หัวข้อ : หัวซวีอิ่น...เพลงพิณแดนนิทรา # 11

โพสต์เมื่อ 8 พ.ค. 2564, 10:23

.
ม้วนที่หนึ่ง จบชีวิตอันกลวงเปล่า
.
.
ตอนที่สอง (ต่อ)
.
.
เขาเย็บมุกเงือกใส่เข้าไปในหัวใจข้า เรียกวิญญาณของข้ากลับคืนมาจากดินแดนแห่งความว่างเปล่า ในมุกเงือกได้ผนึกบทเพลงหัวซวีอันลึกลับที่สุดในวิชามี่หลัวเอาไว้ วิชาลับนี้ปลูกเข้าสู่ร่างของข้าพร้อมกับไข่มุก
.
หากมีคนใดดื่มเลือดของข้าลงไป ถูกย้อมด้วยกลิ่นอายของมุกเงือกในร่างข้า แม้จะเพียงแค่หนึ่งหยด ล้วนแต่สามารถทำให้ข้าดูออกได้ทันทีถึงท่วงทำนองหัวซวีที่เหมาะสมกับเขามากที่สุด บรรเลงท่วงทำนองนี้ออกมา จะสามารถถักทอห้วงมายาให้แก่คนผู้นั้นได้ ห้วงมายานี้คือการปรากฏขึ้นซ้ำของอดีตกาล จะสามารถออกมาจากห้วงมายาได้หรือไม่ ต้องดูว่าคนผู้นี้สามารถหนีพ้นจากมารในใจของตนได้หรือไม่ แต่ผู้คนในโลกหล้าที่สามารถหนีพ้นจากมารในใจได้นั้น น้อยเสียยิ่งกว่าน้อยจริงๆ
.
จวินซือฝุต้องการให้ข้าสังหารเฉินโหวเช่นนี้
.
โดยมุมมองส่วนตัว ถึงแคว้นเฉินจะเป็นฝ่ายล้มล้างแคว้นเว่ย ข้าก็มิได้นึกแค้นเคืองอะไรเฉินโหว ในยุคที่ชีวิตคนดั่งผักหญ้านี้ ชนะเป็นเจ้าแพ้เป็นโจร เดิมทีก็แน่นอนอยู่แล้ว แต่หนึ่งชีวิตของเฉินโหวแลกกับการให้ข้าได้เริงสำราญในโลกมนุษย์ไปครึ่งชีวิต ข้าคิดว่าคุ้มค่าอย่างยิ่ง
.
ข้าจะไปฆ่าเขา ไม่ใช่เพราะว่าข้าเคยเป็นเจ้าหญิงของแคว้นเว่ย แค่เพียงเพราะว่าข้ายังคงอาลัยอาวรณ์ในโลกมนุษย์
.
จวินซือฝุบอกว่า “ธุระเรื่องลอบฆ่าเฉินไม่ต้องรีบร้อน หัวซวีอิ่นปลูกเข้าสู่ภายในร่างของเจ้าได้ไม่นาน ยังใช้งานได้ไม่คล่อง เจ้าจงปรับตัวไปสักพักก่อนเถิด”
.
ข้าคิดว่าธุระเรื่องนี้ ข้าไม่รีบร้อนจริงๆ นั่นแหละ
.
จวินซือฝุดูสีหน้าของข้า คงจะเดาออกว่าในใจข้าคิดอะไร จึงเสริมอีกว่า “แต่เจ้าก็ห้ามไม่รีบร้อนเลยสักนิดเช่นกัน เฉินโหวสุขภาพไม่ดี เรื่องกลับขึ้นสวรรค์คงเป็นอีกแค่สองสามปีใกล้ๆ นี้แล้ว เจ้ายังคงต้องเร่งมือเข้าหน่อย ไม่เช่นนั้นไม่รอให้เจ้าไปลอบฆ่าเฉิน เขาก็ตายไปเองก่อนแล้ว แบบนี้ไม่ดีอย่างยิ่ง”
.
ข้าพูดว่า “แบบนี้สิดีออก”
.
จวินซือฝุมองไปยังภูเขาไกลตา สีหน้ายากจะอ่านออก
.
“ไม่ดี ขืนเป็นเช่นนั้น การแก้แค้นของข้าก็สูญเสียความหมายปะไร”
.
อันที่จริงข้าอยากจะบอกท่านอย่างยิ่งว่า ถ้าเกิดเฉินโหวกำลังถูกอาการเจ็บป่วยเคี่ยวกรำจนทุกข์ทรมาน ต้องการอย่างเร่งด่วนให้ใครช่วยมาแทงใส่เขาสักมีดให้จบสิ้นอย่างรวบรัด ข้าไปลอบสังหารเขาดีไม่ดีอาจไปช่วยเขาอีกแรง แบบนี้สิยิ่งไร้ความหมายเข้าไปใหญ่ แต่คิดดูอีกที มีน้ำใจจะช่วยคนนี่นะ ทั้งยังได้ช่วยสร้างกุศลให้จวินซือฝุอีกด้วย จึงข่มใจไว้ไม่พูดอะไรทั้งนั้น
.
.
ครึ่งเดือนให้หลัง จวินซือฝุพาจวินเหว่ยลงเขาไป เสาะหาตัวยาชนิดหนึ่ง ช่วยซ่อมแซมรอยแผลเป็นบนร่างข้า ตอนจะออกเดินทางจวินเหว่ยปลอบใจข้าว่า “เจ้ากลายมาเป็นแบบนี้ ต้องไม่มีใครยอมแต่งงานกับเจ้าแน่ ไม่เป็นไร คนอื่นไม่แต่งกับเจ้า ข้าแต่งกับเจ้าเอง เจ้าห้ามคิดไม่ตกดึงมุกเงือกออกมา ทำให้เลือดเนื้อและจิตใจของข้ากับท่านพ่อต้องสูญเปล่าเป็นอันขาดเชียวนะ”
.
ข้าพูดว่า “ขืนแต่งกับข้าตระกูลจวินของพวกเจ้าก็จะไร้ทายาทแล้ว”
.
จวินเหว่ยทำหน้าสงสัย “จะไร้ทายาทได้ยังไงรึ แต่งเจ้าแล้วข้าก็ต้องแต่งเมียน้อยอีกหลายคนอยู่แล้วสิ ฮ่าๆๆ”
.
ผลคือถูกข้าฟาดไม้พลองใส่ไม่ยั้งลงจากเขาไป
.
.
พริบตาเดียวก็หกเดือน ต้นไม้แห้งแตกหน่อใหม่ ข้าขุดสุราเหมยไหหนึ่งที่ฝังอยู่ใต้ต้นซิ่งแก่ในลานกลางบ้านออกมา จวินซือฝุก็พาจวินเหว่ยกลับมา ข้างหลังยังมีเสี่ยวหวงเดินตามมาด้วย
.
ก่อนหน้านี้เสี่ยวหวงพลาดไปกินกระต่ายขาวตัวน้อยที่จวินซือฝุเลี้ยงไว้สำหรับป้อนพิษเข้า จึงเผลออาหารเป็นพิษ กระต่ายขาวตัวนั้นคาดว่าจะเป็นกระต่ายขาวที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในต้าฉาว ภายในร่างเป็นแหล่งรวมร้อยพิษ แม้แต่จวินซือฝุยังไม่รู้ว่าควรจะถอนอย่างไร ได้แต่ส่งมันไปยังที่พำนักของเทพเจ้าโอสถป๋ายหลี่เยว่ขอให้ท่านช่วยลองดู ล้างพิษอยู่กว่าครึ่งปีค่อยล้างสารพิษทั่วทั้งตัวออกจนหมด
.
เสี่ยวหวงเห็นข้าหลังผ่าตัดตกแต่งโฉมเป็นครั้งแรก จำไม่ได้ไปชั่วขณะ แยกเขี้ยวใส่อยู่เป็นนาน ข้าเอาเนื้อกระต่ายให้มันกิน มันก็ไม่แสดงอาการดีใจ ซ้ำยังแยกเขี้ยวขาวดุจหิมะอย่างดุร้ายหนักกว่าเดิม จนกระทั่งจวินเหว่ยลูบใบหูของมันพูดปลอบเสียงนุ่มว่า
.
“นี่คือเหนียงชินของเจ้า เจ้าจะอยู่กับเตียเตียนานเกินไปเลยลืมเหนียงชินไปแล้วไม่ได้นะ ยังไงเจ้าก็เป็นลูกที่นางอุ้มท้องสิบเดือนคลอดออกมา”
.
เสี่ยวหวงเข้ามาคลอเคลียข้าอย่างสนิทสนมทันทีจริงๆ
.
ข้าพูดว่า “เจ้าน่ะสิอุ้มท้องสิบเดือนคลอดมันออกมา เจ้าอุ้มท้องสิบเดือนคลอดพวกมันออกมาทั้งบ้าน”
.
จวินเหว่ยชี้นิ้วสั่นระริกข้างหนึ่งใส่ข้า
.
“ข้าหรืออุตส่าห์หวังดีคิดจะแต่งงานกับเจ้า”
.
ข้าพูดว่า “เจ้าคลอดเสืออีกตัวออกมาให้ข้าเล่นได้ไหมล่ะ? คลอดออกมาได้ข้าจะพิจารณาแต่งงานกับเจ้า”
.
จวินเหว่ยตกตะลึงไปอึดใจใหญ่ สั่งเสี่ยวหวงอย่างอับอายกลายเป็นโทสะว่า
.
“ลูกชาย กัดนาง”
.
แต่เสี่ยวหวงถูไถหลังมือข้าอย่างสนิทสนมยิ่งกว่าเดิม
.
.
ตัวยาที่จวินซือฝุนำกลับมาได้ผลอย่างน่าอัศจรรย์จริงๆ ทำเป็นขี้ผึ้งทาไปทั่วร่าง วันหนึ่งทาสามครั้ง ห้าวันให้หลัง รอยแผลเป็นทั่วร่างก็หายไปจนหมดสิ้น ผลลัพธ์นี้ทำให้ข้าพอใจยิ่ง อดทายาส่วนหนึ่งบนหน้าผากไม่ได้ แต่จะอย่างไรนั่นก็เป็นแผลที่เกิดจากในกะโหลก รอยแผลยังคงชัดเจนเช่นเดิม
.
ข้ามองร่างกายของตัวเองในกระจกทองเหลือง นึกขึ้นมาได้แปดพยางค์ ข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรง ใครจะนึกไปถึงว่าร่างกายที่มีชีวิตชีวาเช่นนี้ ภายในได้เน่าเปื่อยผุพังเต็มที่เสียแล้ว หากดึงมุกเงือกออกมา เกรงว่าจะสลายกลายเป็นเถ้าธุลีภายในไม่ถึงครึ่งเค่อกระมัง ข้านึกจินตนาการถึงภาพนี้ เห็นว่าช่างสยองขวัญจริงแท้
.
.
เช้าตรู่วันที่หก จวินซือฝุแวะมาเยี่ยมข้า ข้างหลังมีเสี่ยวหวงที่หาวไม่ได้หยุดตามมาด้วย
.
ต้นท้อสองต้นที่หน้าประตูยืนต้นงดงาม กิ่งก้านกำลังออกดอกบานสะพรั่ง บนใบไม้ยังคงมีหยดน้ำค้างยามอรุณ จวินซือฝุไล่เสี่ยวหวงไปตะครุบผีเสื้อเล่นในลานบ้าน ก่อนจะหันหน้ามาถามข้า
.
“ครึ่งปีมานี้ ขบคิดหัวซวีอิ่นไปถึงไหนแล้วหรือ?”
.
ข้าตอบไปตามตรง “ไม่มีเป้าหมายให้ฝึกซ้อม ไม่สามารถก้าวหน้าได้”
.
ท่านนิ่งคิดอยู่อึดใจใหญ่ กล่าวว่า “อาเจิน เจ้าเองก็รู้ว่าเครื่องรางมุกเงือกชิ้นนี้ อาศัยกำลังของมันเองสามารถประคองเจ้าได้เพียงสามปีเท่านั้น มุกเงือกอาศัยการสูบกินฝันดีของผู้คนสร้างตบะ บัดนี้ในเมื่อมันสิงสู่อยู่ในกายของเจ้าแล้ว เจ้าอยากจะมีชีวิตที่ยืนยาวสักหน่อย ได้แต่ใช้ห้วงมายาที่หัวซวีอิ่นถักทอขึ้นสูบกินฝันดีและชีวิตของผู้คน เจ้าเป็นเด็กดีมีน้ำใจงาม เกรงว่าจะทำสิ่งเหล่านี้ไม่ลง แต่ข้าพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อชุบชีวิตเจ้า ย่อมไม่อยากให้เจ้ามีชีวิตอยู่แค่สามปีโดยเด็ดขาด ข้าพูดเช่นนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”
.
จวินซือฝุกลัวว่าข้าจะคิดไม่ตก แต่ว่าข้าคิดตกมานานแล้ว ข้าจะมีชีวิตอยู่แค่สามปีไม่ได้ และจะสังหารผู้บริสุทธิ์ไม่เลือกหน้าปลิดชีวิตผู้คนตามอำเภอใจไม่ได้เช่นกัน กระนั้นบนโลกนี้มีสักกี่คนที่นึกเสียใจต่อชีวิตที่พ้นผ่าน หัวซวีอิ่นสามารถถักทอห้วงมายาอันทำให้อดีตกาลปรากฏซ้ำ ให้พวกเขาได้แก้ไขอดีตให้ถูกต้องในห้วงมายานี้ หากว่ามีผู้ที่ลุ่มหลงในห้วงมายาไม่ยินยอมออกมา เต็มใจมอบชีวิตในโลกีย์วิสัยให้ เช่นนั้นเราทั้งสองฝ่ายก็จะต่างฝ่ายต่างสมหวัง
.
ข้าพูดว่า “ท่านช่วยหางานอะไรดีๆ ให้ข้าได้แล้วกระมัง?”
.
จวินซือฝุอมยิ้มพลางพยักหน้า
.
“ถูกต้อง ในเร็ววันนี้ เจ้าจงเดินทางไปแคว้นเจียงสักเที่ยวเถิด”
.
.
ห้าวันถัดมา ข้าอุ้มพิณเจ็ดสายคันหนึ่ง ปรากฏกายยังเมืองเล็กๆ ริมชายแดนแคว้นเฉินพร้อมด้วยจวินเหว่ยและเสี่ยวหวง
.
ความจริงแล้วเขาจวินอวี่อยู่ห่างจากชายแดนแคว้นเฉินและแคว้นเจียงไม่ไกลนัก เดินเท้าสามวันก็ไปถึงได้ ครั้งนี้ล่าช้าไปสองวัน สาเหตุสำคัญอยู่ที่พวกเราขี่ม้าหนึ่งตัว การนี้ก็ไม่มีใดไม่เหมาะสม เพียงแต่การต้องคอยระวังป้องกันไม่ให้เสี่ยวหวงเขมือบม้าพาหนะตลอดเวลานั้น ช่างเป็นเรื่องที่ทุกข์ทรมานและเสียเวลาโดยแท้
.
ในที่สุด พวกเราได้ทำการตัดสินใจ เอาม้ามาย่างกิน พาเสี่ยวหวงเดินเท้า ทุกคนอิ่มหนำสำราญ การเดินทางเปลี่ยนเป็นรวดเร็วในทันใด

Admin เข้าร่วมเมื่อ 8 พ.ค. 2564, 10:23

0 ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น