โพสต์เมื่อ 8 พ.ค. 2564, 10:11
*** ยกข้อความมาจากการโพสต์ในหน้าเพจเฟซบุ๊ค การแบ่งบทในหนังสืออาจจะแตกต่างจากนี้***
.....................................
.
เขียนโดย...ถังชีกงจื่อ
แปลโดย...หลินโหม่ว
.
.
อารัมภบท
.
๏ เจ้าหญิงผู้พลีชีพเพื่อแคว้น
.
.
เหล่าผู้เล่าเรื่องในโรงน้ำชานั้น หากมีอายุสักหน่อย น่าจะต่างเคยได้ฟังเรื่องเก่าแก่ที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงแคว้นเว่ยเมื่อหกสิบเจ็ดปีก่อนกันทุกราย
.
เรื่องนั้นแต่เดิมเป็นเช่นไร บัดนี้ไม่มีผู้ใดบอกกล่าวได้ชัดเสียแล้ว กระนั้นทุกบทเล่าขานที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ ไม่ว่าเนื้อเรื่องดำเนินไปเช่นไร ต้นสายปลายเหตุอันเติมเต็มเนื้อเรื่องล้วนแต่เป็นเฉกเช่นกัน
.
ต้นสายปลายเหตุกล่าวว่า เมื่อหลายปีก่อนเจ้าครองแคว้นเว่ยได้ล่วงเกินแคว้นเฉิน สี่ปีให้หลังแคว้นเฉินสบโอกาส ซูอวี้ ซื่อจื่อแห่งแคว้นเฉินรับตำแหน่งจอมทัพนำทัพออกรบด้วยพระองค์เอง บุกเข่นฆ่าถึงเมืองหลวงแคว้นเว่ย พิชิตแคว้นเว่ยแพ้พ่ายในคราวเดียว พระราชวงศ์ที่อ่อนแอของแคว้นเว่ยเลือกที่จะยอมสวามิภักดิ์ แต่ทว่าเยี่ยเจิน เจ้าหญิงองค์สุดท้องของแคว้นเว่ยกลับยอมตายไม่ยอมสยบ แต่งพระองค์เต็มยศประทับยืนบนกำแพงเมืองหลวง ตรัสตำหนิตั้งแต่เจ้าครองแคว้นลงไปถึงสามเหล่าทัพ หลังตำหนิอย่างดุดันจบ ได้หมอบกราบไปทางวังหลวงสามครั้ง เหินร่างกระโดดลงจากกำแพงเมืองสูงร้อยจ้าง พลีร่างเพื่อแคว้น
.
ยามอาลักษณ์จารจารึกพงศาวดาร ได้เรียกขานเหตุการณ์นี้เป็นตำนานพิสดาร ยิ่งมีกษัตราธิราชในยุคหลังลิขิตเสริมในพงศาวดารว่า เยี่ยเจิน เจ้าหญิงแห่งแคว้นเว่ย ได้แสดงถึงศักดิ์ศรีสุดท้ายอันน้อยนิดของแคว้นเว่ย เป็นยอดหญิงใจเด็ด
.
หกสิบเจ็ดปี ต้าฉาวแยกแล้วรวม รวมแล้วแยก เรื่องราวเมื่อครั้งนั้นผ่านมาเนิ่นนานเกินไป ยามชาวบ้านย้อนระลึกถึงมัน ได้เหมือนย้อนระลึกถึงตำนานพิสดารช่วงหนึ่ง และถึงแม้การพลีชีพเพื่อชาติของเจ้าหญิงเยี่ยเจินจะชวนให้ตื้นตันใจอย่างลึกล้ำ หากเมื่อถอดความศักดิ์สิทธิ์สูงส่งและองอาจสง่างามออก กลับไม่ชวนลุ่มหลงชั่วนิรันดร์เท่าเรื่องสายลมจันทรา ดังเช่นเรื่องที่กระตุ้นให้ชนชาวโลกสนใจมากที่สุดตลอดกาลในสงครามระหว่างแคว้นเฉินกับแคว้นเว่ย คือความสัมพันธ์อันคลุมเครือระหว่างนางกับซูอวี้ ซื่อจื่อแห่งแคว้นเฉิน แม้จะไม่มีผู้ใดล่วงรู้เลยก็ตามว่านั่นเป็นความจริงหรือไม่
.
พงศาวดารของต้าฉาวได้ลงหมึกจารึกถึงความเกี่ยวพันระหว่างซูอวี้กับเยี่ยเจินอยู่บ้าง แต่ลงหมึกไม่มากนัก จารึกเพียงเรื่องเล็กน้อยเรื่องหนึ่งว่า ยามที่ซูอวี้ ซื่อจื่อแห่งแคว้นเฉินรับการสวามิภักดิ์ ณ ท้องพระโรงแคว้นเว่ย และรับตราพระราชลัญจกรที่เว่ยกงถวายให้ ได้เคยตรัสถามเว่ยกงว่า
.
“ฟังว่าเจ้าหญิงเหวินชางของแคว้นท่านคือยอดหญิงอัจริยะอันดับหนึ่งแห่งยุคนี้ พิณหมากล้อมอักษรภาพวาดล้วนเชี่ยวชาญ โดยเฉพาะวาดภาพทิวทัศน์ได้เป็นเลิศ โดยเว่ยกงเคยยกตราพระราชลัญจกรนี้เปรียบกับนาง ไม่ทราบว่าวันนี้องค์หญิงเหวินชางพอจะให้เกียรติเปิ่นกง ช่วยวาดหน้าพัดให้สักภาพได้หรือไม่?”
.
‘เจ้าหญิงเหวินชาง’ คือราชทินนามของเยี่ยเจินผู้พลีชีพเพื่อชาตินั่นเอง มีความหมายว่าถึงพร้อมด้วยความรอบรู้และคุณธรรม
.
พงศาวดารจารึกเพียงน้อยนิด ผู้ทราบเรื่องเมื่อครั้งกระนั้นได้สลายเป็นเถ้าธุลีไปเนิ่นนานในช่วงเวลาหกสิบเจ็ดปีที่โลกหล้าผันแปรนี้ เรื่องเล่าเก่าก่อนอันโศกเศร้าฮึกหาญและเป็นตำนานนี้ได้พลอยจมฝุ่นธุลีจนหมดสิ้นด้วยเช่นกัน แม้จะมีเรื่องเล่าขานในหมู่ชาวบ้าน ก็เพียงคว้าจับเงา ทั้งยังไม่ทราบจริงเท็จ และหากคิดจะเรียบเรียงเรื่องเล่านี้อย่างถี่ถ้วนจริงๆ ยังต้องย้อนกลับไป เริ่มเล่ากันตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิของเมื่อหกสิบเจ็ดปีก่อน
.