นั่นคือเนี่ยอี้ที่ดีกว่า...อบอุ่นและซื่อตรงกว่าเนี่ยอี้ในภาพฝัน
ยามเมื่อเนี่ยอี้ในภาพฝันค่อยๆ ชัดเจนเต็มตัว ยามเมื่อเนี่ยอี้ตัวจริงค่อยๆ แทนที่เนี่ยอี้ในภาพฝัน หลังจากนั้นเป็นยังไงต่อ?
หลังจากนั้น เมื่อปลดความตื้นเขินทั้งหมดออกไป เธอได้หลงรักคนที่ดีมากๆ คนหนึ่ง นั่นเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ไม่มีอะไรน่าเสียดาย และไม่มีอะไรน่าเสียใจ
หลังจากไล่เรียงความคิดได้ดังนี้ เนี่ยเฟยเฟยโทรศัพท์ไปหาคังซู่หลัว เล่าให้ฟังว่าเธออกหักแล้ว งานแต่งงานคงล้มเลิก จากนั้นตัดสินใจว่าจะหนีไปเที่ยวเพื่อทำใจที่ต่างประเทศในช่วงวันหยุดที่เหลืออยู่นี้ แต่พอซื้อตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยและไปถึงสนามบิน ค่อยรู้ตัวว่าลืมมือถือ จึงโทรศัพท์ไปหาคังซู่หลัว ฝากคังซู่หลัวโทรไปบอกเลขาฉู่ว่า เธอขอยกเลิกการแต่งงาน แต่เพื่อไม่ให้เนี่ยอี้โดนต่อว่า เธอจะบอกแม่เธอว่าเธอเกิดเป็นโรคกลัวการแต่งงาน เลยเป็นฝ่ายขอยกเลิกการแต่งงานแทน ให้เลขาฉู่ช่วยไปบอกเนี่ยอี้ให้เตี๊ยมคำพูดให้ดีๆ ตอนไปพบแม่ของเธอ จะได้ไม่หลุด
แก้ไขเมื่อ 9 ต.ค. 2560, 21:18 โดย หลินโหม่ว