โพสต์เมื่อ 2 ก.พ. 2555, 20:20
ตอนที่ ๔
อาชีพพิศวง
เฉินเฟิงที่กระเป๋าเงินทั้งสองใบเบาโหวงกลับไปที่ลานกว้างข้างคลังเก็บไอเท็มอีกครั้ง แล้วต้องสะดุ้งโหยงกับปริมาณผู้คนในลานกว้าง ลองนับดูคร่าวๆ ผู้เล่นที่อยู่ที่นี่ในเวลานี้มีอย่างน้อย ๗๐ - ๘๐ คน แต่ส่วนใหญ่เป็นมือใหม่ที่ยังสวมชุดทำจากผ้าอยู่
ฮาร์ทเห็นเฉินเฟิงกลับมาแล้ว ก็บอกให้เขาตั้งแผงขายของทันที แถมยังแนะนำผู้เล่นระดับสิบกว่าหลายคนมาเป็นลูกค้า
ดาบสั้นถูกแย่งซื้อจนเหลือแต่ดาบสั้นระดับ ๓ - ๔ แค่ ๕ เล่มอย่างรวดเร็ว อึดใจเดียวกระเป๋าเงินของเฉินเฟิงมีเงินไหลเข้าถึง ๘,๕๐๐ เหรียญเงิน เนื่องจากกลัวว่าเงินจะเกินปริมาณรองรับ ๑๐,๐๐๐ เหรียญของกระเป๋า เฉินเฟิงจึงเอาไปฝากธนาคารเสียหนึ่งรอบ แต่ก็ไม่ได้เสียเวลามากนัก เพราะมีซวงเว่ยอยู่ แค่ไม่ถึงสิบนาทีเขาก็กลับมาแล้ว
เฉินเฟิงนึกถึงก่อนหน้านี้ที่เขาไปสรรเสริญโคตรเหง้าฮาร์ทเพราะตัวเองขายของไม่ออกแล้วก็นึกละอายใจ จากนั้นคิดขึ้นได้ว่าฮาร์ทก็เล่นเกมนี้โดยใช้ชื่อว่าเลเอทท์ เป็นนักดาบระดับ ๒๕ ไม่ทราบว่าเขาใช้อาวุธอะไรกันนะ ?
หลังจากถามฮาร์ทแล้วถึงได้ทราบว่า อาวุธของเขาคือดาบสั้นระดับที่ ๒ เท่านั้น เพื่อเป็นการไถ่โทษ เฉินเฟิงตัดสินใจที่จะยกดาบระดับที่ ๔ ให้เขาเล่มหนึ่ง แต่ฮาร์ทเอาแต่ปฏิเสธ สุดท้ายเมื่อเฉินเฟิงยืนกรานที่จะให้ ฮาร์ทถึงค่อยรับปากว่าให้รอจนเลเอทท์ออนไลน์ แล้วจะขอซื้อดาบนี้จากเฉินเฟิงในราคา ๑,๐๐๐ เหรียญเงิน
เนื่องจากดาบโกมุทไปนอนสงบนิ่งอยู่ในคลังเก็บไอเท็ม เฉินเฟิงจึงตัดสินใจเหลือดาบสั้นระดับที่ ๔ ไว้ให้ตัวเองหนึ่งเล่ม ดาบสั้นชั้นกลางระดับที่ ๓ สองเล่มและระดับที่ ๔ หนึ่งเล่มที่เหลืออยู่ก็ขายตามราคาที่ฮาร์ทแนะนำ แต่รออยู่เป็นนาน ถึงคนที่มามุงดูจะเยอะ แต่ไม่มีใครมีปัญญาซื้อ
คนที่มามุงคนหนึ่งซึ่งเป็นเด็กสาวสวมชุดป่านและเกราะหนังอย่างละครึ่งท่อนพูดขึ้นว่า
“พี่ชาย เงินฉันไม่พอจริงๆ ขอใช้แหวนวงนี้กับเงินอีก ๘๐๐ เหรียญเงินแลกดาบสั้นระดับที่ ๓ หนึ่งเล่มได้หรือเปล่าคะ ?”
เฉินเฟิงงงไปชั่วขณะ แล้วรับแหวนมาดู มันคือแหวนป้องกันไฟที่ผ่านการปลดผนึกแล้ว
เด็กสาวรีบเสริมว่า “นี่คือแหวนป้องกันไฟ สามารถลดพลังโจมตีจากเวทมนตร์ธาตุไฟได้ ๑๕% เป็นเครื่องป้องกันชั้นกลางระดับที่ ๔ เชียวนะคะ!”
เฉินเฟิงส่งสายตาคำถามไปให้ฮาร์ท ฮาร์ทตอบโดยไม่ต้องคิด
“ถ้าคุณยังไม่มีแหวนป้องกันไฟละก็ มันก็คุ้มค่าแน่นอน !”
เฉินเฟิงถามต่อว่า “ฮาร์ท ราคาปกติของแหวนวงนี้ที่ซื้อขายกันทั่วไปมันเท่าไหร่น่ะ ? แล้วถ้าพกแหวนติดตัวสองวงขึ้นไป ประสิทธิภาพของมันยังจะมีผลหรือเปล่า ?”
เด็กสาวชิงตอบว่า “เพื่อนของฉันบอกว่าราคาของแหวนอย่างน้อยก็ ๓,๐๐๐ เหรียญเงิน แต่สำหรับมือใหม่แล้ว อาวุธดีๆ สักเล่มมีประโยชน์กว่าแหวนนี่เยอะค่ะ”
ฮาร์ทพยักหน้า “อืมม์ ใช่ครับ ที่เธอพูดเป็นความจริง แต่ถ้าพกแหวนที่มีคุณสมบัติเหมือนกันสองวงขึ้นไป ประสิทธิภาพจะไม่เพิ่มเป็นสองเท่าหรอกนะครับ แหวนวงที่สองจะเพิ่มประสิทธิภาพของแหวนวงแรกแค่ ๑ ใน ๑๐ นั่นคือแหวนป้องกันไฟสองวงสามารถลดพลังโจมตีของเวทมนตร์ธาตุไฟได้ ๑๖.๕% แต่ถ้าธาตุไม่ตรงกันก็จะไม่มีผลใดๆ ทั้งสิ้น”
เด็กสาวถามอย่างลุ้นระทึก “พี่ชาย หรือว่าพี่ชายมีแหวนป้องกันไฟอยู่แล้ว ? ดาบของฉันแค่ระดับที่ ๒ เท่านั้น ฉันเก็บเงินอยู่ตั้งนานกว่าจะเปลี่ยนมาใส่ชุดเกราะนี่ได้ ขอร้องล่ะค่ะพี่ชาย ฉันอยากได้ดาบนั่นจริงๆ นะ”
เฉินเฟิงพูดยิ้มๆ “ไม่ต้องเรียกผมว่าพี่ชายหรอก เรียกผมเฉินเฟิงก็พอ แล้วก็ไม่ต้องกังวลน่า ผมกลัวคุณจะขาดทุนต่างหาก ถึงได้ถามให้ชัดว่าราคามันเท่าไหร่ พอดีว่าผมเองก็ไม่มีแหวนป้องกันไฟ แต่คุณมาไม่สบจังหวะซะแล้ว เพราะผมเพิ่งจะเอาเงินไปฝากที่ธนาคารมา...เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ผมขอแลกดาบระดับที่ ๔ เล่มนี้กับแหวนของคุณตรงๆ เลย คุณไม่จำเป็นต้องเพิ่มเงินแล้วล่ะ แบบนี้ดีมั้ย ?”
เด็กสาวรับดาบไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ แล้วดีใจจนกระโดดโลดเต้นร้องตะโกนลั่นจนคนที่ได้เห็นต่างก็นึกขำ บรรดาผู้เล่นที่มุงดูจึงพากันหัวเราะครืน
ในศีรษะเฉินเฟิงมีเสียงจากระบบดังขึ้น
“ผู้เล่นเฉินเฟิงปฏิบัติตามเงื่อนไข แสดงทักษะพื้นฐานของพ่อค้าลุล่วง ได้รับทักษะ ‘ใช้สินค้าแลกสินค้า’ ของพ่อค้า ระดับที่ ๑”
ตกลงว่าใครเป็นฝ่ายได้กำไรกว่ากันกันแน่ !
ทุกคนเห็นเฉินเฟิงยอมใช้สินค้าแลกสินค้า ก็ล้วงของสารพัดอย่างออกมาทันที บ้างก็ใช้สองอย่างแลกอย่างเดียว บ้างก็เพิ่มเงิน จนผู้คนบริเวณนั้นคึกคักหนาตาขึ้นมากในชั่วครู่สั้นๆ
แต่ดาบสั้นเหลือแค่สองเล่มเท่านั้น สุดท้ายเฉินเฟิงเลือกทวนยาวกับดาบวงเดือนระดับที่ ๓ และรับเงินเพิ่มมา ๓๐๐ เหรียญ ก็ขายดาบสั้นที่มีอยู่ทั้งหมดหมดไปจนได้
ในศีรษะมีเสียงจากระบบดังขึ้นอีกครั้ง
“ผู้เล่นเฉินเฟิงปฏิบัติตามเงื่อนไขลุล่วง ได้เลื่อนระดับทักษะตั้งแผงลอยของพ่อค้า เลื่อนเป็นระดับที่ ๒”
เรื่องดีใจมันแน่นอนอยู่แล้ว แต่เฉินเฟิงก็ยิ่งสงสัยมากขึ้นว่า ทำไมทุกครั้งที่ได้เลื่อนระดับ ระบบจึงมักจะแจ้งอย่างคลุมเครือโดยไม่ยอมบอกว่าเพราะอะไรถึงได้เลื่อนระดับ ? ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
เมื่อไม่เข้าใจก็อดหงุดหงิดไม่ได้ เฉินเฟิงจึงไปถามฮาร์ท ปรากฏว่าฮาร์ทบอกว่าตอนนี้สถานะของเขาคือพนักงานของระบบ จึงไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ ต้องรอจนเขาออนไลน์ ไม่อย่างนั้นเฉินเฟิงก็ต้องไปถามคนอื่น หรือไม่ก็ลองไปที่ตึกแนะนำอาชีพดู แล้วจะเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้าง
เนื่องจากระดับของตัวเองได้ถึงขีดจำกัดสูงสุดของผู้เริ่มต้นแล้ว หากต้องการเลื่อนระดับสูงกว่านี้ ก็ต้องได้อาชีพใดสักอาชีพ และสะสมไอเท็ม เฉินเฟิงจึงพกความสงสัยเต็มสมองขึ้นขี่ซวงเว่ยไปที่ตึกแนะนำอาชีพ
เพิ่งจะไปถึงประตู ก็เห็นว่าบริเวณนั้นคึกคักไม่ใช่เล่น ผู้เล่นสวมชุดเกราะระดับสูงไม่เบาหลายคนกำลังพยายามแนะนำอะไรบางอย่างกับบรรดามือใหม่ เมื่อลองเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ก็พบว่าผู้เล่นพวกนี้กำลังชักชวนผู้เล่นมือใหม่นั่นเอง ชายฉกรรจ์เคราเครึ้มเต็มสองข้างแก้มคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเฉินเฟิงที่เพิ่งจะลงจากม้า แล้วพูดเสียงกระด้าง
“นี่ พี่ชาย ! สมาคมอัศวินยิ่งใหญ่พออยู่แล้ว คงไม่คิดจะรวบกระทั่งพวกมือใหม่ในเมืองเริ่มต้นนี้หรอกนะ !”
ครั้นพวกผู้เล่นที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาชักชวนมือใหม่ได้ยินเข้า ก็รุมกันเข้ามาทันที เฉินเฟิงกลายเป็นเป้าของผู้เล่นเหล่านี้ไปในพริบตา
คนเหล่านั้นพากันพูดวิพากษ์วิจารณ์เป็นการใหญ่
“นั่นสิ เหลือข้าวไว้ให้คนอื่นเขากินบ้างเซ่ ! อย่าไร้คุณธรรมให้มันเกินไปนัก”
“มาผิดที่หรือเปล่า ? ค่าบำรุงสมาคมอัศวินแพงขนาดนั้น ไม่มีมือใหม่คนไหนจ่ายไหวหรอกน่า !”
“พูดแล้วโมโหไม่หาย มันยังออกกฎว่าเข้าสมาคมมันแล้วห้ามเปลี่ยนสมาคม ไม่อย่างนั้นจะถูกประกาศิตไล่ฆ่าอะไรนั่นด้วยนะ”
“แล้วยังเรื่องที่สั่งห้ามไม่ให้บอกวิธีฝึกกับคนนอกสมาคมอีก ถ้าขัดขืนคำสั่งจะโดนประกาศิตไล่ฆ่าอะไรนั่นเหมือนกัน”
“ไม่มีจิตวิญญาณแห่งอัศวินเลยสักกระผีก !”
“อย่าข่มเหงกันให้มันมากเกินไปนัก !”
“แม่งเอ๊ย ! แน่จริงก็มาฉะกับสมาคมนักรบเทพสิวะ ! ข้าทัณฑ์สวรรค์ (สิงเทียน) ทนพวกแกมานานแล้ว”
“อย่าคิดว่าใครๆ ก็กลัวพวกแกนะยะ ! สมาคมจอมเวทใช่จะหาเรื่องกันได้ง่ายๆ !”
“กรุณาไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นสมาคมพ่อค้าจะขอขัดขวางเต็มที่ !”
“ยังไม่ไปอีก ! ไม่เห็นหรือไงว่าที่นี่ไม่ต้อนรับแก ?”
......
เฉินเฟิงโดนทุกคนใส่เอาๆ โดยไม่แม้แต่จะเปิดโอกาสให้เขาได้อ้าปากพูดแก้ตัวจนมึนไปหมด แถมทุกคนออกอาการยิ่งด่ายิ่งโมโห บางคนถึงกับชักอาวุธออกมา
ขณะที่สถานการณ์ใกล้จะหลุดจากการควบคุม เฉินเฟิงได้แต่ร้องตะโกนว่า
“เดี๋ยวก่อน เดี๋ยว ! ทุกคนฟังผมก่อน ! ผมไม่ใช่คนของสมาคมอัศวินอะไรนั่นหรอกนะ ผมยังเป็นแค่มือใหม่เอง !”
น่าเสียดายที่ฝูงชนซึ่งกำลังโกรธเกรี้ยวไม่มีใครเชื่อเฉินเฟิงแม้แต่นิดเดียว แถมยังเถียงกลับว่า
“อย่ามาโกหกกันดีกว่าน่า ! มีมือใหม่ที่ไหนมีม้าขี่บ้าง ?”
“นั่นสิ ! นึกว่าพวกเราปัญญาอ่อนเรอะ ?”
“มือใหม่ ? มือใหม่ที่มีชุดเกราะครบชุดเรอะ ? ขอร้อง...จะโกหกก็เตรียมโพยมาให้ดีๆ ก่อนเหอะ !”
“นั่นสิ เป็นไร ? กลัวแล้วหรือไง ?”
“ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ! คิดจะให้พวกเราลงมือจริงๆ เรอะ ?”
“กล้ามาแต่ดันไม่กล้ายอมรับ สมาคมอัศวินกร่างนักไม่ใช่เรอะ ?”
“อย่าหาว่าพวกเราอาศัยคนมากรังแกคนน้อยล่ะ ถ้ากล้าพอก็มาดวลตัวต่อตัวกับข้า ทัณฑ์สวรรค์ !”
......
เฉินเฟิงตาค้าง ดูท่าอธิบายไปก็ไร้ประโยชน์ หากไม่รีบไปจากที่นี่ มีหวังไม่มีทางได้รู้กระทั่งสาเหตุการตายแหงๆ น่าเสียดายที่เพิ่งจะมาคิดหนีเอาตอนนี้มันสายเสียแล้ว เพราะเฉินเฟิงถูกบรรดาผู้เล่นที่กำลังฉุนขาดล้อมเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราบได้
ทันใดนั้นความคิดดีๆ ก็วาบขึ้น เฉินเฟิงตะโกนว่า
“ผมรับคำท้าดวลตัวต่อตัว !”
ฝูงชนที่ใกล้จะลุกฮืออยู่รอมร่อสงบลงอย่างรวดเร็ว วงที่ล้อมอยู่ก็ขยายออกไปมาก แต่ก็หาช่องว่างสำหรับหนีไม่พบ
ชายหนุ่มหน้าตาดีมากคนหนึ่ง สวมเกราะหนังทั้งตัว สองมือไม่มีอาวุธใดๆ ก้าวผ่านฝูงชนมาหยุดอยู่เบื้องหน้าเฉินเฟิง แล้วพูดว่า
“ไอ้หนู นับว่านายกล้าหาญดี อย่าหาว่าฉันไม่เตือนล่ะ ฉันคือทัณฑ์สวรรค์ ไม่เคยแพ้ในการดวลตัวต่อตัวมาก่อน !”
ชายฉกรรจ์ไว้เคราสองข้างแก้มที่ด้านข้างพูดว่า
“แกตายแหงๆ ทัณฑ์สวรรค์เป็นประธานสมาคมนักรบเทพ เป็นแชมป์สถิติดวลเดี่ยว จนตอนนี้ก็ยังไม่เคยมีใครสู้เสมอกับเขาได้ด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่จะเอาชนะเลย !”
เสียงจากระบบพลันดังขึ้นกลางอากาศว่า
“การนัดดวลตัวต่อตัวของผู้เล่นเฉิงเฟิงและทัณฑ์สวรรค์สัมฤทธิ์ผล หากผู้เล่นคนใดก็ตามใช้เวทมนตร์กับคนทั้งสองก่อนที่การดวลจะสิ้นสุดลง จะไม่มีผลทั้งสิ้น”
ในศีรษะเฉินเฟิงปรากฏเสียงจากระบบดังต่อไปว่า
“ผู้เล่นเฉินเฟิงปฏิบัติตามเงื่อนไข แสดงทักษะพื้นฐานของนักรบเทพลุล่วง ได้รับทักษะ ‘ดวลตัวต่อตัว’ ของนักรบเทพ ระดับที่ ๑”
เฉินเฟิงอดยิ้มเฝื่อนๆ ในใจไม่ได้ “ดวลตัวต่อตัวก็เป็นทักษะด้วยเรอะ ? แถมยังเป็นทักษะของนักรบเทพ ? อีกฝ่ายเค้าเป็นถึงประธานสมาคมนักรบเทพ หนนี้เจอของแข็งซะแล้วสิเรา”
ที่เฉินเฟิงต้องการคือสถานการณ์แบบนี้เอง เขาไม่ได้กลัวการดวลเท่าไรนัก อย่างมากก็แค่ตาย ๑ ครั้ง ได้ยินว่าตายแต่ละครั้งต้องรอ ๒ ชั่วโมงถึงจะฟื้นคืนชีพได้ แถมยังต้องถูกหักค่าประสบการณ์และสูญเสียไอเท็มทุกอย่างที่ถือและสวมอยู่ ถึงแม้จะไม่คุ้มค่านัก แต่ประเด็นสำคัญคือเขาถูกใส่ความ ซึ่งเรื่องแบบนี้เขาไม่ยอมทนเด็ดขาด
ข้างทัณฑ์สวรรค์ พอได้ยินชายไว้เคราสองข้างแก้มพูดแบบนั้น สีหน้าที่อุตส่าห์เก๊กอย่างเท่ก็พังครืน ตะโกนลั่นอย่างฉุนขาด
“ไอ้บ้าแทงค์ (Tank) บังอาจมาเผยความลับฉัน เกิดไอ้หนูนี่มันบอกยอมแพ้ขึ้นมา ฉันได้อดสนุกกันพอดี !”
เฉินเฟิงได้ยินเข้าก็ดีอกดีใจว่ายังพอจะแก้ไขสถานการณ์ได้ เดิมทีเขาคิดว่าตัวเองต้องตายแน่แล้ว นึกไม่ถึงว่าดวลกันจะบอกขอยอมแพ้ได้ด้วย แน่ละว่าไม่ต้องตายได้ย่อมดีที่สุด ! จึงรีบพูดว่า
“ผมเฉินเฟิงขอยอมแพ้ แบบนี้ก็ไม่ต้องดวลกันแล้วใช่มั้ยครับ ! ทุกคนฟังผมอธิบายก่อน ผมเป็นแค่มือใหม่จริงๆ ในนี้มีใครเป็นวิชาตรวจสอบบ้างครับ ลองตรวจสอบดูก็จะรู้ว่าผมไม่ได้โกหก”
เสียงจากระบบดังขึ้นกลางอากาศอีกครั้ง
“การดวลตัวต่อตัวระหว่างเฉินเฟิงและทัณฑ์สวรรค์ เนื่องจากผู้เล่นเฉินเฟิงเป็นฝ่ายขอยอมแพ้ บันทึกแต้มคะแนนสู่บอร์ดดวลตัวต่อตัว คะแนนดวลตัวต่อตัวปัจจุบันของเฉินเฟิง แพ้ ๑ ครั้ง ชนะ ๐ ครั้ง คะแนนดวลตัวต่อตัวปัจจุบันของทัณฑ์สวรรค์ ชนะ ๑๗๕ ครั้ง แพ้ ๐ ครั้ง”
ทัณฑ์สวรรค์โมโหจนวิ่งไล่อัดแทงค์เป็นการใหญ่ แต่ตอนนี้ต่างก็อยู่ในเมือง การต่อสู้ระหว่างกันของผู้เล่นจึงไม่อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บได้ เว้นแต่ว่าจะเปิดระบบบังคับ แต่หากเปิดระบบบังคับแล้วฆ่าคนตาย จะถูกหักแต้มคุณธรรม และจะถูกระบบระบุให้เป็นเป้าหมายของผู้มีหน้าที่เป็นนักฆ่า มีกำหนดระยะเวลา ๑๒ วัน
ขณะนั้นเองได้มีผู้เล่นแต่งตัวเหมือนนินจาคนหนึ่งก้าวออกมาจากแถวผู้คนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเฉินเฟิงแล้วพูดเบาๆ ว่า
“ล่วงเกินแล้ว”
ครั้นได้ยินเสียงถึงค่อยทราบว่าคนคนนี้เป็นผู้หญิง เธอใช้นิ้วมือขวาสองนิ้วแตะที่หว่างคิ้วของเขา จากนั้นประกายตาสว่างวาบ พูดต่อว่า
“นามของผู้เล่นคือเฉินเฟิง อาชีพผู้เริ่มต้น ระดับ ๓๐”
ทุกคนเงียบกริบ มองเฉินเฟิงตาค้าง ทัณฑ์สวรรค์กับแทงค์เองก็หยุดวิ่งไล่กัน หันมามองตาค้าง
ในศีรษะเฉินเฟิงมีเสียงจากระบบโผล่ขึ้นอีกครั้ง
“ผู้เล่นเฉินเฟิงปฏิบัติตามเงื่อนไข แสดงทักษะพื้นฐานของพ่อค้าลุล่วง ได้รับทักษะ ‘เจรจา’ ของพ่อค้า ระดับที่ ๑”
เฉินเฟิงคิดในใจ “ตะแบงเกินไปแล้ว เจรจาเรอะ ? นี่ถ้าไม่ได้ทำความเข้าใจเหตุผลในการเลื่อนระดับให้แจ่มแจ้งแดงแจ๋ล่ะก็ มีหวังนอนไม่หลับแน่เรา”
ผู้ที่ได้สติเป็นคนแรกคือนินจาหญิงที่ใช้วิชาตรวจสอบ เธอยื่นมือขวาออกมาแล้วพูดว่า
“พี่น้องเฉินเฟิง ขออภัยที่เมื่อครู่เข้าใจคุณผิดค่ะ ชื่อของฉันคือเซียวหยาว (อิสระสำราญ) ดูเหมือนคุณจะสนใจวิชาตรวจสอบสินะ จะพิจารณาเข้าสมาคมนินจาไหม ? ถึงพวกเราจะมีกันไม่มาก เงินทุนของสมาคมก็ไม่ได้หนาอะไร แต่เราไม่มีการปิดบังข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น แถมยังมีความเป็นไปได้ว่าจะซื้อที่ดินในเร็วๆ นี้ด้วย !”
เฉินเฟิงยื่นมือขวาออกไปจับมือกับเซียวหยาวอย่างงุนงง คิดไม่ถึงเลยว่าสถานการณ์จะพลิกผันรวดเร็วขนาดนี้ ปากพูดว่า
“ไม่เป็นไรครับ ไม่มีเรื่องกันก็ดีแล้วล่ะ”
ทุกคนฟังเซียวหยาวพูดจบ ก็พากันได้สติ ทัณฑ์สวรรค์ร้องอย่างโมโห
“นี่ ! เซียวหยาว เรื่องอะไรมาแย่งคนกับฉันหา ? ฉันรู้จักพี่น้องเฉินเฟิงก่อนเธอเสียอีกนะโว้ย พี่น้องเฉินเฟิง ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่ทำให้นายต้องดวลแพ้ไปหนึ่งครั้ง แต่วางใจเถอะ ขอแค่นายเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมนักรบเทพ ฉันจะคืน ๑ คะแนนนี้ให้นายทันที และจะให้นายได้เป็นหัวหน้าสาขาด้วย เป็นยังไง ? นายจะได้เป็นคนแรกที่ดวลชนะทัณฑ์สวรรค์เชียวนะ !”
แทงค์ผลักทัณฑ์สวรรค์ออก แล้วเดินเข้าไปใกล้เฉินเฟิง
“พี่น้องเฉินเฟิง อย่าไปสนไอ้ป่าเถื่อนทัณฑ์สวรรค์นั่นเลย พวกเราสิรู้จักกันก่อนใคร ใช่มั้ย ? ขออภัยที่เมื่อครู่เข้าใจนายผิด นายมีชุดเกราะกับหน้าไม้ คงคิดจะเป็นนายพรานแน่ๆ ใช่ไหมล่ะ ? เข้าสมาคมนายพรานเถอะ ขอแค่นายเข้าสมาคมนายพราน ฉันจะให้นายเป็นรองประธานสมาคมเลย สมาคมของเรามีสายข่าวเรื่องของวิเศษครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุดเชียวนะ !”
และแล้วมหาสงครามแย่งชิงคนก็ลุกพรึ่บ...
“พี่น้องเฉินเฟิง อย่าไปสนพวกจนๆ นั่นเลย มีสมาคมไหนล่ะจะรวยไปกว่าสมาคมพ่อค้า ? อ้อ ! เรียกผมว่าทรัพย์หมื่นพวง (ว่านก้วนฉาย) ก็ได้ครับ คุณพลิกแพลงรับมือสถานการณ์เก่งแบบนี้ ลองพิจารณาเข้าสมาคมพ่อค้าดูไหมครับ ? โอ๊ะ...ไม่ใช่สิ ! ไม่ต้องพิจารณาแล้ว ขอแค่คุณเข้าสมาคมพ่อค้าของเรา ค่าเข้าสมาคม ๓,๐๐๐ เหรียญเงินผมจะออกให้คุณเอง มีคุณคนเดียวเท่านั้นนะที่ได้สิทธิ์นี้ !”
“ไปให้พ้นๆ เลยไป...มีเงินแล้ววิเศษนักเรอะ ! พี่น้องเฉินเฟิง ผมชื่อ โง่ละอาย (เปิ้นฉาน) เป็นหัวหน้าสาขาบนเกาะเริ่มต้นของสมาคมนักดาบ ปัจจุบันในบรรดาสมาคมทั้งหมดในเกมราชาฯ สมาคมนักดาบมีสมาชิกมากที่สุดและสามัคคีที่สุดแล้วครับ การเข้าสู่สมาคมนักดาบคือทางเลือกที่ดีที่สุดของคุณอย่างไม่ต้องสงสัย พวกเราจะเป็นสมาคมแรกที่สร้างอาณาจักรได้อย่างแน่นอน เป็นยังไง เชื่อว่าคุณคงไม่ยอมพลาดแน่ ใช่มั้ยครับ?”
“วู้...เดี๋ยวก็จะอัดเขา เดี๋ยวก็จะชวนเขาเป็นพวก พี่น้องเฉินเฟิงอย่าไปฟังพวกนั้นเชียวนะ ผมชื่อหมาป่าโลหิต (เสว่หลาง) คุณเรียกผมว่าหมาป่าน้อยก็ได้ คุณมีสัตว์เลี้ยงเร็วอย่างนี้ แสดงว่าคุ้นเคยกับอาชีพนักฝึกสัตว์ดีสินะ ! ถึงผมจะเป็นแค่หัวหน้าสาขา แต่ขอแค่คุณเข้าสมาคมนักฝึกสัตว์ ผมจะช่วยรับประกันให้คุณได้เข้าไปเป็นสมาชิกระดับผู้นำ คุณต้องได้เป็นหัวหน้าสาขาอย่างไม่มีปัญหาแน่นอน อนาคตของนักฝึกสัตว์กว้างไกลไร้ขอบเขต แค่ขายสัตว์เลี้ยงก็กำไรโขแล้ว มาเถอะ ! ผมจะช่วยสมัครให้คุณเดี๋ยวนี้เลย”
“หมาป่าโลหิต จะหน้าด้านก็ให้มันน้อยๆ หน่อยย่ะ ! เมื่อกี้คนที่ตะโกนว่ามีมือใหม่ที่ไหนมีม้าขี่บ้างน่ะมันใครกันยะ ? แถมพูดออกมาเป็นคนแรกซะด้วยนะ ทำเอาพวกเราเข้าใจพี่น้องเฉินเฟิงผิดกันไปหมด พี่น้องเฉินเฟิง ไม่ต้องไปพิจารณาอาชีพพวกนั้นแล้ว ฉันชื่อล่องลอย (เพียวเพียว) เป็นประธานสมาคมจอมเวท เข้าสมาคมจอมเวทเถอะ ! จะมีการโจมตีแบบไหนน่าหลงใหลไปกว่าเวทมนตร์อีกหรือ ?”
“พี่น้องเฉินเฟิง ผมดูว่าคุณไม่ใช่คนธรรมดาสามัญเลย ผมชื่อคนจรแห่งนครหลวง (จิงเฉิงล่างจื่อ) ไม่ทราบว่าคุณได้อ่านคู่มือสัตว์อสูรหรือยังครับ ? นั่นเป็นหนังสือที่สมาคมนักเขียนทำออกมาเชียวนะ ! มีแต่อาชีพนักเขียนเท่านั้นที่สามารถสรรค์สร้างปาฏิหาริย์ได้มากมาย เป็นยังไงครับ ? จะเข้าสมาคมนักเขียนไหม ? ตอนนี้หนังสือคู่มือสัตว์อสูรผู้เล่นทุกคนต่างก็มีกันคนละเล่มทั้งนั้น แค่นี้เศรษฐกิจในอนาคตของอาณาจักรก็ไม่เป็นปัญหาแล้ว”
เฉินเฟิงไม่ทราบจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี คนพวกนี้มีตั้งแต่ประธานสมาคมไปจนถึงหัวหน้าสาขาเป็นอย่างต่ำ ลองนับดูอย่างน้อยที่นี่มีคนอาชีพต่างๆ อยู่ถึงประมาณ ๘ - ๙ อาชีพ เงื่อนไขที่เสนอมาก็ดีขึ้นทุกที
แต่ตอนนี้เรื่องที่เฉินเฟิงอยากรู้มากที่สุดคือ สร้างอาณาจักรคืออะไร ?
ดูเหมือนเหตุผลที่คนพวกนี้พยายามชักชวนคนเข้าพวก ก็เพื่อสร้างอาณาจักร เฉินเฟิงจำได้ว่าตั้งแต่เกมนี้เริ่มเปิดตัวสู่ตลาดจนถึงปัจจุบันก็นานเกือบหนึ่งปีแล้ว “อาณาจักร” ดูเหมือนจะเป็นจุดโปรโมทสำคัญของเกม “ราชาแห่งราชัน” หรือจนบัดนี้ก็ยังไม่มีผู้เล่นคนไหนสร้างอาณาจักรสำเร็จ ?
เห็นคนพวกนี้จะทะเลาะกันอีกแล้ว เฉินเฟิงก็รีบตะโกนว่า
“ผู้อาวุโสทุกท่านโปรดหยุดก่อน ! ผมดูแล้วคิดว่าตอนนี้จะเข้าสมาคมไหนก็คงไม่ค่อยเหมาะนัก ผมไม่อยากล่วงเกินพวกคุณคนไหนเลยสักคนจริงๆ นะ ! เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ผู้น้องรับรองว่าวันนี้จะไม่สมัครเข้าสมาคมไหนโดยเด็ดขาด ผู้อาวุโสทุกท่านไม่ต้องแย่งกันแล้วล่ะครับ”
รอจนทุกคนสงบลงแล้ว เฉินเฟิงค่อยพูดต่อว่า
“ผมรู้สึกว่าผู้อาวุโสทุกท่านต่างก็รู้จักกันมาก่อน คงไม่อยากหมางใจกันเพราะเรื่องของผู้น้องคนเดียวใช่ไหมล่ะ ! ผู้น้องรู้สึกขอบคุณยิ่งที่ได้รับการให้เกียรติยกย่องจากทุกท่าน แต่ผู้น้องก็เป็นแค่มือใหม่จริงๆ ไม่ได้เลิศลอยเหมือนที่ทุกท่านว่ามา แถมผู้น้องเองก็ยังไม่ได้ตัดสินใจเลยว่าจะเลือกอาชีพไหนดี ความจริงที่ผู้น้องมาที่นี่ก็เพื่อจะทำความเข้าใจว่าอาชีพคืออะไร ถ้าผู้น้องตัดสินใจได้แล้ว ผู้น้องจะบอกให้ผู้อาวุโสทุกท่านทราบแน่นอนครับ ไม่ทราบว่าเอาอย่างนี้จะได้หรือเปล่า ?”
ในศีรษะมีเสียงจากระบบดังขึ้นอีกครั้งว่า
“ผู้เล่นเฉินเฟิงปฏิบัติตามเงื่อนไขลุล่วง ได้เลื่อนระดับทักษะเจรจาของพ่อค้า เลื่อนเป็นระดับที่ ๒”
ทุกคนสงบลงได้ในที่สุด ความจริงเป็นดังที่เฉินเฟิงกล่าว ทุกคนแย่งชิงกันจนเกินเหตุ ซึ่งความจริงทุกคนต่างก็ไม่เคยเสนอเงื่อนไขดีขนาดนี้ให้กับผู้เล่นมือใหม่ที่เพิ่งจะเข้าสมาคมกันทั้งนั้น ถึงแม้เฉินเฟิงจะมีระดับ ๓๐ พอจะฝืนใจเรียกว่าเป็นพวกระดับกลางได้ แต่หากคิดจะฝึกจนเก่งกล้าโดดเด่น ยังต้องฝึกกันอีกนานโข
ในโลกแห่งเกมราชาฯ ใช่ว่าโหมฆ่าสัตว์อสูรแล้วจะเลื่อนระดับของอาชีพได้ ที่เกมนี้สามารถดึงดูดผู้เล่นจำนวนมากให้เข้ามาเล่นและสามารถโดดเด่นขึ้นมาเหนือเกมออนไลน์อื่นๆ ที่มีมากมายเกลื่อนตลาด ก็ด้วยอาชีพที่หลากหลายและภารกิจจำนวนนับไม่ถ้วน ทั้งยังมีความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่ไม่เหมือนเกมใด
ในโลกแห่งเกมราชาฯ การมีระดับสูงอย่างเดียวทำอะไรได้จำกัดมาก ไม่อย่างนั้นคนพวกนี้คงไม่เที่ยวมาชักชวนหาคนเข้าสมาคมกันที่นี่แล้ว
ในโลกแห่งเกมทั่วๆ ไป พวกผู้เล่นมักไม่สนใจผู้เล่นมือใหม่ ผู้เล่นระดับยอดฝีมือจะสนใจแต่วนเวียนฆ่าสัตว์อสูร เก็บอัญมณี ยิ่งเล่นนาน การติดต่อสัมพันธ์กับผู้อื่นก็ยิ่งน้อยและแคบลงทุกที
ที่เฉินเฟิงไม่คุ้นเคยกับเกมไหนเลยสักเกม ชอบเปลี่ยนเกมไปเรื่อยๆ ไม่เคยคบเพื่อนใหม่เพิ่มได้เลยสักคน ก็เพราะเหตุนี้เป็นสำคัญ ดังนั้นเมื่อได้เห็นผู้เล่นทั้งกลุ่มที่ต่างก็รู้จักกันต้องมาทะเลาะกันเพราะตัวเขาคนเดียว จึงรู้สึกว่าไม่คู่ควรเลยจริงๆ ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ได้ถูกเงื่อนไขดีๆ เหล่านั้นดึงดูด
คิดจะรู้จักเพื่อนร่วมสังคมออนไลน์ในระยะยาวสักคนมันยากเย็นนัก เฉินเฟิงทราบเรื่องนี้ดี
ทุกคนต่างนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ แล้วทรัพย์หมื่นพวงจึงเป็นคนพูดทำลายความเงียบขึ้นว่า
“นั่นสิ ดูท่าพักนี้พวกเราจะแค้นพวกสมาคมอัศวินจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวไปแล้ว พวกเราก็รู้จักกันมาตั้งนาน ความสนิทสนมจนรู้ใจกันมันหายไปไหนหมด ? พวกเราถูกบีบจนได้แต่มาคอยชักจูงพวกมือใหม่ที่เกาะเริ่มต้นนี่ คิดแล้วทุเรศตัวเองสิ้นดี คิดไม่ถึงว่าวันนี้กลับตาลปัตรมาถูกมือใหม่ชี้แนะเอาซะได้ ! ยิ่งเล่นยิ่งถอยหลังเข้าคลองจริงๆ โอ๊ะ ! ขอโทษทีพี่น้องเฉินเฟิง อย่าเข้าใจผิดล่ะ ผมไม่ได้ดูถูกคุณนะ !”
เฉินเฟิงพูดยิ้มๆ “ผู้อาวุโสทรัพย์หมื่นพวงเกรงใจกันเกินไป ผู้น้องก็เป็นแค่มือใหม่จริงๆ ถ้าจะว่าเป็นการชี้แนะ คุณก็ยกย่องผู้น้อยอย่างผมเกินไป”
ทรัพย์หมื่นพวงยื่นมือมาจับมือของเฉินเฟิงเขย่าอย่างยินดี
“ไม่เอาน่า...ผู้อาวุสงผู้อาวุโสอะไรกัน พวกเราแค่เข้ามาเล่นเกมนี้เร็วกว่าหน่อยเท่านั้น ! อย่ามาเรียกกันเป็นผู้อาวุโสเอยผู้น้อยเอยอะไรเลย วันนี้ผมขอคบคุณเป็นเพื่อนแน่แล้ว ถ้าให้เกียรติผมทรัพย์หมื่นพวงก็เรียกผมว่าพี่น้องเถอะ”
แทงค์แทรกขึ้นว่า “ก็นั่นน่ะสิ หรือนายคิดจะไปเป็นนักเขียนกับคนจรแห่งนครหลวง ? พูดจาเป็นพิธีรีตอง ฟังแล้วอึดอัดสิ้นดี วันนี้ฉันไอ้แทงค์ก็ขอนับนายเป็นพี่น้องล่ะนะ ถ้ามีใครมาหาเรื่องนาย อย่าลืมเรียกฉันด้วยล่ะ !”
ทัณฑ์สวรรค์พูดขึ้นต่อว่า “นับข้าด้วยคน โดยเฉพาะเรื่องทะเลาะกัน ถ้าเป็นเพื่อนกันจริงก็อย่าลืมเรียกข้าด้วย”
คนจรแห่งนครหลวงก็พูดว่า “คุณแทงค์ วันนี้ผมจะทำใจกว้างไม่เอาเรื่องคุณก็แล้วกัน แต่นักเขียนไปล่วงเกินคุณตรงไหนหรือ ? มาดูถูกนักเขียนอย่างนี้สักวันคุณต้องเสียใจแน่ ! พี่น้องเฉินเฟิง นับผมเป็นเพื่อนด้วยคนครับ เรื่องสู้กันผมก็เป็นนะ อย่าลืมเรียกผมล่ะ !”
และแล้วสถานการณ์ก็เปลี่ยนมาเป็นงานเลี้ยงทำความรู้จักพี่น้องเพื่อนฝูงไป ช่องเพื่อนในนาฬิกาของเฉินเฟิงถูกใส่รายชื่อคนเพิ่มเข้าไปกลุ่มใหญ่ในชั่วอึดใจ แน่นอนว่าคนเหล่านี้ก็ใส่ชื่อเฉินเฟิงเข้าไปในช่องเพื่อนเช่นกัน
ไม่มีใครทราบว่าเฉินเฟิงเป็นผู้เล่นคนแรกนับแต่มีเกมราชาแห่งราชันเป็นต้นมาที่ได้ผู้เล่นเหล่านี้มาเป็นเพื่อนในเวลาเดียวกัน ผู้เล่นเหล่านี้ไม่ว่าคนไหน แค่ออกมากระทืบเท้า ทั้งเกมราชาฯก็มีอันต้องสั่นไหวทั้งสิ้น
เสียงจากระบบดังขึ้นในศีรษะของเฉินเฟิงอีกครั้ง
“ผู้เล่นเฉินเฟิงปฏิบัติตามเงื่อนไข แสดงทักษะพื้นฐานของนักผจญภัยลุล่วง ได้รับทักษะ ‘ตั้งกลุ่ม’ ของนักผจญภัย ระดับที่ ๑”
เฉินเฟิงคิดในใจ “ตั้งกลุ่ม ? ต้องมีเงื่อนไขอะไรถึงจะได้รับทักษะนี้ ? ไม่ยอมบอกให้ชัดๆ อีกแล้ว แปลกจริง ? ทำไมดูเหมือนจะไม่มีสมาคมนักผจญภัยล่ะ ?”
ความกังขาของเฉินเฟิงเพิ่มขึ้นทุกที แต่จะถามออกมาในตอนนี้ก็ไม่ค่อยเหมาะ
หลังจากงานเลี้ยงสิ้นสุดลง (จนได้) ต่างคนต่างก็เริ่มยุ่งกับงานของตัว บรรดามือใหม่ที่ถูกลืมไปพักใหญ่ต้องเผชิญหน้ากับมหกรรมล้างสมองของบรรดาผู้เล่นมือเก่าอีกระลอก แต่ไม่ว่าใครเป็นคนหามือใหม่พบก่อน คนอื่นจะไม่เข้าไปแย่งอีก เว้นแต่ว่ามือใหม่คนนั้นจะเดินผละมาเอง ไม่เช่นนั้นจะไม่มีตัวแทนอาชีพที่สองเข้าไปหาอย่างเด็ดขาด
ปรากฏการณ์ช่วงชิงคนแบบที่เกิดขึ้นกับเฉินเฟิงเมื่อครู่ นับแต่นี้คงจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว !
การเปลี่ยนแปลงอันพิสดารทำให้เฉินเฟิงเปลี่ยนจากดาวล้อมเดือนกลายเป็นไร้คนเหลือบแล การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้อดรู้สึกหดหู่ไม่ได้ แต่ต่อให้ให้โอกาสเขาได้เลือกอีกครั้ง คิดว่าเฉินเฟิงก็ยังจะตัดสินใจเลือกทางเดิมนี้อยู่ดี
เฉินเฟิงเดินผ่านประตูใหญ่ของตึกแนะนำอาชีพเข้าไปเพียงลำพัง ที่น่าแปลกใจคือ ที่นี่ไม่ยักเหมือนสถานที่ให้บริการจุดอื่นของระบบที่จะมีคนเดินออกมาต้อนรับทันที เฉินเฟิงมองการจัดแต่งภายในอย่างประหลาดใจ ห้องโถงกว้างใหญ่ว่างเปล่าโหรงเหรง อย่าว่าแต่ไม่มีใครสักคน กระทั่งโต๊ะทำงานสักตัวก็ยังไม่มี ตรงกลางมีข้อความประกาศตั้งอยู่ ความว่า
สวัสดีครับท่านผู้เล่นที่รัก เนื่องจากทางบริษัทยังไม่ได้เปิดใช้งานระบบอาชีพอย่างสมบูรณ์ ตึกแนะนำอาชีพแห่งนี้จึงยังไม่มีการดำเนินการใดๆ เป็นการชั่วคราว หากท่านผู้เล่นประสงค์จะทราบวิธีในการได้อาชีพ ก็สามารถจะเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมอาชีพต่างๆ ที่มีอยู่ในเวลานี้ได้ครับ
สมาคมอาชีพที่มีอยู่ในเกมราชาแห่งราชันในเวลานี้ได้แก่ สมาคมนักดาบ สมาคมอัศวิน สมาคมนักรบเทพ สมาคมนายพราน สมาคมพ่อค้า สมาคมนักฝึกสัตว์ สมาคมจอมเวท สมาคมนินจา และสมาคมนักเขียน
หากต้องการยื่นคำร้องขอก่อตั้งสมาคมอาชีพแห่งใหม่ อย่างน้อยต้องมีผู้เล่นที่มีอาชีพเดียวกัน ๕ คนขึ้นไปร่วมกันยื่นคำร้อง ทางระบบจึงจะอนุมัติให้คำร้องที่ยื่นผ่านได้
ณ เวลานี้สถานที่รับยื่นคำร้องขอก่อตั้งสมาคมอยู่ที่จุดติดต่อสอบถามของแต่ละเมือง หากท่านผู้เล่นมีข้อสงสัยประการใด สามารถไปสอบถามได้ที่จุดสอบถาม
ทำให้ท่านต้องได้รับความไม่สะดวก หวังว่าคงให้อภัย !
กลุ่มโปรแกรมเมอร์ผู้สร้างเกม “ราชาแห่งราชัน” แห่งบริษัทเกมเลจจ์ น้อมรายงาน
พออ่านประกาศจบ เฉินเฟิงก็ตาค้าง คิดไม่ถึงว่านอกจากสมาคมอัศวินแล้ว สมาคมอาชีพอื่นๆ ที่เหลือที่มีอยู่ในเกมราชาฯในปัจจุบันต่างมาออกันอยู่ที่ปากประตูครบครัน !
ระบบอาชีพกำลังอยู่ในระหว่างการบุกเบิกใช้งานนี่เอง มิน่าล่ะเวลาพูดถึงปัญหาเรื่องอาชีพ ทุกคนถึงได้ตอบกันแบบคลุมเครือทั้งนั้น
ดูจากข้อมูลแล้ว นอกจากสมาคมอาชีพทั้ง ๙ สมาคมในตอนนี้ อาชีพที่เกมราชาฯจะเปิดอย่างน้อยยังมีอีก ๒๐ กว่าอาชีพ ที่ไม่เปิดเผยเงื่อนไขทักษะที่ต้องใช้สำหรับแต่ละอาชีพ น่าจะเป็นเพราะบางอย่างก็ยังไม่ได้เปิดใช้ละมัง !
แต่เฉินเฟิงก็รู้สึกแปลกๆ อยู่รางๆ เพียงแต่ไม่รู้ว่าตรงไหนที่แปลก ดูจากบรรดาทักษะที่เขาได้รับมาเมื่อเร็วๆ นี้ มันเหมือนกับว่าทางระบบจงใจที่จะไม่บอกอย่างไรอย่างนั้น ไม่ทราบว่าบริษัทเลจจ์เว็บไซท์คิดแผนการอะไรอยู่กันแน่ ? หรือการทำให้ผู้เล่นต้องคลำหากันเอาเองให้วุ่นแบบนี้ก็ถือเป็นนโยบายในการบริหารอย่างหนึ่งด้วย ?
เกรงว่าคงไม่มีใครสามารถให้คำตอบแก่เฉินเฟิงได้
ยังมีอีกอย่างที่ประหลาด ปัจจุบันนี้ยังไม่มีสมาคมนักผจญภัยจริงๆ ตัวเขาเองคลำมั่วสะเปะสะปะ ก็ยังได้ทักษะของนักผจญภัยมาตั้งสองอย่าง และไม่มีเหตุผลที่เขาจะพิเศษกว่าคนอื่นๆ จริงไหม ?
หรือว่าคนที่ชอบเป็นนักผจญภัยต่างก็ไปมาเพียงลำพัง ?
เฉินเฟิงมาที่นี่เพื่อขจัดความสงสัย คิดไม่ถึงว่านอกจากจะไม่ได้รับคำตอบแล้ว ข้อสงสัยยังมากขึ้นกว่าเดิมอีกต่างหาก
นี่มันเรื่องอะไรกัน ?
ยังเรื่องเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นตรงปากประตูเมื่อครู่อีก ดูท่าตอนนี้นอกจากสมาคมอัศวินแล้ว คงไม่มีสมาคมไหนรับเขาอีกเป็นแน่ !
เฉินเฟิงเหม่อมองประกาศอยู่ครู่ใหญ่ ทันใดนั้นได้มีคนคนหนึ่งตบบ่าเขา เมื่อหันไปดู ปรากฏว่าโง่ละอายนั่นเอง เฉินเฟิงค่อยพบว่าเสียงที่นอกประตูเงียบลงแล้ว