หัวข้อ : เทศกาลชิงหมิง หรือ เทศกาลเช็งเม้ง

โพสต์เมื่อ 7 เม.ย. 2561, 18:30

เทศกาลชิงหมิง หรือ เทศกาลเช็งเม้ง


เทศกาลชิงหมิง(清明节 : ชิงหมิงเจี๋ย หรือ เทศกาลเช็งเม้ง)เรียกอีกชื่อว่า “เทศกาลย่ำวสันต์”(踏春节 : ท่าชุนเจี๋ย)เป็นช่วงรอยต่อระหว่างช่วงกลางกับช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ เป็นเทศกาลแห่งกาลไปทำความสะอาดและเซ่นไหว้สุสานของชาวจีนมาแต่โบราณ จัดเป็น 1 ใน 4 เทศกาลใหญ่ของชาวจีน อันได้แก่ เทศกาลตรุษจีน เทศกาลเช็งเม้ง เทศกาลตวนอู่ และเทศกาลไหว้พระจันทร์
.
แรกเริ่มเดิมที คำ “ชิงหมิง”(清明)หมายถึงช่วงเวลานับตั้งแต่วันย่างกลางฤดูใบไม้ผลิ(春分 : ชุนเฟิน)เป็นต้นไป 15 วัน (โดยมากวันที่ 15 นี้ จะไปสิ้นสุดที่วันที่ 4-6 เมษายน วันชุนเฟินของปี 2018 คือ 21 มีนาคม) ที่เนื่องจากอากาศเริ่มอุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ สายลมที่เย็นสบายสดชื่น(清明风)โชยพัดมา จึงเรียกชื่อช่วงเวลานี้ว่า “เทศกาลชิงหมิง” ด้วยเหตุนี้
.
ส่วนที่ช่วงเวลานี้ กลายมาเป็นช่วงเวลาแห่งการไปทำความสะอาดและเซ่นไหว้สุสานของบรรพบุรุษ เริ่มมาตั้งแต่รัชสมัยของจิ้นเหวินกง(晋文公 : 697-628 ปีก่อนคริสตกาล)แห่งยุคชุนชิว(春秋) โดยมีที่มาดังนี้
.
จิ้นเหวินกงมีนามว่า “จ้งเอ่อร์”(重耳)เป็นกงจื่อ(公子 : คำเรียกบุตรชายเจ้าครองแคว้นในยุคชุนชิว)ของจิ้นเซี่ยนกง(晋献公)ในรัชสมัยของจิ้นเซี่ยนกง พระสนมลี่จี(骊姬)ต้องการให้ซีฉี(奚齐)บุตรชายของตนได้เป็นทายาทสืบตำแหน่งแทนจิ้นเซี่ยนกง จึงคิดแผนวางยาพิษไท่จื่อเซินเซิง(申生) เซินเซิงถูกบีบให้ฆ่าตัวตาย จ้งเอ่อร์ซึ่งเป็นน้องชายของไท่จื่อเซินเซิงได้หลบหนีออกจางวังเพื่อลี้ภัย ในระหว่างหลบหนี ผู้ติดตามได้ทยอยปลีกตัวจากไปจนเหลือที่จงรักภักดีอย่างมากอยู่เพียงไม่กี่คน หนึ่งในจำนวนนี้ชื่อว่า “เจี้ยจื่อทุย”(介子推) ตอนหนีไปถึงที่เปลี่ยวร้างห่างไกลผู้คน จ้งเอ่อร์ทั้งเหนื่อยทั้งหิวจนหมดแรงยืน ผู้ติดตามช่วยกันหาอาหารอยู่เป็นนานก็หาไม่ได้ เจี้ยจื่อทุยจึงแอบหลบไปเฉือนเนื้อต้นขาตัวเองมาหนึ่งก้อนต้มเป็นน้ำแกงจืดเนื้อให้เจ้านายกิน เมื่อจ้งเอ่อร์เริ่มฟื้นฟูเรี่ยวแรง และได้ทราบว่าเนื้อนี้คือเนื้อที่เจี้ยจื่อทุยเฉือนมาให้ตน ก็ร้องไห้ออกมา
.
สิบเก้าปีให้หลัง จ้งเอ่อร์กลับแคว้นไปดำรงตำแหน่งเจ้าครองแคว้น คือจิ้นเหวินกง 1 ใน 5 อหังการแห่งชุนชิวผู้โด่งดัง(春秋五霸)หลังจากขึ้นครองตำแหน่ง จิ้นเหวินกงได้ทยอยปูนบำเหน็จแก่เหล่าผู้ติดตามเก่าแก่ในอดีตอย่างงาม มีเพียงเจี้ยจื่อทุยที่ท่านลืม มีผู้แจ้งเรื่องนี้ต่อจิ้นเหวินกงแทนเจี้ยจื่อทุย เมื่อจิ้นเหวินกงได้ทราบก็นึกขึ้นได้ และนึกละอายใจ รีบส่งคนไปเชิญเจี้ยจื่อทุยมารับบำเหน็จที่วัง แต่ส่งไปหลายครั้ง เจี้ยจื่อทุยก็ไม่ยอมมา ท่านได้แต่ไปเชิญด้วยตนเอง แล้วพบว่าเจี้ยจื่อทุยเก็บเสื้อผ้าแอบพาท่านแม่ของตนหนีไปอยู่ที่ภูเขาเหมียนซาน(绵山)เสียแล้ว
.
จิ้นเหวินกงจึงส่งทหารของวังไปค้นหา แต่ไม่พบเจี้ยจื่อทุย มีผู้เสนออุบายวางเพลิงเผาภูเขาสามด้าน เว้นทางออกไว้ด้านเดียว เจี้ยจื่อทุยย่อมจะหนีออกมาหาเอง จิ้นเหวินกงทำตาม แต่ปรากฏว่าไฟเผาอยู่สามวันสามคืนจนดับ เจี้ยจื่อทุยก็ไม่ออกมา เมื่อขึ้นภูเขาไปค้นหาดู ก็พบว่าเจี้ยจื่อทุยสองแม่ลูกกอดต้นหลิวที่ไหม้เป็นตอตะโกต้นหนึ่งตายไปเสียแล้ว จิ้นเหวินกงมองศพเจี้ยจื่อทุยแล้วร้องไห้อยู่พักใหญ่
.
ตอนจัดการนำศพไปฝัง จิ้นเหวินกงพบว่าศพของเจี้ยจื่อทุยอุดโพรงต้นหลิวไว้ ในนั้นมีเศษเสื้อเขียนข้อความเลือดไว้ว่า “เฉือนเนื้อถวายนายด้วยใจภักดิ์ หวังนายชิงหมิง(清明)ชั่วนิรันดร์” (“ชิงหมิง” ในที่นี้ หมายถึง ปกครองโดยธรรม)
.
จิ้นเหวินกงเก็บสารเลือดนี้ไว้ แล้วจัดการฝังศพเจี้ยจื่อทุยกับแม่แยกกันอยู่ข้างๆ ต้นหลิวนี้ จากนั้นเปลี่ยนชื่อเขาเหมียนซานเป็นเขาเจี้ยซาน(介山)เพื่อเป็นที่ระลึกถึงเจี้ยจื่อทุย พร้อมกับสร้างศาลเจ้าขึ้นบนเขา และกำหนดให้วันนั้นของทุกปีเป็นวัน “กินอาหารเย็น”(寒食节)คือห้ามจุดฟืนไฟหนึ่งวัน
.
ปีถัดมา จิ้นเหวินกงแต่งชุดขาวขึ้นเขาไปเคารพศพเจี้ยจื่อทุย พบว่าต้นหลิวที่โดยไฟเผาเมื่อปีกลายกลับมาแตกหน่อเขียวชอุ่มอีกครั้ง ท่านจึงตั้งชื่อต้นหลิวต้นนี้ว่า “ชิงหมิงหลิ่ว”(清明柳)และกำหนดให้วันนั้นเป็นวันเทศกาลชิงหมิง
.
นับแต่นั้นมา จิ้นเหวินกงพกสารเลือดของเจี้ยจื่อทุยติดตัวตลอดเวลา และปกครองแผ่นดินโดยธรรมจนบ้านเมืองประชาราษฎร์ต่างร่มเย็นเป็นสุข แว่นแคว้นยิ่งใหญ่เกรียงไกรเป็นที่นับถือของเพื่อนบ้าน
.
โดยทั่วไปแล้ว ช่วงเวลาในการไปเคารพหลุมศพบรรพบุรุษในปัจจุบัน ไม่จำกัดว่าไปได้แต่วันเช็งเม้ง แต่เริ่มไปได้ตั้งแต่หลังวันกลางฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งชาวจีนจะถือว่าเป็นวันที่ประตูนรกเริ่มเปิดให้วิญญาณในนรกขึ้นมารับประทานของเซ่นไหว้ที่ญาตินำมาไหว้ และวันสุดท้ายที่จะไปเคารพหลุมศพได้ คือวันเช็งเม้ง อันเป็นวันสุดท้ายที่ประตูนรกเปิด
.
ส่วนธรรมเนียมการกินอาหารเย็น ไม่ได้มีทุกท้องที่ ในท้องที่ที่มี บ้างก็ปฏิบัติตามแบบโบราณอย่างเคร่งครัด คือกินก่อนวันเซ็งเม้ง 1 วัน บางท้องที่ก็กินก่อนวันเช็งเม้ง 2 วัน

Admin เข้าร่วมเมื่อ 7 เม.ย. 2561, 18:30

0 ความคิดเห็น