หัวข้อ : เรื่องย่อ หนอนหนังสือยึดอำนาจ (Honzuki no Gekokujou) ภาค 3

โพสต์เมื่อ 28 ธ.ค. 2562, 22:19

ภาค 3

 

เมื่อกลายมาเป็นธิดาบุญธรรมของท่านเจ้าเมือง (ซิลเวสเตอร์) ไมน์ถูกเปลี่ยนชื่อและลบประวัติทิ้งเขียนใหม่ โดยประวัติใหม่ของไมน์คือ

ชื่อ โรเซ่ไมน์ เป็นลูกสาวของคาร์สเทดต์ หัวหน้ากองอัศวิน กับโรเซ่แมรี่ ภรรยาคนที่สาม เนื่องจากโรเซ่แมรี่มีเรื่องปีนเกลียวกับทรูเดลีส ภรรยาอันดับสอง เพราะญาติของสองคนนี้กร่างทั้งคู่และตีกันเอง เพิ่งมาสงบศึกได้หลังจากโรเซ่แมรี่ป่วยตาย คาร์สเทดต์จึงตัดสินใจปิดบังไม่ให้ใครรู้ว่าโรเซ่แมรี่มีลูกสาว ไม่อย่างนั้นศึกระหว่างญาติเมียได้ปะทุอีกแน่นอน และซ่อนตัวโรเซ่ไมน์ไว้ในวิหาร เลี้ยงมาจนโต และคงจะเลี้ยงแบบนี้ต่อไป ถ้าไม่ใช่เพราะประมุขวิหารไปส์ฟอสเข้าใจผิดคิดว่าโรเซ่ไมน์เป็นสามัญชน จึงคิดจะขายโรเซ่ไมน์ให้เคานต์บินเดวัลด์ ชนชั้นสูงของเมืองอื่น

เหตุที่ต้องโกหกว่าเป็นลูกของคาร์สเทดต์ เพราะการที่เจ้าเมืองรับสามัญชนเป็นธิดาบุญธรรม กับรับบุตรีของชนชั้นสูงระดับสูงเป็นธิดาบุญธรรม ในสายตาของชนชั้นสูงแล้วแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ดังนั้นเพื่อการสร้างโปรไฟล์ใหม่ ไมน์จึงต้องเข้าพิธีศีลจุ่มเป็นรอบที่สอง ในชื่อ โรเซ่ไมน์ บุตรีของคาร์สเทดต์

นอกจากนี้ คาร์สเทดต์ยังเป็นชนชั้นสูงระดับสูงที่เป็นทั้งอัศวินองครักษ์ของเจ้าเมืองและเป็นลูกผู้พี่ของเจ้าเมือง โบนิฟาเทียส ท่านพ่อของคาร์สเทดต์ คือพี่ชายพ่อแม่เดียวกับท่านพ่อของซิลเวสเตอร์ (โบนิฟาเทียสเป็นพวกสมองกล้าม ไม่ชอบงานใช้สมอง จึงยกตำแหน่งเจ้าเมืองให้น้องชาย) เรียกได้ว่าฐานะสูงที่สุดในบรรดาชนชั้นสูงทั้งหมด

คาร์สเทดต์มีภรรยา 3 คน

ภรรยาอันดับหนึ่ง ชื่อ เอลวีรา อายุประมาณ 35-36 ปี เป็นชนชั้นสูงระดับสูง มีลูกด้วยกัน 3 คน ผู้ชายล้วน ชื่อ เอ็คฮาร์ด แลมเพรชท์ คอร์เนเลียส

ภรรยาอันดับสอง เป็นชนชั้นสูงระดับกลาง ชื่อ ทรูเดลีส มีลูกด้วยกันหนึ่งคน ชื่อ นิโลเลาส์

ภรรยาอันดับสาม เป็นชนชั้นสูงระดับกลาง ชื่อ โรเซ่แมรี่ ไม่มีลูกด้วยกัน

เอลวีราปลื้มเฟอร์ดินันด์มาก คาร์สเทดต์จึงขอให้เฟอร์ดินันด์ไปช่วยคุยเรื่องเขาจะรับโรเซ่ไมน์เป็นลูกสาว ให้เข้าพิธีศีลจุ่มโดยขอให้เอลวีรารับเป็นแม่

เฟอร์ดินันด์เป็นน้องชายต่างแม่ของซิลเวสเตอร์ เป็นลูกชายของเจ้าเมืองคนก่อน ถูกพามาที่เมืองเอเลนเฟสต์ตอนเข้าพิธีศีลจุ่ม เฟอร์ดินันด์ไม่มีแม่ และเวโรนิกา ท่านแม่ของซิลเวสเตอร์ (พี่สาวของไปส์ฟอส) ปฏิเสธที่จะรับเขาเป็นลูก และเนื่องจากเฟอร์ดินันด์เก่งและฉลาดมาก จึงเป็นหนามตำตาแม่เลี้ยง ถูกกลั่นแกล้งกีดกันสารพัดมาแต่เด็ก แต่ซิลเวสเตอร์ชอบน้องชายคนนี้ และดีกับเขา เฟอร์ดินันด์จึงภักดีกับซิลเวสเตอร์มาก ที่เฟอร์ดินันด์บวชเข้าวิหาร ก็เพื่อเลี่ยงปัญหาเรื่องแย่งสิทธิ์สืบทอดเจ้าเมืองกับซิลเวสเตอร์

เมื่อเฟอร์ดินันด์ไปช่วยคุยให้ เอลวีราก็ตกปากรับคำเป็นแม่ให้โรเซ่ไมน์อย่างยินดี และรับโรเซ่ไมน์มาเลี้ยงที่บ้านก่อนพิธีศีลจุ่ม เพื่อให้เรียนรู้มารยาทแบบหลักสูตรเร่งรัด ให้มีกิริยามารยาทสมเป็นบุตรีชนชั้นสูงระดับสูงก่อนจะเข้าพิธีศีลจุ่ม ซึ่งโรเซ่ไมน์ก็ทำได้ดีมาก

ในบรรดาลูกชายทั้งสามคนของเอลวีรา

เอ็คฮาร์ด ลูกชายคนโต อายุ 18 ปี เคยเป็นอัศวินองครักษ์ของเฟอร์ดินันด์ ก่อนที่เฟอร์ดินันด์จะบวชเข้าวิหาร

แลมเพรชท์ ลูกชายคนรอง อายุ 16 ปี เป็นอัศวินองครักษ์ของวิลฟรีด ลูกชายคนโตของเจ้าเมือง

คอร์เนเลียส ลูกชายคนที่ 3 อายุ 11 ปี เรียนอยู่ปี 2 ของวิทยาลัยชนชั้นสูง

คอร์เนเลียสเป็นคนเดียวที่ยังพักอยู่ที่บ้าน เอ็คฮาร์ดมีบ้านของตัวเอง แยกบ้านไปแล้ว ส่วนแลมเพรชท์ พักอยู่ที่หอพักอัศวิน เพราะเหตุนี้ คอร์เนเลียสจึงสนิทกับโรเซ่ไมน์มากที่สุด และรับตำแหน่งเป็นอัศวินองครักษ์ของโรเซ่ไมน์หลังจากที่โรเซ่ไมน์เป็นธิดาบุญธรรมของเจ้าเมืองอย่างเป็นทางการ

ช่วงที่โรเซ่ไมน์เรียนมารยาทอยู่ที่คฤหาสน์ของคาร์สเทดต์ เฟอร์ดินันด์จะแวะไปเยี่ยม + ดูสถานการณ์วันเว้นวัน ทำให้เอลวีราอารมณ์ดีมาก และช่วยให้โรเซ่ไมน์กับเอลวีราเข้ากันได้ไม่มีปัญหา เพราะคุยกันแต่เรื่องเฟอร์ดินันด์

 

ในงานพิธีศีลจุ่มของโรเซ่ไมน์ ตามแผนการของสามผู้ปกครอง ซิลเวสเตอร์ เฟอร์ดินันด์ คาร์สเทดต์ ให้โรเซ่ไมน์มอบการอวยพรแก่ชนชั้นสูงที่มาในงานทั้งห้องโถง ประมาณสามร้อยกว่าคน สร้างความตื่นตะลึงและเสียงฮือในพลังเวทอันมหาศาล บวกกับการแต่งเติมเรื่องที่โรเซ่ไมน์ช่วยชีวิตพวกเด็กกำพร้า และสร้างกิจการพิมพ์อันเป็นกิจการใหม่ขึ้นมา ปั้นโรเซ่ไมน์ให้กลายเป็น “นักบุญหญิง” และทำสัญญาเป็นลูกบุญธรรมของเจ้าเมืองทันทีหลังจากเสร็จพิธีศีลจุ่ม ต่อหน้าชนชั้นสูงที่เป็นประจักษ์พยานทั้งสามร้อยกว่าคน

เมื่อได้เป็นธิดาบุญธรรมของเจ้าเมืองอย่างเป็นทางการแล้ว โรเซ่ไมน์ก็ได้ครอบครัวเจ้าเมืองมาเป็นคนในครอบครัวเพิ่ม ได้แก่

พ่อบุญธรรม : ซิลเวสเตอร์ (Silvester) อับ เอเลนเฟสต์ คนปัจจุบัน อายุ 26 ปี

แม่บุญธรรม : ฟลอเรนเซีย (Florenzia) ภรรยาหลวง และภรรยาคนเดียวของอับ เอเลนเฟสต์ อายุ 28 ปี

พี่ชายบุญธรรม : วิลฟรีด (Wilfried) อายุ 7 ขวบ

น้องสาวบุญธรรม : ชาร์ล็อตต์ (Charlotte) อายุ 6 ขวบ

น้องชายบุญธรรม : เมลเชียร์ (Melchior) อายุ 2 ขวบ

อาบุญธรรม : เฟอร์ดินันด์ อายุ 21 ปี

ปู่ใหญ่บุญธรรม : ปู่ : โบนิฟาเทียส (Bonifatius)

 

ตามกฎของชนชั้นสูงในเรื่องนี้ นับญาติกันที่ตอนเข้าพิธีศีลจุ่ม ใครรับเป็นพ่อแม่ตอนเข้าพิธีศีลจุ่ม คนนั้นเท่ากับเป็นพ่อแม่แท้ๆ ร่วมสายเลือด ดังนั้นโรเซ่ไมน์จึงเท่ากับเป็นลูกสาวของเอลวีรา และกลายเป็นความหวังของบรรดาชนชั้นสูงระดับสูงญาติๆ ของเอลวีรา ในอันที่จะดันเธอขึ้นไปเป็นอับ เอเลนเฟสต์คนถัดไป

ตามกฎของเรื่องนี้อีกเช่นกัน การจะถูกนับเป็น “มนุษย์” และ “พลเมือง” ต้องหลังจากเข้าพิธีศีลจุ่มแล้วเท่านั้น ดังนั้น เด็กที่ยังไม่เข้าพิธีศีลจุ่ม (ยังไม่ถึง 7 ขวบ) จะไม่มีสิทธิ์ออกงานสังคมใดๆ แม้แต่ลูกเจ้าเมืองก็ไม่เว้น และมักจะถูกปิดบังไว้ไม่ให้ชนชั้นสูงคนอื่นๆ เห็นตัว เพราะเหตุนี้การที่อยู่ๆ โรเซ่ไมน์ก็โผล่มาเป็นลูกคาร์สเทดต์ จึงไม่ค่อยมีใครสงสัย ยิ่งอ้างว่าถูกซ่อนตัวและเลี้ยงให้โตมาในวิหารด้วยแล้ว

ซิลเวสเตอร์ได้ประกาศชาติกำเนิด (ที่แต่งขึ้น) ของโรเซ่ไมน์ ตลอดจนความผิดที่ประมุขวิหารไปส์ฟอสได้กระทำลงไปเพื่อขายโรเซ่ไมน์ให้แก่เจ้าเมืองเมืองอื่น เพราะเข้าใจผิดว่าเป็นสามัญชน ซึ่งไปส์ฟอสโดนประหารไปแล้ว ส่วนเคานต์บินเดวัลด์ถูกคัมขังไว้ และเนื่องจากประมุขวิหารถูกประหารไปแล้ว ตำแหน่งจึงว่างลง บวกกับการสูญเสียไปส์ฟอส ทำให้พลังเวทของทางวิหารขาดแคลน ซิลเวสเตอร์จึงให้โรเซ่ไมน์รับตำแหน่งประมุขวิหารสืบต่อจากไปส์ฟอสตามที่โรเซ่ไมน์เองก็ต้องการ เพราะอยากจะดูแลโรงเลี้ยงเด็กกำพร้าต่อ นี่คือข้ออ้างที่บอกแก่เหล่าชนชั้นสูง ส่วนความจริงคือ ให้โรเซ่ไมน์เป็นประมุขวิหารเพราะเป็นงานเบา แต่ได้หน้า แล้วเฟอร์ดินันด์เป็นหัวหน้านักบวช ซึ่งงานหนักอยู่เบื้องหลังต่อไป โดยเฟอร์ดินันด์จะทำงานในส่วนของประมุขวิหารให้ด้วย + ค่อยๆ สอนงานของประมุขวิหารให้โรเซ่ไมน์ หน้าที่หลักจริงๆ ในฐานะประมุขวิหารของโรเซ่ไมน์ คือคอยมอบการอวยพรของจริงในพิธีต่างๆ ที่เธอถนัดกว่าเฟอร์ดินันด์

งานเป็นประธานนำประกอบพิธีกรรมต่างๆ ในฐานะประมุขวิหารที่โรเซ่ไมน์ต้องทำ เรียงตามลำดับตั้งแต่เริ่มรับตำแหน่งประมุขวิหาร ได้แก่

ฤดูร้อน

1. ทำพิธีผูกดาว (แต่งงาน) ทั้งของสามัญชนและชนชั้นสูง

2. ทำพิธีบรรลุนิติภาวะให้คนที่เกิดในฤดูร้อน

 

ฤดูใบไม้ร่วง

1. ทำพิธีศีลจุ่มให้คนที่เกิดในฤดูใบไม้ร่วง

2. ออกเดินทางไปทำพิธีเก็บเกี่ยว (เป็นการไปทำพิธีทั้งหมดที่นักบวชต้องทำให้ แก่ชาวบ้านในชนบท นั่นคือ พิธีศีลจุ่ม พิธีผูกดาว พิธีบรรลุนิติภาวะ และเก็บค่าตอบแทนจากหมู่บ้านเหล่านั้นในนาม “ของถวายเทพ” ปกติพิธีนี้คือแหล่งรับเสบียงของพวกนักบวชชุดคราม จึงเป็นที่แย่งชิงกันทำมาก ตอนไมน์เป็นนักบวชสีครามฝึกหัด จึงถูกตัดออกจากรายชื่อคนที่ต้องเดินทางไปทำพิธีนี้)

3. ทำพิธีบรรลุนิติภาวะให้คนที่เกิดในฤดูใบไม้ร่วง

 

ฤดูหนาว

1. ทำพิธีศีลจุ่มให้คนที่เกิดในฤดูหนาว

2. ทำพิธีถวายเวท (เป็นพิธีที่นักบวชสีครามทุกคนต้องร่วมกันเค้นพลังเวทออกมาใส่ในจอกศักดิ์สิทธิ์ใบเล็กจนเต็ม ศาสตราเทพที่ไมน์เคยต้องถ่ายพลังเวทใส่เกือบทุกวันสมัยเป็นนักบวชสีคราม ก็จะถูกเค้นพลังเวทมาใส่ในจอกศักดิ์สิทธิ์ใบเล็กในพิธีนี้ด้วย)

3. ทำพิธีบรรลุนิติภาวะให้คนที่เกิดในฤดูหนาว

 

ฤดูร้อน

1. ทำพิธีศีลจุ่มให้คนที่เกิดในฤดูร้อน

2. ทำพิธีผูกดาว (แต่งงาน) ทั้งของสามัญชนและชนชั้นสูง

3. ทำพิธีบรรลุนิติภาวะให้คนที่เกิดในฤดูร้อน

 

หลังจากได้เป็นธิดาบุญธรรมของเจ้าเมืองแล้ว โรเซ่ไมน์ต้องมีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นอีกหลายรายตามกฎที่ลูกเจ้าเมืองต้องมี (ทั้งลูกแท้ลูกบุญธรรม) รวมมีผู้ติดตามทั้งหมดดังนี้

อัศวินองครักษ์ 4 คน คือ

1. ดามูเอล (Damuel) อายุ 16 ปี ชนชั้นสูงระดับล่าง

2. บริดจิดท์ (Brigitte) อายุ 16 ปี ชนชั้นสูงระดับกลาง น้องสาวของไวส์เคานต์อิล์กนาร์

3. คอร์เนเลียส (Cornelius) อายุ 11 ปี ชนชั้นสูงระดับสูง พี่ชายคนที่ 3 ของโรเซ่ไมน์ เรียนอยู่ปี 2

4. แองเจลิกา (Angelika) อายุ 12 ปี ชนชั้นสูงระดับกลาง เรียนอยู่ปี 3

 

ต้นห้องของโรเซ่ไมน์มี 2 คนคือ

1. ริชาร์ดา (Richarda) ชนชั้นสูงระดับสูง ในอดีตเคยรับใช้ทั้งท่านแม่ของเวโรนิกา เวโรนิกา จีออร์จีเนอร์ เคยเป็นครูสอนคาร์สเทดต์ เคยเป็นแม่นมและต้นห้องของซิลเวสเตอร์ เป็นต้นห้องที่เก่งมาก พึ่งพาได้ และไว้ใจได้

2. อ๊อตทิเลีย (Ottilie) ชนชั้นสูงระดับสูง เก่งและใจดี เป็นเพื่อนสนิทของเอลวีรา เป็นน้องสะใภ้ของเคานต์ลีสกัง (Leisegang)

 

เนื่องจากก่อนจะทำพิธีศีลจุ่มเป็นลูกสาวของคาร์สเทดต์ เฟอร์ดินันด์เคยตรวจร่างกายให้โรเซ่ไมน์ และพบว่ามีพลังเวทจับตัวแข็งใกล้ๆ ศูนย์กลางภาชนะเก็บพลังเวทของร่างกายอยู่เยอะมาก ส่งผลให้เวลาที่ตื่นเต้นจนพลังเวทพลุ่งพล่าน ร่างกายทำการป้องกันตัวด้วยการทำให้ตัวเองหมดสติเพื่อให้พลังเวทหยุดไหลแรง การจะรักษาโรคนี้ จำเป็นต้องทำน้ำยายูรีฟที่ช่วยละลายก้อนพลังเวทเหล่านี้

นั่นเป็นครั้งแรกที่โรเซ่ไมน์ได้รู้ว่า โครงสร้างร่างกายของมนุษย์ในโลกนี้แตกต่างจากโลกเมื่อชาติก่อนของเธอ (คนของประเทศนี้ที่มีเวทมนตร์มากในระดับหนึ่ง เมื่อตายแล้ว จะกลายเป็นหินเวทเหมือนพวกสัตว์เวท ส่วนคนปกติที่พลังเวทต่ำมาก เข้าใจว่าตายแล้วร่างกายก็ยังคงเป็นแบบเดิม ไม่กลายเป็นหินเวท)

และน้ำยายูรีฟนี้ ต้องสร้างจากวัตถุดิบ 4 ธาตุบริสุทธิ์ของ 4 ฤดูกาล ซึ่งตอนที่เก็บวัตถุดิบ คนที่จะต้องใช้น้ำยาต้องเป็นคนเก็บเองและทำการย้อมวัตถุดิบให้กลายเป็นหินเวทเดี๋ยวนั้น จากนั้นใส่ในถุงหนังที่สามารถป้องกันพลังเวทไหลผ่านได้เพื่อคงความบริสุทธิ์ของพลังเวท

ด้วยเหตุนี้ โรเซ่ไมน์จึงต้องตระเวนไปตามสถานที่อันตรายเพื่อเก็บวัตถุดิบ 4 ชนิดมาทำน้ำยายูรีฟ การเดินทางต้องเก็บเป็นความลับ เพราะหากถูกรู้ว่าเดินทางไปเก็บวัตถุดิบทำน้ำยายูรีฟ อาจจะความแตกถูกเดาออกว่าเป็นสามัญชน ซึ่งในการเดินทางไปเก็บแต่ละครั้ง จะไปกันแค่คนที่รู้ความลับเรื่องโรเซ่ไมน์เป็นสามัญชน มีแต่บริดจิดท์คนเดียวที่ไปด้วยโดยที่ไม่รู้ แต่บริดจิดท์ก็หุบปากเงียบ ไม่เคยถาม

วัตถุดิบแต่ละชนิดที่ต้องไปเก็บ ต้องเก็บตามฤดูกาลนั้น และบางชนิดก็มีเวลาให้เก็บแค่หนึ่งวันนั้นในหนึ่งปี วัตถุดิบทั้ง 4 ชนิดที่โรเซ่ไมน์เดินทางไปเก็บตามแผนการที่เฟอร์ดินันด์วางไว้ ได้แก่

ฤดูใบไม้ร่วง ผลริวเอล ต้องเก็บในคืนแห่งซุทส์อาเรีย การเก็บคือแอบไปในระหว่างเดินทางทำพิธีเก็บเกี่ยว การเก็บผลริวเอลรอบแรกล้มเหลว เพราะข้อมูลที่รวบรวมมามีไม่พอ ไม่นึกว่าจะมีสัตว์เวทมากันเยอะมาก บวกกับเฟอร์ดินันด์ไม่ได้อยู่ด้วย ครั้งที่สองจึงเก็บสำเร็จ เพราะวางแผนกันดีมาก แถมเฟอร์ดินันด์กับคาร์สเทดต์มาช่วยอีกแรง

ฤดูหนาว หินเวทของเจ้าแห่งเหมันต์ในปีนั้น ในเอเลนเฟสต์ จะเกิดสัตว์เวทขนาดยักษ์ขึ้นทุกฤดูหนาว ชนิดแตกต่างกันไป เรียกรวมว่า “เจ้าแห่งเหมันต์” สัตว์เวทตัวนี้จะทำให้เกิดพายุหิมะในเอเลนเฟสต์ ทำให้ฤดูหนาวยิ่งหนาว และสามารถสร้างลูกสมุนสัตว์เวทขึ้นมาได้นับไม่ถ้วนตราบเท่าที่มันยังคงมีพลังเวทอยู่ การปราบเจ้าแห่งเหมันต์คือหน้าที่ของกองอัศวิน ปกติเฟอร์ดินันด์จะต้องไปช่วยด้วย และเป็นกำลังหลักในการปราบ ในปีนั้น ตอนที่กองอัศวินเล่นงานเจ้าแห่งเหมันต์จนอ่อนแรงลงแล้ว เฟอร์ดินันด์ให้โรเซ่ไมน์ถ่ายพลังเวทใส่ในหอกแห่งไลเดนเชฟท์ ศาสตราเทพของวิหารจนล้นจนแลบประกายไฟเปรี๊ยะๆ แล้วพาโรเซ่ไมน์เข้าไปปาหอกแห่งไลเดนเชฟท์ใส่เจ้าแห่งเหมันต์ ทีเดียวตายกลายเป็นหินเวทธาตุดินบริสุทธิ์

ฤดูใบไม้ผลิ น้ำผึ้งจากดอกบัวในสระสรงน้ำของเทพธิดา ต้องเก็บในคืนแห่งฟรูฮ์ไทรเนน การเก็บทำในระหว่างเดินทางทำพิธีอธิษฐานขอพร ที่ต้องตระเวนนำจอกศักดิ์สิทธิ์ใบเล็กไปแจกแก่บรรดาขุนนางเจ้าของที่ดิน แล้วแวะทำภารกิจนี้กลางทาง เฟอร์ดินันด์เป็นคนวางแผนและเข้าร่วมช่วยในแผนด้วย เพื่อกันความผิดพลาด

ฤดูร้อน ไข่นกอินทรียักษ์ใต้ภูเขาไฟ เนื่องจากเฟอร์ดินันด์กับลูกน้องคนสนิท เอ็คฮาร์ดและจัสตุสเคยไปเก็บกันมาก่อนแล้ว จึงค่อนข้างง่าย แต่ก็เกือบพลาดไปเหมือนกัน

เพื่อให้สามารถไปเก็บวัตถุดิบที่ว่ามาข้างต้นได้ อย่างน้อยจำเป็นต้องให้โรเซ่ไมน์มีสัตว์ขับขี่ของตัวเอง เฟอร์ดินันด์จึงสอนโรเซ่ไมน์สร้างสัตว์ขับขี่ด้วยหินเวท ซึ่งสัตว์ขับขี่ในโลกนี้จะมีรูปแบบเดียวกันหมด คือ เป็นเหมือนรูปปั้นหินรูปสัตว์ต่างๆ มีปีก อย่างของซิลเวสเตอร์จะเป็นสิงโตสามหัว ซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ของเอเลนเฟสต์ บ่งบอกว่าเขาคืออับ เอเลนเฟสต์ ส่วนสัตว์ขับขี่ของครอบครัวเจ้าเมืองคนอื่นๆ ได้รับสิทธิ์ให้ใช้สิงโตหัวเดียวได้ สัตว์ขับขี่ของเฟอร์ดินันด์จึงเป็นสิงโตหัวเดียว ของคาร์สเทดต์คือกริฟฟิน เป็นต้น

แต่สัตว์ขับขี่ของโรเซ่ไมน์ อิงตามรถเมล์แมวในเรื่อง Totoro จึงออกมาเป็นรถทานูกิ เดิมทีโรเซ่ไมน์ทำเป็นรูปสิงโตเวอร์ชันการ์ตูน แต่เฟอร์ดินันด์รับไม่ได้ที่ตราเอเลนเฟสต์จะถูกเอามาใช้ดัดแปลงเป็นตัวหน้าตาพิลึก จึงสั่งให้เปลี่ยนเอาสัตว์อื่นที่ไม่ใช่สิงโต แต่ปรากฏว่าในโลกนี้มีสัตว์เวทตัวร้ายที่หน้าตาคล้ายทานูกิอยู่ รถทานูกิของโรเซ่ไมน์จึงถูกเข้าใจผิดว่าเป็นสัตว์เวทนั้นขนาดยักษ์เกือบตลอด ยังไงก็ตาม โรเซ่ไมน์ก็ได้สัตว์ขับขี่มาแล้ว แถมเป็นแบบยืดได้ขยายได้ ปรับเปลี่ยนไซส์ได้ตามการใช้งาน หลังจากนี้คุณทานูกิจึงถูกเอามาใช้งานสารพัดทั้งขนคน (สามัญชน) ขนของ (สัมภาระในการเดินทาง) และใช้เป็นรถแคมปิ้งนอนค้างคืนได้ อย่างเฟอร์ดินันด์ ถึงปากจะบ่นว่าสัตว์ขับขี่ของโรเซ่ไมน์น่าเกลียด ผิดสามัญสำนึก แต่ก็ใช้ให้ช่วยขนของให้อยู่เรื่อย...

หลังจากมีสัตว์ขับขี่แล้ว โรเซ่ไมน์ได้ขออนุญาตขับสัตว์ขับขี่ภายในปราสาทเจ้าเมืองแทนเดินเท้าซึ่งทั้งเสียเวลา ช้า และเหนื่อย เสี่ยงต่อการเป็นลมสลบไปกลางทาง เมื่อซิลเวสเตอร์ได้เห็นคุณทานูกิของโรเซ่ไมน์ก็ขำกลิ้ง และอนุญาตให้โรเซ่ไมน์ขับสัตว์ขับขี่แทนการเดินภายในปราสาทได้

เมื่อได้วัตถุดิบสำหรับทำน้ำยายูรีฟมาครบ เฟอร์ดินันด์ก็ช่วยสอนให้ปรุงน้ำยายูรีฟเองจนสำเร็จ

 

ในด้านหน้าที่ของธิดาบุญธรรมของเจ้าเมือง มีงานที่ซิลเวสเตอร์มอบหมายมาให้คือ

1. ก่อตั้งและขยายกิจการพิมพ์ให้เป็นกิจการของเมือง โดยให้โรงพิมพ์ตั้งอยู่ที่โรงเลี้ยงเด็กกำพร้าของเมืองย่อย ซึ่งจำเป็นต้องใช้เงินทุน โรเซ่ไมน์ก็ได้เรียนรู้วิธีการเรี่ยไรเงิน ก็คือจัดงานเลี้ยงน้ำชาแล้วเอ่ยปากขอให้ช่วยบริจาคเงิน เนื่องจากเธอมองว่าวิธีนี้ไม่เหมาะกับเธอ จึงคิดวิธีใหม่ขึ้น คือ จัดคอนเสิร์ตการกุศล เอาเฟอร์ดินันด์มาดีดฟีสพิลล่อแขกควักเงินจ่ายค่าตั๋ว (เฟอร์ดินันด์โดนบังคับให้มาเล่นแบบโคตรไม่เต็มใจ) และแอบพิมพ์รูปเฟอร์ดินันด์วาดโดยวิลมา ออกมาขาย ได้กำไรอื้อซ่า แต่หลังจบงานก็โดนเฟอร์ดินันด์ด่ายับเหมือนกัน

2. จากข้อ 1. โรเซ่ไมน์ตัดสินใจตั้งโรงงานผลิตกระดาษเพิ่ม โดยเริ่มที่เมืองอิล์กนาร์ทางใต้สุดของเอเลนเฟสต์ ซึ่งเป็นป่าดิบมีต้นไม้สารพัดชนิด รวมถึงต้นไม้เวท และเป็นเมืองย่อยที่ปกครองโดยพี่ชายของบริดจิดท์ อัศวินองครักษ์ของเธอเอง สุดท้ายก็สามารถคิดค้นกระดาษชนิดใหม่จากอิล์กนาร์ได้ 3 ชนิด โดย 2 ใน 3 ชนิดผลิตจากต้นไม้เวท มีความสามารถพิเศษตามลักษณะของต้นไม้เวทนั้นพ่วงมาด้วย แบบเดียวกับกระดาษโทรอนเบ้ ซึ่งการคิดค้นกระดาษตัวใหม่ได้ ส่งผลให้เศรษฐกิจของอิล์กนาร์ดีขึ้นผิดหูผิดตา จากเดิมเป็นเมืองที่การเงินขัดสนและถูกกลั่นแกล้งจนลำบากในหลายๆ เรื่อง

3. นำวิธีการที่ใช้สอนหนังสือเด็กกำพร้า มาสอนเด็กๆ ลูกของชนชั้นสูงในห้องเด็ก ในโลกนี้ ฤดูหนาวเป็นฤดูของงานออกสังคม พวกชนชั้นสูงผู้ใหญ่ (อายุ 15 ปีขึ้นไป) จะมีการจัดงานเลี้ยงเข้าสังคมเพื่อรวบรวมข้อมูลต่างๆ กันตลอด แม้แต่บรรดาขุนนางเจ้าของที่ดิน ก็จะพากันย้ายเข้ามาพักอยู่ในตัวเมืองหลวงของนครเอเลนเฟสต์กันชั่วคราว จากนั้นพวกลูกขุนนางที่อายุ 7-9 ขวบ จะไปรวมตัวกันที่ห้องเด็กเพื่อทำความรู้จักกับลูกขุนนางด้วยกันคนอื่นๆ ส่วนพวกที่อายุ 10-15 ปีจะเป็นช่วงเวลาที่วิทยาลัยชนชั้นสูงเปิดเรียน (เปิดแค่ช่วงฤดูหนาว ทั้งปีไปโรงเรียนแค่ไม่กี่เดือนนั้น) จึงจะอยู่ที่วิทยาลัย โรเซ่ไมน์ได้นำไพ่ดอกไม้ ไพ่ป๊อก และหนังสือนิทานภาพตำนานเทพจากพระคัมภีร์มาเป็นอุปกรณ์การสอนหนังสือสอนพวกเด็กๆ ลูกของชนชั้นสูงในห้องเด็ก ทั้งยังให้โรซีน่าช่วยสอนดีดฟีสพิลให้ (โรเซ่ไมน์ซื้อตัวโรซีน่ามาเป็นครูสอนดนตรีประจำตัว โรซีน่าจึงพ้นสภาพนักบวชสีเทาแล้ว) และใช้หลักการสอนเด็กประถมจากโลกเดิม จนทุกคนสามารถอ่านออกเขียนได้ คิดเลขบวกลบง่ายๆ และจำชื่อมหาเทพทั้งหมดรวมถึงเทพบริวารส่วนใหญ่ได้กันหมดภายในเวลาสั้นๆ แค่ช่วงฤดูหนาว นอกจากนี้ยังนำไพ่ดอกไม้ ไพ่ป๊อก และหนังสือภาพที่เป็นอุปกรณ์การสอนเหล่านี้มาขายแก่บรรดาชนชั้นสูง ซึ่งก็ขายดิบขายดีเบนโนยิ้มแป้น ด้วยการสอนของโรเซ่ไมน์ ส่งผลให้ผลการเรียนของเด็กเอเลนเฟสต์โดยเฉพาะชั้นต้นดีขึ้นผิดหูผิดตา

 

ด้านความสัมพันธ์กับครอบครัว

โรเซ่ไมน์ได้พี่ชายบุญธรรมเพิ่มมาหนึ่งคน คือ วิลฟรีด อันที่จริงโรเซ่ไมน์แก่กว่า แต่เพราะเข้าพิธีศีลจุ่มรอบสอง ในสายตาชนชั้นสูงจึงเพิ่งจะครบ 7 ขวบ ส่วนวิลฟรีดเข้าพิธีศีลจุ่มไปตอนฤดูใบไม้ผลิ จึงแก่เดือนกว่า ถือเป็นพี่ชาย

วิลฟรีดเป็นลูกคนโตที่เกิดจากซิลเวสเตอร์กับฟลอเรนเซีย อับ เอเลนเฟสต์ และภรรยาอันดับหนึ่ง ถูกวางตัวเป็นว่าที่อับมาแต่เกิด หน้าตาและนิสัยเหมือนซิลเวสเตอร์เด๊ะ (นิสัยเด็กประถม)

เวโรนิกา ท่านแม่ของซิลเวสเตอร์ อ้างว่าไม่ไว้วางใจลูกสะใภ้ที่มาจากเมืองอื่น (ฟลอเรนเซีย) จึงแย่งเอาตัววิลฟรีดไปเลี้ยงเองตั้งแต่ยังแบเบาะ (ส่วนชาร์ล็อตต์กับเมลเชียร์ทิ้งไว้ให้ฟลอเรนเซียเลี้ยง) และเลี้ยงวิลฟรีดมาแบบตามใจมากเพื่อให้เป็นหุ่นเชิดของตนในวันหน้า แต่ในสายตาของวิลฟรีดและน้องๆ คือย่ารักและตามใจวิลฟรีดมาก ลำเอียงรักวิลฟรีดชนิดเอียงกะเท่เร่

เมื่อเวโรนิกาถูกซิลเวสเตอร์ลูกชายจับกุมตัวเนื่องในข้อหาปลอมแปลงเอกสารปลอมชื่อเจ้าเมือง ปล่อยให้ชนชั้นสูงของเมืองอื่นลักลอบเข้ามาในเมืองเพื่อทำร้ายและลักพาตัวธิดาบุญธรรมของเจ้าเมือง ตลอดจนช่วยกลบเกลื่อนความผิดสารพัดยาวเป็นหางว่าวของประมุขวิหารไปส์ฟอส และลงโทษกักบริเวณไว้ที่หอคอยสีขาว ซึ่งเป็นที่สำหรับใช้คุมขังคนในครอบครัวของเจ้าเมืองที่กระทำความผิดร้ายแรง วิลฟรีดก็กลับมาสู่การดูแลของพ่อแม่ตามเดิม และไม่ได้เจอหน้าย่าอีกเลย

วิลฟรีดเป็นเด็กซนมาก ไม่อยู่นิ่ง เกลียดการเรียน ชอบโดดเรียนเป็นประจำ หนีเก่ง ซึ่งสมัยเวโรนิกาเลี้ยง ก็ปล่อยให้หลานโดดเรียนโดยไม่ดุว่า จะดุก็เฉพาะตอนที่วิลฟรีดไม่ทำตามคำสั่งเท่านั้น (อย่างว่า กะเลี้ยงมาให้เป็นหุ่นเชิดล่ะนะ) ดังนั้นทั้งที่อายุปาเข้าไป 7 ขวบแล้ว วิลฟรีดจึงยังจำตัวอักษรได้ครึ่งเดียว ตัวเลขก็จำได้ไม่หมด ฟีสพิลก็ดีดไม่เป็น และเอาแต่ใจตัวเองมาก

วิลฟรีดเห็นโรเซ่ไมน์ไม่ต้องถูกบังคับให้เรียนอย่างตัวเขา ได้คุยกับพ่อแม่เขาในเวลาอาหาร (รายงานเรื่องงานต่อซิลเวสเตอร์ ครอบครัวอับจะได้ร่วมกินข้าวกันเฉพาะมื้อเย็น แต่ชาร์ล็อตต์กับเมลเชียร์ก็ยังร่วมโต๊ะด้วยไม่ได้ จนกว่าจะเข้าพิธีศีลจุ่ม) และได้ออกจากปราสาทไปที่อื่นๆ (ฮีคิดว่าได้ออกไปเที่ยว) จึงอิจฉาโรเซ่ไมน์มาก เจอหน้าก็ตะโกนใส่ว่าโรเซ่ไมน์ขี้โกง

เนื่องจากแลมเพรชท์ (พี่ชายคนรองของโรเซ่ไมน์ ลูกชายคนรองของคาร์สเทดต์กับเอลวีรา) ที่เป็นอัศวินองครักษ์ของวิลฟรีดเคยมาขอให้โรเซ่ไมน์ช่วยหาทางทำอะไรกับวิลฟรีดหน่อย เพราะการเรียนไม่คืบห้าเลย โรเซ่ไมน์เบื่อจะถูกว่าใส่หน้าว่าขี้โกงๆ จึงเสนอต่อซิลเวสเตอร์ ขอแลกการใช้ชีวิตประจำวันกับวิลฟรีดหนึ่งวัน

เป็นหนึ่งวันที่นรกมากสำหรับวิลฟรีด และราวกับขึ้นสวรรค์สำหรับโรเซ่ไมน์ โรเซ่ไมน์ขอให้เฟอร์ดินันด์ช่วยขู่ให้วิลฟรีดกลัวว่าถ้าไม่ขยันเรียน จะถูกปลดจากตำแหน่งว่าที่อับ

ผลของการดัดนิสัยวิลฟรีดได้ผลดีมาก หลังจากนั้นวิลฟรีดกลับมาตั้งอกตั้งใจเรียน บวกกับได้เทคนิคการสอนเด็กประถมของโรเซ่ไมน์ กับอุปกรณ์การสอนแบบเรียนด้วยวิธีเล่น ทำให้วิลฟรีดสามารถอ่านออกเขียนได้ บวกลบเลขได้ ดีดฟีสพิลได้หนึ่งเพลงทันก่อนงานเข้าสังคมฤดูหนาวที่เขาต้องดีดฟีสพิลโชว์เป็นการเปิดตัว รอดจากการถูกปลดจากตำแหน่งว่าที่อับไปอย่างฉิวเฉียด

ต่อมาในฤดูใบไม้ผลิ ช่วงที่ซิลเวสเตอร์และภรรยาเดินทางไปประชุมเจ้าเมืองประจำปีที่ส่วนกลาง งานถ่ายพลังเวทแก่แก่นศิลาเวทของเมืองซึ่งปกติเป็นงานของอับ จึงตกแก่วิลฟรีดและโรเซ่ไมน์ ที่ถูกวานให้ช่วยเฝ้าบ้าน + ฝึกฝนการถ่ายพลังเวทใส่แก่นศิลาเวทไปด้วย โรเซ่ไมน์ใช้วิธีถ่ายพลังเวทใส่โดยตรงแบบสบายๆ ส่วนวิลฟรีด เนื่องจากมีพลังเวทน้อยกว่ามาก จึงต้องหัดดึงพลังเวทจากหินเวทที่บรรจุพลังเวทของพ่อแม่ไปใส่ในแก่นศิลาเวท ซึ่งก็เหนื่อยแฮ่กในแต่ละครั้ง โดยผู้ที่ทำหน้าที่คอยดูแลพวกเด็กๆ คือโบนิฟาเทียส ซึ่งตามศักดิ์แล้วเป็นปู่แท้ๆ ของโรเซ่ไมน์ และเป็นหัวหน้ากองอัศวินรุ่นก่อน

ทางไปสู่ห้องเก็บแก่นศิลาเวทของเมืองจะอยู่ในห้องทำงานของอับ คนที่จะเข้าไปในห้องเก็บแก่นศิลาเวทได้ มีแต่ครอบครัวเจ้าเมืองที่ทำการลงทะเบียน คือถ่ายพลังย้อมหินเวทใส่ลงไปในช่องใส่หินเวทหน้าห้องเก็บแก่นศิลาเวท ซึ่งมีอยู่ 6 ช่องสำหรับ 6 คน เวลาทำการถ่ายศิลาเวท จะให้อัศวินองครักษ์เฝ้าที่หน้าประตูห้องทำงาน ห้ามใครเข้าเด็ดขาด

 

บริดจิดท์ อัศวินองครักษ์ของโรเซ่ไมน์ เป็นน้องสาวของไวส์เคานต์อิล์กนาร์ เป็นชนชั้นสูงระดับกลาง อิล์กนาร์อยู่ทางใต้ ติดชายแดนอาร์เรนบัช เป็นที่ดินที่มีป่าไม้อุดมสมบูรณ์ มีพรรณไม้นานาชนิด

ไวส์เคานต์อิล์กนาร์คนก่อน ท่านพ่อของบริดจิดท์ถึงแก่กรรมตอนที่พี่ชายเพิ่งจะอายุ 15 ปี เป็นผู้ใหญ่หมาดๆ ยังอ่อนประสบการณ์ต่อโลกต่อสังคม ตอนนั้นบริดจิดท์อายุ 13 ปี มีคู่หมั้นอยู่แล้ว เป็นชนชั้นสูงระดับกลาง และเป็นขุนนางเจ้าของที่ดินเหมือนกัน ครอบครัวของคู่หมั้นบริดจิดท์คิดจะฮุบที่ดินอิล์กนาร์ผ่านทางบริดจิดท์ บริดจิดท์โมโหจึงขอถอนหมั้น แต่หลังจากถอนหมั้น พี่ชายก็ถูกกลั้นแกล้งสารพัดจากครอบครัวคู่หมั้นของบริดจิดท์อยู่ดี ต้องพยายามประคับประคองตัวเองมาอย่างร่อแร่เต็มที

ด้วยเหตุนี้ บริดจิดท์จึงอาสามาเป็นอัศวินองครักษ์ของโรเซ่ไมน์ เพราะต้องการฐานะธิดาบุญธรรมของเจ้าเมืองของโรเซ่ไมน์มาเป็นแบคช่วยคุ้มครองพี่ชายและตระกูลของตน แม้ว่าจะต้องเข้าออกวิหารซึ่งเป็นเรื่องที่ชนชั้นสูงพากันรังเกียจ แต่เพราะเคยถอนหมั้นมาแล้วครั้งหนึ่ง บวกกับหุ่นของบริดจิดท์บึกบึนตามสไตล์อัศวินหญิง สวมชุดราตรีซึ่งกำลังเป็นกระแสนิยม อันเป็นชุดที่เหมาะกับผู้หญิงร่างบางๆ ไม่ขึ้น สวมแล้วดูเป็นสาวบ้านนอก ไม่ถูกสเปคหนุ่มๆ จึงยังคงหาคู่ใหม่ไม่ได้สักที

หลังจากโรเซ่ไมน์ได้รู้ประวัติของบริดจิดท์ก็ซาบซึ้งมากที่ยอมเสียสละเพื่อครอบครัว จึงยื่นมือเข้าช่วยด้วยการดีไซน์ชุดแบบเปลือยไหล่และสั่งตัดมาให้บริดจิดท์สวมในงานเลี้ยงราตรีของคืนพิธีผูกดาว ที่เป็นงานเลี้ยงหาคู่ของหนุ่มสาว ทำให้ในคืนนั้นบริดจิดท์เด่นสะดุดตามากจนดามูเอลปิ๊ง เข้าไปคุกเข่าขอความรัก และขอให้บริดจิดท์รอ เขาจะพยายามเพิ่มพลังเวทของตัวเองให้มากขึ้นจนคู่ควรกับบริดจิดท์ภายในเวลาหนึ่งปี นี่เป็นเหตุการณ์ในพิธีผูกดาวครั้งที่ 2 ที่โรเซ่ไมน์นำประกอบพิธีในฐานะประมุขวิหาร

ดามูเอลนั้น หลังจากพลอยได้รับพรจากไมน์ตอนท้ายภาค 2 พลังเวทที่หยุดเพิ่มไปแล้วก็ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นได้รับการสอนวิธีกดหดพลังเวทของโรเซ่ไมน์ ทำให้พลังเวทเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงมีความเป็นไปได้จริงๆ ที่พลังเวทจะเพิ่มขึ้นจนคู่ควรกับบริดจิดท์ (พลังเวทสูงเท่าชนชั้นสูงระดับกลาง) ภายในหนึ่งปี

 

แองเจลิกา อัศวินฝึกหัดองรักษ์ผู้หญิงอีกคนของโรเซ่ไมน์ หน้าตาสวยน่ารักมาก รูปร่างก็บอบบางดูไม่เหมือนอัศวินเลย แต่นิสัยสวนทางกับหน้าตา เป็นพวกสมองกล้ามชอบใช้กำลังไม่ชอบใช้สมองและเกลียดการเรียนมาก

แองเจลิกาสอบตกทุกวิชาจนพ่อแม่ต้องมาขอโทษขอโพยโรเซ่ไมน์ โรเซ่ไมน์จึงให้อัศวินองครักษ์ทุกคนร่วมกันตั้งกลุ่มเพิ่มคะแนนสอบของแองเจลิกา ให้ช่วยกันทำให้แองเจลิกาสอบซ่อมผ่าน โดยมีของรางวัลที่แต่ละคนอยากได้มาล่อ ดามูเอลล่อด้วยเงินรางวัล เพราะฮีติดหนี้พี่ชายค่าชุดทำพิธีของไมน์สมัยเป็นนักบวชสีคราม ที่ขาดหมดเพราะโทรอนเบ้จนต้องตัดใหม่ด่วนจี๋อยู่ บริดจิดท์ตอบแทนด้วยดีไซน์ชุดที่เหมาะกับตัวให้สวมในงานพิธีผูกดาว ส่วนคอร์เนเลียส เอาสูตรขนมที่ไม่เคยบอกใครมาล่อ (คอร์เนเลียสเป็นคนเห็นแก่กินมาก แต่ต้องเป็นของอร่อยถูกปากถึงจะล่อได้สำเร็จ มีแต่โรเซ่ไมน์ที่สามารถล่อหมอนี่ด้วยของกินได้)

ส่วนแองเจลิกา รางวัลของความขยันคือขอให้โรเซ่ไมน์ถ่ายพลังเวทใส่ลงในดาบเวทที่แองเจลิกากำลังเลี้ยงอยู่

และเมื่อทุกคนช่วยกันจนแองเจลิกาสอบผ่าน เมื่อโรเซ่ไมน์ใส่พลังเวทลงไปในดาบเวท โดยคิดในใจว่าอยากให้มันช่วยสอนชี้ทางให้แองเจลิกาได้เหมือนอย่างท่านหัวหน้านักบวช บวกกับเฟอร์ดินันด์ที่พอรู้ว่าโรเซ่ไมน์ถ่ายพลังใส่ดาบเวทของแองเจลิกา ก็รีบตรงจากวิหารมาด่าและลองใส่พลังเวทลงไปด้วยเพื่อทดสอบดู ผลลัพธ์จึงออกมาเป็นมันกลายเป็นดาบเวทที่พูดได้ แถมพูดออกมาเป็นเสียงของเฟอร์ดินันด์ คอยสั่งสอนดุด่าแองเจลิกา และช่วยโกงข้อสอบให้ด้วย เพราะดาบเวทนี้ฉลาดและความจำดีเหมือนเฟอร์ดินันด์ แองเจลิกาตั้งชื่อให้ดาบเวทนี้ว่า สติงลุค

 

ในพิธีผูกดาวครั้งที่ 2 ซิลเวสเตอร์สั่งให้เฟอร์ดินันด์สึกจากการเป็นนักบวช จากนั้นค่อยสั่งให้ทำหน้าที่เป็นหัวหน้านักบวชในวิหารต่อ เหมือนที่สั่งให้โรเซ่ไมน์ทำหน้าที่เป็นประมุขวิหารโดยไม่ต้องบวช ดังนั้นนับแต่นั้นมา เฟอร์ดินันด์จึงรับเอ็คฮาร์ดกับจัสตุสเป็นผู้ติดตามคนสนิท พาเข้าไปในวิหารด้วยได้เหมือนก่อนที่เขาจะบวช

จัสตุส คือลูกชายคนเล็กของริชาร์ดา ต้นห้องของโรเซ่ไมน์ เป็นขุนนางอาลักษณ์มือขวาของเฟอร์ดินันด์ เก่งด้านการหาข้อมูลมาก สามารถปลอมตัวเป็นคนอื่นได้ ปลอมตัวเป็นผู้หญิงก็ได้ ดัดเสียงเก่ง อ่านคำพูดจากปากคนเป็น ไหวพริบดี แต่มีข้อเสียคือ พอเจอของที่สนใจแล้วลืมหมดทุกอย่าง (อารมณ์ประมาณไมน์เห็นหนังสืออยู่ตรงหน้า) จัสตุสเคยเป็นต้นห้องของเฟอร์ดินันด์สมัยเฟอร์ดินันด์ยังเรียนที่วิทยาลัยชนชั้นสูง

จัสตุสสนใจคุณทานูกิ สัตว์ขับขี่ของโรเซ่ไมน์มาก แต่ตอนโรเซ่ไมน์อนุญาตให้ขึ้น ฮีก็ถามโน่นถามนี่ไม่ยอมหยุดจนโรเซ่ไมน์ไม่มีสมาธิขับ ห้ามก็ไม่ยอมฟัง หลังจากนั้นโรเซ่ไมน์จึงห้ามจัสตุสขึ้นคุณทานูกิอีก จัสตุสเสียใจมาก

หลังจากสึกแล้ว เฟอร์ดินันด์มาในงานพิธีผนวกดาว มานั่งร่วมโต๊ะกับซิลเวสเตอร์และโรเซ่ไมน์ โรเซ่ไมน์ถามว่าไม่ไปหาคู่เรอะ? เฟอร์ดินันด์บอกไม่มีประโยชน์ เพราะในบรรดาผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงานของเอเลนเฟสต์ตอนนี้ ไม่มีใครที่พลังเวทใกล้เคียงกับเขาในระดับที่แต่งงานด้วยได้เลย (แต่งแล้วจะต้องมีลูก พลังเวทฮีสูงเกินไป แต่งไปก็ไม่มีลูก) คาร์สเทดต์จึงบอกให้รอแต่งกับโรเซ่ไมน์สิ โรเซ่ไมน์โตเมื่อไหร่ พลังเวทก็คู่ควรเองแหละ ทั้งโรเซ่ไมน์กับเฟอร์ดินันด์ทำหน้าสยองทันที เฟอร์ดินันด์บอกว่าให้ดูแลยายเด็กตัวปัญหานี่ไปทั้งชีวิตเนี่ยนะ? ไม่เอาด้วยหรอก

 

ในภาคนี้ โรเซ่ไมน์ได้เห็นการใช้เวทมนตร์เฉพาะที่มีแต่ครอบครัวเจ้าเมืองที่ใช้ได้ 2 อย่าง คือ

1. เวทเอ็นทวิคเคิล (Entwickeln) คือเวทสร้างสิ่งก่อสร้างหินสีขาว ซึ่งกำแพงเมือง วิหาร สิ่งก่อสร้างในเขตเมืองสามุญชนตั้งแต่ชั้นสองลงไป สิ่งก่อสร้างในเขตเมืองชนชั้นสูงทั้งหมดรวมถึงปราสาทเจ้าเมือง ถูกสร้างด้วยเวทเอ็นทวิคเคิลทั้งหมด ในเนื้อเรื่องภาคนี้ เฟอร์ดินันด์ใช้เวทเอ็นทวิคเคิลเนรมิตวิหารน้อยสำหรับใช้เป็นโรงงานผลิตกระดาษขึ้นมา ในการใช้เวทเอ็นทวิคเคิล สิ่งที่ขาดไม่ได้คือผงทองที่เกิดจากการถ่ายพลังเวทใส่หินเวทจนเต็มเปี่ยม เหมือนหินเวทที่ไปส์ฟอสใช้ดูดซับพลังเวทที่ไมน์ปล่อยกดดันใส่

2. เวทประหารแบบทำลายป้ายลงทะเบียนประชากร เป็นวงเวทที่สร้างหมอกดำขึ้นมา จากนั้นคนในครอบครัวเจ้าเมืองที่ใช้เวทนี้ จะทิ้งป้ายลงทะเบียนที่มีเลือดของเจ้าของป้ายติอยู่ (ป้ายไว้ตอนทำพิธีศีลจุ่ม) ลงไปในหมอกดำ ส่งผลให้คนคนนั้นกลายเป็นหินและป่นสลายไปไม่เหลือซาก คนลงมือใช้เวทนี้คือเฟอร์ดินันด์เช่นกัน ตอนได้เห็นเวทนี้ โรเซ่ไมน์จิตตกไปเลย

 

หลังจากเป็นประมุขวิหารแล้ว โรเซ่ไมน์ได้ไปเจอจดหมายที่ไปส์ฟอสเขียนติดต่อกับหญิงสาวนิรนามโดยบังเอิญ ตอนแรกนึกว่าเป็นจดหมายรัก และมีจดหมายขอความช่วยเหลือจากผู้หญิงฉบับหนึ่ง ที่พอเขียนตอบว่าประมุขวิหารตายแล้ว มันก็กลายเป็นนกบินจากไปเอง หลังจากนั้นก็มีจดหมายตอบกลับมาว่าขอบคุณที่แจ้งข่าวการตายของไปส์ฟอสให้ ซึ่งคนเขียนจดหมายที่ดูเหมือนจดหมายรักทั้งหมด รวมถึงจดหมายที่โรเซ่ไมน์ตอบไปฉบับนี้ คือ จีออร์จีเนอร์ พี่สาวคนโตของซิลเวสเตอร์

ซิลเวสเตอร์ อับ เอเลนเฟสต์คนปัจจุบัน มีพี่น้องพ่อแม่เดียวกันรวม 3 คน

พี่สาวคนโต จีออร์จีเนอร์ แต่งงานไปเป็นภรรยาอันดับสามของอับ อาร์เรนส์บัช

พี่สาวคนรอง คอนสแตนซ์ แต่งงานไปเป็นภรรยาอันดับหนึ่งของอับ โฟรเบลแท็ก คนปัจจุบัน สามีของพี่สาวคนนี้ คือพี่ชายของฟลอเรนเซีย ภรรยาของซิลเวสเตอร์

น้องชายคนเล็ก ซิลเวสเตอร์ อับ เอเลนเฟสต์คนปัจจุบัน

จีออร์จีเนอร์พี่สาวคนโตแก่กว่าซิลเวสเตอร์หลายปี และถูกเลี้ยงดูเพื่อให้สืบตำแหน่งเจ้าเมืองมาโดยตลอด แต่พอซิลเวสเตอร์เกิด ฐานะของจีออร์จีเนอร์ก็สั่นคลอน ตำแหน่งว่าที่อับถูกเบนเข็มไปที่ซิลเวสเตอร์แทน ทำให้จีออร์จีเนอร์เกลียดซิลเวสเตอร์มาก และกลั่นแกล้งรังแกน้องชายคนนี้อย่างหนักมาตั้งแต่เด็ก จนพ่อแม่ซึ่งเดิมทีตั้งใจจะให้จีออร์จีเนอร์แต่งงานกับชนชั้นสูงภายในเมืองเอเลนเฟสต์ และคอยช่วยซิลเวสเตอร์บริหารเมืองเล็งเห็นว่าท่าจะไม่เวิร์ค จะกลายเป็นศึกชิงตำแหน่งอับ เอเลนเฟสต์และการพยายามลอบฆ่าน้องชายเสียมากกว่า จึงตัดสินใจส่งจีออร์จีเนอร์ไปแต่งงานเป็นภรรยาคนที่สามของอับ อาร์เรนส์บัช ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นก่อนที่เฟอร์ดินันด์จะเข้าพิธีศีลจุ่มและเข้ามาอยู่ในปราสาทเจ้าเมือง เฟอร์ดินันด์จึงไม่เคยเห็นหน้าจีออร์จีเนอร์มาก่อน

จีออร์จีเนอร์มีลูกสาวกับอับ อาร์เรนส์บัช 2 คน คือ

1. อัลส์เทเดอ

2. เดียทลินเดอ

ด้วยสถานการณ์ทางการเมืองในอาร์เรนส์บัช + การวางแผนของจีออร์จีเนอร์ ทำให้เมื่อภรรยาอันดับหนึ่งและอันดับสองของอับ อาร์เรนส์บัชเสียชีวิต จีออร์จีเนอร์ก็ได้เลื่อนขึ้นเป็นภรรยาอันดับหนึ่งพร้อมกับกุมฐานเสียงของชนชั้นสูงที่สนับสนุนภรรยาอันดับสอง ด้วยวิธีให้อัลส์เทเดอ ลูกสาวคนโตแต่งงานกับวอล์ฟแรม ลูกชายของภรรยาคนที่สอง (ในเรื่องนี้ ระดับครอบครัวเจ้าเมืองขึ้นไป สามารถให้พี่น้องคนละแม่แต่งงานกันได้ เพื่อคงความเข้มข้นของสายเลือด) ทำให้จีออร์จีเนอร์มีอิทธิพลอย่างมากในอาร์เรนส์บัช

และหลังจากได้เลื่อนขึ้นเป็นภรรยาอันดับหนึ่ง ซึ่งเป็นภรรยาคนเดียวที่มีสิทธิ์ออกงานประชุมเจ้าเมืองประจำปีพร้อมกับสามี จีออร์จีเนอร์ซึ่งตั้งแต่แต่งงานไปอยู่อาร์เรนส์บัช ก็ไม่เคยโผล่หน้ากลับมาเยี่ยมบ้านเลยสักครั้ง ได้กระแนะกระแหนซิลเวสเตอร์ในงานประชุมเจ้าเมืองเรื่องไม่แจ้งข่าวบอกเธอเรื่องน้าชายตายแล้วเลย (จีออร์จีเนอร์สนิทกับไปส์ฟอส ประมุขวิหารคนก่อนที่โดนประหารไปแล้วมาก) และเธออยากไปเยี่ยมหลุมศพน้าชาย ทำให้ซิลเวสเตอร์ไม่สามารถปฏิเสธได้ ต้องเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับจีออร์จีเนอร์

 

ชนชั้นสูงในเอเลนเฟสต์แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายเวโรนิกา กับฝ่ายลีสกัง

ในรุ่นปู่ของซิลเวสเตอร์ ธิดาของเจ้าเมืองอาร์เรนส์บัช ซึ่งจัดเป็นนครใหญ่ที่มีอิทธิพลเป็นลำดับต้นๆ ของประเทศ ได้มาหลงรักพี่ชายของปู่ซิลเวสเตอร์ ซึ่งในตอนนั้น พี่ชายของปู่คือผู้ที่ถูกวางตำแหน่งให้เป็นว่าที่อับ เอเลนเฟสต์

ท่านหญิงจากอาร์เรนส์บัชคนนี้มีพลังเวทจัดว่าต่ำสำหรับตำแหน่งของตน เธอจึงคิดว่าการลดตัวลงแต่งงานกับตัวเลือกเจ้าเมืองเอเลนเฟสต์ ที่มีอันดับเมืองอยู่เกือบโหล่นั้น จะทำให้คนเมืองเอเลนเฟสต์รู้สึกเป็นเกียรติและนับถือเทิดทูนเธอ แต่เธอคิดผิด (ในเรื่องนี้ จะเรียกลูกๆ เจ้าเมืองทั้งลูกเมียหลวง เมียน้อย ลูกบุญธรรม ทั้งหญิงและชาย ว่า “ตัวเลือกเจ้าเมือง” ทั้งหมด)

พี่ชายท่านปู่มีภรรยากับลูกๆ อยู่แล้ว ภรรยาเป็นบุตรีของเคานท์ลีสกัง ขุนนางที่มีที่ดินในปกครองมากที่สุด และมีอิทธิพลมากที่สุดในเอเลนเฟสต์ ธิดาในตระกูลลีสกังจะต้องได้เป็นภรรยาอันดับหนึ่งของอับ เอเลนเฟสต์มาทุกยุค และพี่ชายท่านปู่ก็รักภรรยาคนนี้กับลูกๆ ของเธอ

เมื่อจำใจต้องรับท่านหญิงจากอาร์เรนส์บัชมาเป็นภรรยา ภรรยาอันดับหนึ่งคนเดิมก็ต้องถูกลดตำแหน่งลงไปเป็นภรรยาอันดับสอง และด้วยความที่ตระกูลลีสกังมีอิทธิพลมากในเอเลนเฟสต์ ส่งผลให้ท่านหญิงจากอาร์เรนบัชที่เป็นคนแปลกหน้าเข้ามาอยู่ในบ้านอยู่ลำบากมาก ลำบากตั้งแต่มาเจอกับธรรมเนียม สภาพแวดล้อม ภูมิอากาศที่ไม่คุ้นเคย (ต่างเมืองในเรื่องนี้เหมือนต่างประเทศเลยทีเดียว) ตลอดจนผู้คนที่ไม่เป็นมิตร แถมสามีก็ไม่รัก

ด้วยความที่มาจากเมืองใหญ่ จึงได้รับการสั่งสอนด้านการเมืองมาอย่างดี ท่านหญิงเริ่มหาทางสร้างฐานอำนาจของตัวเอง เนื่องจากเวลาตัวเลือกเจ้าเมืองแต่งงาน บรรดาผู้ติดตามวัยไล่เลี่ยกันทั้งโขยงจะต้องตามมาด้วย ท่านหญิงจึงให้บรรดาผู้ติดตามแต่งงานกับชนชั้นสูงระดับกลางของเอเลนเฟสต์ที่มีพลังเวทสูง และไม่ถูกกับตระกูลลีสกัง จากนั้นก็ได้ทั้งชนชั้นสูงคนนั้นและบรรดาลูกๆ ที่เกิดมามาเป็นพรรคพวกของเธอ และเป็นพรรคพวกของบรรดาลูกๆ ของเธอ

ท่านทวดของซิลเวสเตอร์ อับ เอเลนเฟสต์ในตอนนั้น ได้ตัดสินใจลดตำแหน่งลูกชายคนโตจากตัวเลือกเจ้าเมือง ลงไปเป็นเคาน์กรอสเชล เพื่อตัดปัญหาความวุ่นวายภายใน และยกที่ดินใกล้ๆ กับตัวเมืองหลักของเอเลนเฟสต์ให้ปกครอง จากนั้นมอบตำแหน่งอับ เอเลนเฟสต์คนถัดไปให้แก่ปู่ของซิลเวสเตอร์แทน

ท่านหญิงจากอาร์เรนส์บัชมีลูกกับพี่ชายปู่ของซิลเวสเตอร์รวม 3 คน คือ

1. ผู้ชาย จำชื่อไม่ได้

2. เวโรนิกา

3. ไปส์ฟอส

ลูกชายคนโตนี้ เนื่องจากมีพลังเวทมากที่สุด ในตอนแรกจึงถูกวางตัวเป็นทายาทของพ่อ แต่ดันตายก่อนจะโต ตำแหน่งเคานต์ลีสกังคนถัดไปจึงตกแก่ลูกชายที่เกิดกับภรรยาคนที่สอง ซึ่งเป็นบุตรีของเคานต์ลีสกัง

เวโรนิกานั้น เนื่องจากมีพลังเวทสูง จึงได้เป็นภรรยาของอับ เอเลนเฟสต์คนก่อน (ท่านพ่อของซิลเวสเตอร์กับเฟอร์ดินันด์) นั่นคือ เวโรนิกาแต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง

ส่วนไปส์ฟอส เนื่องจากเกิดมามีพลังเวทต่ำกว่ามาตรฐานของชนชั้นสูงระดับสูง บวกกับหลังเกิดมาได้ไม่นาน ท่านหญิงจากอาร์เรนส์บัชได้ล้มป่วยตายไป ทำให้เคานต์ลีสกังเกลี้ยกล่อมแกมกดดันให้ท่านพ่อของเวโรนิกาส่งไปส์ฟอสเข้าวิหาร ทำให้เวโรนิกาแค้นเคานต์ลีสกังและแม่เลี้ยงกับบรรดาลูกๆ ของแม่เลี้ยงมาก

ด้วยฐานอำนาจที่ท่านหญิงอาร์เรนส์บัชผู้เป็นแม่สร้างไว้ให้ ทำให้เวโรนิกามีชนชั้นสูงระดับกลางเป็นฐานสนับสนุน และเธอได้ใช้อำนาจในฐานะภรรยาของเจ้าเมือง สร้างฐานอำนาจของตัวเองจนแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทั้งยังผูกไมตรีกับทางอาร์เรนส์บัชด้วย

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการแก้แค้น เวโรนิกาได้กลั่นแกล้งชนชั้นสูงฝ่ายลีสกังสารพัดอย่าง รวมถึงเคานต์กรอสเชลน้องชายต่างแม่ของเธอเองและบรรดาลูกๆ ของเขา

เมื่อซิลเวสเตอร์ยืนกรานแต่งงานกับฟลอเรนเซีย และไม่ยอมรับภรรยาคนอื่นตามที่เวโรนิกาบังคับ เวโรนิกาจึงแย่งเอาวิลฟรีดไปเลี้ยงเองเพื่อให้เป็นหุ่นเชิด และกลั่นแกล้งฟลอเรนเซียสารพัด เอลวีราซึ่งมาจากสายตระกูลลีสกังพยายามช่วยเหลือฟลอเรนเซีย และช่วยเหลือเฟอร์ดินันด์ เพราะถือว่าเป็นพวกเดียวกัน ถูกเวโรนิกาหาเรื่องทำร้ายกดดันเหมือนกัน สถานการณ์ของชนชั้นสูงในเอเลนเฟสต์ตอนที่เวโรนิกาเรืองอำนาจนั้น ฝ่ายลีสกังโดนกดขี่อย่างหนัก

จนเมื่อซิลเวสเตอร์สั่งลงโทษประหารไปส์ฟอสและขังเวโรนิกาไว้ในหอคอยสีขาว ทำให้สถานการณ์พลิก ถึงอย่างนั้น เนื่องจากขุนนางฝ่ายเวโรนิกามีจำนวนมากกว่า การจะทำให้สถานการณ์กลับมาเป็นอย่างที่ฝ่ายลีสกังต้องการในทันที จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ต้องใช้เวลาพอสมควร

แต่แล้ว ในตอนที่ฝ่ายลีสกังกำลังได้เปรียบ จีออร์จีเนอร์ก็มาเยือนเอเลนเฟสต์ และได้จัดงานเลี้ยงพูดคุยกับบรรดาผู้คนของฝ่ายเวโรนิกาซึ่งเคยสนับสนุนเธอก่อนที่จะแต่งงานไปอยู่อาร์เรนส์บัช ทำให้ชนชั้นสูงกลุ่มหนึ่งมีแนวโน้มที่จะก่อความวุ่นวายในเอเลนเฟสต์เพื่อให้จีออร์จีเนอร์มาชิงตำแหน่งอับจากซิลเวสเตอร์

ในการต้อนรับจีออร์จีเนอร์ ซิลเวสเตอร์และภรรยาต้องคุกเข่าให้จีออร์จีเนอร์ เพราะลำดับของเมืองเอเลนเฟสต์ต่ำกว่าอาร์เรนส์บัช และฮีก็ถูกจีออร์จีเนอร์พูดจากระแนะกระแหนแบบอ้อมค้อม

หลังจากจีออร์จีเนอร์กลับอาร์เรนส์บัชไปโดยทิ้งแผนการร้ายสั่งการบรรดาอดีตลูกน้องซึ่งเป็นขุนนางในเอเลนเฟสต์ไว้ได้ไม่นาน ก็เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในเอเลนเฟสต์

 

ในตอนที่เก็บผลริวเอลครั้งที่ 2 ดามูเอลได้แสดงให้เห็นว่าพลังเวทเพิ่มขึ้นมากจนผิดปกติสำหรับคนที่อยู่ในวัยพลังเวทหยุดเพิ่มไปแล้ว เมื่อถูกเฟอร์ดินันด์กับคาร์สเทดต์สอบปากคำ จึงได้รู้ว่าเกิดจากทำตามวิธีกดหดพลังเวทของโรเซ่ไมน์ จึงได้ตามตัวโรเซ่ไมน์มาเพื่อถามถึงวิธีดังกล่าว โรเซ่ไมน์จึงวางเงื่อนไขในการบอกวิธีนี้ ว่าคนที่จะเรียน ต้องได้รับการอนุมัติจากซิลเวสเตอร์ ฟลอเรนเซีย เฟอร์ดินันด์ คาร์สเทดต์ เอลวีรา และตัวเธอ รวม 6 คน และต้องจ่ายค่าเรียนด้วย ซึ่งแพงเอาการ และคิดค่าเรียนลดหลั่นกันไป ชนชั้นสูงระดับสูงแพงสุด ชนชั้นสูงระดับล่างถูกสุด คนที่สองเป็นต้นไปของครอบครัวเดียวกันลดครึ่งราคา และรายได้จากค่าเรียนครึ่งหนึ่งยกให้เจ้าเมืองเป็นงบประมาณของเมือง เพราะค่าสัญญาเวทมนตร์ที่ครอบคลุมทั้งประเทศนั้นแพงมาก

หลังพิธีเก็บเกี่ยว ตอนไปพักที่ปราสาทเพื่อรายงานผลการเก็บเกี่ยวในปีนั้นต่อซิลเวสเตอร์ โรเซ่ไมน์ได้พบกับชาร์ล็อตต์ น้องสาวบุญธรรมเป็นครั้งแรก เพราะชาร์ล็อตต์จะเข้าพิธีศีลจุ่มเนื่องจากอายุครบ 7 ขวบในฤดูหนาวที่จะถึง จึงเริ่มย้ายห้องจากพักอยู่ชั้นเดียวกับโรเซ่ไมน์ (ในปราสาทเจ้าเมือง โซนที่เจ้าเมืองพักอยู่ ตึกหลักจะเป็นที่พักของเจ้าเมือง ภรรยาคนที่หนึ่ง และลูกๆ ที่ยังไม่เข้าพิธีศีลจุ่ม ส่วนลูกๆ ที่เข้าพิธีศีลจุ่มแล้วพักอยู่ที่ตึกเหนือ โดยผู้ชายพักชั้นสอง ผู้หญิงพักชั้นสาม)

โรเซ่ไมน์ดีใจมากที่มีน้องสาว และอยากทำตัวเป็นพี่สาวที่พึ่งพาได้ จึงรับคำเชิญดื่มน้ำชาของชาร์ล็อตต์ และตกปากรับคำจะเป็นคนอวยพรให้ชาร์ล็อตต์ในพิธีศีลจุ่ม

ระหว่างที่โรเซ่ไมน์กำลังดื่มชาคุยกันอย่างสนุกกับชาร์ล็อตต์ วิลฟรีดก็บุกเข้ามาโดยบอกให้ชาร์ล็อตต์อยู่ห่างๆ จากโรเซ่ไมน์ โรเซ่ไมน์กับเฟอร์ดินันด์เป็นตัวอันตรายที่วางแผนร้ายทำให้ท่านยาถูกขัง ท่านย่าบอกเขา โรเซ่ไมน์จึงย้อนถามไปว่า วิลฟรีดไปเจอกับท่านย่ามาตอนไหน? เพราะเธอจำได้ว่าเวโรนิกาถูกขังอยู่

คำถามนี้ของโรเซ่ไมน์ ทำให้พวกผู้ติดตามของวิลฟรีดหน้าเปลี่ยนสีทันที ริชาร์ดาสั่งให้ไปแจ้งเรื่องนี้ต่ออับ เอเลนเฟสต์ จากนั้นห้องของโรเซ่ไมน์ก็กลายเป็นห้องสอบสวนชั่วคราวทันที

จากการสอบถามวิลฟรีด ทำให้รู้ว่าในงานล่าสัตว์ตอนฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา หลังจากจีออร์จีเนอร์กลับอาร์เรนส์บัชได้ไม่นาน วิลฟรีดถูกพวกเด็กๆ ฝ่ายเวโรนิกาเก่าชวนเล่นซ่อนหา สลัดหลุดจากบรรดาผู้ติดตามของวิลฟรีด แล้วหลอกพาวิลฟรีดไปที่หอคอยซึ่งขังเวโรนิกาไว้ ซึ่งหอคอยนี้มีแต่ตัวเลือกเจ้าเมืองที่ลงทะเบียนมอบพลังเวทแก่แก่นศิลาเวทที่สามารถเปิดประตูได้ และใครก็ตามที่รุกล้ำเข้าไป มีโทษเท่ากับช่วยนักโทษข้างในหนี ซึ่งวิลฟรีดกับพวกเด็กๆ ไม่รู้เรื่องนี้

เมื่อวิลฟรีดที่เข้าไปในหอคอยคนเดียวได้พบเวโรนิกา และเวโรนิกาบอกเขาว่าเฟอร์ดินันด์กับโรเซ่ไมน์วางแผนเป่าหูซิลเวสเตอร์ให้จับเธอมาขัง วิลฟรีดก็เชื่อ

เมื่อได้ฟังความจริงจากปากของทุกคนในการสอบสวน วิลฟรีดจึงได้รู้ว่าคนผิดคือเวโรนิกา และเขาถูกหลอกให้บุกรุกหอคอยสีขาว จนมีมลทินติดตัวที่ล้างไม่ออกไปตลอดชีวิต

โรเซ่ไมน์ตั้งข้อสังเกตว่าคนวางแผนน่าจะต้องการทำให้เอเลนเฟสต์เกิดความวุ่นวาย เพราะเหตุการณ์นี้ฝ่ายเวโรนิกาทีสนับสนุนวิลฟรีดเสียประโยชน์อย่างมาก ดูไม่สมเหตุสมผลที่จะทำ จากนั้นช่วยคิดหาวิธีลงโทษวิลฟรีดแบบบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น คือให้ใช้อุปกรณ์เวทอ่านความทรงจำเข้าไปอ่านความทรงจำของวิลฟรีดเพื่อดูว่าชนชั้นสูงคนไหนบ้างที่อยู่ในแผนการนี้ และปลดวิลฟรีดจากการวางตัวให้เป็นว่าที่เจ้าเมือง เหลือแค่เป็นตัวเลือกเจ้าเมืองเฉยๆ ทำให้โรเซ่ไมน์ได้รับคำชื่นชมจากชาร์ล็อตต์ จึงปลื้มมาก

 

หลังจากทำน้ำยายูรีฟเสร็จแล้ว โรเซ่ไมน์ได้สอนวิธีกดหดพลังเวทแก่ซิลเวสเตอร์กับภรรยา เฟอร์ดินันด์ คาร์สเทดต์ เอลวีรา และลูกชายทั้งสามคน และได้รับการยืนยันว่าวิธีนี้ ต่อให้เป็นผู้ใหญ่ที่อวัยวะเก็บพลังเวทหยุดโตแล้ว ก็ยังสามารถเพิ่มพลังเวทได้อยู่ดี เพิ่มได้เยอะด้วย

ด้านการติดต่อระหว่างโรเซ่ไมน์กับสามัญชน เฟอร์ดินันด์อนุญาตให้ใช้ห้องลับในห้องของผู้อำนวยการโรงเลี้ยงเด็กกำพร้าในการติดต่อพูดคุยแบบไม่ต้องระวังมารยาทกับพวกเบนโนและลุทซ์ได้ แต่กับคนในครอบครัว เพราะติดสัญญาเวทมนตร์ จึงไม่สามารถพูดคุยแบบคนในครอบครัวได้ แต่ทุกคนก็หาทางมาพบไมน์โดยมาแอบดูโรเซ่ไมน์ทำงานในฐานะประมุขวิหารที่หน้าวิหารเป็นบางครั้ง และเขียนจดหมายติดต่อกันโยใช้กระดาษกับหมึกที่ไมน์ซื้อทิ้งไว้ให้

โรเซ่ไมน์ช่วยเบนโนเผยแพร่รินซังให้ชนชั้นสูงระดับสูง ช่วยขายไพ่ดอกไม้ ไพ่ป๊อก หนังสือภาพ และช่วยร่วมทุนเปิดภัตตาคารอาหารอิตาเลียน ซึ่งตอนนี้ได้ฟรีดากับกุสตัฟ ประธานสมาคมการค้ามาร่วมทุนด้วย จึงดำเนินไปอย่างราบรื่นขึ้นมาก

 

ต่อมาหลังเหตุการณ์สอบสวนวิลฟรีด ก็ถึงพิธีศีลจุ่มของชาร์ล็อตต์ ซึ่งเป็นการเปิดฉากฤดูกาลเข้าสังคมของชนชั้นสูง หลังพิธี ระหว่างที่เด็กทั้งสาม โรเซ่ไมน์ วิลฟรีด ชาร์ล็อตต์ พร้อมด้วยอัศวินองครักษ์ของแต่ละคนกำลังเดินกลับตึกเหนือ ก็ถูกกลุ่มคนร้ายตรงเข้าเล่นงาน

โรเซ่ไมน์ให้แลมเพรชท์พาวิลฟรีดกลับไปที่ห้องโถงจัดงานเพื่อแจ้งซิลเวสเตอร์ ส่วนชาร์ล็อตต์ถูกคนร้ายจับตัวกระโดดออกไปทางหน้าต่าง ขึ้นสัตว์ขับขี่บินหนีไป โรเซ่ไมน์รีบขับคุณทานูกิไล่ตามไปช่วยชาร์ล็อตต์ โดยแองเจลิกากระโดดขึ้นบนหลังคารถติดไปด้วย ส่วนคอร์เนเลียสรีบขี่สัตว์ขับขี่ไล่ตามไป ระหว่างนี้ดามูเอลกับบริดจิทด์ต่อสู้รับมือกับกลุ่มคนร้ายที่บุกมารวมมากกว่าสิบคน (อัศวินองครักษ์เดิมมีรวม 12 คน ถูกแบ่งออกไปจนเหลือรับมือได้แค่พอสูสี)

โรเซ่ไมน์ช่วยชาร์ล็อตต์ไว้ได้ ชาร์ล็อตต์ที่ร่วงตกจากสัตว์ขับขี่ได้แองเจลิการับไว้ และได้คอร์เนเลียสมารับอีกต่อ รอดตายไป แต่โรเซ่ไมน์ต้องพลัดกลุ่มเพราะเหตุนี้ และถูกชนชั้นสูงอีกคนป้อนพิษใส่ปากและพาตัวไป ซึ่งพิษนี้ สำหรับชนชั้นสูงทั่วไป แค่ทำให้พลังเวทแข็งตัว ไม่สามารถใช้พลังเวทได้ แต่สำหรับโรเซ่ไมน์ซึ่งเป็นโรคพลังเวทจับตัวแข็งอยู่แล้ว มีผลถึงตาย

โบนิฟาเทียสที่รู้เรื่องไล่ตามมาช่วยโรเซ่ไมน์ไว้ทัน คนร้ายที่ป้อนพิษโรเซ่ไมน์ทิ้งโรเซ่ไมน์หนีไปตามจับตัวไม่ได้ เฟอร์ดินันด์ที่รีบตามโบนิฟาเทียสมาตรวจอาการโรเซ่ไมน์ แล้วรีบพากลับวิหารด่วน เอาโรเซ่ไมน์แช่ในน้ำยายูรีฟ ใส่ไว้ในห้องลับในห้องของประมุขวิหาร ซึ่งมีแต่โรเซ่ไมน์กับเฟอร์ดินันด์ที่เข้าไปได้ ปลอดภัยแน่นอน

หลังจากนั้นมา โรเซ่ไมน์ก็ต้องนอนแช่ในน้ำยายูรีฟเกือบสองปีเต็มเพื่อรักษาอาการพลังเวทจับตัวแข็ง จากเดิมที่วางแผนไว้คือต้องนอนแค่อย่างมากสามเดือน

ด้านเฟอร์ดินันด์ หลังจัดการเอาโรเซ่ไมน์แช่ในน้ำยายูรีฟแล้ว ก็กลับไปตามผลเรื่องจับตัวคนร้าย พบว่าคนร้ายที่จับตัวชาร์ล็อตต์ไปคือไวส์เคานต์ที่เป็นญาติของโรเซ่แมรี่ จบตัวชาร์ล็อตต์ไปฆ่าเพื่อให้โรเซ่ไมน์ได้เป็นอับ เอเลนเฟสต์คนถัดไป ไวส์เคานต์คนนี้จะถูกประหารตามโทษที่ก่อ

แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถจับตัวคนร้ายที่กรอกยาพิษโรเซ่ไมน์ได้ ถึงแม้โบนิฟาเทียสจะสงสัยไวส์เคานต์แกร์ลาฮ์ แต่ไม่มีหลักฐาน

 

ชาร์ล็อตต์เสียใจมากที่ทำให้โรเซ่ไมน์ต้องนอนในน้ำยายูรีฟก่อนกำหนด จึงตั้งใจว่าจะพยายามทำงานแทนโรเซ่ไมน์ให้ได้ เพราะโรเซ่ไมน์เองก็ทำงานได้ตั้งแต่หลังเข้าพิธีศีลจุ่ม ตัวเธอที่ใครต่อใครพากันชมว่าเอาถ่านกว่าวิลฟรีดมากก็ต้องทำได้ แต่พอเจองานแต่ละอย่างของโรเซ่ไมน์เข้าไป ก็ตะลึงไปเลย ทั้งกำหนดวิธีสอนเด็กๆ ในห้องเด็กตามระดับความก้าวห้าของแต่ละคน ทั้งรวมบรวมนิทานมาแก้ไขและพิมพ์ออกมาเป็นหนังสือ ทั้งคิดสูตรขนมอร่อยๆ มาล่อให้เด็กๆ แข่งขันกันเอาชนะ ฯลฯ ชาร์ล็อตต์รู้ว่ายังไงก็ทำให้ได้เท่าที่ดรเซ่ไมน์ทำไม่ได้แน่ๆ จึงได้รับคำปลอบใจว่าไม่ต้องพยายามทำให้ได้เท่าโรเซ่ไมน์หรอก เพราะโรเซ่ไมน์น่ะพิเศษ แค่ทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็พอ

ในระหว่างสองปีที่โรเซ่ไมน์นอนในน้ำยายูรีฟ วิลฟรีดกับชาร์ล็อตร่วมมือกันพยายามทำงานแทนโรเซ่ไมน์ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อที่จะเป็นฝ่ายคุ้มครองโรเซ่ไมน์บ้าง ทั้งช่วยดูแลห้องเด็ก ช่วยทำพิธีอธิษฐานขอพรกับพิธีเก็บเกี่ยวของทางวิหาร ช่วยถ่ายพลังเวทให้แก่นศิลาเวทของเมือง ซึ่งพลังเวทของโรเซ่ไมน์ที่ละลายออกมาจากการจับตัวแข็งมีเยอะมากเสียจนเอามาใช้เติมจอกศักดิ์สิทธิ์ใบเล็กได้เหลือเฟือ ในระหว่างที่โรเซ่ไมน์นอนในน้ำยายูรีฟ พลังเวทของเอเลนเฟสต์จึงไม่ขาดแคลน

แต่คนที่ซวยสุดกับการที่โรเซ่ไมน์ต้องนอนในน้ำยายูรีฟ คือเฟอร์ดินันด์ เพราะงานของเขาครึ่งหนึ่งที่โรเซ่ไมน์รับไปช่วยทำ กลับมาหาเขาหมดเลยรวมทั้งงานของโรเซ่ไมน์เอง จนต้องให้จัสตุสกับเอลวีรามาช่วยอีกแรง โดยจัสตุสช่วยเป็นตัวกลางสื่อสารกับพวกเบนโนดูแลโรงงานผลิตกระดาษ เอลวีราช่วยดูแลการพิมพ์หนังสือ วิลมาดูแลโรงเลี้ยงเด็กกำพร้า และสามารถแก้โรคกลัวผู้ชายได้สำเร็จเพราะการกดดันของเบนโน

ด้านโบนิฟาเทียส คุณปู่สมองกล้ามผู้เห่อโรเซ่ไมน์ หลานสาวคนเดียวสุดๆ ได้จับองครักษ์ของโรเซ่ไมน์ไปเทรนอย่างหนักเพื่อให้สามารถคุ้มครองโรเซ่ไมน์ได้

ด้านดามูเอล ถึงแม้สุดท้ายจะเพิ่มพลังเวทจนเท่ากับชนชั้นสูงระดับกลางได้สำเร็จ แต่เมื่อถูกเฮนริคพี่ชาย (ชนชั้นสูงที่ทำสัญญากับฟรีดา) ชี้ให้เห็นว่า ถ้าเขาแต่งงานกับบริดจิดท์ จะมี 2 กรณี คือ

1. ดามูเอลอัพตัวเองเป็นชนชั้นสูงระดับกลางเหมือนบริดจิดท์ และจะต้องย้ายไปอยู่อิล์กนาร์กับบริดจิดท์ พูดง่ายๆ ว่าเป็นเขยแต่งเข้า

2. บริดจิดท์ลดขั้นลงมาเป็นชนชั้นสูงระดับล่าง ต้องคุกเข่าให้พวกพ้องเพื่อนฝูงที่เคยมีศักดิ์เสมอกัน ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ไม่สมควรเลือก

แต่เนื่องจากดามูเอลเป็นคนสนิทที่รู้อดีตของโรเซ่ไมน์ จึงรู้ตัวดีว่าต้องเป็นองครักษ์ของโรเซ่ไมน์ไปตลอดชีวิต และต้องปิดปากให้สนิท จึงไม่มีทางเลือกทางเลือกที่ 1 ได้ และไม่สมควรเลือกทางเลือกที่ 2 สรุปว่าไม่เหลือทางเลือกเลย สุดท้ายจึงลงเอยด้วย บริดจิดท์เป็นฝ่ายขอแต่งงาน และดามูเอลปฏิเสธไป เอลวีราจึงหาคู่ที่เหมาะสมให้บริดจิดท์ หลังจากบริดจิดท์แต่งงานแล้ว ก็ลาออกจากตำแหน่ง ย้ายกลับไปอยู่ที่อิล์กนาร์พร้อมกับสามี ช่วยพี่ชายบริหารที่ดิน


จบภาค 3

แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 2562, 22:55 โดย หลินโหม่ว

หลินโหม่ว เข้าร่วมเมื่อ 28 ธ.ค. 2562, 22:19

2 ความคิดเห็น