หัวข้อ : เล่มที่ ๑ ยอดฝีมือซื่อบื้อ ตอนที่ ๒ พนักงานมนุษย์

โพสต์เมื่อ 2 ก.พ. 2555, 20:18

ตอนที่ ๒

 

พนักงานมนุษย์

 

ภายในเมืองมีถนนสามสาย ตรงกลางเป็นกระดานประกาศข่าว ส่วนด้านหลังมีตึกอยู่หลายหลัง

บนถนนเล็กๆ ทางด้านซ้ายมีป้ายบอกทางอยู่หนึ่งป้าย บนป้ายบอกทางไปตึกแนะนำอาชีพ ริมถนนเล็กๆ ทางขวามือก็มีป้ายบอกทางปักอยู่ บนป้ายเขียนบอกทางไปอาคารเริ่มต้น ดูเหมือนเขาจะฟังมาไม่ครบจริงๆ ด้วย

เดิมทีเฉินเฟิงคิดจะถามผู้เล่นคนอื่นเกี่ยวกับรายละเอียดในเกม แต่ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็มีแต่คนมองมาอย่างประหลาดใจ แถมพอลองคิดดูดีๆ คงไม่มี “มือใหม่” ระดับ ๓๐ อยู่หรอกใช่ไหมล่ะ ? ขืนถามออกไปมีหวังถูกคนอื่นหาว่ารู้แล้วแกล้งถามแน่ๆ ! จึงได้แต่เดินไปบนถนนเล็กๆ ทางขวามือเพียงลำพังเพื่อไปยังที่ซึ่งเดิมทีเขาควรจะไปเป็นที่แรกในเกมนี้ : อาคารเริ่มต้น

เดินไปประมาณสามนาที ข้างหน้าก็ปรากฏคฤหาสน์สองชั้นสไตล์ยุโรป บนประตูติดป้ายเล็กๆ เขียนด้วยตัวอักษรสีทองสุกปลั่งว่า “อาคารเริ่มต้น”

เฉินเฟิงดีใจสุดๆ เพราะเขาหิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว จึงรีบสาวเท้าเข้าไปข้างในทันที

พอเข้าไปปุ๊บ ก็เห็นห้องโถงกว้างขวางใหญ่โต ตรงกลางแขวนโคมระย้าขนาดใหญ่ ผนังทั้งสี่ด้านตกแต่งอย่างงดงามตระการตา

หญิงสาวสวมชุดขาวคนหนึ่งเดินเข้ามาต้อนรับพร้อมด้วยรอยยิ้มเป็นกันเอง ท่วงทีกิริยาสง่านุ่มนวลจนเฉินเฟิงต้องถอนใจด้วยความชื่นชม

“สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับสู่อาคารเริ่มต้น ฉันชื่อ แอนนี่ รับผิดชอบให้การต้อนรับที่นี่ ไม่ทราบว่าต้องการให้ฉันช่วยอะไรไหมคะ ?”

เฉินเฟิงอึกอัก “สวัสดีครับ...ผมเป็นมือใหม่ ชื่อเฉินเฟิง เพิ่งจะเข้ามาในเกมนี้เป็นครั้งแรก เลยยังไม่ทราบอะไรทั้งนั้น...”

แอนนี่ทำหน้าไม่เชื่อ “มือใหม่ ? อย่ามาล้อกันเล่นเลยค่ะ ฉันอยู่ทำงานที่นี่มาตั้งนานแล้ว ยังไม่เคยเห็นมือใหม่ที่มีชุดเกราะหนังครบชุดเลยสักคน”

เฉินเฟิงทำท่าร้อนใจ “ผมพูดจริงนะครับ ! ผมเป็นมือใหม่จริงๆ ! คุณลองตรวจสอบข้อมูลของผมดูก็ได้”

“ตกลง ขออภัยที่ต้องล่วงเกินนะคะ ฉันจะใช้วิชาตรวจสอบลองตรวจสอบดู” แอนนี่แตะนิ้วมือขวาสองนิ้วที่กลางหน้าผาก แล้วนัยน์ตาเธอก็เปล่งประกายวาบ อุทานว่า “ว้าว ! จริงๆ ด้วย ! username ของคุณเพิ่งจะเปิดใช้แค่ไม่ถึงสองชั่วโมง ระดับ ๓๐ อาชีพผู้เริ่มต้น คุณทำได้ยังไงคะนี่ ?”

“ผมบอกแล้วว่าไม่ได้โกหก !” เฉินเฟิงหน้าแดง พูดต่อว่า “ผมแค่ไม่ได้ระวังเลยเดินผิดทาง จากนั้นก็ดันไม่ระวังเผลอไปฆ่าสัตว์อสูรทั้งโขยง สุดท้ายเลยกลายเป็นแบบนี้แหละ”

แอนนี่พูดอย่างนับถือ “สัตว์อสูรทั้งโขยงหรือคะ ? คิดจะเลื่อนขึ้นถึงระดับ ๓๐ ต้องใช้ค่าประสบการณ์ไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนเชียวนะ ถ้าลองคำนวณดู อย่างน้อยต้องฆ่าสัตว์อสูรไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันตัวเชียวนะคะ แถมที่คำนวณนี่ยังต้องมีชุดเกราะดีๆ และสู้กับสัตว์อสูรระดับเดียวกับตัวเองเท่านั้นนะ คนตั้งมากมายฝึกอยู่หลายเดือนยังทำไม่ได้เลย !”

เฉินเฟิงทำหน้าจริงจัง “ผมฆ่าไปแค่ ๕๑ ตัวเท่านั้นครับ เพียงแต่สัตว์อสูรพวกนั้นระดับสูงกว่าผมมาก ผมก็บอกแล้วว่าผมไม่ทันระวัง แบบนี้จะถือว่าทำผิดกฎหรือเปล่าครับ ?” ความจริงในใจเฉินเฟิงสุดจะยืดดดด

หลังจากหายตะลึง แอนนี่ก็กลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว และตอบว่า

“ไม่ถือว่าผิดกฎหรอกค่ะ เมื่อครู่ฉันได้ขอให้ระบบช่วยตรวจสอบให้แล้ว ดังนั้นระดับของคุณจึงไม่มีปัญหาค่ะ เอาล่ะ หากมีโอกาสค่อยขอให้คุณช่วยสอนวิธีฆ่าสัตว์อสูรเพื่อเลื่อนระดับให้ฉันนะคะ ตอนนี้ยังเป็นเวลาทำงานของฉัน คุณต้องการทราบอะไรหรือคะ ?”

“เอ่อ...จะให้สอนคุณน่ะไม่มีปัญหาหรอกครับ แต่ผมไม่รับประกันหรอกนะว่าคุณจะทำสำเร็จ” เฉินเฟิงพูดตรงๆ จากนั้นทำหน้าเคร่ง ถามอย่างขัดเขิน “ตอนนี้ที่ผมอยากรู้มากที่สุดคือ ต้องทำยังไงท้องมันถึงจะอิ่มครับ ? ผมหิวจนจะเป็นลมอยู่แล้ว !”

แอนนี่พูดยิ้มๆ “ก็สมควรหิวอยู่หรอกค่ะ เล่นไม่ได้กินอะไรมาตั้งเกือบสองชั่วโมงนี่นา” พูดจบก็เนรมิตกาน้ำกับกล่องไม้สวยงามออกมาราวกับมีเวทมนตร์ แล้วยื่นให้เฉินเฟิง

พอรับของมา เฉินเฟิงก็กรอกน้ำลงไปก่อนหลายอึก เขาเดินมาหนึ่งชั่วโมงกว่า คอแห้งแทบจะกลายเป็นผงอยู่รอมร่อ จึงไม่สนใจแล้วว่าท่าดื่มน้ำแบบนี้มันจะดูทุเรศหรือเปล่า แอนนี่ชี้ไปที่โต๊ะตัวหนึ่ง บอกให้เฉินเฟิงเดินไปที่นั่น ส่วนตัวเองเลี่ยงกลับไปที่เคานเตอร์อย่างรู้กาลเทศะ เพียงแต่ยังทำหน้ายิ้มๆ อยู่ตลอด

เฉินเฟิงเปิดกล่องไม้ ก็เห็นว่าข้างในมีซาลาเปาอยู่ ๑๐ ลูก ที่น่าประหลาดใจคือซาลาเปายังร้อนๆ อยู่ เฉินเฟิงไม่พูดพล่ามทำเพลง จัดการยัดซาลาเปาลงท้องไป ๔ - ๕ ลูกติดๆ กันทันที นานมากแล้วที่เขาไม่เคยต้องทนหิวนานขนาดนี้

แอนนี่รอจนเฉินเฟิงเคี้ยวซาลาเปาที่อัดอยู่ในปากหมดแล้ว ค่อยพูดว่า

“ระวังจะติดคอนะ ! ไม่มีใครแย่งคุณสักหน่อย กาน้ำนี้ใช้ซ้ำได้ค่ะ และในโรงแรมของทุกเมืองจะมีบริการให้เติมน้ำได้ฟรี ซาลาเปากินหมดแล้วหมดเลยนะคะ แต่มีขายในร้านอาหารและโรงแรมทุกแห่ง ราคาลูกละสองเหรียญเงิน กล่องไม้ใช้รักษาอุณหภูมิได้ ใส่ซาลาเปาได้มากที่สุด ๑๐ ลูก แต่มีอายุการเก็บรักษา โดยจะเก็บรักษาได้นานที่สุด ๑๒ วันตามเวลาในเกมค่ะ !”

เฉินเฟิงเรอเป็นกลิ่นซาลาเปาอย่างมีความสุข แล้วหัวเราะเก้อๆ

“แหะๆ ขอบคุณมากครับ ผมไม่เคยรู้เลยว่าซาลาเปามันจะอร่อยได้ขนาดนี้ ผมต้องจ่ายเงินหรือเปล่าครับ ?” เพิ่งพูดจบก็นึกได้ว่าเสร็จกัน ถึงตัวเขาจะมีเงินอยู่ในธนาคาร แต่ตอนนี้ในกระเป๋าไม่มีเงินเลยสักเหรียญเดียว !

แอนนี่ก็ดันยื่นมือออกมาเสียยาวในจังหวะนี้พอดี แล้วพูดกลั้วหัวเราะ

“กาน้ำใบละ ๖๐ เหรียญเงิน กล่องไม้รักษาอุณหภูมิบวกกับซาลาเปาอีกสิบลูก ๑๐๐ เหรียญเงิน ทั้งหมด ๑๖๐ เหรียญเงิน รบกวนท่านผู้เล่นกรุณาจ่ายมาเดี๋ยวนี้ ร้านเราเล็กต้นทุนต่ำ อภัยที่ให้ลงบัญชีไว้ก่อนไม่ได้ค่ะ !”

เฉินเฟิงทำหน้ากระอักกระอ่วน งึมงำว่า “ขอโทษครับ ตอนนี้ในตัวผมไม่มีเงินสดเลย ช่วยรอสักหน่อยได้ไหม ผมจะไปเอาที่ธนาคาร !” พูดจบก็ทำท่าจะเดินออกไป เพราะเขาเห็นแล้วว่าแอนนี่กำลังพยายามกลั้นยิ้ม ไม่ต้องให้ใครบอกเขาก็รู้ตัวดีว่าโดนแกล้งเข้าให้แล้ว

แอนนี่แลบลิ้นแล้วพูดว่า “คุณนี่ตลกจริงๆ ต้องขอโทษด้วยนะคะ แค่ล้อเล่นนิดหน่อยคงไม่โกรธกันนะ ของพวกนี้เป็นของที่ระบบมอบให้แก่ผู้เล่นมือใหม่เช่นกันค่ะ รวมทั้งกระเป๋าคาดเอวอีกหนึ่งใบ กับแผนที่ของเกาะเริ่มต้นหนึ่งแผ่น”

เฉินเฟิงรับของทั้งสองอย่างมาด้วยสีหน้าครึ่งยิ้มครึ่งบึ้ง ส่วนแอนนี่ก็อธิบายวิธีใช้ให้ กระเป๋าคาดเอวห้อยไว้ที่ข้างเอวได้ สามารถเก็บไอเท็มได้ ๕๐ ชิ้น ส่วนแผนที่ดูคล้ายเครื่องปาล์ม[1] บนจอจะบอกตำแหน่งที่ผู้เล่นกำลังอยู่ ณ เวลานั้นด้วย

หลังจัดการกับปัญหาพื้นฐานเรียบร้อยแล้ว เฉินเฟิงก็นึกถึงเรื่องสำคัญที่สุดขึ้นได้ จึงถามว่า

“ขอโทษครับ ไม่ทราบว่าเมนูเกมอยู่ตรงไหนหรือ ? ผมหาอยู่ตั้งนานไม่ยักเจอ”

“เมนูเกม ?” แอนนี่งงไปชั่วครู่ แล้วค่อยทำท่านึกได้ “อ๋อ ฉันเข้าใจแล้ว คุณไม่ได้อ่านคู่มือมาล่ะสิ ! มิน่าล่ะเมื่อกี้คุณถึงคิดจะชำระเงิน คงอยากทราบว่าจะออกและเข้าสู่เกมยังไงสินะคะ ?”

เฉินเฟิงพยักหน้าเจื่อนๆ แอนนี่อธิบายว่า

“เกมราชาฯ ไม่มีเมนูเกมอย่างเกมอื่นๆ ทั่วไปค่ะ ! หากต้องการออกจากเกม มีแต่ต้องกลับไปที่บ้านของตัวเอง หรือไปที่โรงแรมเท่านั้น ถ้าอยู่ข้างนอก ก็ต้องใช้กระโจมถึงจะสามารถลงทะเบียนออกจากเกมได้ แต่จะไม่มีกำหนดเวลา หากกลับเข้ามาในเกมอีกครั้งก็จะเริ่มต้นที่จุดเดิมซึ่งลงทะเบียนออกจากเกมค่ะ”

“มิน่าล่ะผมถึงหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ” เฉินเฟิงเพิ่งจะเข้าใจ “อย่างนั้นขอถามอีกอย่างครับว่าผมมีบ้านของตัวเองหรือเปล่า ? แล้วโรงแรมอยู่ที่ไหนหรือครับ ?”

แอนนี่ยิ้มพลางตอบว่า “ตอนนี้คุณยังไม่มีบ้านค่ะ แต่คุณสามารถไปหาซื้อได้จากสถานที่ราชการในเมืองใหญ่ๆ ทุกแห่ง ราคาบ้านหนึ่งหลังในเวลานี้คือ ๑๐,๐๐๐ เหรียญทองค่ะ”

เฉินเฟิงเบิกตากว้างแทบถลน

“หนึ่งหมื่นเหรียญทอง !”

แอนนี่หัวเราะ “ใช่แล้วค่ะ หนึ่งหมื่นเหรียญทอง การมีบ้านเป็นของตัวเองจะได้รับสิทธิประโยชน์มากมาย นอกจากจะสามารถลงทะเบียนเข้าและออกจากเกมได้โดยอิสระแล้ว ยังมีคลังที่เก็บไอเท็มได้ ๑๐,๐๐๐ หน่วย นอกจากนี้ยังสามารถเลี้ยงสัตว์เลี้ยงได้ถึง ๑๐ ตัวเชียวนะคะ ! ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเช่าคลังเก็บไอเท็ม[2]และโรงรับฝากสัตว์เลี้ยงอีก ซึ่งลำพังแค่สองรายการนี้ ก็ประหยัดค่าใช้จ่ายของผู้เล่นไปได้โขแล้วล่ะค่ะ

“ส่วนโรงแรม ขอแค่เป็นเมือง ก็ต้องมีโรงแรมอยู่แน่นอน ใน เมืองเริ่มต้น ซึ่งก็คือเมืองที่คุณกำลังยืนอยู่ตอนนี้ก็มีค่ะ ตำแหน่งอยู่ที่สุดปลายถนนสายกลาง ด้านขวามือของประตูทางออกทิศเหนือ”

“อย่างนี้นี่เอง ผมเข้าใจแล้ว ขอบคุณมากครับ ! อย่างนั้นขอถามอีกอย่าง คลังเก็บไอเท็มกับสัตว์เลี้ยงคืออะไรครับ ?”

แอนนี่หัวเราะ “ไม่ต้องเกรงใจค่ะ เพราะนี่มันอาชีพของฉันอยู่แล้ว แต่ฉันตอบคำถามคุณได้แค่เรื่องเกี่ยวกับระบบพื้นฐานของเกมนี้เท่านั้น หากคุณคิดจะถามถึงวิธีการได้อาชีพ หรือวิธีใช้ไอเท็ม ก็ต้องไปถามที่จุดสอบถามหลังที่สามซึ่งอยู่ด้านซ้ายของถนนสายกลาง แต่ที่นั่นจะเก็บเงินนะคะ ค่าตอบคำถามจะแตกต่างกันไปตามความยากง่ายของคำถาม มีตั้งแต่ ๕ - ๕๐ เหรียญเงิน จุดสอบถามแบบนี้ก็มีอยู่ในทุกเมืองเช่นกันค่ะ ส่วนใหญ่จะอยู่ห่างจากปากทางเข้าเมืองไม่มากนัก ส่วนคลังเก็บไอเท็มส่วนใหญ่จะอยู่ใกล้ๆ กระดานประกาศข่าว ตอนที่คุณเพิ่งเข้ามาในเมืองคงจะเห็นกระดานประกาศข่าวแล้วใช่ไหมคะ ?”

เฉินเฟิงพยักหน้า “เห็นครับ”

แอนนี่พูดต่อว่า “ค่ะ นี่ก็เป็นอีกอย่างที่จะมีอยู่ในทุกเมือง อีกสักครู่คุณสามารถลองไปดูได้ ในนั้นจะมีประกาศบางเรื่องจากทางระบบ และผู้เล่นบางท่านจะทิ้งข้อมูลประกาศขายของไว้ที่นั่นด้วยเช่นกัน ซึ่งน่าจะมีประโยชน์มากสำหรับคุณ คุณสามารถสอบถามวิธีใช้คลังเก็บไอเท็มได้จากเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลคลังเก็บไอเท็ม ส่วนสัตว์เลี้ยงจำเป็นต้องมีโรงรับฝากสัตว์เลี้ยง แต่บนเกาะเริ่มต้นนี้ไม่มีโรงรับฝากสัตว์เลี้ยงค่ะ คุณจำเป็นต้องนั่งเรือไปที่ทวีปกู่ย่าถึงจะมี เจ้าหน้าที่ซึ่งแต่งตัวเป็นเอลฟ์จะรับผิดชอบดูแลคลังเก็บไอเท็ม โดยจะสวมชุดสีเขียวทั้งชุด สามารถมองเห็นได้ง่าย บริการที่กล่าวมาข้างต้นต้องชำระเงินทั้งสิ้นค่ะ ส่วนรายละเอียดในการใช้งาน รอจนคุณจำเป็นต้องใช้แล้วค่อยไปขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่เหล่านั้นก็แล้วกันนะคะ !”

เฉินเฟิงแลบลิ้นอย่างตกใจ “ทำไมจะทำอะไรก็ต้องเก็บเงินทั้งนั้นเลยล่ะ !”

แอนนี่ขยิบตาให้เฉินเฟิงอย่างขี้เล่น “ไม่อย่างนั้นเงินเดือนของพนักงานอย่างพวกเราจะเอามาจากไหนกันล่ะคะ ? ที่นี่นอกจากตอนลงทะเบียนเข้าเล่นเกมและทหารรับจ้างบางคนแล้ว NPC ทั้งหมดเป็นมนุษย์ทั้งนั้นค่ะ”

“ก็ว่างั้น ถ้าอย่างนั้นที่โฆษณาก็จริงสินะ นี่แปลว่าคนที่รับผิดชอบหน้าที่สำคัญๆ เป็นคนจริงทั้งนั้นสิ !”

แอนนี่พยักหน้าแทนคำตอบ ท่าทางของแอนนี่ทำให้เฉินเฟิงรู้สึกเป็นกันเองอย่างมาก จึงล้อเธอเล่นว่า

“อืมม์ ก็จริงล่ะนะ ต้องขอบคุณคุณอย่างมากเลยครับ แต่คุณคงชวดเงินเดือนเสียแล้วล่ะ เพราะตอนนี้ในตัวผมไม่มีเงินเลยสักเหรียญ”

แอนนี่ยิ้มพลางตอบว่า “ที่นี่ไม่คิดเงินอยู่แล้วค่ะ เงินเดือนของฉันทางบริษัทจะจ่ายให้เอง เมื่อครู่ฉันตรวจสอบข้อมูลของคุณแล้ว ถือว่าคุณรวยมากเลยนะสำหรับมือใหม่ เพียงแต่ฝากอยู่ในธนาคารเท่านั้น”

เฉินเฟิงตกใจ “คุณรู้ได้ยังไง ! วิชาตรวจสอบมันสะดวกขนาดนี้เลยหรือ กระทั่งเงินในธนาคารมีอยู่เท่าไหร่ก็รู้ด้วย ?”

แอนนี่ยิ้มหวานปานจะหยด

“คำถามนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตหน้าที่ของฉัน แต่เห็นแก่ที่คุณบอกว่าจะสอนฉัน จะบอกให้ฟรีๆ สักครั้งก็แล้วกัน

“มีแต่วิชาตรวจสอบของเจ้าหน้าที่เท่านั้นที่จะมองเห็นจำนวนเงินในธนาคารของผู้เล่นได้ วิชาตรวจสอบของผู้เล่นทั่วไปไม่เจ๋งแบบนี้หรอกค่ะ พวกเขาจะมองเห็นแค่อาชีพและระดับ แถมถ้าระดับของอีกฝ่ายสูงกว่าตัวเองเกิน ๑๐ ระดับ ก็จะมองไม่เห็นค่ะ”

ตอนนั้นเองได้มีมือใหม่ ๒ - ๓ คนเดินเข้าประตูมา แอนนี่รีบหยิบของบางอย่างที่ดูคล้ายนาฬิกาข้อมือให้เฉินเฟิง แล้วบอกว่า

“พี่เฉิน อย่าลืมที่พี่รับปากว่าจะสอนฉันนะ ! บ่ายสี่โมงฉันถึงจะเลิกงาน ประมาณหนึ่งทุ่มฉันจะรอพี่อยู่ที่ประตูทางเข้าเมืองเริ่มต้นนะ ! ใช่ๆ ชื่อที่ฉันใช้เล่นคือ วิหารจันทราเทพ (เยว่เสินเตี้ยน) นาฬิกาข้อมือนี้ผู้เล่นทุกคนมีกันทั้งนั้น ใช้ติดต่อสื่อสารกันได้หลายๆ แบบ ฉันไปทำงานก่อนล่ะ”

เธอชี้ไปที่ปากประตูหนึ่งแล้วพูดว่า “อีกสักครู่พี่ไปที่ด้านหลัง ที่นั่นมีของที่ใช้สอนพื้นฐานบางอย่างของเกมอยู่ อีกอย่าง เจ้าหน้าที่ของระบบจะไม่สามารถใช้คุณสมบัติสนทนาลับได้ คืนนี้เราค่อยเจอกันนะ”

เฉินเฟิงรับนาฬิกามา พูดตอบงงๆ

“ครับ เจอกันคืนนี้”

แอนนี่ทิ้งเฉินเฟิงไว้ แล้วเข้าไปต้อนรับมือใหม่ ๒ - ๓ คนนั้น

“สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับสู่อาคารเริ่มต้น ฉันชื่อแอนนี่ รับผิดชอบให้การต้อนรับที่นี่ ไม่ทราบว่าต้องการให้ฉันช่วยอะไรไหมคะ ?”

เฉินเฟิงสวมนาฬิกา ดูแอนนี่ยิ้มรับแขกและตอบคำถามเดิมๆ เกี่ยวกับระบบที่เขาถามไปเมื่อครู่ให้มือใหม่ ๒ - ๓ คนนั้นแล้วรู้สึกนับถืออีกฝ่ายเล็กน้อย ไม่รู้แต่ละวันเธอต้องพูดแบบนี้ซ้ำๆ กันปาเข้าไปกี่รอบ

หลังจากศึกษาอยู่ครู่ใหญ่ เฉินเฟิงก็รู้คุณสมบัติต่างๆ ของนาฬิกาในที่สุด หากมองหน้าจอดีๆ จะเห็นว่าบนนาฬิกามีตัวเลขบอกเวลาสองชุด หนึ่งในนั้นคือเวลาในโลกแห่งความจริง เนื่องจากเวลาห่างกันถึง ๖ เท่าตัว จึงมองดูเหมือนเวลาในโลกนอกเกมกำลังหยุดนิ่ง

นอกจากนี้เฉินเฟิงยังพบว่าบนหน้าจอมีช่องแจ้งข่าวอยู่ ๖ ช่อง คือ ช่องมวลชน ช่องอาชีพ ช่องอาณาจักร ช่องกลุ่ม ช่องเพื่อน และช่องสนทนาลับ เขาลองปรับไปที่ช่องอาชีพ ในสมองก็ปรากฏข้อความผุดขึ้นมามากมาย เขาลองส่งข้อความสวัสดีทุกคน ก็มีคนสิบกว่าคนตอบกลับมาทันที ดูท่าทางในเวลาเดียวกันนี้ คนที่มีอาชีพผู้เริ่มต้นจะมีอยู่ไม่ใช่น้อย ข้อความปรากฏในรูปแบบตัวอักษรโดยไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อความเคลื่อนไหวตามปกติของผู้เล่น ถือเป็นการออกแบบที่ใส่ใจในรายละเอียดอย่างมาก

เฉินเฟิงเดินเข้าไปในประตูที่แอนนี่ชี้ ข้างในเป็นห้องขนาดเล็ก ซึ่งนอกจากประตูที่เชื่อมไปสู่ห้องอื่นแล้ว ก็มีแต่แผนที่ขนาดยักษ์

เฉินเฟิงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ บนแผนที่มีแผ่นดินอยู่สามแห่ง เกาะเล็กๆ ตรงมุมล่างขวามีจุดสีฟ้าที่กำลังส่องแสง ข้างๆ มีตัวอักษรเล็กจิ๋ว เมื่อลองเพ่งดูดีๆ ก็พบว่าจุดนั้นคือจุดที่เฉินเฟิงกำลังยืนอยู่ในเวลานี้นั่นเอง

ชื่อของเกาะคือ เกาะเริ่มต้น ทั้งเกาะมีเมืองเพียงเมืองเดียวอยู่ตรงใจกลางของเกาะ คือ เมืองเริ่มต้น นอกจากนี้ยังมีถ้ำอีกสองแห่งที่พอจะมองเห็นได้ชัดเจนหน่อย ถ้ำแห่งหนึ่งอยู่ทางทิศเหนือของเกาะโดยมีที่ราบสันเขาทองคำคั่นระหว่างถ้ำกับเมืองเริ่มต้น ชื่อของถ้ำคือ ถ้ำนักผจญภัย ถ้ำอีกแห่งหนึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะโดยมีทุ่งหญ้าหม่างคั่นระหว่างถ้ำกับเมืองเริ่มต้น ชื่อของถ้ำคือ ถ้ำผีดิบ

นอกนั้นก็มีป่าสนที่เฉินเฟิงเคยไปมาแล้ว ไกลออกไปทางตะวันตกมีเนินเขาอีกลูกหนึ่ง ข้างบนเขียนเอาไว้ว่า เนินเขาวายุจันทรา ทางตะวันออกสุดมีท่าเรือชื่อว่า ท่าเรือเริ่มต้น

เฉินเฟิงพอจะเข้าใจตำแหน่งและลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่ของเกาะเริ่มต้นแล้ว ส่วนแผ่นดินส่วนอื่น รอจนใกล้จะไปจากเกาะเริ่มต้นแล้วค่อยมาสนใจก็ไม่สาย !

จากนั้นเมื่อเขาแวะไปที่ห้องต่างๆ ก็พบว่าแต่ละห้องจะแนะนำของหนึ่งอย่างไม่ซ้ำกัน มีการแบ่งประเภทของอาวุธ , วิธีใช้เครื่องป้องกัน , วิธีใช้ม้วนคาถา , การบริการที่เมืองต่างๆ มีให้เป็นต้น ที่ค่อนข้างพิเศษคือ ไอเท็มบางชนิดต้องใส่ไว้ในที่เฉพาะจึงจะสามารถใช้งานได้

ตัวอย่างเช่น วิธีใช้ยาฟื้นพลัง ต้องใส่ไว้ในชุดเกราะจึงจะสามารถใช้งานได้ ส่วนม้วนคาถาต้องใส่ไว้ในเกราะแขน แถมยังจำกัดจำนวนชิ้นที่จะใส่ลงไป ดังนั้นพื้นที่ว่างสำหรับใส่ไอเท็มของเครื่องป้องกันทั้งหลายจึงมีความสำคัญมาก

หากเครื่องป้องกันไม่มีพื้นที่ว่างมากพอ การใช้ยาฟื้นพลังก็ต้องใช้โดยวิธีดื่ม หรือใช้ผ่านขวดโดยวิธีใช้ไอเท็มทั่วไป แน่นอนว่าถ้าในระหว่างต่อสู้ยังต้องมาคอยควานหาไอเท็มละก็ ผลลัพธ์คงอนาถสุดคาดคิดแน่ๆ !

เฉินเฟิงศึกษาอยู่เป็นนาน ก็ยังหาวิธีที่จะใส่ไอเท็มไว้ในเกราะของตัวเองไม่ได้ เป็นไปได้ว่าเกราะของเขายังไม่ได้ทำการปลดผนึก จึงยังเปล่งประสิทธิภาพได้ไม่หมด แต่ตอนที่รับคำแนะนำ แอนนี่ก็บอกไว้แล้วว่า การจะปลดผนึกต้องใช้เงิน ดูท่าเขาคงต้องไปธนาคารก่อน แล้วค่อยไปร้านปลดผนึกเพื่อเอาไอเท็มไปปลดผนึก

เฉินเฟิงออกจากอาคารเริ่มต้น ใช้เวลาไม่มากนักก็หาธนาคารที่อยู่ในโรงแรมพบ ความจริงป้ายของจุดให้บริการทุกจุดนั้นใหญ่มาก การจะหาร้านไหนสักร้านจึงไม่ได้ยากเย็นอะไร

ธนาคารเป็นตึกสีขาวขุ่น ดูโอ่โถงไม่เบาทีเดียว ในเมื่อถึงยังไงจะทำอะไรก็ต้องใช้เงินอยู่แล้ว เฉินเฟิงจึงเข้าไปในธนาคารโดยไม่เสียเวลาคิด

เหมือนกลับไปสู่โลกปัจจุบันอย่างกะทันหัน เคานเตอร์สะอาดเอี่ยมเป็นระเบียบ เครื่องแจกบัตรคิว โต๊ะสำหรับติดต่อสอบถาม ยาม มันธนาคารในโลกปัจจุบันชัดๆ !

ชายวัยกลางคนแผ่นหลังตั้งตรงสวมชุดสูทเดินเข้ามาต้อนรับทันที

“สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับ ผมชื่อ ชาลี รับผิดชอบให้การต้อนรับที่นี่ ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ผมรับใช้หรือเปล่าครับ ?”

หลังจากที่ได้เจอแอนนี่ เฉินเฟิงก็เริ่มจะชินกับพนักงานต้อนรับที่เป็นคนจริงๆ จึงพูดอย่างโอ่อ่าผ่าเผยว่า

“สวัสดีครับ ผมมารับกระเป๋าเงินและทำการ์ด” รายการบริการพวกนี้เฉินเฟิงเห็นมาจากในอาคารเริ่มต้น

ชาลีเชิญเฉินเฟิงไปนั่งรอในห้องสำหรับแขกที่ด้านข้างทันที

ได้นั่งบนโซฟาแสนสบาย ดื่มไวน์แดงที่ชาลีนำมาให้ ทำให้เฉินเฟิงอดเปรียบเทียบในนี้กับข้างนอกไม่ได้ เทียบกับธนาคารในโลกแห่งความจริงแล้ว ที่นี่บริการดีกว่ามากๆ มิน่าเล่าถึงได้มีลูกค้าถึงหนึ่งล้านคน

ไม่ต้องรอนานนัก เฉินเฟิงก็ได้รับสิ่งของที่ต้องการ

กระเป๋าเงินเป็นของฟรี แถมไม่ต้องกลัวว่าจะตกหาย แต่ข้างในสามารถเก็บเหรียญเงินและเหรียญทองรวมกันได้เพียง ๑๐,๐๐๐ เหรียญ หากเกิดพลาดท่าตายไป จะถูกหักเงินข้างในไปครึ่งหนึ่งโดยอัตโนมัติ หากจำนวนเงินมากเกิน ๑๐,๐๐๐ เหรียญ ก็สามารถใช้ให้ระบบโอนบัญชีให้โดยอัตโนมัติได้ แต่จะถูกหักค่าธรรมเนียม ๑๐%

นอกจากนี้ถ้าไม่คิดจะถูกหักค่าธรรมเนียม ก็สามารถนำมาฝากที่ธนาคารด้วยตัวเองได้ หรือแลกเป็นเหรียญทอง เงินส่วนใหญ่ที่ไหลเวียนเป็นเหรียญเงิน แต่เพราะกระเป๋าจำกัดใส่ได้เพียง ๑๐,๐๐๐ เหรียญ ดังนั้นผู้เล่นจึงมักพกเหรียญทองติดตัวบ้างเหมือนกัน

เนื่องจากการตายจะทำให้ถูกหักเงินในกระเป๋าเงินไปครึ่งหนึ่ง ดังนั้นธนาคารจึงเสนอให้ใช้การ์ดแบบที่เฉินเฟิงเพิ่งทำไปเมื่อครู่ การ์ดก็ถือเป็นไอเท็มถาวร ถึงจะตายก็ไม่หายไป ประโยชน์ของมันคือสามารถโอนเงินจากในบัญชีมายังกระเป๋าเงินได้โดยไม่ต้องไปที่ธนาคาร การโอนเงินแต่ละครั้งจะเก็บค่าธรรมเนียมเพียง ๕๐ เหรียญเงิน

แต่ราคาการ์ดนี้ก็ไม่ถูกเลย ต้องจ่ายถึง ๕,๐๐๐ เหรียญเงิน ถึงอย่างนั้นเพื่อความสะดวกในภายหน้า และเผื่อว่าตัวเองพลาดพลั้งกลับบ้านเก่าไป จะได้สูญเสียไม่มากนัก เรียกว่าเฉินเฟิงทุ่มทุนมากเอาการจริงๆ

เฉินเฟิงพกเหรียญทอง ๑๐๐ เหรียญ เหรียญเงิน ๕,๐๐๐ เหรียญ กระเป๋าตุงๆ แบบนี้น่าปลื้มชะมัด !

ออกจากธนาคาร เฉินเฟิงก็หาร้านปลดผนึกจนพบ ในร้านมีบริการปลดผนึกและขายม้วนคาถาปลดผนึก ม้วนคาถาแต่ละม้วนขายในราคา ๑๐ เหรียญเงิน แต่ NPC บอกว่าม้วนคาถาแบบนี้ทำได้อย่างมากก็แค่ปลดผนึกให้อาวุธและเครื่องป้องกันชั้นสูงเท่านั้น หากระดับสูงเกินกว่าชั้นสูง ก็มีแต่ต้องไปหาผู้ปลดผนึกที่ได้อาชีพปลดผนึก นอกจากนี้ถ้านำมาปลดผนึกที่ร้าน จะเก็บค่าปลดผนึกชิ้นละ ๘ เหรียญ

เถ้าแก่อธิบายว่าในโลกของเกมราชาแห่งราชัน อาวุธและเครื่องป้องกันแบ่งเป็น ๑๐ ระดับ คือ พื้นฐาน ระดับที่ ๑ , ชั้นต้น ระดับที่ ๒ - ๓ , ชั้นกลาง ระดับที่ ๔ - ๕ , ชั้นสูง ระดับที่ ๖ - ๗ , ไอเท็มชั้นเลิศ ระดับที่ ๘ - ๙ ไอเท็มในฝันซึ่งเป็นระดับสูงสุดจะอยู่ระดับที่ ๑๐ ทั้งหมด

การใช้หรือสวมอาวุธและเครื่องป้องกันจะไม่มีการแบ่งระดับ ผู้เล่นสามารถใช้หรือสวมไอเท็มได้ทุกระดับ แต่หากระดับของตัวเองไม่สูงพอ ถึงจะใช้หรือสวมไอเท็มได้ ก็อาจจะไม่สามารถเปล่งประสิทธิภาพของไอเท็มออกมาอย่างเต็มที่ได้

ผู้เล่นจะสามารถเปล่งประสิทธิภาพของไอเท็มที่ระดับตรงกับเลขหลักสิบของระดับของตัวเองได้อย่างเต็มที่ นั่นคือ ระดับของผู้เล่น ๑๐ ระดับเท่ากับระดับของไอเท็มอาวุธและเครื่องป้องกัน ๑ ระดับ เช่น ผู้เล่นระดับ ๑๐ - ๑๙ จะสามารถเปล่งประสิทธิภาพของไอเท็มพื้นฐาน ระดับที่ ๑ ได้เต็มที่ , ผู้เล่นระดับ ๒๐ - ๒๙ จะสามารถเปล่งประสิทธิภาพของไอเท็มชั้นต้น ระดับที่ ๒ ได้เต็มที่ , ผู้เล่นระดับที่ ๓๐ - ๓๙ จะสามารถเปล่งประสิทธิภาพของไอเท็มชั้นต้น ระดับที่ ๓ ได้เต็มที่ อย่างนี้เป็นต้น และมีไอเท็มบางชิ้นที่จำกัดอาชีพบางอาชีพเท่านั้นที่จะใช้หรือสวมได้

เฉินเฟิงเอาไอเท็มที่ได้มาทั้งหมดออกมาปลดผนึก พอปลดผนึกเสร็จ ก็ดีใจจนยิ้มแป้นปากหุบไม่ลง ชุดเกราะหนังเป็นชุดเกราะชั้นสูง ระดับที่ ๖ พลังป้องกันสูงถึง ๕,๐๐๐ จุด แค่ชุดเกราะชุดนี้ ราคาในตลาดมืดก็สูงถึงหลายพันเหรียญทองแล้ว เพราะชุดเกราะชั้นสูงใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ มีแต่สัตว์อสูรระดับราชาเท่านั้นที่จะระเบิดออกมาให้ แถมโอกาสมีเพียง ๑ ใน ๑๐,๐๐๐

เกราะแขนหนึ่งอันสามารถใส่ม้วนคาถาได้ ๕๐ ม้วน ในม้วนคาถา ๓๐ กว่าม้วนนั้น มีอยู่ ๒๐ ม้วนเป็นม้วนคาถาธาตุ ม้วนคาถาธาตุสามารถลดพลังโจมตีของสัตว์อสูรสังกัดธาตุเดียวกันได้ ๕๐% แต่ละม้วนมีฤทธิ์อยู่ได้นาน ๒ ชั่วโมง

ม้วนคาถาที่เฉินเฟิงได้มามีม้วนคาถาธาตุความมืดและม้วนคาถาธาตุพิษ นี่ถือเป็นของวิเศษสำหรับการฝึกวิชาเลื่อนระดับ[3]เลยทีเดียว ! นอกนั้นก็มีม้วนคาถาคืนชีพ ๖ ม้วน ม้วนคาถากลับบ้าน “เมือง” ทั้งหมด ๑๐ ม้วน

อัญมณีและก้อนโลหะไม่จำเป็นต้องปลดผนึก แต่ต้องรอจนมีความสามารถที่เกี่ยวข้อง จึงจะสามารถแยกประเภทของมันได้

หน้าไม้เหล็กกล้าเป็นอาวุธชั้นกลาง ระดับที่ ๔ มีราคาประมาณ ๕,๐๐๐ - ๖,๐๐๐ เหรียญเงิน ที่เหลือซึ่งเป็นดาบสั้นนั้นด้อยกว่ามาก อย่างมากก็เป็นแค่อาวุธชั้นกลางหรือชั้นต่ำระดับที่ ๒ - ๔ แต่ละเล่มมีมูลค่า ๑,๐๐๐ - ๓,๐๐๐ เหรียญเงินแตกต่างกันไป แต่ถ้าขายให้ร้านขายอาวุธโดยตรง จะได้ราคาแค่ ๕๐๐ - ๑,๐๐๐ เหรียญเท่านั้น

ที่คิดไม่ถึงคือ กระเป๋าเป้ก็ต้องปลดผนึกด้วย หลังจากปลดผนึกแล้วค่อยพบว่าเป็นเป้ชั้นสูงที่สามารถจุไอเท็มได้ถึง ๕,๐๐๐ ชิ้น แถมมีชื่อเสียด้วย ชื่อว่า “เป้เขี้ยวเหล็กไหลจัมโบ้” เป็นของที่หาซื้อไม่ได้ ราคาในตลาดมืดสูงถึงเกือบ ๓,๐๐๐ เหรียญทอง จัดเป็นไอเท็มถาวรและเป็นไอเท็มที่อัตราแย่งชิงดุเดือดมาก

สุดท้ายดาบโกมุทและสร้อยคอต่างก็ไม่สามารถปลดผนึกได้ แหวนก็ปลดผนึกได้เพียง ๔ วง แสดงว่าอย่างน้อยของเหล่านี้ต้องเป็นของชั้นเลิศขึ้นไป แต่เพราะตอนนี้ไม่สามารถจะปลดผนึกได้ ดังนั้นจึงไม่ต่างอะไรกับขยะ เฉินเฟิงเองก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก

ในแหวน ๔ วง มีอยู่ ๒ วงเป็นแหวนป้องกันพิษ สามารถลดทอนพลังโจมตีด้วยพิษได้ ๑๕% อีกสองวงเป็นแหวนป้องกันความมืด สามารถลดพลังโจมตีของเวทมนตร์ความมืดได้ ๑๕% ต่างก็เป็นเครื่องป้องกันชั้นกลาง

เถ้าแก่ของร้านปลดผนึกชื่อว่า จิม จิมแนะนำให้เฉินเฟิงเอาไอเท็มที่ปลดผนึกไม่ได้ไปฝากไว้ที่คลังเก็บไอเท็ม และบอกว่าไม่ว่าจะเป็นของชั้นเลิศชิ้นไหน ราคาก็สูงกว่า ๑๐,๐๐๐ เหรียญทองทั้งนั้น ถ้าเฉินเฟิงเกิดพลาดพลั้งกลับบ้านเก่าขึ้นมาแล้วทำหายไปสักอย่าง คงได้ร้องไห้ตายแน่

ผู้ปลดผนึกต้องมีความสามารถในการปลดผนึกในระดับเดียวกับของที่จะปลดผนึกขึ้นไป จึงจะสามารถปลดผนึกของชั้นเลิศได้ ปัจจุบันในเกมมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น

จิมยังแอบกระซิบว่า ขอแค่ซ่อนพลังธาตุไว้ รอจนแต้มคุณธรรมเต็มหมดแล้ว ก็จะไม่สูญเสียเครื่องป้องกันชิ้นใดทั้งสิ้น และจำนวนแต้มคุณธรรมก็สามารถไปดูได้ที่วิหาร

หลังจากเฉินเฟิงซื้อม้วนคาถาปลดผนึกจากจิมรวดเดียว ๓๐ ม้วนแล้ว ก็สรุปค่าใช้จ่ายว่าใช้ไปทั้งหมด ๗๙๖ เหรียญเงิน จากนั้นก็เก็บสมบัติมุ่งหน้าไปหาพนักงานดูแลคลังเก็บไอเท็ม



[1] เครื่องปาล์ม คือ คอมพิวเตอร์ชนิดพกพา มีขนาดใกล้เคียงกับโทรศัพท์มือถือ

[2] ไอเท็ม (item) ของต่างๆ ในเกม ตั้งแต่ของวิเศษ อาวุธ ชุดเกราะ ยา ไปจนถึงอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ

[3]ฝึกวิชาเลื่อนระดับ คือการฆ่าสัตว์อสูร (monster) เพื่อสะสมค่าประสบการณ์ที่จะนำมาใช้ในการเลื่อนระดับ เหล่าผู้เล่นเกมในเมืองไทยจะใช้คำว่า “เก็บเลเวล”


แก้ไขเมื่อ 3 ก.พ. 2555, 08:21 โดย

หลินโหม่ว เข้าร่วมเมื่อ 2 ก.พ. 2555, 20:18

0 ความคิดเห็น