ข้อมูลส่วนตัว
|
ข้อความ
0
|
เข้าสู่ระบบ
/
สมัครสมาชิก
เลือกฟอร์ม
ตัวอย่างนิยายสามชาติสามภพ ย่างก้าวเกิดปทุม
ห้องคุยเรื่อง Honzuki no Gekokujou (หนอนหนังสือยึดอำนาจ)
ศึกจอมขมังเวท
ราชาแห่งราชัน
มนตร์อสูร
จอมนางคู่บัลลังก์
พิภพพญามังกร
BOSS จินตนาการพิสดาร
สามชาติสามภพ ป่าท้อสิบหลี่
สามชาติสามภพ ลิขิตเหนือเขนย
ฉันไม่อยากเป็นซินเดอเรลล่า
หย่งเยี่ย
ม่านม่านชิงหลัว
เรื่องย่อละครสี่องก์
เรื่องย่อวันวานดั่งดอกไม้สองภพชาติ (ชื่อเดิมเดือนปีคือดอกสองชีวิต)
เรื่องย่อ หนอนหนังสือยึดอำนาจ (Honzuki no Gekokujou)
ตัวอย่างศึกจอมขมังเวท
หัวซวีอิ่น...เพลงพิณแดนนิทรา
หย่งเยี่ย เล่ม 1
หย่งเยี่ย เล่ม 2
หย่งเยี่ย เล่ม 3
หย่งเยี่ย เล่ม 4
หย่งเยี่ย เล่ม 1 (แก้ไข)
อาหาร-ขนมของจีน
ปรัชญา / สำนวน / วรรณกรรม
เพลงจีนเก่า ๆ
ภาพยนตร์และซีรีส์จีน
สถานที่ท่องเที่ยว
เครื่องแต่งกายของจีน
การนับเวลาของจีน
ประเพณีและวัฒนธรรมของจีน
ตำนานจีน
เชิงอรรถบางส่วนจากเรื่อง หัวซวีอิ่น เพลงพิณแดนนิทรา
ห้องโปรโมทหนังสือ + แจ้งข่าวหนังสือ + กิจกรรมสำนักพิมพ์
ห้องประวัติศาสตร์จีนทั่วไป
ประวัติบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์จีน
ตำนานต่างๆ ของจีน
ตำราพิชัยสงครามซุนอู่
ห้องส่วนตัวของซีเรีย/หลินโหม่ว
ห้องเล่านิยาย
ห้องเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องลี้ลับ
คุยเรื่องหนังสือ
ติดต่อ-สอบถาม-สนทนาเรื่องทั่วไป
หน้าแรก
|
เว็บบอร์ด
|
สินค้าทั้งหมด
|
วิธีการสั่งซื้อ
|
การชำระเงิน
|
การจัดส่ง
|
ติดต่อเรา
หน้าแรก
ห้องโพสต์นิยาย
หัวซวีอิ่น...เพลงพิณแดนนิทรา
หัวซวีอิ่น...เพลงพิณแดนนิทรา # 2
เลือกขนาดตัวอักษร :
ก
ก
ก
ก
ก
หัวข้อ : หัวซวีอิ่น...เพลงพิณแดนนิทรา # 2
โพสต์เมื่อ 8 พ.ค. 2564, 10:13
.
๏ แคว้นแตก
.
.
ฤดูใบไม้ผลินั้นเมื่อหกสิบเจ็ดปีก่อน เจียงเป่ยเกิดภัยแล้งหนัก ต่อเนื่องกันครึ่งปี ไม่เคยได้รับความเมตตาจากสวรรค์ประทานฝนแม้สักหยด แคว้นเว่ยหนึ่งในแคว้นประเทศราชของต้าฉาว แม้จะตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำตวนเหอ ก็เพียงช่วยให้ชาวเมืองพอจะมีน้ำยาไส้เท่านั้น พืชพันธุ์ธัญญาหารบนผืนดินที่อาศัยฝนฟ้าเลี้ยงปากท้องไร้น้ำให้ดื่มกิน ต่างกระหายตายสิ้น เพียงสองฤดูกาล แคว้นเว่ยก็ขุนเขาแม่น้ำพินาศสิ้น ผู้คนอดตายเกลื่อนแผ่นดิน สภาพการณ์อเนจอนาถสุดจะพรรณนา
.
เจ้าครองแคว้นเว่ยมัวเมามากว่าครึ่งชีวิต ถูกภัยธรรมชาติครั้งนี้กระตุ้น ได้สติจากดงเครื่องประทินโฉมเป็นครั้งแรก เร่งบัญชาให้ทุกท้องที่ใต้ปกครองเปิดคลังเสบียง จุนเจือทวยราษฎร์ แม้เจ้าครองแคว้นจะเปลี่ยนเป็นมหาราชผู้ทรงธรรมในชั่วข้ามคืน กระนั้นข้อเสียที่สั่งสมมานานปีไม่อาจขจัดให้หมดสิ้นในเวลาอันสั้นได้ ราชโองการเปิดคลังแจกเสบียงอาหารส่งลงไปเป็นทอดๆ คลังเสบียงหลวงเปิดแล้ว อาหารเบิกไปแล้ว เสบียงอาหารหมื่นสือระหกระเหินไปทีละชั้นๆ ไปถึงตรงหน้าชาวบ้าน ก็เหลือเพียงข้าวต้มใสคำเดียว ชาวบ้านเบิ่งตามองข้าวต้มที่หลวงประทานให้มื้อนี้ ไม่นึกว่าข้าวต้มนี้จะเป็นแค่ “ข้าวต้มคำเดียว” จริงๆ แค่พอให้ตอนไปเยือนยมโลกไม่ถึงกับท้องว่างเท่านั้น
.
ครั้นเห็นทางรอดถูกสะบั้น ชาวบ้านได้แต่หยิบฉวยของใกล้มือ ลุกฮือขึ้นก่อกบฏ จะยกทัพจำเป็นต้องมีข้ออ้าง ชาวบ้านที่ก่อกบฎไม่อาจคำนึงถึงวิถีธรรมแห่งพลเมืองดี บอกเพียงว่าที่สวรรค์ไม่ประทานฝนมาเนิ่นนาน เป็นเพราะเว่ยกงไร้คุณธรรม ทำให้สวรรค์พิโรธ จะดับเพลิงพิโรธของสวรรค์ จำเป็นต้องขับไล่เว่ยกงผู้ไร้คุณธรรมลงจากบัลลังก์
.
ข่าวลือแพร่ตรงสู่ส่วนลึกของเมืองหลวงอย่างเร่งด่วนแปดร้อยหลี่ เจ้าครองแคว้นผู้ประทับอยู่ลึกในวังหลวงถูกถ้อยวิจารณ์อันสามหาวหมิ่นพระเกียรตินี้กระแทกใส่จนประหวั่นลนลาน บัญชาให้ปวงขุนนางร่วมปรึกษาแผนปราบกบฏ ณ ท้องพระโรงในทันที ปวงขุนนางต่างเชี่ยวชาญในวิถีแห่งการเป็นขุนนาง กล่าวถ้อยคำเล่นลิ้นไปมาแล้วค่อยกราบทูลว่าฝ่าบาททรงพระปรีชา ก็ถือว่าได้ทำหน้าที่ของตนเต็มที่แล้ว
.
มีเพียงซู่จี๋ซื่อที่เพิ่งจะสืบตำแหน่งแทนบิดา ยังไม่แก่ประสบการณ์ในการเป็นขุนนางมากพอ ตอบโดยซื่อว่า “กล่าวกันว่าท่านฮุ่ยอีแห่งนิกายวาจาพิสุทธิ์บนเขาเยี่ยนหุยมีมหาปัญญา หากสามารถเชิญท่านปลีกจากนิกายลงเขามาได้ อาจมียอดแผนการที่มิต้องหลั่งเลือดก็เป็นได้พ่ะย่ะค่ะ” นิกายวาจาพิสุทธิ์คือนิกายประจำแคว้นของแคว้นเว่ย สวดภาวนาเพื่อแคว้นเว่ย ปกปักรักษาดวงเมืองของแคว้นเว่ย ประมุขนิกายรุ่นนี้ก็คือฮุ่ยอีนั่นเอง
.
คาดว่าจะกำหนดมั่นว่าปีนั้นอายุขัยของแคว้นเว่ยจักสิ้นสุด ในคืนที่เว่ยกงทรงส่งทูตไปเชื้อเชิญท่านฮุ่ยอียังนิกายวาจาพิสุทธิ์ ประมุขนิกายเฒ่าวัยแปดสิบสองปีได้สูดหายใจเฮือกสุดท้าย ลาโลกไป ก่อนท่านฮุ่ยอีจะลาโลก ได้ทิ้งถุงแพรปักไว้หนึ่งใบ ในถุงแพรปักคือกระดาษขาวหนึ่งแผ่น สองประโยคสั้นๆ บอกกล่าวอย่างโจ่งแจ้งสมบูรณ์ว่า “พันธมิตรเพิ่งสิ้นสูญ มหาเคราะห์มาแต่บูรพา” เว่ยกงทรงประคองถุงแพรปักเก็บพระองค์อยู่ในห้องทรงงานทั้งคืน ขันทีรับใช้หน้าห้องสัปหงกยามเที่ยงคืน ระหว่างสะลึมสะลือได้ยินเสียงสะอื้นไห้ดังมาจากภายในห้อง
.
ฮุ่ยอีทำนายได้แม่นยำยิ่ง เพิ่งจะล่วงผ่านเก้าค่ำเดือนเก้า แคว้นเฉินซึ่งห่างกันเพียงแม่น้ำคั่นก็เฟ้นหาข้ออ้างยกทัพใหญ่มารุกรานแคว้นเว่ย ในข้ออ้างกล่าวว่าในการประชุมแคว้นพันธมิตรเมื่อปีกลาย ขณะที่เว่ยกงล่าสัตว์ได้น้าวคันศรจงใจยิงต้องชายฉลองพระองค์ครึ่งผืนของเฉินโหว หมิ่นพระเกียรติของเฉินโหวอย่างโจ่งแจ้ง หยามหมิ่นแคว้นเฉินทั้งแคว้น ทัพใหญ่หนึ่งแสนของแคว้นเฉินยกมาด้วยแสนยานุภาพปานพายุฝนคลั่ง ตลอดทางแทบไม่พานพบอุปสรรคใด ไม่ถึงสองเดือน ได้มาจัดกระบวนทัพอยู่ที่นอกกำแพงเมืองหลวงของแคว้นเว่ย
.
ทั่วหล้ามองดูศึกครั้งนี้ดุจมองดูเรื่องขบขัน ที่ปรึกษาทัพจอมเสเพลใต้อาณัติของเฉินโหวหลายนายถึงกับแอบตั้งวงพนันลับหลัง วางเดิมพันกันว่าเว่ยกงเฒ่าผู้มัวเมายังจะยันไปได้อีกนานเท่าไร ซูอวี้ซื่อจื่อแห่งแคว้นเฉินเสด็จผ่านไปพอดี วางหยกขาวห้อยประดับพัดหนึ่งชิ้นลงเดิมพัน โบกพัดจีบตรัสว่า “อย่างมากยามอู่วันพรุ่งกระมัง”
.
เที่ยงวันถัดมา ดวงตะวันอันเกียจคร้านขลุกอยู่หลังชั้นเมฆ เผยเพียงรัศมีสีขาวหนึ่งวง เมืองหลวงแคว้นเว่ยเป็นดุจกระปุกเลี้ยงจิ้งหรีดที่แขวนอยู่กลางอากาศ
.
ยามอู่สามเค่อ ธงขาวยอมจำนนค่อยๆ ชักขึ้นเหนือกำแพงเมืองจริงๆ นับแต่ฮ่องเต้แห่งต้าฉาวพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นต้นมา แคว้นเว่ยที่เสพวาสนาต่อเนื่องมาแปดสิบหกปี ในที่สุดก็ได้หมดอายุขัยสิ้นลมลงในปีนี้ เจ้าครองแคว้นเฒ่าทรงต้อนรับซูอวี้เข้าสู่วังหลวงด้วยพระองค์เอง ภายในท้องพระโรง ปวงขุนนางและพระญาติพระวงศ์ใหญ่น้อยคุกเข่ากันสลอนเต็มห้อง ล้วนแต่เป็นขุนนางที่ร่ำเรียนคัมภีร์ขงจื้อจนแตกฉาน ตระหนักดีว่าเวลาเปลี่ยนสถานการณ์เปลี่ยน นกดีพึงเลือกไม้ใหญ่เกาะอาศัย
.
ตกบ่าย ดวงตะวันหลบเร้นสู่ชั้นเมฆเต็มดวง ไม่เห็นแสงแดดแต่สักนิด สวรรค์ที่แล้งฝนมาเนิ่นนานกลับประหนึ่งเบิกเนตรโดยฉับพลัน สาดฝนหลายหยดลงมากะทันหัน ซูอวี้ ซื่อจื่อแห่งแคว้นเฉินทรงฉลองพระองค์ขนสัตว์ปักลายกระเรียน ในหัตถ์ถือพัดกระดาษสิบสองก้าน ประทับยืนอย่างสง่างามอยู่หน้าบัลลังก์ในท้องพระโรง ถ้อยดำรัสขอให้เจ้าหญิงเหวินชางทรงวาดหน้าพัดให้แก่พระองค์ที่ตรัสกับเจ้าครองแคว้นเฒ่าซึ่งถวายตราพระราชลัญจกรให้ เป็นเช่นเดียวกับที่จารึกในพงศาวดารทุกถ้อยกระทงความ
.
แต่ทว่า ซูอวี้หาได้รับภาพหมึกอันล้ำค่าของเยี่ยเจินแต่อย่างใด ยามที่พระองค์ตรัสประโยคนั้นแก่เว่ยกงในท้องพระโรงของแคว้นเว่ย เยี่ยเจินได้ย่างก้าวขึ้นสู่กำแพงสูงของเมืองหลวง การพบกันครั้งแรกของซูอวี้กับเยี่ยเจินที่มีการบันทึกไว้ คือในยามบ่ายของวันที่แคว้นเว่ยล่มสลายนั้น คั่นกลางด้วยกึ่งความเป็นตายและกำแพงสูงร้อยจ้าง
.
ซูอวี้ถึงกับไม่ทันทอดพระเนตรเห็นชัดเจนว่าเยี่ยเจินในคำเล่าลือหน้าตาเป็นเช่นไร แม้ว่าพระองค์จะได้สดับฟังเรื่องของนางมาเนิ่นนาน ฟังว่ายามนางถือกำเนิดได้ร้อยวัน ตกค่ำเว่ยกงทรงพระสุบินเห็นหลวงจีนวิปลาสนิกายฉางเหมิน หลวงจีนฉางเหมินทำนายว่าแม้นางจะเป็นพระราชวงศ์ กลับเป็นผู้อาภัพไร้วาสนา อายอัปมงคลในวังหลวงหนักหน่วงเกินไป หากเลี้ยงไว้ในวังจักอยู่รอดได้ไม่ถึงสิบหกชันษา
.
ฟังว่าเว่ยกงทรงหลงเชื่อถ้อยคำของหลวงจีนฉางเหมิน นำนางไปฝากเลี้ยงยังนิกายวาจาพิสุทธิ์แต่ยังเยาว์ เพื่อคุ้มครองนางให้ปลอดภัย สาบานว่าก่อนนางอายุสิบหกชันษาจะไม่พบหน้านางเด็ดขาด ทั้งยังได้ยินว่าเมื่อสองปีก่อนในวันเฉลิมพระชนมพรรษาครั้งใหญ่ของเว่ยกง นางเขียนภาพ ‘คีรีเนา’ ถวายเป็นของขวัญอวยพรแด่เสด็จพ่อ แขกเหรื่อในงานต่างทอดถอนชมเชยกันถ้วนหน้า เว่ยกงโสมนัสยิ่ง
.
ละอองฝนโปรยปราย ซูอวี้ยืนโบกพัดจีบอยู่ด้านล่างกำแพงเมือง พลันนึกถึงถ้อยคำของซูอี๋พระขนิษฐาก่อนจะออกทัพว่า “เล่าขานกันว่าองค์หญิงเหวินชางแห่งแคว้นเว่ยสิริโฉมเลิศล้ำ ความรู้ก็เลิศล้ำ เป็นยอดหญิงผู้ประเสริฐ เกอเกอออกศึกครั้งนี้ ยามกองทัพคว้าชัย ไยไม่พลอยรับองค์หญิงเหวินชางผู้นั้นกลับมาบ้านด้วยกัน ให้เป็นพี่สะใภ้ของน้องเล่า?” บนกำแพงเมือง แขนเสื้อยาวจดพื้นของเยี่ยเจินพลิ้วไสวในสายลม เงาร่างบอบบางนั้นพลันเหยียบย่างสู่ความว่างเปล่ากะทันหันโดยไร้วี่แววล่วงหน้า ร่วงตกลงมาอย่างรวดเร็วดุจปักษายักษ์สีขาว ยามตกถึงพื้น อาภรณ์สีขาว เลือดสีแดงฉาน แม่ทัพนายกองแคว้นเว่ยที่ด้านล่างกำแพงเมืองต่างร่ำไห้ไม่เป็นเสียง
.
ซูอวี้ทอดพระเนตรกองเลือดห่างออกไปไม่ไกลนั้น เนิ่นนาน หุบพัดจีบลงตรัสสุรเสียงราบเรียบ “จงจัดพิธีฝังตามฐานะเจ้าหญิงอย่างสมพระเกียรติเถิด”
.
Admin
เข้าร่วมเมื่อ 8 พ.ค. 2564, 10:13
โพสต์เมื่อ 8 พ.ค. 2564, 10:13
0 ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ชื่อผู้โพสต์ :
*
ระบุตัวอักษรตามรูปภาพ :
ยกเลิก
เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
หน้าแรก
เว็บบอร์ด
สินค้าทั้งหมด