โพสต์เมื่อ 7 ก.พ. 2555, 09:03
ชวนผู้ที่อ่าน สามชาติสามภพ ป่าท้อสิบหลี่ จบแล้วมาคุยกันค่ะ
(ใครยังไม่อ่านและไม่อยากถูก spoil ให้มองข้ามหัวข้อนี้ไปนะคะ)
จากกระทู้นี้ใน pantip
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=sorcererwar&group=5
หัวข้อที่จะชวนคุยก็คือ สิ่งที่ถังชีกงจื่อผู้เขียนซ่อนเอาไว้ในเรื่องโดยไม่บอกออกมาตรงๆ ต้องอาศัยการสังเกตและวิเคราะห์กันเอาเอง...
มาบอกกันนะคะว่าใครหาอะไรเจอตรงไหนบ้างทั้งจุดใหญ่และจุดเล็ก
ดิฉันจะเริ่มนำให้ก่อนค่ะ โดยจะขอยกบางประเด็นที่ผู้อ่านชาวจีนอ่านไม่แตกฉานและเข้าใจผิดกันมากขึ้นมาก่อน
1. เรื่องที่ซู่จิ่นโดนหยวนเจินลวนลาม
จากการรวบรวมสิ่งที่ผู้อ่านชาวจีนวิเคราะห์บวกกับที่ผู้แปลและเพื่อนๆ สุมหัวกันคุย ได้ข้อสรุปเรียงเป็นข้อๆ เพื่อให้ดูเข้าใจง่ายได้ดังนี้
1.1 การที่หยวนเจินกินเหล้าเมาแล้วหลงเข้าไปในวังสี่อู๋ ไปเจอซู่จิ่นที่หน้าตาสวยสู้ตัวหยวนเจินเองไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วเกิดหน้ามืดเข้าไปลวนลาม วิเคราะห์ได้ว่า นั่นเป็นเพราะดวงตาของป๋ายเฉี่ยนที่อยู่บนหน้าซู่จิ่นเป็นดวงตาคู่ที่สวยที่สุด และเป็นดวงตาของจิ้งจอกเก้าหางเพศเมียที่มีเสน่ห์โดยธรรมชาติ
1.2 การที่ซู่จิ่นจะผูกคอตายล้างมลทิน วิเคราะห์ได้ว่าต้องการเรียกร้องความสนใจจากเยี่ยหัว เนื่องจากตอนนั้นเยี่ยหัวลงไปพักที่ถ้ำจิ้งจอกของป๋ายเฉี่ยนนานมากโดยไม่มีวี่แววว่าจะกลับ แต่จากการอ่านโดยละเอียด ตอนที่ซู่จิ่นส่งสาวใช้ลงไปตามตัวเยี่ยหัวที่ถ้ำจิ้งจอก หยวนเจินถูกลงโทษลงไปเกิดผ่านด่านเคราะห์ตั้ง 17-18 ปีแล้ว
(ผู้อ่านชาวจีนคิดไปไกลถึงว่าซู่จิ่นจงใจวางแผนล่อหยวนเจินเข้ามาในวังสี่อู๋ แต่ส่วนตัวคิดว่าความคิดนี้ออกจะจินตนาการบรรเจิดเกินไป บางคนคิดว่าซู่จิ่นวางแผนนี้เพื่อเขี่ยหยวนเจินออกจากการเป้นคู่แข่งชิงบัลลังก์เยี่ยหัว ส่วนตัวคิดว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ เพราะทุกด้านของหยวนเจินแพ้เยี่ยหัวมาแต่ในมุ้งแล้ว และขนาดเยี่ยหัวไปหลงรักสาวมนุษย์ถึงขนาดมีลูกด้วยกัน โดดแท่นประหารเซียนตามเธอ เทียนจวินยังไม่แม้แต่จะคิดปลดเยี่ยหัวออกจากตำแหน่งไท่จื่อเลย)
1.3 ที่บอกว่าเหตุการณ์หยวนเจินเมาแล้วลวนลามซู่จิ่น เกิดขึ้นตั้งแต่ 18 ปีก่อนแล้ว นั่นคือเกิดขึ้นก่อนที่ป๋ายเฉี่ยนจะได้พบกับเยี่ยหัวอีกครั้งในงานเลี้ยงครบเดือนลูกชายเทพสมุทรบูรพา มีหลักฐานคือ
1.3.1 ในตอน "หากจะพิชิตใจนาง เชิญพิชิตกระเพาะของนางก่อน" หมีกู่บอกว่าเฟิ่งจิ่วลงไปตอบแทนบุญคุณตงหัวได้ครึ่งปีแล้ว และเมื่อป๋ายเฉี่ยนลงไปช่วยหยวนเจินผ่านด่านเคราะห์ หยวนเจินบอกว่าเฉินกุ้ยเหรินจมน้ำรอดตายและเริ่มมีปานรูปดอกเฟิ่งจิ่วโผล่บนหน้าผากเมื่อประมาณครึ่งปีก่อน แสดงว่าเวลาของในโลกที่หยวนเจินลงไปเกิดดำเนินไปเท่ากับเวลาบนสวรรค์เก้าชั้นฟ้า
1.3.2 ในบทที่ 9 ชะตาชีวิตของหยวนเจินเสี่ยวตี้ช่างแสนจะตำนาน กับ บทที่ 12 ศึกชี้ขาด ณ วังต้าจื่อหมิงกง มีกล่าวถึงช่วงเวลาของบนโลกมนุษย์ที่หยวนเจินลงไปเกิดเทียบกับชิงชิวดังนี้
บทที่ 9 ชะตาชีวิตของหยวนเจินเสี่ยวตี้ช่างแสนจะตำนาน
หนึ่งค่ำเดือนหก วันประสูติของพระเวทโพธิสัตว์ ฮ่องเต้เสด็จประพาสแม่น้ำซู่อวี้ชวนร่วมบันเทิงกับพสกนิกร พาบรรดาสนมนางในและขุนนางอำมาตย์ไปด้วยกลุ่มใหญ่ ไท่จื่อหยวนเจินก็ติดตามในขบวนเสด็จนี้ด้วย
......
ห่างจากหนึ่งค่ำเดือนหกอีกเพียงหนึ่งเดือนครึ่ง
อยู่กับหยวนเจินมาหลายวัน ข้าก็คลำทางออกอย่างหนึ่ง แม้ว่าดูเผินๆ หยวนเจินเสี่ยวตี้จะนอบน้อมเชื่อฟังอย่างยิ่ง จะอย่างไรก็ยังมีจิตใจแบบเด็กหนุ่ม ค่อนข้างชอบสิ่งแปลกใหม่ ไม่ว่าเรื่องใดท่านสั่งเขาไปทางขวา ต่อให้เขาไปทางขวาแล้ว ก็จะฉวยโอกาสที่ท่านไม่สังเกตไปทางซ้ายอีกหน ตัวอย่างเช่นวันหนึ่งค่ำเดือนหก หากข้าเตือนเขาตรงๆ อย่างเปิดอกว่าอย่าไปแม่น้ำซู่อวี้ชวน เขาจะต้องถามว่าเหตุใดจึงไปไม่ได้ ไม่ว่าข้าจะหาเหตุผลใดมากลบเกลื่อน เขาก็ต้องเกิดความอยากรู้อยากเห็นอยู่นั่นเอง ไม่แน่ว่าอาจจะแอบตามไปดูเพียงลำพังให้เห็นกับตา
บทที่ 12 ศึกชี้ขาด ณ วังต้าจื่อหมิงกง
ข้าลงไปโลกมนุษย์เพียงสองเดือน ชิงชิวย่อมมิได้เปลี่ยนแปลงอะไรมาก ภูเขายังคงเป็นภูเขาเหล่านั้น แม่น้ำยังคงเป็นแม่น้ำเหล่านั้น ดาวเทพสุริยอรุณยังคงเมตตาต่อแผ่นดินผืนนี้มากเป็นพิเศษดังเดิม แสงแดดส่องได้กำลังดี ไม่แรงเกินไป และไม่อ่อนเกินไป
1.3.3 ผู้เขียนได้บอกไว้ในบทที่ 20 "ข้านึกเสียใจนักที่ไม่ได้พบเขาในช่วงวัยที่ดีสุด" ว่า
เคราะห์ดีที่ในบรรดาโลกมนุษย์สิบล้านกว่าใบของสามพันมหาสหัสภพ โลกมนุษย์ที่เทียนจวินผู้เฒ่าเลือกให้เยี่ยหัวแห่งนั้น เวลาของมันที่นั่นแตกต่างจากสี่ทะเลแปดดินแดนโลกของเทพเซียนเราไม่ใช่แค่เล็กน้อย เวลาหนึ่งวันของพวกเราที่นี่ คือเวลาหนึ่งปีเต็มๆ ของพวกเขาที่นั่น ด้วยเหตุนี้ถึงแม้เยี่ยหัวจะลงไปเวียนว่ายตายเกิดผ่านด่านเป็นตายหกสิบปีอย่างเป็นทางการ ก็เพียงแค่ต้องแยกจากข้าสองเดือนกว่าเท่านั้น
นั่นคือ โลกมนุษย์ในเรื่องนี้มีจำนวนทั้งสิ้นสิบล้านกว่าใบ และเวลาก็ดำเนินไปเหมือนกันบ้างไม่เหมือนกันบ้าง โลกที่หยวนเจินกับตงหัวลงไปเกิด เวลาดำเนินไปเท่ากับเวลาบนสวรรค์ค่ะ แต่โลกที่เยี่ยหัวลงไปเกิด เวลาดำเนินไปเร็วกว่าเวลาบนสวรรค์มาก
1.4 ในตอน "แม่หญิงนางนี้ไม่ผิดเลยสักนิด" ตอนที่งูปาเสอส้าวซินคลานเข่าเข้ามาพบป๋ายเฉี่ยน ประโยคแรกที่ป๋ายเฉี่ยนพูด (ไม่นับที่ทักเรื่องอ้วน) คือ
"ข้าไม่ได้ออกจากชิงชิวมาหลายหมื่นปี ไม่นึกว่าครั้งนี้เพิ่งออกมาก็ได้พบคนรู้จักเก่าก่อน ไร้เรื่องร้อนใจไม่ถ่อไปวัด ส้าวซิน เจ้าน่าจะรู้ดีว่าข้าไม่อยากพบหน้าเจ้าอย่างยิ่ง แต่กลับจงใจมาคุกเข่าลงตรงหน้าข้า แสดงว่าต้องมีเรื่องจะขอร้องข้า เราเคยเป็นนายบ่าวกันมาก่อน ตอนเจ้าออกเรือน ข้าเองก็ไม่ได้เตรียมสินเดิมอะไรให้ ครั้งนี้ได้ชดเชยพอดี ข้าจะให้พรเจ้าหนึ่งข้อ ว่ามาเถิด เจ้าต้องการสิ่งใด?”
ประโยคนี้บ่งบอกชัดเจนว่า ป๋ายเฉี่ยนรู้ดีอยู่แล้วว่าที่ส้าวซินคลานเข่าเข้ามาหาในลักษณะนี้ ต้องเป็นเพราะมีเรื่องจะขอร้อง ไม่ใช่ว่ามาขอโทษ เพราะถ้าคิดจะขอโทษ น่าจะมาหาและขอโทษไปนานแล้ว ไม่รอนานป่านนี้เพิ่งจะมา และเรื่องที่ส้าวซินขอให้ช่วย ก็คือช่วยหยวนเจินผ่านด่าน แสดงว่าหยวนเจินลงไปเกิดตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว
1.5 ผู้อ่านจีนบางคนแย้งว่า ถ้าตอนส้าวซินมาพบป๋ายเฉี่ยนในงานเลี้ยงของเทพสมุทรบูรพา หยวนเจินได้ถูกลงโทษให้ลงไปเกิดอยู่ก่อนแล้ว งั้นทำไมส้าวซินไม่พูดเรื่องที่ต้องการขอร้องออกมาเดี๋ยวนั้นเลย แต่ต้องรอไปพูดที่ชิงชิว? คำตอบคือ เพราะตอนนั้นเยี่ยหัวอยู่ด้วย และคนที่หยวนเจินลวนลามก็เป็นเช่อเฟยของเยี่ยหัว ซู่จิ่นกล้าพูดขอร้องเรื่องนี้ออกมาก็แปลกแล้ว หลักฐานอีกอย่างคือแม้แต่ตอนที่ส้าวซินเอาพัดไปที่ชิงชิว ก็ยังคุกเข่านิ่งอยู่นานโดยไม่กล้าพูดเรื่องที่ต้องการขอร้อง เพราะตอนนั้นเยี่ยหัวก็นั่งอยู่ในห้องด้วย
2. วิเคราะห์พฤติกรรมและเหตุจูงใจของงูปาเสอส้าวซิน
ในเนื้อเรื่องตอนที่ "แม่หญิงนางนี้ไม่ผิดเลยสักนิด" ป๋ายเฉี่ยนบอกว่า
"ว่ากันตามตรงแล้ว เผ่างูปาเสอนั้น ทุกตัวที่บำเพ็ญเพียรจนจำแลงร่างเป็นสตรีได้ ไม่มีตัวใดไม่งดงามยั่วยวนกล้าหาญชาญชัย ส้าวซินกลับผ่าเหล่า บางทีอาจเป็นเพราะตอนยังเล็กถูกรังแกมาหนักมาก แม้จะอยู่รักษาบาดแผลที่ชิงชิวจนหายดี นางกลับยังคงเป็นนกหวาดเกาทัณฑ์ ตอนนั้น ทอดตามองทั่วทั้งชิงชิว นอกจากข้ากับพี่สี่แล้ว ไม่มีใครเข้าใกล้นางในรัศมีสองจ้างได้สักราย กระทั่งหมีกู่ที่หมื่นสาวต่างหลงใหลเป็นฝ่ายริเริ่มทอดไมตรีต่อนาง นางยังเผ่นหนีเสียไกลลิบ"
แต่จากการวิเคราะห์ ส้าวซินไม่ได้ผ่าเหล่าเลย อันที่จริงคุณเธอร้ายยิ่งกว่างูปาเสอด้วยกันทุกตัวด้วยซ้ำ เพราะลองคิดดูสิว่าที่เธอปฏิเสธหมีกู่เพราะอะไร? เพราะหมีกู่เป็นแค่บ่าวรับใช้ของป๋ายเฉี่ยนไง!
แล้วคนที่เธอปิ๊งคือใคร? คือป๋ายเจินที่ตอนนั้นรักษาการปกครองชิงชิวแทนพ่อแม่ที่ออกไปเที่ยว กับซางจี๋ที่ตอนนั้นยังเป็นลูกคนโปรดของเทียนจวิน เป็นองค์ชายเผ่าสวรรค์ที่มีโอกาสได้รับเลือกเป็นไท่จื่อมากที่สุด
ความจริงแล้วส้าวซินเป็นคนทะเยอทะยานมาก แค่ดูจากผู้ชายที่เธอเลือกจับก็รู้ได้แล้ว ถ้าจะมองว่าเธอใสซื่อไร้เดียงสาอย่างที่ป๋ายเฉี่ยนเข้าใจ ก็มีเหตุผลขัดแย้งดังนี้
2.1 สังเกตไหมว่าตลอดทั้งเรื่อง ซางจี๋ไม่เคยมีโอกาสได้เจอหน้าป๋ายเฉี่ยนเลยสักครั้ง? เพราะส้าวซินพยายามหาทางกีดกันป้องกันทุกวิถีทาง ลองคิดดูสิว่าซางจี๋ที่รักเมียมากถึงขนาดยอมบากหน้าไปขอลูกท้อจากเจ๋อเหยียน กลับยอมปล่อยให้เมียที่กำลังท้องแก่ไปพบป๋ายเฉี่ยนเพียงลำพังโดยไม่ตามประกบไปด้วย อย่าว่าแต่ความจริงแล้ว คนที่ผิดต่อป๋ายเฉี่ยนคือทั้งส้าวซินและซางจี๋ ซางจี๋ก็ควรจะมาเอ่ยปากขอโทษป๋ายเฉี่ยนด้วยตัวเองอย่างลูกผู้ชายด้วย นี่ดันไม่ได้มาพร้อมกับส้าวซิน ถ้าไม่ใช่เพราะส้าวซินยืนกรานหนักแน่นไม่ใช่ซางจี๋ไปพบป๋ายเฉี่ยนด้วยกัน ซางจี๋ไม่มีทางยอมปล่อยส้าวซินไปพบป๋ายเฉี่ยนตามลำพังแน่นอน
2.2 ถ้าส้าวซินไม่ทะเยอทะยานและภักดีกับป๋ายเฉี่ยนจริง ย่อมจะไม่หนีตามซางจี๋ไปโดยไม่เปิดโอกาสให้ซางจี๋ได้เจอหน้าป๋ายเฉี่ยน แต่ต้องรอจนป๋ายเฉี่ยนกลับมาและบอกกับป๋ายเฉี่ยนตรงๆ แต่นี่สงสัยส้าวซินจะโกหกอะไรเกี่ยวกับป๋ายเฉี่ยน + ยุให้ซางจี๋รีบพาหนีตาม เพราะกลัวว่าเกิดซางจี๋ที่ติดใจส้าวซินเพราะความสวยเห็นป๋ายเฉี่ยนคู่หมั้นตัวเองที่สวยกว่าส้าวซินหลายเท่าแล้วจะเปลี่ยนใจทิ้งส้าวซินไปเลือกป๋ายเฉี่ยน
2.3 ตอนป๋ายเฉี่ยนลงไปช่วยหยวนเจินผ่านด่านเคราะห์ และบอกให้ส้าวซินเลือกคนอื่นที่แข็งแรงกว่ามาทำหน้าที่ผลักฮ่องเต้ ส้าวซินนิ่งคิดอยู่นานมากกว่าจะบอกว่าให้สามีของเธอลงมือเรื่องนี้ได้ และในเหตุการณ์จริง ขนาดว่าอยู่บนเรือลำเดียวกัน ป๋ายเฉี่ยนกับซางจี๋ก็ไม่ได้เจอหน้ากันอยู่ดี คิดว่าเหตุที่เป็นอย่างนี้น่าจะเป็นแผนของส้าวซินเช่นกัน
2.4 แม้แต่ตอนที่ส้าวซินเอาพัดไปยื่นเพื่อแจ้งคำขอร้องต่อป๋ายเฉี่ยนที่ชิงชิว ก็ยังไปคนเดียว ซางจี๋ไม่ได้ตามไปคุ้มครองเมียที่กำลังท้องแก่ด้วย กรณีนี้ยิ่งผิดปกติเห็นชัดเจนมาก
2.5 ถ้าส้าวซินใสซื้อไร้เดียงสาจริง ตอนซางจี๋พาขึ้นไปบนสวรรค์และทั้งรักทั้งโอ๋ทั้งตามใจ คุณเธอย่อมจะไม่เชิดไม่หยิ่งด้วยความภาคภูมิใจที่เป็นสุดที่รักของซางจี๋แบบนั้น
2.6 ถ้าส้าวซินใสซื่อไร้เดียงสาจริง ตอนไปพบป๋ายเฉี่ยนในสวนของวังแก้วผลึกทะเลบูรพา และเยี่ยหัวโผล่มา คุณเธอย่อมไม่มองเยี่ยหัวอย่างเจ็บใจแค้นใจ ที่เธอมองเยี่ยหัวแบบนั้น แม้แต่ป๋ายเฉี่ยนเองก็ยังรู้ว่า เพราะถ้าไม่มีเยี่ยหัวซะคน ไม่แน่ว่าตำแหน่งไท่จื่ออาจจะตกเป็นของซางจี๋ก็ได้ นี่เพราะมีเยี่ยหัวเกิดมา ซางจี๋เลยอดเป็นเทียนจวินไปตลอดกาล
3. ปฏิกิริยาของเยี่ยหัวหลังจากดึงผ้าพันตาป๋ายเฉี่ยนออก ตอนเจอกันในงานเลี้ยงเทพสมุทรบูรพา
ท่านพ่อของเด็กน้อยยืนนิ่งไร้ปฏิกิริยาอยู่ครู่ใหญ่ ตามด้วยอีกครู่ใหญ่ ในที่สุดก็พันผืนแพรขาวกลับคืนให้ข้าดังเดิม ค่อยกล่าวว่า “ถูกแล้ว ข้าจำคนผิดไปเอง เพราะนางแสดงกิริยานอกแข็งกร้าวในขลาดเขลาเช่นที่ท่านทำไม่เป็น และไม่งดงามล่มเมืองเท่าท่าน เมื่อครู่นี้ล่วงเกินแล้ว”
จากการถกกับเพื่อนคนหนึ่งที่อ่านเชิงวิเคราะห์ได้เก่ง เพื่อนบอกว่า ตอนแรกเยี่ยหัวเข้าใจว่าป๋ายเฉี่ยนก็คือซู่ซู่ จึงดึงผ้าพันตาอกเพื่อจะดูให้ชัวร์ แต่ปรากฏกว่าหน้าที่โผล่ให้เห็นดันเป็นสาวสวยขี้เมาที่ลวนลามเขาเมื่อคืน ที่เงียบไปนานก็เพราะคือทั้งผิดหวังและเคืองเรื่องเมื่อคืน ปฏิกิริยาจึงเปลี่ยนเป็นเย็นชาในพริบตา
4. คำพูดของม่อเยวียนที่แสดงให้รู้ว่า รู้อยู่แล้วว่าเสวียนหนวี่ใช้แผนทรมานสังขารแฝงตัวเข้ามาเป็นไส้ศึก
ทัพเผ่าปิศาจได้ยกมาจนถึงระยะห่างจากพรมแดนสองเผ่าเพียงสามสิบหลี่ เทียนจวินผู้เฒ่าบนสวรรค์เก้าชั้นฟ้าส่งเด็กรับใช้ถึงสิบแปดคนมาเร่งเชิญ ม่อเยวียนจึงค่อยหยิบชุดเกราะแก้วผลึกนิลซึ่งเก็บไว้ก้นหีบมานานปีของท่านชุดนั้นออกมาปัดฝุ่น เอ่ยเสียงเรียบว่า “ในเมื่อฉิงชางยกข้าเป็นข้ออ้าง ทั้งข้ายังเป็นเทพสงคราม ย่อมเลี่ยงไม่ได้ต้องสู้กับเขาสักตั้ง สิบเจ็ดน้อย เจ้าจงนำชุดเกราะนี้ไปพลิกตรวจตราดู อย่างไรก็เก็บมานานปีอยู่บ้าง กลัวว่ามีหนอนแมลงสักตัวเจาะไชจะไม่ดีนัก”
เน้นวรรคสุดท้าย "กลัวว่ามีหนอนแมลง "สักตัว" เจาะไชจะไม่ดีนัก"
5. พฤติกรรม + เจตนาของเจ๋อเหยียน?
(เป็นแค่ข้อสังเกตเฉยๆ คุณถังชีผู้เขียนจะตั้งใจซ่อนประเด็นไว้หรือไม่ก็ไม่อาจทราบได้เช่นกัน)
5.1 มาเริ่มกันตั้งแต่ในบทที่ 14 "นางเองก็เคยแรกรุ่นมาก่อน" ตอนที่ท่านแม่ของป๋ายเฉี่ยนร้องไห้ฮึกๆ สงสารอนาคตลูกสาวคนเดียวที่คงจะชีช้ำเพราะโดนแม่ผัวรังแกเป็นแน่แท้ แล้วเจ๋อเหยียนบังเอิญมาเยี่ยมพอดี เห็นเข้าก็ถามถึงสาเหตุที่ร้องไห้ เมื่อได้ฟังก็นิ่งเงียบไป แล้วบอกว่า
“นิสัยของยายหนูเป็นเช่นนี้ไปแล้ว อย่างไรก็ปรับแก้ไม่ได้อีก ตอนนี้ได้แต่ให้นางไปเรียนวิชาให้เก่งกาจ หากบ้านสามีในวันหน้าของนางนั่น ตั้งแต่หัวหน้าเผ่าควบคุมบ้านลงไปถึงเด็กกวาดพื้น ไม่มีคนใดมีพลังฤทธิ์สู้นางได้สักคน นางจะดื้อรั้นอวดดีไร้เดียงสาอย่างไร ก็ไม่มีทางถูกข่มเหงรังแกเด็ดขาด”
ขอบอกว่า พวกตระกูลป๋ายอาจจะติงต๊องกันยกตระกูลก็จริง แต่เจ๋อเหยียนไม่ได้ติงต๊องไปด้วยอย่างแน่นอน เจ๋อเหยียนฉลาดเจ้าเล่ห์ที่สุดในเรื่องแล้วมั้งด้วยซ้ำไป ดังนั้นย่อมจะรู้ดีว่าอย่างป๋ายเฉี่ยนที่ทั้งหน้าตาดีกินขาด + มีอิทธิพลทางบ้านเป็นแบคใหญ่ ไม่มีแม่ผัวคนไหนกล้ารังแกสะใภ้แบบนี้หรอก คำแนะนำนี้ของเจ๋อเหยียนที่รู้เรื่องนี้ดีจึงมีปัญหาน่าข้องใจอย่างมาก
อีกอย่าง เงื่อนไขของม่อเยวียนก็สามารถทำให้ท่านแม่ของป๋ายเฉี่ยนวางใจได้ด้วยว่าแต่งออกไปแล้ว ลูกสาวจะไม่ถูกแม่ผัวรังแก เพราะว่า
- พ่อแม่ม่อเยวียนตายหมดแล้ว
- ม่อเยวียนยังโสด อยู่ตัวคนเดียวไม่มีพี่น้อง
- ฐานะสูงส่ง ฤทธิ์แก่กล้าที่สุดบนสวรรค์ ไม่มีใครกล้ามาหือ
คาดว่าเจ๋อเหยียนคิดสะระตะดังนี้ บวกกับต้องการแกล้งเพื่อนเล่นด้วยการจับคู่ให้ จึงตัดสินใจพาป๋ายเฉี่ยนไปเป็นศิษย์ของม่อเยวียน ซึ่งเจตนานี้ของเจ๋อเหยียนมีจุดเล็กๆ บางจุดที่อาจจะใช้เป็นหลักฐานได้ นั่นคือ
ตอนที่เกิดข่าวลือว่าม่อเยวียนพาป๋ายเฉี่ยนเข้าเร้นกายเพื่อหลีกหนีจากข้อครหาว่าศิษย์อาจารย์เป็นต้วนซิ่วกัน เจ๋อเหยียนแล่นมาหาป๋ายเฉี่ยนที่ถ้ำโดยบอกว่า กะจะมาดูว่าจริงอย่างข่าวลือหรือเปล่า แต่ท่าทางของเจ๋อเหยียนตอนที่พูดดูสบายๆ เหมือนไม่แปลกใจกับข่าวลือนั้นเลย แปลว่านายวางแผนให้มีข่าวลือแบบนี้มาตั้งแต่แรกแล้วใช่มั้ยเจ๋อเหยียน? -_-
5.2 ตอนที่ม่อเยวียนฟื้นแล้วในตอน "เคียงคู่เสียงมังกรคำราม ณ คุนหลุนซวี เขาได้หวนคืน" และไปที่คุนหลุนซวีพร้อมกับเจ๋อเหยียน ป๋ายเฉี่ยน ป๋ายเจิน ในวันรุ่งขึ้นก็เกิดข่าวลือประหลาดพิลึกแพร่ออกไปว่า
เรื่องใหญ่ที่ว่าม่อเยวียนกลับมาแล้วนี้ไม่ทราบแพร่กระจายออกไปอย่างไร เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ที่บินอยู่บนฟ้าที่คลานอยู่บนดิน ที่พอจะมีภูมิปัญญาอยู่บ้างทั้งหมด ต่างก็รู้ว่าซ่างเสินบรรพกาลแห่งสงครามและดนตรีกาลกลับมาแล้ว
ในเสียงลือเสียงเล่าอ้างบรรยายว่า ม่อเยวียนศีรษะสวมรัดเกล้าทองม่วง ตัวคลุมชุดเกราะแก้วผลึกนิล เท้าเหยียบรองเท้าหุ้มแข้งดำ มือกุมกระบี่เซวียนหยวน ในอ้อมอกซุกสาวน้อยอรชรผู้หนึ่ง ทิ้งตัวลงสู่ยอดเขาคุนหลุนซวีอย่างองอาจน่าเกรงขามในวันสิบหกค่ำเดือนแปดยามเว่ยสามเค่อ ตอนที่ม่อเยวียนทิ้งตัวลงสู่ยอดเขาคุนหลุนซวี เทือกเขาซึ่งทอดตัวยาวเหยียดจากคุนหลุนซวีตลอดทั้งแนวสะท้านยะเยือกไปสามครั้ง เหล่าทวิบาทจตุบาทต่างแหงนหน้ากู่ร้อง เหล่ามัจฉามังกรในน้ำเองต่างก็ลอยตัวโผล่ขึ้นมาหลั่งน้ำตาตื่นเต้นยินดี
เมื่อดูจากนิสัยเจ้าเล่ห์ชอบเล่นตลกร้าย + ความสามารถเฉพาะตัวที่ไม่สมควรเลียนแบบอย่างยิ่งของเจ๋อเหยียนในด้านแพร่กระจายข่าวลือทำนองเรื่องชวนนินทาของชาวบ้านตามที่ป๋ายเฉี่ยนเคยได้บอกไว้ + เงื่อนไขข้อที่มีคนรู้เรื่องม่อเยวียนกลับมาคุนหลุนซวีแล้วน้อยนับคนได้ + คนที่หาญกล้าเมคข่าวลือเกี่ยวกับม่อเยวียนในตอนที่ม่อเยวียนยังไม่ตายยิ่งมีน้อยยิ่งกว่า คาดว่าคนที่แพร่ข่าวลือพิลึกๆ แบบนี้ออกไปน่าจะเป็นเจ๋อเหยียนเองนั่นแหละ ส่วนการแพร่ข่าวลือแบบที่เยี่ยหัวได้ยินเข้ามีหวังหึงหน้ามืดนี้จะเป็นด้วยเจตนาอะไร แกล้งเพื่อนเล่น? หรืออยากเห็นศึกพี่น้องชิงนางแก้เซ็ง? อันนี้ก็สุดจะคาดเดาใจของเจ๋อเหยียนได้เช่นกัน
6. ตอนที่เจ๋อเหยียนฝากเหล้าให้พี่สี่ของอาเจ้ เห็นแกเน้นยำมากว่าห้ามให้อาเจ้แกดื่มแล้วให้รีบเอาไปให้ ลักษณะการพูด บวกกับนิสัยอาเจ้ที่เจ๋อเหยียนรู้จักดีมันเหมือนเป็นการยั่วยุให้ฝ่ายตรงข้ามทำยังไงก็ไม่รู้
โดย: yuechan
<<< ตรงนี้ตรงกับที่ผู้อ่านชาวจีนนึกสงสัยเหมือนกันค่ะ ว่าเจ๋อเหยียนรู้จักทั้งเยี่ยหัวและป๋ายเฉี่ยน เลยคิดจะจับคู่ให้คู่หมั้นสองคนนี้ได้มาเจอหน้ากัน บางทีที่เยี่ยหัวบังเอิญโผล่ไปเจอป๋ายเฉี่ยนแถวนั้นตอนนั้นพอดี น่าจะเพราะเจ๋อเหยียนจัดที่พักให้เยี่ยหัวอยู่แถวนั้นด้วยค่ะ
7. อีกตอนคือที่อาเจ้แกข่มขืนเยี่ยหัว ในกรณีนี้ถ้าเยี่ยหัวไม่เต็มใจมีหรือจะไม่สู้ แต่นี่มันเรียกว่าเฮียแกสมยอมชัดๆ ไหนบอกว่ารักเมียตัวเองหนักหนาแล้วไหงยอมสาวได้ง่ายนัก หรือว่าเห็นหน้าตาคล้ายเมียเลยยินยอมหว่า
โดย: yuechan
<<< ตรงนี้วิเคราะห์กันว่า น่าจะเป็นเพราะอำนาจสะกดของดวงตาจิ้งจอกเก้าหางอายุแสนสี่หมื่นปีมันแรงมาก แต่ก็มีคนจีนวิเคราะห์เช่นกันว่า ไม่น่าจะลวนลามสำเร็จ เพราะไม่งั้นเยี่ยหัวน่าจะเห็นรอยแผลเป็นตรงอกไปแล้ว ทั้งนี้ถังชีก็ไม่ได้บอกเช่นกันว่าซู่ซู่มีรอยแผลเป็นหรือเปล่า
8. เรื่องแผนทรมานสังขาร ไม่เคยสะกิดใจเลยจริงๆค่ะ (ฮา) คิดว่าม่อเหยียนแค่หลับตาข้างลืมตาข้างปล่อยให้ศิษย์พี่ใหญ่พาเสวียนหนี่เข้ามารักษา เป็นเพราะกะจะส่งเสริมคู่นี้ ตัดคู่แข่งตัวเองไปอีกหนึ่ง เพราะประวัติม่อเหยียนนี่กีดกันชาวบ้านตลอด ตอนอุ้มจากถ้ำซ่างเซียนก็อุ้มเอง แถมให้พี่ใหญ่ที่เกลียดต้วนซิ่วที่สุดเฝ้า กีดกันคนอื่นสุดๆ
โดย : คุณหนมจีน
<<< ไม่เคยคิดถึงเรื่องเหตุผลที่ม่อเยวียนให้ศิษย์คนโตเป็นคนอยู่เฝ้าอาอินมาก่อนเลยแหละค่ะ พอฟังคุณหนมจีนบอกแบบนี้แล้วก็ชักจะเข้าเค้าเหมือนกันนะเนี่ย ^^
9. เห็นต่าง ในข้อ 5 เรื่อง พฤติกรรม + เจตนาของเจ๋อเหยียน? ค่ะ
คิดว่าจุดมุ่งหมายหลักของเจ๋อเหยียนคือแยก เจินเจิน ออกจากน้องสาว เพราะป๋ายเฉี่ยนบอกว่าพี่สี่เป็นคนเลี้ยงดูมาตลอด ยิ่งโตทั้ง2 เซียนก็เที่ยวซุกซน ก่อเรื่องไปทั่วไปทั่ว
เจ๋อเหยียนคงเซ็งอยากจะสวีทกับป๋ายเจินบ้าง พอท่านแม่ของป๋ายเฉียนเกิดวิตกจริต ก็เข้าล็อค แผนการจึงบังเกิดขึ้น
ส่วนเรื่องจะจับคู่ให้ม่อเยวียนคงเป็นผลพลอยได้ ประมาณว่า สำเร็จก็ดีม่อเยวียนจะได้ไม่ซึมเซากับรักครั้งเก่า
เพราะถ้าอยากจับคู่จริงๆ คงต้องสอดส่องและวางแผนกับแยกป๋ายเฉี่ยนกับหลีจิ้งไปแล้ว
โดย : คุณ asherron
<<< ฟังคำอธิบายแจกแจงแบบนี้แล้ว เริ่มเห็นคล้อยตามด้วยค่ะที่ว่าจุดประสงค์หลักของเจ๋อเหยียนคือต้องการแยกป๋ายเฉี่ยนออกจากป๋ายเจิน เพื่อที่ตัวเองจะได้เข้าเสียบแทน แต่กรณีที่ว่าถ้าเจ๋อเหยียนต้องการจับคู่ป๋ายเฉี่ยนกับม่อเยวียนจริงๆ ก็น่าจะไปคอยกีดกันตอนป๋ายเฉี่ยนปิ๊งกับหลีจิ้งนั้น ส่วนตัวเห็นว่า การ "จับคู่" ของเจ๋อเหยียนหยุดอยู่แค่ส่งป๋ายเฉี่ยนไปเข้าสำนักม่อเยวียนเท่านั้นค่ะ เข้าทำนอง สำเร็จก็ดี ไม่สำเร็จก็เฉยๆ อีกอย่าง ม่อเยวียนออกจะฉลาดขนาดนั้น ขืนเจ๋อเหยียนเที่ยวเข้าไปป้วนเปี้ยนยุ่มย่าม มีหวังได้โดนม่อเยวียนเล่นงานปะไร ไม่แน่อาจไล่ป๋ายเฉี่ยนออกจากสำนักตัดปัญหาไปเลยด้วยซ้ำมั้ง -_-"
10. จะว่าไป ทำไมม่อเยวียนต้องถามป๋ายเฉี่ยนเรื่องแฟนบ่อยๆ แถมมีชะงัก กึกกัก ดูอึดอัดอยู่หลายรอบ
หรืออันที่จริงก็มีใจให้ป๋ายเฉี่ยนอยู่ตั้งแต่แรกเหมือนกัน แต่พอเห็นป๋ายเฉี่ยนไปได้ดีกับน้องตัวเอง สุดท้ายก็ตัดใจ ?
โดย : คุณ sinfulass
<<< ม่อเยวียนถามทั้งหมด 2 ครั้งค่ะ คนอ่านจีนวิเคราะห์ว่า ครั้งแรก ถามเพราะกะว่าถ้าป๋ายเฉี่ยนแค่แต่งตามพ่อแม่สั่ง = คลุมถุงชน โดยไม่ได้รักเยี่ยหัว ม่อเยวียนแย่งแน่ๆ ส่วนถามครั้งที่ 2 คงจะเพื่อให้ตัวเองตัดใจจากป๋ายเฉี่ยนได้ค่ะ ว่าคู่นั้นเขาสวีทกันดี ตัวเองไม่ควรแทรกเข้าไปเป็นมือที่สาม
11. มันช่างบังเอิญเหลือเกิน ที่ป่าท้อฯ ในคืนที่นางเอกจะไล่ปล้ำพระเอกเนี่ย พระเอกเค้าโผล่มาได้ยังไง ใครไปเชิญมาเวลานั้น พอดี๊พอดี ? เหมือนว่ามีข่าวว่าพาลูกชายมาเที่ยวแถวๆ นั้น ไม่ใช่เรอะ แล้วลูกชายไปไหน ทำไมไม่มาช่วยปะป๊า จากการถูกนางเอกปล้ำหว่า ?
โดย : คุณ siru
<<< เด็กน้อยสามขวบต้องเข้านอนแต่หัวค่ำค่ะ ^^ ส่วนประเด็นอื่น ตอบไปแล้วในข้อ 6 ค่ะ