โพสต์เมื่อ 2 ก.พ. 2555, 20:27
ตอนที่ ๗
มุ่งสู่กู่ย่า
ระหว่างทาง เมื่อเฉินเฟิงเห็นมือใหม่ร้องทักทายเขา ก็ไม่นึกรำคาญอะไรอีก แถมยังให้ความช่วยเหลือมือใหม่หลายคนเป็นอย่างดี รวมทั้งร่วมกันแบ่งปันเทคนิคปราบสัตว์อสูร
เขารู้สึกว่าจิตใจของตัวเองมั่นคงขึ้นมาก จะมาบอกเลิกเล่นเอาตอนนี้มันก็เร็วเกินไปจริงๆ ใครกันนะที่บอกว่าถ้าคิดจะเป็นนักเล่นเกมอาชีพ ก็ต้องเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม ?
เขากลับไปจัดการอะไรเล็กๆ น้อยๆ ที่เมืองเริ่มต้น ยังห่างจากเวลาที่เรือจะมาอีก ๑๘ ชั่วโมง หักเวลาที่ใช้ในการเดินทางไปท่าเรือเริ่มต้นแล้ว ก็เหลืออีกประมาณ ๑๖ ชั่วโมง ถือว่าไม่ยาว แต่ก็ไม่สั้น
เฉินเฟิงนึกถึงวิหารจันทราเทพกับเลเอทท์ สองคนนั้นน่าจะออนไลน์ทันก่อนที่เขาจะลงเรือ เขาจึงตัดสินใจไม่ออกจากเมืองเริ่มต้นก่อนเวลา
เขาตั้งแผงลอยที่ข้างคลังเก็บไอเท็ม ของที่วางขายคือไอเท็มที่ได้เพิ่มมาเป็นส่วนเกิน เช่น รองเท้าบู้ทหนังที่ได้มาจากสุนัขป่า แหวนป้องกันธาตุพิษและแหวนป้องกันธาตุความมืดอย่างละ ๑ วง และดาบสั้นที่ได้มาจากหนอนเขียวเขี้ยวเหล็กไหลที่ลองฆ่าไปหลายตัวตอนผ่านป่าสน
เขาเปิดหนังสือคู่มือสัตว์อสูรที่เลเอทท์ให้มาออกอ่าน แล้วนั่งลงโดยไม่ร้องตะโกนขาย เพราะถึงยังไงขายของก็เป็นแค่เรื่องรอง เรื่องหลักคือต้องรู้ข้อมูลให้มากขึ้นกว่านี้ จะได้ฆ่าเวลาระหว่างรอวิหารจันทราเทพกับเลเอทท์ออนไลน์ไปด้วย
ดาบสั้นขายออกอย่างรวดเร็ว คนซื้อคือผู้เล่นมือใหม่ที่เสนอราคา ๑,๘๐๐ เหรียญเงิน เฉินเฟิงก็ขายให้โดยไม่พูดโก่งราคาแม้แต่คำเดียว !
ผู้เล่นมือใหม่คนนั้นดีใจเป็นบ้าเป็นหลัง ดาบสั้นระดับที่ ๓ ในร้านขายอาวุธราคาตั้ง ๒,๒๐๐ เหรียญเงิน ถึงแม้ราคาจะต่างกันไม่เท่าไร แต่ในเกาะเริ่มต้น ดาบสั้นเป็นไอเท็มที่แย่งชิงกันดุเดือดมาก ใครใช้ให้มันเป็นอาวุธชิ้นแรกของมือใหม่ ทำให้ทักษะแรกที่ฝึกได้คือทักษะแทงกันเล่า การเลื่อนระดับในช่วงแรกๆ นั้นไม่ง่ายเลย จึงไม่มีใครทำอย่างเฉินเฟิงที่ยังจะดันแยกฝึกอาวุธเป็นหลายชนิดกันสักคน เพราะระดับของทักษะที่เพิ่มสูงขึ้นจะช่วยเพิ่มพลังโจมตีได้ด้วย
รองเท้าบู้ทหนังมีคนมามุงดูกันมาก แต่ต่างก็ซื้อไม่ลงเพราะเสียดายเงิน ถึงแม้การที่มันช่วยเพิ่มความเร็วในการเดินขึ้นอีก ๑๐% จะน่าสนใจ แต่ในเมื่อไม่มีพลังโจมตี ก็ถือว่าไร้ค่า และขอเพียงเป็นเครื่องหนัง ไม่ว่าจะชิ้นไหนก็ราคา ๓,๐๐๐ เหรียญขึ้นไปทั้งนั้น จึงไม่มีใครกล้าเสนอราคาขอซื้อ ไม่อย่างนั้นรับรองว่าต้องได้กำไรแน่นอน
เฉินเฟิงพลิกเปิดดูสัตว์อสูรทุกชนิดในละแวกใกล้เคียงของ เมืองเซียงห่าย (เมืองสุคนธ์สมุทร) ในทวีปกู่ย่าไปหนึ่งรอบ และคุยเล่นเรื่อยเปื่อยกับผู้เล่นบางคน เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
วิหารจันทราเทพออนไลน์จนได้ แต่ได้คุยกันแค่ไม่กี่คำ เธอก็ถูกเพื่อนลากไปเก็บเลเวล[1]ซะแล้ว เนื่องจากพวกเธอจะไปถ้ำผีดิบกัน บวกกับเฉินเฟิงเองมีเวลาไม่พอ ทั้งสองจึงได้แต่ผัดไปคุยกันโอกาสหน้า
เฉินเฟิงรู้สึกว่าการไม่มีอะไรทำนี่มันน่าเบื่อจริงๆ ผู้เล่นหลายคนยังคอยสอบถามขอซื้อดาบสั้นอยู่เป็นระยะๆ พอดูเวลาแล้วยังเหลืออีก ๑๐ ชั่วโมงกว่าเรือจะออก เขาจึงทิ้งจดหมายไว้ให้เลเอทท์อีกฉบับ แล้วตัดสินใจออกไปฆ่าหนอนเขียวเขี้ยวเหล็กไหลสักหน่อย
เฉินเฟิงเก็บแผง ระบบก็แจ้งว่าทักษะตั้งแผงลอยของเขาได้เลื่อนระดับ ดูท่าทักษะนี้จะฝึกไม่ยากนัก ไม่จำเป็นต้องขายของหรือพูดคุยต่อรองราคาอะไรมากมาย อาศัยแค่ตั้งแผงนานเข้าหน่อยก็เลื่อนระดับได้แล้ว
เฉินเฟิงจัดการหนอนเขียวเขี้ยวเหล็กไหลไป ๕๐ กว่าตัว ได้ดาบสั้นมาแค่เล่มเดียว แต่ได้ม้วนคาถา ก้อนโลหะ และอัญมณีมากองใหญ่ กับเป้ขนาดเล็กอีก ๑ ใบ
เขารู้ว่าการใช้ม้วนคาถาก็ช่วยให้เลื่อนระดับทักษะได้ จึงยอมจ่ายเพิ่มอีก ๒ เหรียญใช้ม้วนคาถาปลดผนึกจัดการปลดผนึกเองโดยไม่นำไปที่ร้านให้นักปลดผนึกปลดผนึกให้ หลังปลดผนึกก็พบว่าดาบสั้นอยู่ระดับที่ ๓ ส่วนกระเป๋าเป้สามารถใส่ของได้ ๓๐๐ ชิ้น
ในเมื่อได้ตัดสินใจแล้วว่าจะหาทางได้อาชีพเอาเอง ก็ต้องเน้นที่การฝึกฝนเลื่อนระดับทักษะ หนนี้เขาใช้เวลาในการฝึกวิชานานพอดูเหมือนกัน ค่าประสบการณ์สะสมก็ได้มาถึง ๖๕๐,๐๐๐ จุด
แต่ระดับของซวงเว่ยเพิ่มขึ้นแค่ ๑ ระดับเท่านั้น นึกไม่ถึงเลยว่าระดับของสัตว์เลี้ยงจะเลื่อนยากเลื่อนเย็นแบบนี้ หากเปลี่ยนเป็นค่าประสบการณ์ของผู้เล่นปกติ อย่างน้อยก็ต้องเพิ่มขึ้น ๓ - ๔ ระดับไปแล้ว
ทางด้านทักษะ ทักษะธนูเพิ่มขึ้น ๑ ระดับ กลายเป็นทักษะแรกที่ข้ามทะลุด่านระดับ ๕
ทักษะอีกอย่างที่เลื่อนระดับเพิ่มขึ้นคือทักษะสังหารด้วยโทสะ ทักษะนี้ดูท่าจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับอาวุธที่ใช้ ข้อสันนิษฐานในตอนนี้คือน่าจะเกี่ยวข้องกับจำนวนสัตว์อสูรที่ฆ่าไป
เพิ่งจะกลับเข้าสู่เมืองเริ่มต้น ก็มีผู้เล่นหลายคนเข้ามาถามไถ่ขอซื้อดาบสั้น ดูท่าดาบสั้นมันฮิตกันซะจริงๆ ! เขาขายไปในราคา ๑,๘๐๐ เหรียญเงินเท่าเดิม ส่วนเป้ขนาดเล็กก็ขายไปในราคา ๕,๐๐๐ เหรียญเงิน ได้ยินว่าราคาของมันสูงได้ถึง ๘,๐๐๐ เหรียญเงินทีเดียว
ความจริงเวลาขายของ เฉินเฟิงก็เลือกลูกค้าเหมือนกัน ระหว่างคุยเล่นเรื่อยเปื่อย เขาจะคอยจำไว้ว่าผู้เล่นคนไหนยังไม่เข้าสมาคม และแอบหวังว่าไอเท็มที่เขาขายให้นี้จะช่วยเหลือมือใหม่พวกนั้นได้บ้าง เพราะยิ่งคนที่ต่อต้านสมาคมเพิ่มจำนวนและมีกำลังมากขึ้น พื้นฐานการคงอยู่ของสมาคมก็ต้องเปราะบางลงเรื่อยๆ อย่างแน่นอน
จนถึงเวลาที่ต้องรีบไปลงเรือ เฉินเฟิงก็ยังไม่ได้เจอเลเอทท์ ได้แต่รอโอกาสหน้าค่อยว่ากันใหม่ แต่ถึงเวลานั้นสงสัยว่าเลเอทท์คงไม่ต้องการดาบสั้นเล่มนี้แล้วมั้ง !
ถึงแม้ตอนที่ซื้อตั๋ว เจ้าของเรือจะบอกไว้ก่อนแล้วว่าเรือใหญ่มาก แต่ตอนที่เฉินเฟิงขึ้นไปบนเรือ ก็ยังถูกความมหึมาของมันทำเอาตะลึงจังงัง เรือสูงขนาดตึก ๗ ชั้น ตัวเรือกว้าง ๕๐ เมตร ถึงแม้จำนวนคนที่ขึ้นเรือจะมีมากกว่า ๓๐๐ คน ก็ยังกว้างมากๆ อยู่ดี
เนื่องจากมีซวงเว่ยมาด้วย เฉินเฟิงจึงได้แต่อยู่บนดาดฟ้าเรือ และพลาดโอกาสชมภายในของตัวเรือไป แต่ประสบการณ์ครั้งนี้ก็มากพอให้หวนระลึกแล้ว
บนดาดฟ้าเรือสายลมพัดพลิ้ว ในที่สุดคนชอบทะเลมาแต่ไหนแต่ไรอย่างเฉินเฟิงก็มีโอกาสได้นั่งเรือสมใจอยาก เพียงแต่คิดไม่ถึงเลยว่าการนั่งเรือครั้งแรกในชีวิตของเขาจะเป็นการนั่งเรือในโลกสมมติแห่งนี้
สองชั่วโมงให้หลัง เรือก็มาจอดเทียบท่าที่ท่าเรือเซียงห่ายอันเป็นประตูทางเข้าสู่ทวีปกู่ย่า หลังจากเดินตามคนอื่นๆ ลงจากเรือแล้ว เฉินเฟิงก็พบว่าเขาไม่อยู่ในฐานะที่จะตกเป็นเป้าสายตาอีกต่อไป เพราะผู้เล่นที่มีสัตว์เลี้ยงสำหรับขี่มีอยู่เกลื่อนไปหมด
เขาคิดในใจว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะถึงเขาไม่เคยคิดว่าตัวเองควรจะเป็นได้แค่คนธรรมดาดาษดื่นทั่วไป แต่เขาก็ไม่ชินกับเสน่ห์ที่ไม่ได้ได้มาด้วยความสามารถของตัวเองเช่นกัน
ที่ตอนแรกเฉินเฟิงเลือกแค่หน้าตาธรรมดาๆ ก็เพราะไม่ต้องการให้เปลือกนอกมาบดบังตัวตนที่อยู่ภายใน
ความคึกคักของท่าเรือเซียงห่ายที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับท่าเรือเล็กๆ อย่างท่าเรือเริ่มต้นทำให้เฉินเฟิงได้เปิดหูเปิดตาอีกครั้ง ปากทางท่าเรือเชื่อมต่อกับตัวเมือง เมืองใหญ่ขนาดมองไปจนสุดสายตาก็ยังไม่เห็นเขตสิ้นสุดของเมือง เขาใช้เวลาถึง ๔ ชั่วโมงกว่ากว่าจะเดินเที่ยวในเมืองเซียงห่ายได้ทั่ว และหาโรงรับฝากสัตว์เลี้ยงเจออย่างไม่ยากเย็นนัก
แต่เฉินเฟิงแค่เข้าไปถามวิธีการใช้โดยยังไม่ฝากซวงเว่ยเอาไว้ในทันที และพบว่าจะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงใช้เป็นพาหนะสักตัวนี่ไม่ง่ายเลยจริงๆ เพราะค่าฝากเลี้ยงแพงสุดยอด ค่าใช้จ่ายสำหรับฝากเลี้ยง ๑ วันในเกมสูงถึง ๒๐๐ เหรียญเงิน หากออฟไลน์ไป ๑ วันในโลกความจริง ก็ต้องจ่ายเงินค่าเลี้ยงดูเอาไว้ให้ ๑,๒๐๐ เหรียญเงิน ถ้าเงินในบัญชีในธนาคารมีไม่มากพอจะจ่าย ก็จะริบสัตว์เลี้ยงไว้เป็นของค้ำประกันหนี้โดยอัตโนมัติ
สัตว์เลี้ยงที่ขายในโรงรับฝากสัตว์เลี้ยงมีทั้งหมด ๗ ชนิด ในจำนวนนี้ ๓ ชนิดสามารถนำมาเป็นพาหนะสำหรับขี่ได้ ระดับจะเป็นระดับ ๑๕ ทั้งหมด
เมื่อลองวนดูบริเวณใกล้ๆ ก็พบว่าเมืองและท่าเรือเซียงห่ายอิงภูเขาติดทะเล มีทางออกเพียง ๓ ด้านรวมทั้งปากทางท่าเรือ ด้านเหนืออิงเทือกเขามังกรขนด จึงไม่มีทางออก ทางตะวันออกติดกับทะเลทรายมรณะ ทางตะวันตกติดกับป่าละเมาะผืนใหญ่ที่ไร้ชื่อ ทางออกทิศใต้ ตะวันออก และตะวันตกทั้งสามทางเป็นศูนย์กลางการคมนาคมของทวีปกู่ย่า ขณะเดียวกันก็เป็นจุดพลิกผันของระบบนิเวศน์เช่นกัน
เฉินเฟิงเข้าไปสำรวจในทะเลทรายมรณะเป็นแห่งแรก สัตว์อสูรหลักๆ ที่ปรากฏคือแมงป่องพิษยักษ์และงูหางกระดิ่งทะเลทราย ในคู่มือสัตว์อสูรมีบอกไว้ว่า พวกมันเป็นแหล่งผลิตชุดเกราะหนังที่สำคัญ
ในอนาคตเขายังต้องหาเงินมาตุนเอาไว้ ชุดเกราะหนังคงเป็นไอเท็มที่กำลังฮิตที่สุดในตอนนี้อย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นหลังจากนี้เขาคงต้องหาเวลาไปตีซี้กับสัตว์อสูรทั้งสองชนิดนี้หน่อยละ !
แมงป่องพิษยักษ์ สังกัดธาตุความมืดและธาตุพิษ ระดับ ๓๕ ทำให้เฉินเฟิงได้ลิ้มรสชาติของการถูกพิษอย่างแท้จริงเป็นครั้งแรก
โชคดีที่เขาเตรียมตัวไว้ล่วงหน้า โดยก่อนจะออกจากท่าเรือ เขาไปที่ร้านขายไอเท็มซื้อยาถอนพิษพกติดตัวมาด้วยหลายขวด ไม่อย่างนั้นเขาคงได้กลับบ้านเก่าไปตั้งแต่ศึกแรกในทวีปกู่ย่าแล้ว
และโชคของเขายังดีอยู่ เพราะไอเท็มที่แมงป่องพิษยักษ์ตัวแรกให้นับว่าไม่เลวเลย เขาได้เงินมา ๓๐๐ เหรียญกับเกราะป้องกันส่วนอกชั้นกลางระดับที่ ๕ หนึ่งชิ้น แต่ก็ใช้ยาฟื้นพลังระดับต่ำไปรวดเดียว ๕๐ ขวด และใช้ลูกดอกไปเกือบ ๑๐๐ ดอกกว่าจะฆ่ามันลงได้ แมงป่องพิษยักษ์ ๑ ตัวได้ค่าประสบการณ์ ๑,๕๐๐ จุด
ถัดมาคืองูหางกระดิ่งทะเลทรายระดับ ๓๐ เฉินเฟิงพลาดท่าถูกกัดไปอีกหนึ่งที เมื่อพิษกำเริบจะลดพลังชีวิตวินาทีละ ๑๐๐ จุด แถมยังทำให้ตัวชาขยับไม่ได้ไป ๓๐ วินาที บวกกับขนาดของงูเล็กมาก เปอร์เซ็นต์ในการยิงถูกเป้าจึงต่ำสุดๆ
ครั้งนี้เฉินเฟิงใช้ยาถอนพิษและยาฟื้นพลังไปจนหมดเกลี้ยง ยิงลูกดอกไป ๒๐๐ กว่าดอก กว่าจะฆ่ามันลงได้
ของที่ได้คือเงิน ๓๐๐ เหรียญเงินเช่นเดียวกัน และได้แถมยาถอนพิษมาด้วยสองขวด ค่าประสบการณ์ ๑,๐๐๐ จุด เมื่อลองคำนวณดู การสำรวจทะเลทรายรอบนี้ขาดทุนไปไม่ใช่น้อย
ลองมาที่ป่าละเมาะทางตะวันตก สัตว์อสูรที่นี่เล่นง่ายกว่ากันมาก มีแค่แมงมุมยักษ์ระดับ ๒๘ ชนิดเดียว แต่พวกมันเคลื่อนไหวเร็วมาก บนศีรษะมีนัยน์ตาสามดวง ดูแล้วน่าขนลุกขนพองสุดๆ
ลูกดอกใช้กับมันไม่ได้ผลนัก ส่วนใหญ่ยังยิงไม่ทันถูกตัวก็ถูกขาทั้ง ๘ ข้างของมันปัดกระเด็นไป โชคดีที่สู้ระยะประชิดยังพอไหว ใช้ดาบแทงไป ๑๐ กว่าครั้ง ก็ส่งมันกลับบ้านเก่าไปได้ ของที่ได้มีเหรียญเงิน ๒๐๐ กว่าเหรียญและค่าประสบการณ์ ๘๐๐ จุด
เฉินเฟิงวนอยู่ในป่าละเมาะประมาณหนึ่งชั่วโมงเศษ ได้เจอแมงมุมยักษ์แค่ ๑๒ ตัว ทักษะแทงเลื่อนขึ้นเป็นระดับ ๓ น่าเสียดายที่ไม่ได้ไอเท็มอื่นๆ เลยสักชิ้น
ย้อนกลับมาที่เมืองท่าเซียงห่าย เฉินเฟิงนับสมบัติทั้งหมดของตัวเอง เงินสดเหลืออยู่เพียง ๒๐,๐๐๐ เหรียญเงิน หากไม่คิดวิธีหาเงินมาเพิ่มละก็ มีหวังต้องขายซวงเว่ยทิ้งแน่
ลองคำนวณเวลาที่ตัวเขาเข้ามาในเกมดู ถึงจะเข้าไปนอนพักในโรงแรมเสีย ๑ คืน ตอนนี้จึงยังไม่เหนื่อยอะไรนัก แต่ก็ได้เวลาที่ควรต้องออฟไลน์ไปพักผ่อนแล้ว เพราะเฉินเฟิงในโลกแห่งความจริงก็ต้องกินอะไรสักหน่อยเหมือนกัน
หลังจากจ่ายค่าเลี้ยงดูซวงเว่ย ๑,๒๐๐ เหรียญเงิน ซึ่งเป็นอัตราค่าบริการต่ำสุดที่ต้องจ่ายแล้ว ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมผู้เล่นทุกคนถึงได้จนกันนัก จุดไหนที่เก็บเงินได้ บริษัทเกมเลจจ์เก็บแหลกลาญไม่มีการปล่อยให้หลุดไปเลยสักจุด
เฉินเฟิงหาโรงแรมพบแล้วก็ออฟไลน์ กลับคืนสู่โลกแห่งความจริง
เมื่อตื่นขึ้นมาบนเตียงจับคลื่นสมองร่วม เฉินเฟิงก็พบว่าเครื่องควบคุมกำลังแสดงสถานะเตือน ครั้งนี้เฉินเฟิงเข้าไปท่องเกม “ราชาแห่งราชัน” รวมทั้งสิ้น ๑๖ ชั่วโมง ซึ่งนานเกินกว่าเวลาทำงานที่เขาเคยตั้งเอาไว้มาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลอะไรนัก เพราะเฉินเฟิงทราบตั้งแต่ก่อนจะเข้าไปเล่นเกมแล้วว่า หากผู้เล่นออนไลน์เล่นเกมติดต่อกันนานเกินไปจนเกิดผลกระทบกับร่างกาย เครื่องรักษาเสถียรภาพร่างกายของเตียงจับคลื่นสมองร่วมจะส่งสัญญาณเตือน แล้วระบบของเกมก็จะบังคับให้ออฟไลน์ทันที
คนทั่วไปมักไม่ชินกับการใช้เตียงจับคลื่นสมองร่วมติดต่อกันนานขนาดนี้ แต่สำหรับเฉินเฟิงที่เดิมทีก็ทำงานเกี่ยวกับการออกแบบอยู่แล้ว เรื่องแค่นี้ถือว่าธรรมดามาก
ด้วยผลพลอยได้จากเทคโนโลยี ทำให้ปัจจุบันคนซึ่งทำงานที่ต้องใช้สมองทั้งหลายสามารถใช้สิ่งที่คล้ายคลึงกับ “เตียงจับคลื่นสมองร่วม” ช่วยเพิ่มความเร็วในการทำงานของสมองในขณะที่ร่างกายตกอยู่ในสภาพหลับใหล โดยจะทำให้มีเวลาเพิ่มขึ้นจากโลกแห่งความจริง ๒ - ๑๐ เท่า
จะว่าไปก็ตลกดี เพราะผู้ที่ค้นคว้าและผลิตเทคโนโลยีชนิดนี้ขึ้นเป็นเจ้าแรกคือบริษัทเกมออนไลน์ ธุรกิจที่ถูกบรรดาผู้เชี่ยวชาญมองว่าเป็นตัวทำลายเศรษฐกิจอย่างเกมออนไลน์กลับกลายเป็นตัวผลักดันให้เทคโนโลยีก้าวหน้าแบบก้าวกระโดดไปซะได้ และนี่ก็เป็นสาเหตุให้บริษัทจำนวนมากทุ่มตัวเองลงสู่โลกสมมติบนอินเตอร์เน็ตนี้
เกม “ราชาแห่งราชัน” ได้บุกเบิกเส้นทางใหม่ของโลกแห่งเกม โดยเป็นเจ้าแรกที่ร่วมมือกับธุรกิจธนาคาร ทำให้การแลกเปลี่ยนกันเองอย่างลับๆ ของบรรดาผู้เล่นกลายเป็นสามารถทำได้อย่างเปิดเผย ได้ยินว่าเงื่อนไขนี้ได้ดึงดูดให้นักเล่นเกมอาชีพที่อาศัยการเล่นเกมออนไลน์ยังชีพให้เข้ามาอาศัยอยู่ในเกมนี้เป็นจำนวนมาก และจำนวนผู้เล่นที่สมัครเข้าเป็นสมาชิกยังพุ่งทะลุหลักล้านอย่างรวดเร็วเป็นประวัติการณ์ จนสามารถมองเห็นอนาคตที่จะขึ้นเป็นผู้นำแห่งโลกเกมออนไลน์ได้รำไร
เฉินเฟิงเคยได้ยินชื่อเกมราชาฯ มานานแล้ว แต่ก็คิดว่าสุดท้ายเกมนี้ก็ต้องเหมือนกับเกมออนไลน์อื่นๆที่จะค่อยๆ เสื่อมความนิยมไปด้วยเหตุผลนานาประการ นึกไม่ถึงว่าเกือบหนึ่งปีที่ผ่านมา เกมนี้ไม่แค่ไม่ได้ค่อยๆ เสื่อมความนิยมลงไปเท่านั้น ราคาค่าเงินในเกมยังสูงขึ้นไม่ใช่น้อย แถมยังไม่มีแฮคเกอร์คนไหนแฮคโปรแกรมของเกมนี้ได้
ถึงแม้เขาจะเข้าสู่โลกของราชาแห่งราชันเพราะนึกเบื่อๆ และอยากลองของ แต่จากการคุยเรื่องสัพเพเหระกับผู้เล่นในเกมถึงปัญหานี้ เขาค่อยทราบว่าบริษัทเลจจ์เกมออนไลน์ได้ทุ่มเทความพยายามให้กับเกมราชาฯมากขนาดไหน
นอกจากจะใช้พนักงานที่เป็นคนจริงจำนวนมากมาดูแลเกม ซึ่งทำให้เกมนี้สามารถคงความยุติธรรมได้อย่างเสมอต้นเสมอปลายแล้ว การควบคุมและรักษาเซิร์ฟเวอร์ยิ่งเป็นแบบถอยหลังเข้าคลอง นั่นคือลดระดับย้อนกลับไปใช้แบบการควบคุมกึ่งอัตโนมัติ ดังนั้นจึงต้องการวิศวกรคอมพิวเตอร์เป็นจำนวนมากมาทำการควบคุมดูแล
ในตอนแรก โลกธุรกิจต่างก็คิดว่าบริษัทเลจจ์เกมออนไลน์มีหวังชักหน้าไม่ถึงหลังเพราะเรื่องนี้เป็นแน่ เพราะในยุคนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจรายการไหนจะสูงไปกว่าค่าจ้างแรงงานมนุษย์ แต่รายรับที่เกมออนไลน์ “ราชาแห่งราชัน” ทำได้ในหนึ่งปีมานี้ ได้พลิกความคาดหมายของบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจอย่างมโหฬาร ถึงแม้ต้นทุนของพวกเขาจะสูง แต่รายรับที่ได้ก็สูงกว่าเกมออนไลน์อื่นๆ มากเช่นกัน การเติบโตอย่างมั่นคงและความยุติธรรมในโลกของเกม ได้ทำให้บริษัทเลจจ์เกมออนไลน์ประสบความสำเร็จในการยืนหยัดอย่างมั่นคงในโลกธุรกิจได้อย่างงดงาม
ภายใต้สถานการณ์ที่ความเชื่อมั่นของผู้เล่นเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับความปลอดภัยในการแลกเปลี่ยนผ่านธนาคาร ได้ทำให้ผู้เล่นที่ยอมทุ่มเงินเข้าแข่งขันในการประมูลเพราะมีเงินแต่ไม่มีเวลาเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ และทำให้แทนที่ค่าเงินของเกมราชาแห่งราชันจะตกลง ก็กลับสูงขึ้นทุกที
เฉินเฟิงนับรายรับของตัวเองอย่างละเอียด เมื่อหักส่วนที่ได้มาเพราะโชคดีในตอนแรกแล้ว ส่วนที่เขาหามาได้เองมีน้อยมาก จึงเริ่มจะเข้าใจความรู้สึกของพวกผู้เล่นที่แย่งกันซื้อเงินในเกมขึ้นมาบ้างแล้ว
“โครก...คราก...” เสียงท้องร้องประท้วงทำให้เฉินเฟิงนึกได้ถึงเหตุผลที่เขาออฟไลน์
หลังจากร่างกายฟื้นฟูกลับเป็นปกติ เฉินเฟิงก็โยนเรื่องเกี่ยวกับเกมทิ้งไป แล้วเตรียมตัวไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารแถวๆ นี้
เพิ่งจะออกจากประตู ก็ได้พบกับคนรู้จักเพียงคนเดียวในตึกหลังใหญ่ทั้งหลังนี้ ชายหนุ่มที่พักอยู่ห้องตรงข้ามกับเขา อายุก็พอๆ กับเขา
ความจริงเขาก็ไม่ได้สนิทอะไรด้วยนัก ถึงจะรู้จักกันมาเกือบ ๓ ปีแล้ว แต่ก็แค่ถ้าบังเอิญเปิดประตูออกมาเจอหน้ากัน ก็ผงกศีรษะให้กันเท่านั้น
มีครั้งหนึ่ง เฉินเฟิงเจอจดหมายที่ส่งผิดสอดอยู่ในตู้จดหมายแบบเก่าที่ฝุ่นจับเขรอะของเขา บังเอิญว่าจดหมายฉบับนั้นส่งมาให้ชายหนุ่มห้องตรงข้าม เลยทำให้เขาได้รู้ว่าอีกฝ่ายชื่อ “ยงหลง”
เฉินเฟิงผงกศีรษะให้ด้วยความเคยชิน ถือเป็นการทักทาย แต่วันนี้ยงหลงร้องทักเขาว่า
“ไฮ ! สวัสดีครับ ! ไม่ได้เห็นคุณตั้งหลายวัน นึกไม่ถึงเลยว่าจะได้มาเจอหน้ากันเอาตอนนี้พอดี !”
เฉินเฟิงงงไปชั่วขณะ แล้วพอเห็นยงหลงกำลังยิ้มร่า ก็งงอีกหน ถึงจะรู้สึกแปลกๆ ชอบกล แต่ก็รีบตอบไปว่า
“นั่นสิ ไม่ได้เจอกันนานเชียวครับ ! ดูเหมือนวันนี้คุณจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษนะ ?”
ยงหลงพูดเก้อๆ “แหะๆ...เห็นชัดขนาดนั้นเลยเหรอ ? จริงสิ คุณทานข้าวหรือยัง ? ผมกำลังจะออกไปทานข้าวพอดี จะไปด้วยกันมั้ย ?”
วิธีเชิญแบบนี้ดูแปลกๆ ยังไงชอบกล แต่เฉินเฟิงก็คิดว่าไม่มีปัญหา เพราะแทบทุกครั้งที่เขาเจอยงหลง ก็มักจะเป็นตอนที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็เตรียมจะออกไปทานข้าวด้วยกันทั้งคู่ แถมยังออกจากประตูไปด้วยกัน แยกกันเดินไปคนละทาง สุดท้ายก็ไปเจอหน้ากันในร้านอาหารร้านไหนสักร้าน ถึงยังไงกินข้าวคนเดียวมันก็น่าเบื่อจะตาย ทั้งสองจึงตกลงออกไปทานข้าวด้วยกัน
ทั้งสองปรึกษากัน แล้วตกลงเลือกร้านอาหารเล็กๆ ร้านหนึ่งที่ไปกันเป็นประจำซึ่งอยู่ห่างออกไปสองกิโลเมตร
หลังจากคุยโน่นคุยนี่กันไปได้พักหนึ่ง ยงหลงค่อยทราบชื่อของเฉินเฟิง เฉินเฟิงเองก็เพิ่งจะทราบว่าชื่อยงหลงไม่ใช่ชื่อจริงของอีกฝ่าย ชื่อของอีกฝ่ายคือ จางอี้เจี๋ย เป็นนักเขียน
ที่วันนี้จางอี้เจี๋ยอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เพราะเขาส่งงานเขียนไปประกวดแล้วได้รับรางวัลชมเชย เฉินเฟิงจึงพูดแสดงความยินดีไปตามมรรยาท สุดท้ายอาหารมื้อนี้จางอี้เจี๋ยยืนกรานขอเป็นเจ้ามือ
หลังทานอาหารเสร็จ ทั้งสองก็รีบกลับไปที่ห้องของตัวเอง เพราะในเมืองที่มีตึกสูงๆ เต็มไปหมดแบบนี้ อากาศข้างนอกไม่ชวนให้เอ้อระเหยอยู่นาน
เมื่อกลับมาถึงห้องเล็กๆ ของตัวเองอีกครั้ง ความคิดมากมายได้ผุดขึ้นในสมองของเฉินเฟิง จางอี้เจี๋ยทุ่มเทตัวเองให้กับอาชีพนักเขียนเพราะรักที่จะเขียน นามปากกาของเขาก็เอามาจากนามปากกาของนักเขียนอาวุโสสองท่านที่เขาชื่นชอบมากที่สุด แม้จะมีปัญหามากมายที่ต้องเผชิญหน้า แต่เขาก็อาศัยใจรักเป็นกำลังใจให้ยืนหยัดมาได้เป็นนาน จนในที่สุดก็ได้รับผลตอบแทนบ้างแล้ว
เฉินเฟิงมองเห็นแสงสว่างรำไรจากตัวของจางอี้เจี๋ย นั่นคือแสงแห่งความกระตือรือร้น ใจรัก และความหวัง พอลองย้อนกลับมาดูตัวเอง เส้นทางชีวิตที่เขาเลือกก่อนหน้านี้ เขาทำตามที่พ่อแนะนำทั้งนั้น ถึงแม้พ่อจะไม่เคยบังคับ แต่ตัวเขาก็ไม่เคยคิดมาก่อนเหมือนกันว่าตัวเองอยากจะทำอะไร
บางทีอาจจะเพราะอยู่ในช่วงเวลาที่เหนื่อยล้ากับอาชีพการงาน ทำให้เฉินเฟิงไม่ค่อยอยากหางานที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบเครื่องจักรอีกแล้ว และคิดว่าบางทีลองเปลี่ยนงานดูบ้างก็คงไม่เลว
หลังจากเช็คอีเมล์แล้ว ผลลัพธ์เป็นเหมือนสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่มีบริษัทไหนรับเขาเข้าทำงานตามเคย
ถึงแม้ด้วยผลพวงแห่งความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ทำให้การทำงานในปัจจุบันไม่จำเป็นต้องไปที่บริษัท นักวิจัยและออกแบบเครื่องจักรแทบทุกคนต่างก็เป็นบุคลากรที่สำคัญที่สุดของแต่ละบริษัท และเพราะสำคัญมากนี่ล่ะที่ทำให้มีแค่ไม่กี่คนที่จำเป็นต้องออกไปทำงานในสถานที่ที่เป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบ หรือออกไปพบปะพูดคุยประสานงานกับลูกค้าโดยตรงอย่างที่เฉินเฟิงต้องทำ
ดังนั้นปัจจุบันในเมืองนี้หรือกระทั่งในประเทศนี้จึงไม่มีบริษัทไหนมีงานแขนงที่เฉินเฟิงถนัดให้ทำสักบริษัทเดียว เนื่องจากต้นทุนในการจ้างแรงงานจะสูง ทำให้บริษัทผลิตวัตถุดิบทั้งหลายพากันย้ายออกไปอยู่ยังต่างประเทศ และเพราะเหตุนี้ทำให้ถึงแม้จะยังมีการตั้งศูนย์บริหารอยู่ในเมืองและในประเทศนี้ แต่การจะหางานที่ตรงกับความถนัดของเขาก็ไม่ง่ายเลย เพราะเขายังไม่มีความคิดที่จะออกไปทำงานต่างประเทศ
หากเขายังคิดจะใช้ชีวิตอยู่ในเมืองนี้ ก็ต้องเรียนรู้วิชาชีพอื่นเพิ่มเติม หรือยอมลดเงินเดือนลง
ช่วงเวลาที่ท่องอยู่ในเกมราชาฯค่อยๆ ผุดขึ้นในศีรษะ บางผู้คนและบางเรื่องราวที่ได้พบ โลกนั้นช่างเต็มไปด้วยสิ่งอันน่ามหัศจรรย์และความเป็นไปได้นานัปการ ถึงยังไงการเป็นนักเล่นเกมอาชีพก็ไม่จำเป็นต้องสมัครงานอยู่แล้ว ขอแค่เปิดบัญชีเตรียมเอาไว้แล้วเข้าไปในเกม จะทำเงินได้เท่าไรก็อยู่ที่ความพยายามของคุณเอง
นักเล่นเกมอาชีพเป็นอาชีพที่กำลังบูมในตอนนี้ แต่เนื่องจากเกมที่ฮิตเปลี่ยนแปลงเร็วมาก คนที่สามารถหากำไรจากอาชีพนี้ได้จึงน้อยจนนับนิ้วถ้วน เฉินเฟิงตัดสินใจว่าจะลองให้เวลาตัวเองสักหนึ่งเดือนเพื่อทดลองดูว่าตัวเขาเหมาะจะเป็นนักเล่นเกมอาชีพหรือเปล่า และจะลองลิ้มรสความรู้สึกที่งานอดิเรกกลายมาเป็นงานหลักดู
เฉินเฟิงเสริมระบบรักษาชีวิตของเตียงจับคลื่นสมองร่วมเป็น ๗ วัน ซึ่งเป็นขีดจำกัดสูงสุด แบบนี้หลังจากเข้าไปในเกมแล้ว เขาก็จะสามารถอยู่ได้ ๔๒ วันโดยไม่ต้องออฟไลน์
หลังจากเข้าสู่ระบบอินเตอร์เน็ต เฉินเฟิงไม่ได้เข้าไปในเกมทันที แต่ไปที่บอร์ดสนทนาเกี่ยวกับเกมเพื่อดูว่ามีข่าวอะไรบ้าง ปกติแล้วข่าวที่ได้จากบอร์ดสนทนาจะสมบูรณ์กว่าข่าวที่ทางบริษัทเกมประกาศเสียอีก
หลังจากท่องไปในบอร์ดที่ไปบ่อยๆ หลายบอร์ด ก็พบว่าการสนทนาแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับเกมราชาฯเป็นไปอย่างคึกคักมาก ทำไมก่อนหน้านี้เขาถึงพลาดมันไปได้กันนะ ?
เฉินเฟิงหาอยู่เป็นนาน กว่าจะหาการจัดระบบอาชีพของเกมราชาฯพบ แต่ไม่มีการแนะนำแบบรวมทุกอาชีพ ส่วนใหญ่จะเป็นการแนะนำอาชีพใดอาชีพหนึ่งเป็นหลัก
การที่ผู้เล่นเกมราชาฯไม่สามารถได้อาชีพอย่างราบรื่น ถือเป็นการแบ่งแยกอย่างใหญ่หลวง เพราะผู้เริ่มต้นมีขอบเขตจำกัดสูงสุดที่ระดับ ๓๐ พอถึงระดับที่ ๓๐ แล้ว ค่าประสบการณ์ที่เกินมาจะเก็บสะสมได้แค่หนึ่งล้านจุด เมื่อได้อาชีพมาแล้ว ค่าประสบการณ์ที่สะสมไว้จะถูกนำมาใช้เพิ่มขั้นของทักษะพิเศษของอาชีพ โดยค่าประสบการณ์หนึ่งแสนจุดจะเพิ่มได้ ๑ ขั้น
ส่วนเรื่องทักษะพิเศษของอาชีพ ตอนนี้ก็ยังเป็นความลับอยู่ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการโจมตีและการป้องกันที่แข็งแกร่ง หลังจากมีทักษะพวกนี้แล้ว การหาเงินถึงจะเริ่มต้นขึ้นได้อย่างแท้จริง
ค่าประสบการณ์สะสมของเฉินเฟิงเกือบจะถึง ๗ แสนจุดแล้ว ถ้ายังไม่ยอมเลือกอาชีพไหนสักอาชีพ ค่าประสบการณ์ก็จะไม่มีความหมายสำหรับเขาอีกต่อไป
นอกจากนี้ เฉินเฟิงยังได้เห็นข่าวประกาศจากทางบริษัทข่าวหนึ่ง
ในเดือนหน้า บริษัทเลจจ์จะจัดงานแข่งขันประลองตัวต่อตัว ของรางวัลคือชุดเกราะระดับไอเท็มในฝันครบชุด ผู้เล่นลำดับที่ ๑ - ๒๐ ของบอร์ดบันทึกคะแนนทุกบอร์ดจะได้รับสิทธิ์ผ่านเข้ารอบไปได้เลยโดยไม่ต้องเข้าแข่งในรอบคัดเลือก แน่นอนว่าไม่นับบอร์ดประกาศจับ
ตามที่เฉินเฟิงทราบ เกมราชาฯในปัจจุบันยังไม่มีไอเท็มในฝันปรากฏขึ้นเลยแม้แต่ชุดเดียว หากได้ไอเท็มในฝันมา ก็รับประกันได้เลยว่าต้องขายได้กำไรอื้อซ่าแน่
ยังมีเวลาอีกหนึ่งเดือนในการทำตัวให้มีคุณสมบัติพร้อม ดังนั้นเฉินเฟิงจึงลงชื่อสมัครไปก่อนเลย แล้วไปท่องเว็บอื่นๆ อีกเล็กน้อย แต่ไม่มีข่าวอะไรที่น่าสนใจอีก ดังนั้นเฉินเฟิงจึงเข้าสู่เกม “ราชาแห่งราชัน” อีกครั้ง และเริ่มต้นชีวิตนักเล่นเกมอาชีพ
พอเข้าสู่เกม ระหว่างที่ยังอยู่ในโรงแรม ก็ได้รับข้อความจากเลเอทท์ หลังจากติดต่อกับเลเอทท์เรียบร้อยแล้ว ก็ได้ทราบว่าอีกฝ่ายยังเป็นผู้เริ่มต้นอยู่เหมือนเดิม ระดับในตอนนี้คือ ๒๕ ไอเท็มชุดเกราะยังพอไหวอยู่ คือชุดเกราะหนังครึ่งตัว ตอนนี้เขากำลังสะสมเงินเตรียมจะข้ามมาที่ทวีปกู่ย่า
เฉินเฟิงแนะนำให้เขาไปหาเงินจากพวกสุนัขป่าในทุ่งหญ้าหม่าง เอาไว้รอจนเขามาถึงทวีปกู่ย่าแล้ว ค่อยรวมกลุ่มกันไปผจญภัย
พอก้าวออกจากโรงแรม ก็ได้ยินเสียงแจ้งจากระบบว่าทักษะตั้งกลุ่มได้เลื่อนระดับเป็นระดับ ๒
นี่ก็เป็นทักษะพิลึกๆ อีกเหมือนกัน แม้เขาจะเดาว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับลิสต์รายชื่อเพื่อนในช่องเพื่อน แต่ก็ไม่แน่ใจนักอยู่ดี
เดิมทีเขาคิดจะไปเข้าสมาคมไหนสักสมาคม แต่ตอนนี้คงไม่มีใครกล้ารับเขาเสียแล้ว พอลองคิดดูดีๆ การตั้งสมาคมอาชีพใดเพียงอาชีพเดียว จะต้องมีหลายจุดที่ขาดตกบกพร่องอย่างแน่นอน
เฉินเฟิงที่ตัดสินใจแล้วว่าจะเป็นนักเล่นเกมอาชีพได้เกิดความคิดบ้าบิ่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน...เขาคิดจะสร้างอาณาจักรที่มีคนครบทุกอาชีพ !
ที่เกิดความคิดแบบนี้ เหตุผลหนึ่งเป็นเพราะได้รับผลกระทบจากบอร์ดสนทนาพวกนั้น มีแต่สร้างอาณาจักรเท่านั้นที่จะช่วยให้มีรายได้ที่มั่นคงและแน่นอนได้ อีกเหตุผลหนึ่งเป็นเพราะถึงอย่างไรตัวเขาก็เข้าเป็นสมาชิกของสมาคมไหนๆ ไม่ได้แล้ว อย่างนั้นก็ตั้งขึ้นเองสักสมาคมก็แล้วกัน !
ตอนนี้อาชีพที่เขารู้เงื่อนไขที่จะได้อาชีพก็มี ๒ อาชีพแล้ว เฉินเฟิงเชื่อว่ามันต้องมีวิธีที่ช่วยให้รู้เงื่อนไขทักษะในการได้อาชีพทุกอาชีพอยู่สิน่า
ตอนนี้เขานึกถึงแฟนนี่แห่งร้านขายไอเท็ม ในบรรดาไอเท็มที่เธอยัดเยียดให้เขามีไอเท็มที่แต่ละอาชีพต้องใช้รวมทั้งหมด ๗ - ๘ อาชีพ เฉินเฟิงตัดสินใจว่าจะลองศึกษาไอเท็มพวกนี้ดู
หลังจากไปรับซวงเว่ยกลับมาและเตรียมไอเท็มเสร็จเรียบร้อย เฉินเฟิงก็ไปที่ร้านขายเครื่องป้องกันและร้านขายอาวุธ โดยคิดจะซื้อโล่ดีๆ กับธนูเป็นหลัก ถึงแม้เงินในเกมจะหายาก แต่ถ้าไม่ยอมลงทุนกับเครื่องป้องกันพวกนี้ คิดจะอาศัยแค่เครื่องป้องกันที่เขามีอยู่มาปราบสัตว์อสูรแถวนี้ มันก็ยากเกินไปหน่อย
ธนูมีไว้อุดช่องโหว่ที่หน้าไม้ยิงได้ระยะสั้นเกินไป ส่วนโล่มีไว้เพื่อป้องกันในการต่อสู้ระยะประชิด อย่าว่าแต่ในบรรดาทักษะของอาชีพที่เขารู้มาในตอนนี้ อาชีพนักดาบจำเป็นต้องมีทักษะใช้โล่ป้องกัน ถือว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ยังไงก็เตรียมไว้ก่อนเป็นดี
เฉินเฟิงซื้อโล่ทองเหลืองชั้นกลางระดับที่ ๔ มาได้อย่างราบรื่น แต่มันออกจะหนักไปหน่อยเท่านั้น นอกจากนี้ธนูที่ซื้อก็เป็นธนูชั้นกลางระดับที่ ๔ เช่นเดียวกัน พลังโจมตี ๑๕๐ จุด ระยะยิงหวังผลคือ ๑๕ เมตร
ออกจากประตูเมืองทางทิศตะวันตก เป้าหมายของเฉินเฟิงคือ เมืองแบรด (Brad City) ทางตะวันตกของเมืองท่าเซียงห่าย ในคู่มือสัตว์อสูรบอกไว้ว่า รอบๆ เมืองนั้นมีสัตว์อสูรสุดโปรดของนักดาบอยู่ นั่นคือก็อบลินกับคนแคระระดับ ๒๕ ซึ่งมีโอกาสที่จะให้ไอเท็มชุดเกราะเหล็ก
ตอนที่ผ่านป่าละเมาะ เฉินเฟิงได้เจอแมงมุมยักษ์สิบกว่าตัว ความจริงที่เขาซื้อโล่ก็เพื่อจะเตรียมไว้สำหรับแมงมุมยักษ์พวกนี้นี่แหละ !
จากที่ได้ทดสอบไปแล้วในครั้งก่อน ทำให้ทราบว่าพวกมันไม่กลัวธนู มีแต่ต้องใช้ดาบเข้าปะทะตรงๆ ถึงจะได้ ครั้งนี้มีโล่เพิ่มมาช่วยป้องกัน ทำให้สู้ได้เบาแรงขึ้นมาก
เมื่อข้างหน้าปรากฏแนวป่าต้นเฟิง เฉินเฟิงก็รู้ว่าน่าจะมาถึงจุดหมายแล้ว จึงชะลอฝีเท้าของซวงเว่ย เขานึกถึงความโชคดีในการต่อสู้ครั้งแรกของตัวเอง ก็นึกได้ว่าสามารถจะใช้ประโยชน์จากภูมิประเทศได้ หลังจากสำรวจมองสภาพแวดล้อมโดยรอบแล้ว เขาก็เลือกวางกับดัก ๗ - ๘ อันไว้รอบๆ กอไม้เล็กๆ กอหนึ่ง แล้ววางเหรียญเงินเอาไว้ที่หน้ากอไม้ ๒ - ๓ เหรียญ
ในคู่มือบอกไว้ว่าคนแคระจะเก็บเงินที่ตกอยู่เก่งเป็นพิเศษ บ่อยครั้งที่ในระหว่างต่อสู้ยังไม่วายถูกเหรียญเงินดึงดูดสายตา หรือกระทั่งทิ้งการต่อสู้ไปเก็บเหรียญเงินก่อนแล้วค่อยว่ากัน เหรียญเงินพวกนี้จึงใช้เป็นเหยื่อล่อโดยเฉพาะ
หลังจากสั่งซวงเว่ยให้เฝ้ารออยู่ไม่ไกลจากที่นั่นมากนักแล้ว เฉินเฟิงก็ปีนขึ้นไปบนต้นเฟิงต้นหนึ่ง แล้วเอาธนูออกมาเล็งไปยังค่ายกลกับดัก รอให้เหยื่อมาตกหลุมพราง
[1] เก็บเลเวล (เก็บ level) คือ “ฝึกวิชา” ซึ่งก็คือการฆ่าสัตว์อสูรเพื่อสะสมค่าประสบการณ์ที่ต้องนำมาใช้ในการเลื่อนระดับ