องก์ที่ 2
หากรักมีชีวิตอื่น (4)
เนี่ยเฟยเฟยเลือกไปพักผ่อนทำใจที่แหลมท่องเที่ยวในมหาสมุทรอินเดียแห่งหนึ่ง วันที่สามที่ไปถึง ก็บังเอิญเจอเซี่ยหมิงเทียนไปถ่ายทำหนังบนแหลมนั่นพอดี เซี่ยหมิงเทียนเล่าว่าครั้งนี้ผู้กำกับหนังที่เธอแสดงโหดโคตร แล้วกระซิบบอกว่านั่งอยู่ด้านทิศเก้านาฬิกาข้างหลังเธอ
เนี่ยเฟยเฟยหันไปดูตาม กระซิบตอบว่า ดูยังหนุ่มมากเลยนะ เซี่ยหมิงเทียนบอกยังหนุ่มมาก และเก่งมาก เป็นผู้กำกับอัจฉริยะที่กำกับหนังได้รางวัลมาแล้วหลายเรื่อง เธอตั้งฉายาให้ว่า ผู้กำกับปิศาจ แล้วเปลี่ยนเรื่องเล่าว่าเธอเจอเนี่ยอี้ที่สนามบิน เนี่ยอี้จะบินไปอเมริกา เธอเลยนึกว่าตอนนี้เนี่ยเฟยเฟยก็อยู่ที่อเมริกาด้วยเสียอีก กับถามว่านี่คือนัดจะมาถ่ายพรีเวดดิ้งกันที่นี่หรือ? เนี่ยอี้จะตามหลังมาหรือ?
เนี่ยเฟยเฟยเลี่ยงลากไปพูดเรื่องอื่นโดยไม่ตอบคำถาม
แยกกับเซี่ยหมิงเทียนแล้ว เนี่ยเฟยเฟยกลับห้องไป เปิดประตูห้อง เจอลิงห้าตัวอยู่ในห้อง เธอปิดประตูปังทันที นึกว่าตัวเองตาลาย ลองรูดการ์ดเปิดประตูดูใหม่ เจอลิงเต็มห้องเหมือนเดิม เลยปิดประตูปังอีกครั้ง
เสียงผู้ชายแปลกหน้าดังขึ้นข้างหลังเนี่ยเฟยเฟย “เกิดอะไรขึ้นหรือ? มีอะไรให้ช่วยไหมครับ?”
เนี่ยเฟยเฟยหันกลับไปในอาการตัวแข็งทื่อ เห็นผู้กำกับปิศาจของเซี่ยหมิงเทียนยืนถือคีย์การ์ดอยู่หน้าประตูห้องติดกับห้องของเธอ เขาถามอีกรอบว่า “มีอะไรให้ช่วยไหมครับ?”
เนี่ยเฟยเฟยพึมพำ “ลิง...”
ผู้กำกับชะงักไปนิด แล้วเข้าใจทันที เดินเข้ามาคว้าคีย์การ์ดจากมือเธอรูดเปิดประตู แล้วเข้าไปเอาเก้าอี้ไล่ลิงลงจากระเบียงจนหมด ค่อยปิดประตูระเบียงจนสนิท ระหว่างที่เขากำลังโทรลงไปที่ฟรอนต์เพื่อให้พนักงานขึ้นมาจัดการกับห้องที่ถูกลิงละเลงซะเละเทะ เนี่ยเฟยเฟยเข้าไปพูดขอบคุณเขาว่า “เซียนเซิง คุณช่วยฉันได้มากเลยเชียวค่ะ ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรคะ?”
ผู้กำกับวางหูโทรศัพท์ลง หันมาตอบว่า “สวี่ซูหราน”
เนี่ยเฟยเฟยรู้จักชื่อนี้ รู้ว่าเป็นผู้กำกับชื่อดังที่กำลังมาแรงในตอนนี้ จึงทักทายไปว่า “ฉันรู้จักคุณ ได้เห็นข่าวของคุณในหนังสือพิมพ์อยู่บ่อยๆ”
สวี่ซูหรานยิ้มทันที “ใช่ครับ เมื่อเดือนก่อนหนังสือพิมพ์เพิ่งลงไปหยกๆ ว่าผมต่อยนักข่าว”
เนี่ยเฟยเฟย “งั้นเราคงจะสั่งนสพ.คนละฉบับกันแล้วล่ะค่ะ นสพ.ฉบับที่ฉันอุดหนุนชอบชมอยู่บ่อยๆ ว่าคุณมีดวงเรื่องผู้หญิงดี”
สวี่ซูหรานอึ้งไปเล็กน้อย แล้วหัวเราะออกมา “เนี่ยเฟยเฟย คุณนี่น่าสนใจมากเหมือนเดิมเลยนะ”
เนี่ยเฟยเฟยลากเก้าอี้มาให้เขานั่งพลางถ่อมตัวว่า “ไม่หรอกค่ะ ถึงสื่อบางเจ้าจะไม่ค่อยเป็นมิตรกับคุณเท่าไหร่ แต่นักวิจารณ์หนังประเมินคุณไว้สูงมากกันทั้งนั้น ฉันเองก็ชอบดูหนังของคุณ” พูดถึงตรงนี้ค่อยชะงัก “เอ๋ คุณรู้จักฉันด้วยหรือ?”
สวี่ซูหรานนั่งลง อมยิ้มเงยหน้าขึ้น “ตอนผมเรียนปี 3 คุณเพิ่งเข้ามหาลัย S ตอนนั้นเรื่องที่คุณอัดดาวเอกไหนสักเอกของคณะออกแบบจนเข้าโรงพยาบาลดังมากเลยแหละ เลยนึกไม่ถึงว่าคุณจะกลัวลิง”
เนี่ยเฟยเฟยพูดเสียงเจ็บปวด “ท่านผู้กล้าอย่าได้เท้าความอดีตอันห้าวหาญ โด่งดังมาจนถึงตอนนี้เพราะเรื่องพรรค์นั้น ดูท่าทางคำวิจารณ์เองก็ไม่ค่อยจะเป็นมิตรกับฉันเหมือนกัน...คุณจะดื่มน้ำส้มไหม? ขอบคุณที่ลิงพวกนั้นเปิดตู้เย็นไม่เป็น ตู้เย็นเลยยังไม่ถูกปล้น”
สวี่ซูหราน “ความจริงผมเคยเห็นผลงานของคุณทุกชิ้น งานแสดงภาพการกุศลปีที่แล้วของคุณผมก็ได้ไปดู” เขาเว้นจังหวะเล็กน้อย “ผมชอบผลงานของคุณมาก เนี่ยเฟยเฟย คุณถ่ายรูปคนไหม?”
เนี่ยเฟยเฟยหันกลับไปมองหน้าเขาอยู่อึดใจใหญ่ “ไม่ถ่ายค่ะ”
เขามองหน้าเธออยู่อึดใจใหญ่ จากนั้นบอกค่าตอบแทนออกมา
เนี่ยเฟยเฟย “ตกลง ถ่ายค่ะ”
ยังไม่ทันถึงสามวัน เวลาของการพักผ่อนรักษาแผลใจของเนี่ยเฟยเฟยก็จบลง เริ่มทำงานกันต่อ
จากเดิมตกลงกันว่าจะเริ่มถ่ายทำฉากใต้น้ำกันพรุ่งนี้ แต่ปรากฏว่าพอถึงเวลาเข้าจริง ผู้ช่วยช่างภาพ 2 คนดันกินอาหารผิดสำแดงท้องเสียเข้าโรงพยาบาลไปทั้งคู่
เซี่ยหมิงเทียนมาแจ้งข่าวเบื้องหลังว่า “Erin น่าจะเป็นคนสั่ง ช่างภาพสองคนนั้นเป็นคนของสตูดิโอของเธอ Erin ค่อนข้างใจแคบเกินไปนะ”
ระหว่างที่พูด Erin ในชุดบิกินีก็เดินส่ายสะโพกผ่านหน้าสองสาวพอดี
เนี่ยเฟยเฟยถอนหายใจ “เรื่องใจแคบหรือเปล่านี่ยังไม่ต้องพูดถึง แต่หน้าอกหน้าใจคุณเธอ...ใหญ่บึ้มจริงๆ แฮะ...” แล้วเอนไปชิดเซี่ยหมิงเทียน “เฮ้ เธอน่ะเป็นดาราซะเปล่า หน้าอกยังใหญ่สู้ช่างภาพไม่ได้เลย เธอว่าเธอยังมีหน้าเป็นดาราต่อไปมั้ย?”
เซี่ยหมิงเทียนยื่นมือมาจะตีเธอ
จากคำบอกเล่าของเซี่ยหมิงเทียน Erin เป็นช่างภาพสายแฟชั่น เรียกได้ว่าเป็นช่างภาพส่วนตัวของสวี่ซูหราน โปสเตอร์โปรโมทหนังที่ผ่านมาร่วมงานกับ Erin ทั้งนั้น หนังเรื่องนี้ เดิมทีก็กำหนดให้ Erin เป็นช่างภาพ Erin ถึงขนาดไปฝึกซ้อมถ่ายภาพใต้น้ำมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ แต่ภาพออกมาก็ยังไม่เป็นที่พอใจของสวี่ซูหราน
เนื่องจากแหลมนี้เป็นสวรรค์ของการถ่ายภาพใต้ทะเล จึงมีช่างถ่ายภาพใต้น้ำทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่นอยู่เพียบ สวี่ซูหรานเลยลองไปขอให้ช่างภาพพวกนี้ถ่ายดู แต่ก็ไม่มีใครถ่ายออกมาได้ถูกใจเขาเลย
ขณะที่เวลากำลังจะหมดลง สวรรค์ก็ส่งเนี่ยเฟยเฟยมาที่นี่พอดี
เนี่ยเฟยเฟย “Erin เที่ยวหาเรื่องช่างภาพที่มาใหม่ไปหมดทุกคนเหรอ?”
เซี่ยหมิงเทียนส่ายหน้า “เปล่า เธอเป็นรายแรก ฟังว่าช่างภาพคนก่อนๆ เป็นผู้ชายทั้งนั้น” แล้วนินทาสวี่ซูหรานต่อแบบไม่ละอายใจเลย “เธอก็รู้ดีว่าผู้กำกับสวี่น่ะ มีข่าวฉาวกับสาวๆ สารพัดสไตล์ทั้งในและนอกวงการได้ทั้งวี่ทั้งวัน ผู้หญิงที่รู้จักเขาแต่ละคนหึงหวงตบตีแย่งเขากันจะตาย อย่าว่าแต่ Erin ยัง... ‘สนิท’ กับเขามาตั้งหลายปีขนาดนี้...ดังนั้นเธอคงเข้าใจแล้วสินะ ถึงการทำให้เธอลำบากใจในเรื่องนี้จะเท่ากับทำให้ผู้กำกับสวี่ลำบากใจด้วยก็เถอะ แต่บางที Erin อาจจะกำลังอาศัยเรื่องนี้อ้อนผู้กำกับสวี่อยู่ก็ได้ เรื่องพรรค์นี้น่ะ หลายปีมานี้ฉันเห็นมาเยอะแล้ว”
เนี่ยเฟยเฟยดื่มเบียร์พลางถอนหายใจ “วงการของเธอนี่เข้าฉากหนังรักกันได้ทุกวันเลยนะ”
เซี่ยหมิงเทียนแนะนำให้เนี่ยเฟยเฟยไปขอร้อง Erin ไม่ก็ไปคุยกับสวี่ซูหราน เพื่อให้งานราบรื่น สุดท้ายเนี่ยเฟยเฟยไม่ทำทั้งคู่
สวี่ซูหรานเห็นเนี่ยเฟยเฟย ก็เดินเข้ามาบอกเธอว่า “ผมได้ยินเรื่องผู้ช่วยช่างภาพแล้ว เมื่อคืนนี้...”
เนี่ยเฟยเฟยตัดบทว่า “เรื่องนี้ไม่ต้องรบกวนคุณค่ะ งานน่ะมักจะเจอปัญหาฉุกเฉินเสมอแหละ ปัญหาระดับนี้ฉันยังรับมือได้อยู่ค่ะ”
สวี่ซูหรานมองหน้าเธออยู่สองวินาที แล้วพยักหน้า “ถ้า...มีปัญหาให้มาหาผม ผมอยู่ที่ชั้นสอง”
พอสวี่ซูหรานไปแล้ว Erin ก็เดินเข้ามาหาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร “เนี่ยเฟยเฟย”
เนี่ยเฟยเฟยเงยหน้าขึ้นมองเธอ
Erin “เธอนี่น่าสนใจดี จะใช้งานผู้ช่วยกับอุปกรณ์ของฉัน ขึ้นเรือมาแล้วกลับไม่มีการทักทายบอกกล่าวกันเลยสักคำ”
ในสัญญาระบุว่าการเตรียมการทุกอย่างผู้จ้างวานเป็นผู้ออกให้ ผู้จ้างวานคือสวี่ซูหราน เมื่อคืนเธอไปดูมาแล้ว เตรียมการได้ไม่เลวอยู่หรอก แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเป็นของ Erin
เนี่ยเฟยเฟยพยักหน้า “ขอโทษด้วยค่ะ นับถือมานาน ขอบคุณอุปกรณ์ของคุณ”
Erin ยิ้ม มองหน้าเนี่ยเฟยเฟยอย่างมีเลศนัย “นับถือมานาน? พูดถึงนับถือมานาน ฉันพอจะเคยได้ยินข่าวลือที่น่าสนใจเกี่ยวกับเธอมาบ้าง ข่าวลือบอกว่าที่เมื่อก่อนเธอได้รับรางวัลเพราะเส้นของอาจารย์เธอ หลังจากอาจารย์ของเธอตายไป เธอก็ไม่เคยได้รางวัลอะไรอีกเลย เธอเคยได้ยินบ้างไหม?”
เนี่ยเฟยเฟยมองหน้าเธอ
Erin “ฉันชอบวงการนี้ มีพรสวรรค์ มีความสามารถ ก็จะได้ในสิ่งที่ดีที่สุด คุณสามารถใช้ชีวิตอย่างอิสระและเอาแต่ใจได้ ขอแค่คุณสามารถถ่ายทำผลงานดีๆ ออกมาได้ ทุกคนจะพากันให้เกียรติคุณ รักใคร่คุณ นับถือเกรงใจคุณ แน่นอนว่าในวงการนี้ก็มีความโลภ ความจอมปลอม ความเห็นแก่ตัว ทั้งหมดนี้ฉันไม่เกลียดสักอย่าง รู้ไหมว่าอย่างเดียวที่ฉันเกลียดคืออะไร? พวกไขว่คว้าหาชื่อเสียงโดยไม่ได้เก่งจริง เนี่ยเฟยเฟย ผลงานที่ได้รางวัลของเธอพวกนั้น เธอเป็นคนถ่ายเองทั้งนั้นรึ?”
เนี่ยเฟยเฟยมองหน้าเธออยู่พักใหญ่ เห็นว่าในชีวิตคนเรามักจะได้เจอคนบ้าอยู่เรื่อยๆ เลย เธอพูดว่า “ความจริงแล้ว...ที่พูดว่า ‘นับถือมานาน’ ฉันก็แค่พูดไปตามมารยาท คุณนึกว่าจริงหรือ? เมื่อก่อนฉันไม่เคยได้ยินชื่อคุณเลยด้วยซ้ำ ไม่รู้จักคุณด้วย คุณแล่นมาพูดอะไรพิลึกๆ แบบนี้ตั้งเยอะแยะ คุณมีสิทธิ์พูดกับฉันด้วยเหรอ?”
Erin ตะลึงตาค้าง หน้าแดงก่ำสลับเขียวคล้ำ “ไม่รู้จักฉัน? การคบกับเธอต่างหากที่น่าขายหน้าที่สุดในชีวิตฉัน แต่เธอลืมไปหรือเปล่าว่าตอนนี้เธอมีเรื่องต้องขอร้องฉันอยู่น่ะ? นี่หรือคือวิธีขอร้องคนอื่นของเธอ?”
เนี่ยเฟยเฟย “ฉันไม่รู้จักคุณสักหน่อย ฉันขอร้องอะไรคุณเหรอ? นี่แน่ะคุณหนู คุณไม่สบายหรือเปล่าคะ?” จากนั้นหมุนตัวเดินจากไป
เดินลับหัวโค้ง เจอเซี่ยหมิงเทียนเอามือปิดปากพูดว่า “ฉันล่ะนึกว่าเธอจะบอก Erin ว่า ‘ตอนนี้ไม่เชื่อฉันก็ไม่เป็นไรค่ะ โปรดรอดูผลงานชิ้นถัดไปของฉัน แล้วจงดูความสามารถของฉันจากผลงานของฉัน ฉันจะพิสูจน์ให้คุณเห็นเอง!’ ซะอีก”
เนี่ยเฟยเฟยมองหน้าคนพูดสองวินาที “สาวน้อย อย่าอ่านการ์ตูนสาวน้อยให้มันมากเกินไปนัก อีกอย่าง ถ้าเจอคนบ้าจงรีบหลบไปไกลๆ อย่าไปต่อปากต่อคำด้วยเด็ดขาด คนที่เราทำให้ซาบซึ้งไม่ได้น่ะมีมากกว่าคนที่เราทำให้ซาบซึ้งได้เยอะ”
เซี่ยหมิงเทียนถามว่าทำให้ Erin โกรธแบบนี้แล้ว จะไปหาผู้ช่วยช่างภาพกับอุปกรณ์ถ่ายภาพจากไหน?
ปรากฏว่าเนี่ยเฟยเฟยเด็ดมาก ชีไปหาทีมช่างภาพที่สนิทกับฉุนอวี๋เหวยซึ่งอยู่แถวนั้นในช่วงนั้นพอดี และขอยืมมาช่วยงานเธอทั้งทีม ทำให้งานถ่ายใต้น้ำจบไปได้อย่างราบรื่น ภาพที่ถ่ายได้ออกมาเป็นที่พอใจของสวี่ซูหราน โดยที่ไม่ต้องได้ทีมของ Erin มาช่วยงานเลย
วันนั้นกว่าจะถ่ายทำเสร็จก็ดึกมาก ทุกคนต่างเหนื่อยสุดๆ เนี่ยเฟยเฟยกลับห้องพักไปนอน ตื่นมาสามทุ่ม ออกไปหาอะไรกินที่ร้านอาหาร ระหว่างทางเจอบริกรที่คุ้นหน้ากันบอกว่า คืนนี้มีงานเลี้ยงกลางแจ้งที่ชายหาด มีอาหารกวางตุ้งให้กิน เธอจึงหน้าระรื่นมุ่งหน้าไปชายหาด
ระหว่างเดินไปชายหาด บังเอิญได้ยินนักแสดงหญิงอายุ 30 กว่าปีคุยกันเบาๆ ว่า
“...ผู้กำกับให้ภาพถ่ายของเนี่ยเฟยเฟยผ่านแล้ว Erin ไม่พอใจ โมโหขังตัวเองอยู่ในห้องตลอดบ่ายเลย”
“จะว่าไป ทำไม Erin ถึงไปหาเรื่องเนี่ยเฟยเฟยล่ะ?”
“ทำไมถึงจะหาเรื่องไม่ได้ล่ะ? เธอไม่เห็นหรือว่ากับเซี่ยหมิงเทียน Erin ยังแค่เฉยๆ ใส่เลย นั่นน่ะคุณหนูใหญ่สายตรงของตระกูลเซี่ยเชียวนะ”
“เซี่ยหมิงเทียนน่ะไม่ได้ขาโหดอย่างเนี่ยเฟยเฟยสักหน่อย เธอไม่ได้ยินข่าวลือวงในเลยรึไง? ลือกันว่าเมื่อต้นเดือนที่หอประชุมใบไม้แดง คุณชายคนเล็กของสกุลเนี่ยที่ผลิตยาอาละวาดไปหาเรื่องเธอเข้า ถูกเธอจับขังซ้อมซะหน้าตายับเยิน จุ๊ๆ”
“หา? มีเรื่องแบบนี้ด้วย? ดูไม่ออกเลย ตัวจริงเธอดูเรียบร้อยออก เนี่ยอินหล่อออกขนาดนั้นเธอยังชกลงอีก...ฟังว่าพ่อแม่ของเนี่ยอินโอ๋ลูกจะตาย งั้นหลังจากนั้น...”
“ก็โอ๋แหละ แต่จะให้โอ๋ยังไงล่ะ? ก็นั่นน่ะคู่หมั้นของหลานชายเขานี่”
“คู่หมั้นของหลานชาย...หลานชาย...คุณชายใหญ่ของสกุลเนี่ย? เนี่ยอี้? เคยได้ยินคนพูดถึงมาหลายครั้งแล้ว ยังไม่เคยเจอตัวจริงเลย ฟังว่าตัวจริงหล่อกว่าเนี่ยอินอีกนี่?”
“ฉันเคยเห็นมาครั้งเมื่อสามเดือนก่อนในงานปาร์ตี้การกุศลของสกุลเซี่ย นั่งที่นั่ง VIP ประมูลรูปถ่ายสิงโตทะเลไปสองใบในราคาแพงหูฉี่ ฟังว่าเนี่ยอินอ่อนกว่าเขาแค่สี่ปี แต่สง่าราศีด้อยกว่ากันเยอะมาก”
“เฮ้อ เนี่ยเฟยเฟยนี่ดวงดีชะมัด..เธอว่าสองคนนี้มาคบกันได้ยังไงน่ะ? เมื่อก่อนไม่เห็นเคยได้ยินข่าวทำนองนี้ของเนี่ยอี้เลย อยู่ดีๆ ก็มีคู่หมั้นโผล่มาซะงั้น...”
“คิดว่าตอนนั้นในบรรดาคนที่มีคุณสมบัติเป็นศรีสะใภ้ที่เข้าตาสกุลเนี่ย พอประมวลจากทุกด้านแล้วเนี่ยเฟยเฟยเหมาะสมที่สุดล่ะมั้ง หน้าตาไม่เลว จบมหาลัยดัง ฐานะดี ทำงานด้านศิลปะ แถมยังมีชื่อเสียงพอตัว แต่พักนี้ได้ยินว่าประวัติไม่ขาวสะอาดพอ มีความเป็นไปได้ที่...สกุลเนี่ย...จะเปลี่ยนตัวศรีสะใภ้”
เรื่องพวกนี้ สายตาคนนอกมองเห็นชัดเจนกว่าจริงๆ
ไม่มีใครเชื่อว่าเธอกับเนี่ยอี้คบกันเพราะรักกัน ความจริงตัวเนี่ยเฟยเฟยเองก็ไม่เชื่อ แต่บางทีในบางขณะ เธออาจจะคาดหวังแบบนั้น ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่รู้สึกเจ็บปวดสุดทนทานเพราะการเลิกคบกัน
หลังจากนั้นเนี่ยเฟยเฟยก็กินอาหารในงานเลี้ยงแหลกลาญ ตามด้วยดื่มเหล้าจนเริ่มมึน
สวี่ซูหรานแวะมาดู ถามอย่างอ่อนโยนว่า “เนี่ยเฟยเฟย คุณเมาแล้วใช่ไหม? จะให้ผมไปส่งที่ห้องไหม?”
เนี่ยเฟยเฟยยิ้มกว้างขอบคุณในความหวังดีของเขา พูดว่า “สหาย ขอบคุณมาก ถ้าฉันเมาแล้ว โปรดรักษาระยะห่างกับฉันด้วย ให้เพื่อนซี้ปึ้กของฉันเซี่ยหมิงเทียนมาอยู่เป็นเพื่อนฉันก็พอค่ะ”
สวี่ซูหรานจะเข้าไปพยุงเธอ ผลคือเนี่ยเฟยเฟยเกือบจะพลิกโต๊ะใส่ เขาได้แต่ไปเรียกเซี่ยหมิงเทียนมา
Erin ที่ไม่รู้มาตั้งแต่เมื่อไหร่มองเนี่ยเฟยเฟยกับสวี่ซูหรานอยู่ห่างๆ
เซี่ยหมิงเทียนมาถึงก็โวยลั่นทันที “เธอเมาแล้วฉันคนเดียวจะไปพยุงเธอไหวได้ยังไงกันยะ!”
เนี่ยเฟยเฟยลุกขึ้นยืนอย่างมั่นคง เอามือแตะบ่าเซี่ยหมิงเทียน “เนี่ย ยังไม่เมาสักหน่อย เธอมานี่ทำไมน่ะ? ฉันจะไปนั่งที่เก้าอี้นอนตรงโน้นคนเดียวสักพัก ไว้ฉันเมาเมื่อไหร่เธอค่อยมาหาฉันแล้วกัน ต่อให้เมาแล้ว ฉันก็มีปัญญาประคองตัวเองกลับห้องได้น่า”
เซี่ยหมิงเทียน “เนี่ยเฟยเฟย ทำไมคืนนี้เธอถึงดื่มมากขนาดนี้ล่ะ?”
เนี่ยเฟยเฟย “ไม่ใช่ว่าคืนนี้เจ้าของโรงแรมเจอเรื่องน่ายินดี เลยให้กินเหล้ากับน้ำฟรีเหรอ?”
เซี่ยหมิงเทียน “น้ำฟรี เหล้าไม่ฟรี”
เนี่ยเฟยเฟย “งั้นทำไงดี ฉันดื่มไปซะเยอะขนาดนี้”
เซี่ยหมิงเทียนถอนใจ “เนี่ยเฟยเฟย เธอเมาแล้วจริงๆ ฉันไปเอาน้ำซุปแก้เมามาให้เธอนะ”
เซี่ยหมิงเทียนไปแล้ว เนี่ยเฟยเฟยนอนหลับไปพักหนึ่ง ตื่นมาอีกที แสงดาวยังเต็มฟ้า และเนี่ยอี้ยืนอยู่ข้างๆ เธอ เขาดูซูบลงนิดๆ ตาจับอยู่ที่ใบหน้าของเธอ
ทั้งคู่ต่างมองตากันนิ่ง
เนี่ยเฟยเฟยสงสัยว่ากำลังฝันไปหรือเปล่า และอยากจะลุกขึ้นกอดเขาใจแทบขาด แต่ได้สติเตือนตัวเองเสียก่อนว่า กับเนี่ยอี้ ไม่ว่าจะในความจริงหรือความฝัน เธอต้องเก็บอาการของตัวเองไว้ตลอดเวลา ห้ามประมาทเผลอหลุดเด็ดขาด
เนี่ยอี้เป็นฝ่ายพูดทักขึ้นก่อนว่า “เฟยเฟย”
เนี่ยเฟยเฟย “บังเอิญจัง ทำไมถึงได้เจอคุณที่นี่ล่ะ? เนี่ยอี้ พักนี้คุณสบายดีมั้ย?”
ผ่านไปพักใหญ่ เนี่ยอี้ไม่ได้ตอบ แต่ย้อนถามว่า “คุณล่ะ คุณสบายดีไหม?”
เนี่ยเฟยเฟยพยักหน้า “สบายดีมาก คุณสบายดีหรือเปล่า?”
เนี่ยอี้มองหน้าเธอ อึดใจใหญ่ค่อยพูดว่า “ผมก็สบายดีมาก”
เนี่ยเฟยเฟยยิ้ม “ฉันก็ว่างั้น”
เนี่ยอี้ “คุณไม่เคยคิดเลยหรือว่าผมจะไม่ค่อยสบาย?”
เธออยากจะบอกเขาว่า เนี่ยอี้ ฉันแวะไปเยี่ยมคุณมา ถึงได้รู้ว่าคุณสบายดีมาก บางทีเจี่ยนซีอาจจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีพอจริงๆ ทำให้ฉันหลงเข้าใจไปพักหนึ่งว่าความรักที่ทุกคนมีให้คุณต่างแฝงการเรียกร้องการตอบแทนทั้งนั้น
ฉันอยากให้ความรักที่บริสุทธิ์ไร้ความเห็นแก่ตัวแก่คุณ เหมือนที่พ่อแม่มอบให้แก่ลูก ฉันอยากสร้างครอบครัวที่มีความสุขให้แก่คุณ และมีอยู่พักใหญ่มากที่ฉันเข้าใจผิดอย่างหลงตัวเองว่า มีแต่ฉันเท่านั้นที่ทำได้
แต่หลังจากไปที่เขาอวี้จงซานแล้ว ฉันถึงค่อยพบว่า ไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวหรอกที่รู้ว่าควรจะรักคุณด้วยวิธีแบบไหน ต่อให้เราสองคนแยกทางกัน คุณก็สามารถหาคนในครอบครัวที่เหมาะสมให้ตัวเองพบได้อยู่ดี ความจริงแล้วตอนที่จากเขาอวี้จงซานมา ฉันวางใจมาก
แน่นอนว่าคำพูดพวกนี้ พูดออกจากปากไม่ได้หรอก
เนี่ยเฟยเฟยบอกเขาว่า “เพราะฉันรู้ว่า...”
เนี่ยอี้ “รู้ว่าอะไร?”
เนี่ยเฟยเฟยยิ้ม “รู้ว่ายังไงก็ต้องมีคนที่เหมาะสมกับคุณมากกว่าฉัน เธอจะทำให้คุณมีความสุข เป็นคนในครอบครัวคนใหม่ของคุณ”
ผ่านไปนานมาก เนี่ยอี้ค่อยพูดว่า “นี่คือผลที่ได้หลังจากคุณสำรวจดูตัวเองหรือ เฟยเฟย?”
เนี่ยเฟยเฟยหลับตาลง “ใช่ค่ะ คุณจะได้พบกับคนที่ใช่มากยิ่งกว่า ฉันเองก็ด้วย”
ตื่นเช้ามา เนี่ยเฟยเฟยปวดหัวเพราะอาการเมาค้าง เมื่อคืนนี้เธอจำได้ถึงแค่ว่าคุยกับเซี่ยหมิงเทียน นอกนั้นจำไม่ได้แล้ว จึงรินน้ำผลไม้เดินไปสูดอากาศที่ระเบียงหลังห้อง
ระเบียงหลังห้องของห้องพักโรงแรมนี้คั่นแยกกันด้วยหินอ่อนก่อเป็นรางปลูกต้นไม้สูงครึ่งตัวคน ระหว่างยืนดื่มน้ำผลไม้ทอดอารมณ์ เนี่ยเฟยเฟยได้ยินเสียงเคลื่อนไหว พอหันไปดู ก็เจอ Erin กับสวี่ซูหรานกำลังเล้าโลมกันอยู่ สวี่ซูหรานกำลังจูบหน้าอก Erin เลยไม่เห็นเนี่ยเฟยเฟย แต่ Erin เห็นเต็มตา
ทีแรก Erin ทำหน้าตกใจ แล้วเปลี่ยนเป็นยิ้มท้าทาย เนี่ยเฟยเฟยดูแล้วคิดว่าหล่อนประสาท พอดื่มน้ำผลไม้หมดแก้ว ก็คิดจะหลบเข้าไปในห้องตัวเอง แต่หัวดันไปโขกกับเสาระเบียงเสียงดังโป๊กสนั่นจนสวี่ซูหรานได้ยิน เงยหน้าขึ้นจากอก Erin เห็นเนี่ยเฟยเฟยก็ทำหน้าตกใจ “...คุณอยู่ที่นี่?”
เนี่ยเฟยเฟยเอามือลูบหัวป้อยๆ พูดว่า “ขอโทษทีที่รบกวนพวกคุณ แต่ว่าฉันมาก่อนนะ พวกคุณน่ะมาทีหลัง” แล้วชี้ที่แก้วเปล่าในมือ
สวี่ซูหรานสมกับเป็นเพลย์บอย ไม่มีอาการวางหน้าไม่ถูกเลย ถามว่าหัวโขกหรือ? เดี๋ยวเขาไปเอากล่องปฐมพยาบาลมาให้ แล้วกลับเข้าห้องตัวเองไปโดยไม่รอฟังคำปฏิเสธ
Erin ถลึงตาใส่เนี่ยเฟยเฟย แต่สภาพ Erin ตอนนี้ดูเซ็กซี่มาก เนี่ยเฟยเฟยเลยเผลอมองเพลินอย่างชื่นชมจน Erin เคือง ถลึงจ้องตาเขียว แหวว่า “มองอะไรยะ?”
เนี่ยเฟยเฟยยิ้ม “หัวฉันโขกจนชักจะบ๊องๆ น่ะ รู้สึกว่าคุณสวยมาก”
Erin เดินเข้ามาใกล้สองก้าว “เนี่ยเฟยเฟย เธอยังมีหน้าอยู่ที่นี่ต่ออีกนะ แค่ไปเอากระเป๋าพยาบาลมาให้ก็นึกว่าตัวเองวิเศษมากแล้วงั้นสิ? ขอโทษที ซูหรานเป็นคนดี กับใครเขาก็ใจดีงี้หมดแหละ ถ้าแค่เพราะเรื่องนี้เธอก็เข้ามาเกาะเขา คนที่จะเสียใจ...”
เนี่ยเฟยเฟยดูท่าทีของ Erin แล้วคิดว่า ชีแสดงอาการหวงสวี่ซูหรานออกนอกหน้าขนาดนี้ ดูท่าทางที่เขาลือกันข้างนอกจะมีมูลซะแล้ว เพราะความเป็นสุภาพบุรุษช่างบริการสุภาพสตรีแบบไม่ได้ตั้งใจของสวี่ซูหราน คิดว่าสาวๆ ที่มาเกาะเขาคงมีเยอะมาก
เนี่ยเฟยเฟยชักนึกสนุกขึ้นมา นิ่งคิดอยู่สองวินาที ก็เดินเข้าไปใกล้ Erin พูดว่า “คนสวย คุณได้ยินข่าวลือเรื่องฉันมาเยอะมาก ดูท่าทางเข้าใจฉันดีเลยนี่”
Erin ยิ้มชั่วร้าย “เธอหมายถึงการใช้ชีวิตที่เหลวแหลกของเธอน่ะเรอะ?”
เนี่ยเฟยเฟยพยักหน้า “ก็ถือว่าใช่ แต่ว่านะ” ยื่นมือไปวางบนบ่า Erin ยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยให้ “หรือคุณไม่เคยได้ยินมาก่อนว่า เทียบกับหนุ่มหล่อแล้ว ความจริงฉันชอบสาวสวยมากกว่า?” แล้วชะโงกหน้าเข้าไปกระซิบที่ข้างหู Erin “เพิ่งสังเกตเห็นว่าคุณสวยมาก เรามาลองดูกันมั้ย?”
Erin ตะลึงพรึงเพริด พอได้สติก็ผลักเนี่ยเฟยเฟยออก แล้วถอยกรูดๆ ไปชิดประตูระเบียง ท่าทางตกใจเอาเรื่อง
กับผู้หญิงที่มองเห็นทุกคนเป็นศัตรูหัวใจไปหมดมันต้องจัดการแบบนี้แหละ ตัวเนี่ยเฟยเฟยเองรู้สึกสนุกดี พอเงยหน้าขึ้นก็พบว่าสวี่ซูหรานถือกระเป๋าพยาบาลยืนอยู่หน้าประตูระเบียง ขมวดคิ้วมองหน้าเธออยู่ห้าวินาที เอ่ยปากอย่างยากเย็นว่า “เนี่ยเฟยเฟย คุณเป็น...” แล้วนิ่งไป เปลี่ยนเป็นพูดว่า “ผมจำได้ว่าสมัยเรียนมหาลัยคุณเคยมีแฟนผู้ชาย”
เนี่ยเฟยเฟยรู้ทันทีว่าเขาคิดจะพูดว่าอะไร กำลังจะตอบว่าเธอไม่ได้เป็น แค่หยอกแฟนคุณเล่นเท่านั้น เสียงเนี่ยอี้ก็พูดตอบแทนเธอดังมาจากข้างหลังเสียก่อน “เธอไม่ได้เป็น”
Erin มองไปที่ข้างหลังเนี่ยเฟยเฟย “คุณคือ...”
เนี่ยเฟยเฟยหันไปมองข้างหลัง เห็นเนี่ยอี้ยืนอยู่จริงๆ ก็ตกตะลึง ความทรงจำเมื่อคืนนี้วาบเข้ามาในหัวทันที เรื่องที่เธอคิดว่าแค่ฝันไป ที่แท้ก็ไม่ได้ฝัน
เนี่ยอี้มองหน้าเนี่ยเฟยเฟยอยู่ครู่หนึ่ง ท่าทางเขาเหมือนเพิ่งตื่น “หัวโขกหรือ?”
เนี่ยเฟยเฟย “อ่า...ใช่ค่ะ”
เนี่ยอี้เดินเข้ามาหา เนี่ยเฟยเฟยถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างลืมตัว เนี่ยอี้ชะงัก หยุดลงห่างจากเธอสองก้าว อึดใจใหญ่ค่อยพูดว่า “หัวโขกไม่ได้หนักมาก ประคบน้ำแข็งสักพักก็ได้แล้ว”
เนี่ยเฟยเฟย “อ้อ...ค่ะ”
เนี่ยอี้ “เวลาเดินให้ระวังหน่อย”
เนี่ยเฟยเฟย “อื้อ...ได้ค่ะ”
แล้วเงียบกันไปทั้งคู่
Erin ที่มองทั้งคู่อยู่เหมือนเพิ่งจะจำเนี่ยอี้ได้ “คุณชายเนี่ย?”
เนี่ยอี้หันไปมอง Erin แล้วมองสวี่ซูหรานที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอ เหมือนจะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขากับเนี่ยเฟยเฟยไม่ได้อยู่ในที่ที่มีความเป็นส่วนตัวมากพอ จึงลังเลเล็กน้อย แล้วพูดเสียงเรียบ “ขอโทษครับ เฟยเฟยเธอชอบพูดเหลวไหล พวกเราจะไม่ใช้ระเบียงกันชั่วคราว เชิญคุณสองคนตามสบายครับ”
สวี่ซูหรานพูดตามมารยาท 2-3 คำด้วยสีหน้าเรียบสนิท Erin ก็พึมพำตามมารยาทด้วย
ระหว่างนี้เนี่ยเฟยเฟยมัวแต่เหม่อเพราะตกใจที่เห็นเนี่ยอี้โผล่มา จนไม่ได้ยินว่าเนี่ยอี้พูดอะไรกับสองคนนั้นบ้าง จนได้ยินเสียงเนี่ยอี้เรียกเธอ ถึงค่อยพบว่าระหว่างที่เธอยืนเหม่อ เธอจ้องหน้าสวี่ซูหรานเขม็ง สวี่ซูหรานส่งกระเป๋าพยาบาลให้เธอโดยไม่ได้พูดอะไร เนี่ยเฟยเฟยยิ้มกระอักกระอ่วนรับมาแล้วพูดขอบคุณเขา ก่อนจะหิ้วกระเป๋าพยาบาลกลับเข้ามาในห้อง คราวนี้เกือบชนขอบประตู แต่ได้เนี่ยอี้คว้าตัวไว้ทัน
เข้าห้องมาได้ เนี่ยอี้ไปเอาถุงน้ำแข็งในครัว แล้วให้เนี่ยเฟยเฟยนอนเอนตัว ก่อนจะประคบน้ำแข็งให้
เนี่ยเฟยเฟยเรียบเรียงคำพูด แล้วสุดหายใจพูดว่า “เนี่ยอี้ คุณมาที่นี่เพื่อจะคุยถึงผลลัพธ์หลังจากสำรวจดูตัวเองของเราสองคน ใช่ไหมคะ?”
เนี่ยอี้ชะงักมือ เนี่ยเฟยเฟยเอามือแตะถุงน้ำแข็งประคบเอง พูดต่อว่า “ความจริงคุณไม่ต้องบินมาเพื่อเรื่องนี้ก็ได้ ฉันก็แค่ทำงานจนเหนื่อยเลยออกมาผ่อนคลายเท่านั้น อีก 2-3 วันฉันก็จะกลับไปแล้ว ส่วนเรื่องผลลัพธ์ของการสำรวจตัวเอง...เรื่องเมื่อคืนนั้นฉันมาลองคิดดูดีๆ แล้ว ก็แค่ใจเร็วไปชั่ววูบเท่านั้น บางทีสภาพแวดล้อมกับบรรยากาศอาจจะเป็นใจเกินไปอย่างฉกาจฉกรรจ์ บวกกับคุณเองยังหล่อมากด้วย ตอนนั้นฉันคงจะเผลอใจไปชั่ววูบ คุณไม่ต้องไปใส่ใจมากนักหรอก”
นี่เป็นคำพูดที่เธอเตรียมไว้เรียบร้อยอยู่แต่แรก ถ้าความรักทำให้เนี่ยอี้รู้สึกกลุ้มใจและเครียด อย่างนั้นเธอก็หวังว่าเขาจงอย่าได้รู้ไปจนตอนสุดท้ายว่าเธอรู้สึกยังไงกับเขา ตอนนี้เนี่ยอี้คิดถึงเจี่ยนซีแบบไหน เธอหวังว่าในวันหน้าเขาจะไม่คิดถึงเธอแบบนั้น
เนี่ยอี้นั่งลงข้างๆ เธอ หลังจากเนี่ยเฟยเฟยพูดจบ ก็หันไปมองเขา เธอนึกว่าเขาจะพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น ต่อไปเมื่อผมไม่อยู่ข้างๆ คุณอีก คุณก็ดูแลตัวเองดีๆ ละ” หรืออะไรที่คล้ายๆ กัน
แต่เนี่ยอี้กลับนิ่งไปนาน แล้วพูดว่า “ถ้าเป็นแบบนี้ งั้นทำไมคุณถึงคิดจะแยกทางกับผมล่ะ?” เขามองหน้าเธออย่างจริงจัง ถามต่อด้วยแววตาสงสัยจริงๆ “เพราะเบื่อแล้วหรือ?”
ตอนได้ยินคำถามแรก เนี่ยเฟยเฟยคิดจะบอกว่า เพราะคุณรู้สึกว่าฉันจริงจังกับคุณ ฉันทำให้คุณรู้สึกกลุ้มใจและอันตราย ฉันเข้าใจการตัดสินใจเมื่อเร็วๆ นี้ของคุณแล้ว การแยกทางกันเป็นวิธีผ่อนปรนที่ฉันนึกออก และอยากจะทำให้การแยกทางกันครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้นด้วย แค่นี้เท่านั้น แต่พอได้ยินคำถามที่สอง เธอก็กระโดดข้ามคำถามแรกไปโดยอัตโนมัติ มองหน้าเขางงๆ
“เบื่อ? เบื่ออะไรคะ?”
เนี่ยอี้นิ่งคิด ก่อนจะพูดด้วยเสียงเหนื่อยล้าอย่างมาก “เพราะผมให้เวลาคุณมากเกินไป ทำให้คุณคิดตกแล้วว่าคุณไม่ได้รักผม การแต่งงานที่คุณคาดหวังก็ไม่ใช่การแต่งงานที่มีแค่เงินกับความซื่อสัตย์ของสามีก็พอใจแล้ว คุณยังต้องการให้ต่างฝ่ายต่างรักกันด้วย” เขามองหน้าเธอ “ดังนั้นผมจึงคิดว่า บางทีคุณอาจจะเบื่อการแต่งงานที่อยู่บนพื้นฐานของเงินแล้วก็ได้”
เนี่ยเฟยเฟยค่อยนึกขึ้นได้ว่า ตอนแรกสุดที่เขากับเธอตกลงทำสัญญาแต่งงานกัน มีเงินเป็นเงื่อนไข
เนี่ยอี้นวดหว่างคิ้ว “เมื่อคืนคุณบอกผมว่า คุณอยากเจอคนที่ใช่มากยิ่งกว่า สิ่งที่คุณอาจจะคิด ผมลองคิดดูหมดแล้ว พอมาได้ยินกับหู...” เขาไม่ได้พูดต่อให้จบ
เนี่ยเฟยเฟยงงไปเลย และเดาคำที่เขาพูดไม่จบว่า น่าจะเป็น “พอมาได้ยินกับหู ก็รู้สึกวางใจขึ้นมาก” ละมัง เธอจึงพูดว่า “ต่างฝ่ายต่างรักกัน...บางทีที่คุณพูดมา ฉันอาจจะคิดอยู่ในใจจริงๆ ก็ได้...ความจริง การที่คนหนึ่งเริ่มรู้สึกเบื่อพอดี ส่วนอีกคนก็คิดอยากจะเลิกกันพอดี น่าจะไม่มีอะไรดีไปกว่านี้สำหรับการสิ้นสุดลงของการคบกันแล้วกระมัง”
ภายในห้องเงียบไปพักหนึ่ง เนี่ยอี้ค่อยพูดว่า “ถ้าในการคบกันนั้นมีแค่คนเดียวที่อยากจะเลิก คุณเห็นว่าคนที่ถูกทิ้งไว้นั่นควรจะเลือกทางไหนดี?”
เนี่ยเฟยเฟย “เลือกที่จะส่งเสริมละมังคะ ยังไงก็คงจะสามารถชินกับการอยู่คนเดียวอีกครั้งได้อยู่แล้ว ถ้าแค่เพราะชินกับการอยู่ด้วยกันสองคนไปแล้ว จึงพยายามรั้งตัวคนที่ตัดสินใจจะจากไปเอาไว้ให้ได้ มีแต่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายต่างทรมานด้วยกันทั้งคู่ ไม่ใช่หรือคะ?”
เนี่ยอี้พูดทวนว่า “ส่งเสริม” น้ำเสียงฟังไม่ออกว่าคัดค้านหรือเห็นด้วย
หลังจากนั้นเนี่ยอี้ไม่ได้พูดอะไรอีก เอนตัวลงนอนบนเก้าอี้นอน ต่างฝ่ายต่างเงียบกันไป
เนี่ยเฟยเฟยมองว่า ถึงความรักที่สิ้นสุดลงแล้วครั้งนี้จะสร้างความเจ็บปวดให้เธอ แต่ก็สร้างคามหวานชื่นมากยิ่งกว่าให้ด้วยเช่นกัน และเธอตัดสินใจขอโลภ ทำตามใจตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายก่อนลาจาก
เนี่ยเฟยเฟย “เนี่ยอี้”
เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอ เนี่ยเฟยเฟยสูดหายใจลึก แล้วพูดว่า “ก่อนจะบอกลากัน เรามาเดตกันเถอะ”