หัวข้อ : การ์ตูน SKIP BEAT! โดย โยชิกิ นาคามูระ (Yoshiki Nakamura)

โพสต์เมื่อ 17 มี.ค. 2555, 08:39

SKIP BEAT!

 

โดย โยชิกิ นาคามูระ (Yoshiki Nakamura)

 

สนพ. SIAM INTER COMICS




 

 

เป็นการ์ตูนรักที่เพิ่งได้อ่านเรื่องล่าสุดที่เพื่อนแนะนำมา (ความจริงเพื่อนแนะนำให้อ่านเรื่องนี้มาเป็นปีแล้ว แต่หาซื้อและหาเช่าอ่านไม่ได้ จนกระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้ถึงไปเจอขายยกชุดในร้านหนังสือแห่งหนึ่งตอนไม่ได้ถือของหนัก จึงซื้อยกชุดขึ้นแท็กซี่พากลับมาบ้าน) ผลงานเรื่องก่อนของผู้เขียนคนเดียวกันคือ “บอดี้การ์ดสาวจอมซ่า” กับ “MVP ถึงยุ่งก็ไม่ย่อ” ซึ่งเรื่อง MVP ดิฉันเคยได้อ่านมาแล้วเมื่อหลายปีก่อนและชอบในระดับหนึ่ง

SKIP BEAT! เป็นการ์ตูนรักในโลกมายาแนวตลกสุดฮาที่คนเขียนคิดออกมาได้ยอดเยี่ยมมากทั้งพล็อตเรื่อง การดำเนินเรื่อง และบุคลิกตัวละคร ในเรื่องนี้มีตัวละครที่ชื่นชอบบุคลิกนิสัยอยู่เยอะมาก แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่า ตัวละครที่ชอบมากที่สุดในเรื่องคือนางเอกและพระเอก ซึ่งหาได้ยากมากสำหรับการ์ตูนผู้หญิงแนวรักที่คะแนนนิยมของนักอ่านจะเน้นหนักไปทางพระเอกเสียมากกว่า แต่เรื่องนี้คะแนนนิยมของนางเอกชนะพระเอกแบบฉิวเฉียด (2699 : 2614) และทิ้งห่างตัวละครที่ได้คะแนนนิยมอันดับ 3 (699 คะแนน) เป็นต้นไปเกือบ 4 เท่า

 

ตัวละครสำคัญในเรื่อง

 

นางเอก - โมกามิ เคียวโกะ (Mogami Kyoko) อายุ 16 ปี

พระเอก - ซึรูงะ เรน (Tsuruga Ren) อายุ 20 ปี สูง 190 cm

พระรอง (?) – ฟูวะ โช (Fuwa Sho) อายุ 16 ปี (ชื่อเต็ม ฟูวะ โชทาโร่) สูง 177.8 cm

 

 

 

เกริ่นนำ

 

โมกามิ เคียวโกะ กับฟูวะ โช เป็นเพื่อนบ้านกัน รู้จักและโตมาด้วยกันตั้งแต่จำความได้ เคียวโกะไม่มีพ่อ (พ่อของเคียวโกะคือปมหนึ่งในเรื่องที่เวลานี้ยังไม่เฉลย) อยู่กับแม่ตามลำพัง แม่ของเธอเหมือนไม่รักเธอเลย มักจะดุว่าและทำท่ารังเกียจเธอเสมอ เวลาที่แม่ไม่อยู่บ้าน มักจะพาเคียวโกะไปฝากไว้ที่บ้านของโชให้พ่อแม่ของโชช่วยดูแล

บ้านของโชเป็นโรงแรมแบบเก่าชื่อดังของเกียวโต โชเป็นลูกชายคนเดียว เนื่องจากเป็นเด็กหน้าตาดีมาก (หล่อมาก) จึงเป็นที่ชื่นชอบของเพื่อนผู้หญิงในห้อง/ในโรงเรียน บวกกับเจ้าตัวชอบเก๊กท่าเพื่อให้ตัวเองดูดีในสายตาคนอื่น ดังนั้นจึงมีเคียวโกะเพียงคนเดียวที่เขาคบหาเป็นเพื่อนสนิทที่เปิดเผยนิสัย (สันดาน) เสียๆ ของตัวเองให้ดูได้โดยไม่ต้องปกปิด และการที่โชสนิทสนมพูดคุยแต่กับเคียวโกะ ทำให้เคียวโกะโดนเพื่อนผู้หญิงในห้องรุมรังเกียจและกลั่นแกล้งมาตั้งแต่อนุบาลโดยที่โชไม่รู้เรื่อง (ถึงโชมารู้เรื่องนี้ในภายหลัง ก็เพียงแค่ภูมิใจในเสน่ห์ของตัวเองว่าแรงมาตั้งแต่สมัยอนุบาลเท่านั้นโดยไม่ได้รู้สึกผิดต่อเคียวโกะแต่อย่างใด)

เคียวโกะเป็นเด็กเพ้อฝัน เชื่ออย่างฝังหัวจริงจังในเรื่องเทพนิยาย และเป็นเด็กที่มีความพยายามสูงมากในทุกเรื่อง ไม่ว่าทำอะไรก็จะทำอย่างสุดกำลังเสมอแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย เคียวโกะหลงรักโชมาตั้งแต่เด็ก (น่าจะตั้งแต่อนุบาล) ตอนเคียวโกะอยู่ประถมต้น อยู่มาวันหนึ่งแม่ที่เอาเธอไปฝากไว้ที่บ้านของโชก็ไม่กลับมารับอีกเลย เคียวโกะจึงอยู่ในความดูแลของพ่อแม่โชนับแต่นั้นมา และเพื่อให้พ่อแม่ของโชพอใจ เธอจึงเรียนทำอาหาร (พ่อโชเป็นเชฟในโรงแรมของตัวเอง) และเรียนรู้การบริหารตลอดจนการบริการต่างๆ ในโรงแรมจนพ่อแม่ของโชเล็งเอาไว้ว่าต่อไปจะให้เธอเป็นเจ้าสาวของโช (แต่เคียวโกะไม่รู้) เคียวโกะมองว่าโชเป็นเจ้าชายในฝันของเธอที่สักวันจะเอารองเท้าแก้วมารับเธอไปเป็นเจ้าสาว

โชชอบร้องเพลงและมีพรสวรรค์ทั้งด้านการร้องเพลงและแต่งเพลง เขาใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักร้องชื่อดัง อยากจะเข้าโตเกียวไปทำให้ความฝันเป็นจริง ตอนที่เพิ่งเรียนจบม.ต้น โชจึงชวนเคียวโกะไปโตเกียวด้วยกัน เคียวโกะดีใจมากที่โชเลือกเธอ นึกว่าโชเลือกเธอเพราะรักเธอ และรับปากโดยไม่ลังเล ทั้งสองจึงหนีออกจากบ้านไปอยู่ที่โตเกียวด้วยกันโดยต่างเลิกเรียนม.ปลายทั้งคู่

เคียวโกะทำงานพิเศษตัวเป็นเกลียว ไม่แต่งหน้า ไม่แต่งตัว เพื่อเอาเงินมาเป็นค่าเช่าแมนชั่นราคาแพง (ที่เช่าเพื่อโช) และค่ากินอยู่เลี้ยงดูโชที่ส่งเทปตัวอย่างผลงานของตัวเองไปยังค่ายเทป จนเมื่อโชประสบความสำเร็จ เพลงขึ้นอันดับหนึ่งของชาร์ตในเวลาเพียงไม่กี่เดือนหลังจากมาโตเกียว และเป็นที่รู้จักไปทั่วญี่ปุ่น โชก็คิดจะเขี่ยเธอทิ้งไป (สองคนนี้อยู่ด้วยกันจริง แต่ไม่ได้มีอะไรกัน)

 

เนื้อเรื่อง

 

ตอนเริ่มเรื่อง เคียวโกะกับโชมาอยู่ที่โตเกียวได้หลายเดือนแล้ว โชเป็นนักร้องอันดับหนึ่งแล้ว และเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ เคียวโกะกลับจากทำงานพิเศษไปถึงแมนชั่น พบว่าไฟเปิดอยู่ = โชกลับมา ก็ดีใจมาก เนื่องจากตั้งแต่เริ่มดัง โชก็งานยุ่งไม่ค่อยได้กลับมาค้างที่แมนชั่นอีก เคียวโกะถามโชว่ากินข้าวเย็นหรือยัง จะกินอะไรไหมเดี๋ยวทำให้? โชตอบกลับมาว่านี่มันห้าทุ่มแล้วนะ ใครจะไปกินลง เคียวโกะก็จ๋อยไป นึกถึงตอนเพิ่งมาโตเกียวด้วยกันใหม่ๆ ที่โชจะหิ้วท้องรอเธอทำงานพิเศษกลับมาเพื่อกินข้าวด้วยกันทุกครั้ง เคียวโกะพูดอ้อมแอ้มต่อว่าช่วงนี้โทรเข้ามือถือโชไม่ค่อยจะติดเลย โชตะคอกกลับมาว่าเขาทำงานยุ่ง ไม่ว่างรับมือถือ เคียวโกะจึงจ๋อยไปอีกครั้งว่าวันนี้โชดูอารมณ์เสียเธอจึงออกไปซื้อของที่จะทำให้โชอารมณ์ดี

เคียวโกะไปซื้อของกลับมาพบว่าโชกำลังใส่รองเท้าจะออกไปแล้ว ก็รีบพูดว่าเธอซื้อพุดดิ้งของโปรดมาให้ โชที่กำลังจะไปชะงัก กลับเข้าไปนั่งกินพุดดิ้งของโปรดแต่โดยดี และบอกว่าตอนนี้เขาดังแล้ว เลยออกไปซื้อเจ้านี่มากินไม่ได้ ครั้นจะให้ผู้จัดการไปซื้อให้มันก็ดูเสียภาพพจน์อีก มีแต่อยู่ในแมนชั่นนี่แหละที่ได้กินโดยไม่ต้องสนใจอะไร

ระหว่างที่กินพุดดิ้งก็เปิดทีวีดูไปด้วย เพื่อเอาใจโช เคียวโกะบอกว่าเพื่อนที่ทำงานพิเศษของเธอบอกว่าชอบโชที่สุด ชอบมากกว่าซึรูงะ เรน หนุ่มป๊อบอันดับหนึ่งในวงการบันเทิงคนก่อนหน้านี้อีก โชก็ทำท่าภูมิอกภูมิใจมาก เคียวโกะนึกดีใจว่าโชอารมณ์ดีขึ้นแล้ว แต่แล้วตอนนั้นในทีวีได้มีรายการเชิญซึรูงะ เรนมาสัมภาษณ์ เนื่องจากเป็นผู้ได้อันดับหนึ่งจากการโหวต “ผู้ชายที่ทุกคนอยากใกล้ชิดที่สุด ผู้ชายที่ดูดีที่สุดในวงการบันเทิง” โดยพวกสาวๆ และมีเสียงกรีดร้องของสาวๆ ในห้องส่งดังมาก นอกจากนี้ยังมีการโชว์รายชื่อชายหนุ่มที่ติดอันดับทั้งหมด ซึ่งโชอยู่อันดับเจ็ด ทำให้โชอารมณ์เสียมาก ออกจากแมนชั่นไปอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยง เคียวโกะเลยพลอยเกลียดขี้หน้าเรนไปด้วย

 


ไม่กี่วันถัดมา เคียวโกะมีโอกาสแวบเข้าไปในสตูดิโอของโชโดยอ้างว่ามาส่งของกินที่โชสั่ง และบังเอิญ ไปได้ยินโชพูดกับผู้จัดการสาวแสนสวยสุดเซ็กซี่ (แต่นิสัยเรียบร้อย ใจดี เอางานเอาการ ชื่อโชโกะ) ของตัวเองว่า เขาไม่ได้ชอบเคียวโกะเลย ที่พาเคียวโกะมาโตเกียวด้วย แค่เพราะตัวเขาเป็นคุณชายมาแต่เกิด ดูแลตัวเองไม่เป็น หุงข้าวซักผ้าเองไม่เป็น มาอยู่โตเกียวคนเดียวย่อมต้องลำบากแน่ จึงพาเคียวโกะมาด้วยเพื่อให้คอยทำงานบ้านเหล่านี้และคอยรับใช้เขาเหมือนเป็นสาวใช้ เพราะเคียวโกะก็เป็นเหมือนสาวใช้ของเขามาตั้งแต่เด็กแล้ว จึงไม่แปลกอะไรที่จะทำงานอย่างถวายหัวเพื่อเขา ส่วนพ่อแม่เขาที่บ้านก็คิดแต่จะให้เขาแต่งงานกับเคียวโกะแล้วสานต่อกิจการของที่บ้านโดยไม่คิดจะสนใจความต้องการของเขา

ผู้จัดการโชโกะถามว่าในเมื่อตอนนี้โชดังแล้ว ไม่ต้องพึ่งเคียวโกะแล้ว ทำไมถึงไม่ปล่อยเคียวโกะไปล่ะ เคียวโกะน่าสงสารออก ยังไม่จบม.ปลายเลยนี่ โชเลยบอกว่าถ้าโชโกะจะทำงานบ้านพวกนั้นแทนเคียวโกะให้ เขาก็จะปล่อยเคียวโกะกลับโตเกียวไป เพราะเขาไม่ชอบผู้หญิงจืดชืดที่ไม่รู้จักแม้แต่จะแต่งหน้าอย่างเคียวโกะเลย

 


 

ตอนเริ่มเรื่องของเรื่องนี้ ผู้เขียนได้เกริ่นบอกไว้ว่า พระเจ้าได้สร้างกล่องที่มีกุญแจล็อคมากมายไว้ให้แก่แต่ละคนในตอนที่มาเกิด เนื่องจากกล่องนั้นไม่ถูกเปิด ข้างในจึงยังคงเป็นความลับ สำหรับเคียวโกะ กล่องนั้นใส่ตัวตนในด้านมืดที่ชั่วร้ายของเธอไว้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ตัวตนที่เคียวโกะแสดงออกมาแต่ด้านดีที่เป็นนางฟ้า แต่คำพูดของโชที่เธอมาได้ยิน เหมือนกับโชได้ไขเปิดกุญแจที่ล็อคอยู่ทั้งหมด และปลดปล่อยเคียวโกะโหมดชั่วร้ายออกมา

เมื่อเคียวโกะได้ฟังโชบอกว่าไม่ชอบตัวเธอที่จืดชืดน่าเบื่อ เคียวโกะก็เผยตัวให้โชกับผู้จัดการโชโกะเห็นว่าเธอได้ยินหมดแล้ว และลั่นวาจาว่าเธอจะแก้แค้นโช

โชพูดเสียงหยันว่าเคียวโกะจะแก้แค้นยังไง เพราะตอนนี้แม้แต่ปลายนิ้วเขา เธอก็ยังแตะไม่ได้เลย พร้อมกับที่พูด รปภ.ที่โชโกะเรียกมาก็แห่กันมาพาตัวเคียวโกะออกไป โชพูดเยาะว่าเขาจะไม่กลับไปที่แมนชั่นอีก และนับจากนี้เขาจะเป็นดาวที่อยู่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ เคียวโกะเอื้อมไม่ถึงเขาหรอก หากเคียวโกะอยากจะแก้แค้นก็เข้าวงการบันเทิงมาสิ แต่คงลำบากหน่อยนะ

 


 

จะขอเอ่ยถึงวิญญาณร้ายที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากกล่องของเคียวโกะ เท่าที่ดูก็มี เคียดแค้น, โกรธแค้น, อาฆาต, เกลียดชัง เป็นกลุ่มวิญญาณตัวเล็กๆ ขนาดกำไว้ในกำมือได้ หน้าตาเหมือนเคียวโกะ (น่ารักมาก หุหุ) ปริมาณมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับระดับความแรงของอารมณ์ด้านลบ มีตั้งแต่ 1 ตัวไปจนถึงหลายสิบตัว เคียวโกะจะสามารถบงการวิญญาณด้านลบเหล่านี้ของตัวเองได้ วิญญาณเหล่านี้จะโผล่ออกมาเมื่อเธอเกิดความคิดในด้านลบ เช่น เคียดแค้น เกลียดชัง โกรธแค้น เป็นต้น ส่วนใหญ่จะเป็นเมื่อนึกถึงโช แต่เวลาอื่นก็มีเหมือนกัน โดยที่วิญญาณนี้จะสามารถไปเกาะยึดตัวคนอื่นทำให้ฝ่ายนั้นรู้สึกเหมือนถูกผีอำ ขยับตัวไม่ได้ และสามารถสร้างบรรยากาศชวนขนลุกได้ (เนื่องจากมีผีมาอยู่ใกล้ๆ)

 

หลังถูกโยนออกจากสตูดิโอของโช เคียวโกะบอกเลิกเช่าแมนชั่นราคาแพงแห่งนั้น และย้ายไปขอพักอยู่ที่ร้านอาหารดารูมายะที่ตัวเองทำงานพิเศษอยู่ซึ่งเจ้าของเป็นคุณลุงคุณป้าสองสามีภรรยาที่ใจดี (คุณลุงหน้าดุ คุณป้าหน้าตาใจดี แต่ความจริงใจดีทั้งคู่) จากนั้นไปแปลงโฉมตัวเอง ตัดผมย้อมเป็นสีแดง เปลี่ยนบุคลิกโดยสิ้นเชิง แล้วไปอยู่แถวๆ ที่เขาว่ากันว่าชอบมีแมวมองไปเดินในตอนกลางวัน แต่ทำอยู่หลายวันก็ไม่เห็นมีแมวมองมาเห็น จึงเปลี่ยนความคิดลุยไปที่บริษัทเลย เป็นบริษัทที่เป็นคู่แข่งของบริษัทที่โชสังกัดอยู่

 


เคียวโกะได้พบกับคุณซาวาระ (คุณลุงหนวด) เจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดหานักร้อง-นักแสดงหน้าใหม่ของบริษัทโดยบังเอิญตอนที่เคียวโกะกำลังข่มขู่พนักงานต้อนรับตรงเคานเตอร์เพื่อขอเข้าพบประธานบริษัท ซาวาระจึงพาเธอไปนั่งคุย ถามว่า

ซาวาระ “อยากเป็นนักร้องหรือ?”

เคียวโกะ “ชอบฟังมากกว่าค่ะ”

ซาวาระ “อยากเป็นนักแสดงหรือ?”

เคียวโกะ “ก็ไม่ได้ชอบการแสดงนะคะ”

ซาวาระ “เป็นพวกมีความสามารถพิเศษหรือ?”

เคียวโกะ “ไม่เห็นชอบพวกหลากหลายแบบนั้นเลยค่ะ”

ถามสามคำถามจบ ซาวาระก็จะลากตัวเธอออกไปทิ้งที่นอกประตู แต่เคียวโกะเอาสองขาหนีบเสาต่อต้านเต็มที่ไม่ยอมให้ตัวเองโดนลากตัวออกไปทิ้งข้างนอก ซาวาระบอกว่ารู้แล้ว คิดจะเข้าบริษัทมาเพื่อจะได้ใกล้ชิดเรนล่ะสิ เคียวโกะได้ฟังก็ตกใจมาก ถามว่าเรนสังกัดบริษัทนี้หรือ? ซาวาระบอกอย่ามาทำไขสือ แต่เคียวโกะกำลังเซ็งสุดขีดที่ตัวเองมาเข้าบริษัทของเรนที่ตัวเองเกลียดขี้หน้า จึงไม่ได้ยิน

จังหวะนี้ ซึรูงะ เรนเดินผ่านมาพอดี จึงถามซาวาระว่าเกิดอะไรขึ้น เคียวโกะเห็นเรนก็ตกใจมาก แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เธอไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับโชแล้ว ไม่จำเป็นต้องเกลียดเรนแล้วนี่ ซาวาระดูปฏิกิริยาเหวอของเคียวโกะตอนได้เห็นเรนแล้วแปลกใจมาก เพราะตรงกันข้ามกับที่เขาคาดว่าจะเป็นเลย

เรนฟังซาวาระเล่าว่าเคียวโกะไม่ได้อยากเป็นนักแสดง นักร้อง และไม่ใช่พวกมีความสามารถพิเศษ แค่อยากเข้าวงการบันเทิง ก็ช่วยซาวาระโยนเคียวโกะออกไปนอกประตูในพริบตาและบอกว่าอย่ากลับมาอีกนะ ทำให้เคียวโกะโมโหมาก

หลังถูกโยนออกมา เคียวโกะดื้อแพ่งนั่งคุกเข่าอยู่ที่หน้าบริษัทโดยไม่สนใจว่าคนที่เดินผ่านไปมาจะมอง เรนกับซาวาระก็เห็นอยู่ แต่ไม่ได้พูดอะไร จนถึงสี่ทุ่มครึ่ง ซาวาระเลิกงาน โผล่ไปดูเห็นเคียวโกะหายไปแล้ว ก็นึกว่าคงเลิกนั่งกลับบ้านไปแล้ว ที่ไหนได้ เคียวโกะไปดักรอซาวาระอยู่ตรงประตูทางออกของพนักงาน และขี่จักรยานไล่ตามกวดแท็กซี่ที่ซาวาระนั่งไปจนถึงบ้าน (ปั่นด้วยความเร็วระดับวิ่งคู่ไปกับรถแท็กซี่) จากนั้นส่งวิญญาณคนเป็นของตัวเองไปก่อกวนซาวาระและคนในครอบครัวทั้งกดกริ่งประตูถี่ๆ เคาะกระจกตอนอาบน้ำ ครูดกำแพงบ้านตอนนอน จนซาวาระ ภรรยา และลูกสาวผวากันไปหมด

หลังจากโดนก่อกวนอยู่สี่วัน ซาวาระก็ยอมแพ้ ยอมให้เคียวโกะร่วมเข้ารับการทดสอบเทสต์หน้ากล้อง เคียวโกะรับเอกสารสำหรับกรอกเดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ออกไปจากห้องของซาวาระ แล้วไปเดินชนซึรูงะ เรนตรงมุมกำแพงจนกระดาษตก เรนหยิบขึ้นมาดู เห็นเป็นเอกสารกรอกสมัครเข้ารับการทดสอบนักแสดงหน้าใหม่ ก็เหลือบมองเคียวโกะอย่างเย็นชา แล้วส่ายหน้าแบบที่เคียวโกะเห็นแล้วฉุนกึก แหวใส่ว่า “อะไร ทำไมต้องถอนหายใจแล้วทำหน้าแบบมาเทสต์ก็ตกชัวร์ จะเสียใจเปล่าๆ แบบนั้นด้วยล่ะ” เรนทำหน้าประหลาดใจมาก (หน้ากลมๆ น่ารักอย่างฮา) บอก “โหเก่งจัง ทำไมดูคนแม่นขนาดนี้ อ่านใจได้เหรอ? พวกพลังจิตเหรอ?”

เคียวโกะแหวกลับไปว่าท่าทางแสดงขนาดนั้นไม่รู้ก็บ้าแล้ว และไม่คิดว่านี่จะเป็นการกระทำที่เปล่าประโยชน์ เรนพูดเสียงเหยียดว่า “เธอนี่ไม่รู้อะไรเอาซะเลย ไม่ใช่เธอคนเดียวหรอกที่จะทำลงไปโดยเปล่าประโยชน์ เธอจะทำให้พวกกรรมการต้องเสียเวลากับเธอไปเปล่าๆ วงการมายาไม่ใช่ว่าชอบแล้วจะเข้ามาได้ แต่เธอสิไม่ได้ชอบวงการไม่ได้อะไรเลยแต่คิดอยากจะเข้ามา ไหนบอกหน่อยสิว่าทำไมถึงอยากเข้าวงการถึงขนาดต้องไปขอร้องคุณซาวาระ เพราะสนใจเหรอ? หรือว่ามีแรงจูงใจอย่างอื่น?” เคียวโกะตวาดว่า “ฉันอยากแก้แค้นฟูวะ โช!”

เรนนิ่งไป แล้วเอามือถือขึ้นมาต่อเน็ตเสิร์ชหาด้วยชื่อ “ฟูวะ โช” หน้าตาเฉย ทำเอาเคียวโกะอึ้ง + โมโหมาก ตวาดว่าโชดังออกขนาดนี้ แค่ร้องเพลงแรกก็ดังเป็นพลุแตกแล้ว ทำไมต้องเสิร์ชหาด้วย พูดจบเธอก็ไปนั่งทุบกำแพงเจ็บใจว่าทำไมเธอต้องไปพูดชื่นชมฟูวะ โชด้วย หลังจากเรนเสิร์ชเสร็จและรู้แล้วว่า “ฟูวะ โช” คือใคร ก็เอามือตบไหล่เคียวโกะยิ้มเหมือนเยาะพูดว่า “เอาน่า ขนาดนี้ถ้าร้องเพลงได้บ้างอาจจะสมปรารถนาก็ได้” ตามด้วยพูดกระแทกด้วยสีหน้าเย็นชาว่าอย่าคิดว่าแค่ความพยายามจะสามารถทำสำเร็จได้ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหน้ายิ้มอ่อนโยนพูดว่า “แต่พูดไปเธอก็คงไม่เข้าใจอยู่แล้วล่ะนะ” พร้อมกับคืนกระดาษแบบฟอร์มให้แล้วเดินจากไป

กลับที่พักไปวันนี้ เคียวโกะเอารูปเรนขนาดเล็กที่ตัดออกมาจากนิตยสารมาแปะข้างรูปโชขนาดใหญ่ แล้วเขียนคำประกาศด่า + อาฆาต แถมยังทำตุ๊กตาสาปแช่งแบบเหมือนจริงไซส์ 1/8 ของเรนกับโชอีกต่างหาก

 


ซึรุงะ เรน พระเอกของการ์ตูนเรื่องนี้เป็นนักแสดงและนายแบบ เป็นคนเอาจริงเอาจังกับการทำงานและมีความรับผิดชอบในการทำงานสูงมาก ได้ชื่อว่าเจ้าชายผู้ไม่เคยมาสาย ไม่ว่าคิวงานจะแน่นแค่ไหน เขาก็สามารถทำสถิติไปถึงตรงเวลาหรือก่อนเวลาได้ทุกครั้ง ด้านการเป็นนายแบบ เรนเป็นทั้งนายแบบนิตยสารและนายแบบเดินแบบแฟชั่น เป็นนายแบบประจำของแบรนด์เนมระดับโลก ด้านการเป็นนักแสดง เขาเป็นนักแสดงที่แสดงเก่งมากๆ เข้าถึงบทบาทเหมือนสวมวิญญาณถึงขนาดที่แม้แต่ตอนป่วยเป็นไข้หวัดจนหมดสติ พอได้ยินเสียงพูดบทที่ตัวเองต้องพูดตอบ ยังได้สติตื่นมาแสดงตามบทต่อได้ด้วยสีหน้าอารมณ์ตามตัวละครในบท และไม่เคยอารมณ์เสียใส่คู่แสดงที่แสดงพลาดซ้ำๆ แถมยังช่วยพูดปลอบให้กำลังใจ จนได้ชื่อว่าผู้พิฆาตดาราแสดงร่วม คือทำให้ดาราสาวที่แสดงคู่กับเขาต้องมีอันหลงรักเขาทุกครั้งไป

เปลือกนอกที่เรนแสดงออกมาให้ทุกคนเห็นคือมาดสุภาพบุรุษผู้อ่อนโยนมีน้ำใจอยู่เสมอ แต่ก็รักษาระยะห่างคบกับทุกคนโดยผิวเผินเสมอภาคทั้งหมด จนไม่มีใครสนิทกับเขาเลย เพราะเขาไม่เปิดโอกาสให้ใครมาตีสนิทได้ คนที่เรนสนิทด้วยจริงๆ มีแต่ “ทาคาราดะ ลอรี่” ท่านประธานบริษัท LME ที่เรนสังกัดอยู่ เพราะเป็นคนที่รู้อดีตของเขาและสนิทกับพ่อเขา

คนที่ถูกเรนจงใจกลั่นแกล้งและได้เห็นเนื้อในภายใต้หน้ากากสุภาพบุรุษที่สวมบังหน้าของเรนมีแต่เคียวโกะ เนื่องจากเรนเป็นคนจริงจังในการทำงานและมีความพยายามสูงกว่าคนทั่วไปกว่าที่จะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ เขาจึงมองเคียวโกะในแง่ลบมาก เพราะเคียวโกะต้องการเข้ามาในวงการมายาโดยที่ไม่ได้มีใจรัก แค่เข้ามาเพราะต้องการจะแก้แค้น เหมือนเห็นวงการนี้เป็นของง่าย เท่ากับเป็นการดูถูกวงการมายาอย่างมาก


เคียวโกะเข้ารับการทดสอบเป็นนักแสดง และได้พบกับ “โคโตนามิ คานาเอะ” สาวสวยผู้มีพรสวรรค์ในการแสดงสูงมาก (เปิดอ่านบทรอบเดียวจำได้ทั้งหมด แสดงได้เข้าถึงอารมณ์ สั่งน้ำตาออกมาได้ใน 3 วิ) แต่นิสัยเป็นคนดุดันและเห็นแก่ตัวมาก มองแต่เป้าหมายของตัวเองที่จะขึ้นไปเป็นนักแสดงชั้นนำโดยไม่สนใจคนอื่นรอบข้าง นอกจากนี้ เคียวโกะยังได้พบกับเด็กหญิงลึกลับ (อายุประมาณ 6-7 ขวบ) ที่เข้ามาป้วนเปี้ยนในที่ให้นั่งรอเข้ารับการทดสอบ โดยเด็กหญิงโดนคานาเอะจับโยนมาใส่เคียวโกะที่นั่งทำตุ๊กตาสาปแช่งเรนกับโชฆ่าเวลา และแทนที่เคียวโกะจะปลอบใจเด็กหญิงที่ร้องไห้ ก็กลับดึงแก้มเด็กจนยืดและพูดยิ้มๆ อย่างโหดเหี้ยมเย็นชาว่า “หนู ผู้หญิง เด็กน่ะ คิดหรือว่าพอร้องไห้แล้วจะมีใครมาช่วย” ซึ่งคำพูดนี้ของเคียวโกะได้สร้างความประทับใจให้เด็กหญิงคนนี้มาก

ในการทดสอบ ท่านประธานลอรี่ได้มาดูการทดสอบด้วย และลุงแกเป็นตัวละครที่สุดยอดฮามาก ไร้คำบรรยายสุดๆ เป็นตัวสร้างสีสันให้แก่เรื่องนี้อย่างมากจริงๆ...(อยากรู้ว่าเป็นยังไง ให้หามาอ่านเองนะคะ)

 

ท่านประธานลอรี่

ลุงแกโผล่มาแต่ละที ชุดไม่เคยซ้ำกันเลย

 

 

ท่านประธานลอรี่ กับคุณซาวาระ


ในการทดสอบรอบที่ 1 เคียวโกะกับคานาเอะต่างผ่านทั้งคู่ ส่วนรอบที่สอง คานาเอะผ่าน เคียวโกะตก (อยากรู้รายละเอียดในการทดสอบให้ไปหาอ่านเอาเองนะคะ ฮาสุดยอดเลยแหละ) เธอจึงออกหางานพิเศษทำอย่างจ๋อยๆ แต่ความจริงแล้ว ท่านประธานลอรี่ (ต่อไปจะเรียกย่อว่า “ท่านประธาน” ) ถูกใจเคียวโกะมาก และได้ตั้งแผนกใหม่ขึ้นมา ชื่อว่า “แผนก LOVE ME” และรับเคียวโกะเข้าทำงานโดยให้ฝึกฝนอยู่ในแผนกนี้ เป็นสมาชิกหมายเลข 1 ของแผนกนี้

ท่านประธานทาคาราดะ ลอรี่เป็นคนฉลาดมาก มีจินตนาการสูง (เกินเหตุ) และเจ้าแผนการ เขาดูออกว่าเคียวโกะเป็นเด็กสาวที่มีพรสวรรค์ในด้านการแสดงสูง แต่เป็นคนที่ปฏิเสธความรักอย่างรุนแรงเช่นกัน นั่นคือมีความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะไม่รักใคร แต่วงการบันเทิงนั้นต้องสร้างความบันเทิงให้กับคนอื่น ต้องคิดถึงความสุขของผู้รับความบันเทิง หากไม่มีใครรักความต้องการที่จะทำเพื่อผู้ชมแล้ว จะเป็นนักแสดงที่สร้างความบันเทิงให้แก่ผู้ชมได้อย่างไร เขาจึงได้ตั้งแผนกนี้ที่มีหน้าที่สร้างความสุขให้แก่คนอื่นขึ้น หน้าที่คือ รับทำงานทุกอย่างตามแต่ใครจะวานให้ทำ จากนั้นคนที่วานให้ทำงานให้จะปั๊มคะแนนให้ว่าให้กี่คะแนน มีตั้งแต่ 100 คะแนนไปจนถึง -10 คะแนน และมีสมุดสำหรับปั๊มคะแนนให้

ทีแรกเคียวโกะที่สอบตกการคัดเลือกตั้งใจว่าจะไม่ไปที่บริษัทอีก แต่ลุงที่พักอยู่ด้วยพูดกระตุ้นให้ทดลองดูใหม่ เธอจึงกลับไปที่บริษัทอีกครั้ง ก็จ๊ะเอ๋กับดารารุ่นป้าที่มาสายเข้าให้พอดี คุณป้าที่รู้เรื่องแผนกใหม่รีบยัดข้าวของของตัวเองทั้งกระเป๋าเดินทางทั้งสัมภาระมาให้เคียวโกะช่วยถือ เคียวโกะรับมาถือเดินตามป้าแกไปอย่างงงๆ

ด้านเรนที่ก็นั่งรอดารารุ่นป้าคนนี้มาสมทบไปพลางนั่งคุยกับซาวาระเรื่องแผนกใหม่ที่เปิดไปพลาง เรนบ่นว่าไม่รู้ท่านประธานจะทำแผนบ้าๆ นี้ขึ้นมาทำไม ไม่เห็นมีความจำเป็นต้องให้คนแบบนั้น (เคียวโกะ) เข้ามาอยู่ในออฟฟิศเลย ซาวาระจึงทักว่าดูท่าทางเรนจะเกลียดเด็กคนนั้นสินะ เรนยิ้ม (จอมปลอม) บอกว่าเปล่าครับ ผมไม่ได้เกลียดเด็กคนนั้น แค่ไม่ชอบเท่านั้น ซาวาระคิดในใจว่าแล้วมันต่างกันเรอะ?

เมื่อดารารุ่นป้ามาถึงพร้อมยิ้มอย่างขอโทษ พูดว่าพอดีรถติดเลยมาสาย เรนก็ยิ้มละไม (จอมปลอม) ตอบไปว่า “ถ้าอย่างนั้น คราวหน้าลองย่นเวลาแต่งหน้าลงอาจจะทันนะครับ แบบนี้แหละคราวหน้าจะได้ไม่ต้องแก้ตัวอีก” ทำเอาดารารุ่นป้าอ้าปากค้าง ส่วนซาวาระเหวอมาก จากนั้นทั้งสองคนก็หันไปเห็นเคียวโกะที่หอบของตามหลังมาแบบเหนื่อยแฮ่ก ซาวาระนึกว่าเคียวโกะรู้เรื่องแผนก LOVE ME แล้ว จึงเข้าไปจับมือแสดงความยินดี ก่อนจะเดินนำหน้าไป ตามด้วยคุณป้า เรนแย่งกระเป๋าเดินทางไปช่วยถือให้อย่างมีน้ำใจพร้อมกับยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ทำเอาเคียวโกะแปลกใจว่าเรนก็เป็นคนมีน้ำใจนี่นา เรนเดินเคียงไปกับเคียวโกะพลางก็พูดเรื่องแผนก LOVE ME ให้ฟังด้วยสีหน้าเรียบเฉย

พอเคียวโกะได้รู้ว่าตัวเองอยู่แผนกที่ชื่อทุเรศมาก แถมหน้าที่ที่ต้องทำในแผนกนี้ยัง...สุดๆ ก็ช็อกมาก ทำของที่ถือหลุดตกมือกระเป๋าเปิดของตกกระจาย ดาราคุณป้าหันมาเห็นก็กรีดร้องต่อว่า แถมเห็นเรนช่วยถือกระเป๋าให้ ก็ตวาดว่าเคียวโกะซ้ำอีกที่ใช้งานนักแสดงรุ่นพี่ให้ถือกระเป๋าให้ ช่างไม่รู้ธรรมเนียมเอาเสียเลย แล้วปั๊มคะแนน -10 ให้ที่แก้มของเคียวโกะ

ระหว่างที่เคียวโกะโดนด่า เรนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เคียวโกะมองเรนด้วยสายตา “ก็คนนี้เอาของไปจากมือเราเองนี่” เรนกลับยิ้มอย่างอ่อนโยน (จอมปลอม) ให้ พูดว่า “กรรมตามสนอง งานที่รับมาตัวเองก็ต้องรับผิดชอบเองถึงจะถูก ไม่ว่าตอนนั้นเขาจะพูดดีขนาดไหนก็ตาม ก็ต้องปฏิเสธถึงจะถูก ต่อไปก็...ระวังอย่าติดลบมากกว่านี้ล่ะ พยายามเข้าล่ะ” พูดจบก็เดินลอยชายจากไป ทิ้งให้เคียวโกะมองด้วยสายตาอาฆาตแค้นตามหลังไปนึกในใจว่า “มัน...เจ้าหมอนี่เกลียดฉันอย่างแน่นอน!!”

 

ชุดฟอร์มของแผนกเลิฟมีเป็นชุดหมีสีชมพูแจ๊ดสะดุดตาแบบน่าขายขี้หน้าชาวบ้านมาก เคียวโกะใส่แล้วอายสุดๆ งานแรกที่ได้รับการวานให้ทำคือขูดหมากฝรั่งที่มีคนคายทิ้งไว้บนพื้น แต่เนื่องจากเคียวโกะทำจริงจังไปหน่อย พอขูดเสร็จสีพื้นมันต่างกับบริเวณอื่นดูน่าเกลียด เธอจึงขัดพื้นแถบนั้นใหม่ทั้งหมด จากนั้นก็นึกอยากลงแว็กซ์ให้สวยๆ จึงลงแว็กซ์ด้วย ผลคือพื้นลื่นจนคนที่เดินเข้ามาบริเวณนั้นลื่มล้มกันเป็นแถว จนต้องติดป้ายว่า “พื้นที่อันตรายห้ามผ่าน” ผลคือเคียวโกะโดนให้คะแนนแค่ 10 คะแนน (ยังใจดีนะเนี่ยที่ไม่ให้ติดลบ)

เวลาเดียวกันนี้ ทางด้านเรน ได้พบกับโชโดยบังเอิญในสถานีโทรทัศน์ โชแกล้งเตะถังขยะ(รูปร่างคล้ายแก้วไวน์ก้านยาวขนาดใหญ่) ล้มจะให้กลิ้งไปโดนเรน แล้วพูดกวนโอ๊ยว่า “โทษที ฉันขายาวไปหน่อย พอดีไม่รู้ว่าเป็นซึรูงะ เรน จะได้ระวังกว่านี้” เรนมองหน้าโช ก็จำได้ว่าเป็นคนที่เคียวโกะคิดจะแก้แค้น เรนยิ้มนุ่มนวล พูดตอบว่า “ฉันเข้าใจดี มีบ่อยสินะที่ต้องเผลอเดินชนอะไรโดยไม่ตั้งใจ” แล้วใช้เท้าเขี่ยถังขยะกลับขึ้นมาตั้งเหมือนเดิม ปลายตามองโชพูดเสียงเรียบว่า “ขยะที่เกลื่อนกลาดก็เก็บด้วยนะ” แล้วเดินจากไป ทำเอาสาวๆ แถวนั้นกรี๊ดกันเป็นแถวในความสุดเท่แสนจะเป็นผู้ใหญ่ของเรน ส่วนโชยิ่งโมโห + เสียหน้าสุดๆ

 


งานที่สองของเคียวโกะ วานโดยรูริโกะ นักร้องขวัญใจวัยรุ่นคนล่าสุด เธอรับแสดงหนังเรื่องหนึ่งในบทนางเอก เนื่องจากเรนไปบอกเธอว่าอยากจะแสดงร่วมกับเธอ

 

เล่าถึงตรงนี้ จะขอสาธยายระดับรูปร่างหน้าตาของเรนเทียบกับโชสักหน่อย

ตามความเห็นส่วนตัว และจากที่พิจารณาดูจากเนื้อเรื่อง หากให้คะแนนความหล่อ + ความเท่ของเรนกับโช

เรน คะแนนความหล่อ 100 คะแนนความเท่ 100

โช คะแนนความหล่อ 85 คะแนนความเท่ 80

เมื่อบวกกับชื่อเสียงของเรนที่ทั้งเป็นผู้ใหญ่ อ่อนโยน ใจดี เป็นสุภาพบุรุษ บุคลิกนุ่มนวลเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว เรียกได้ว่าถ้าเรนเอ่ยปากขอ ยังไม่เคยเจอสาวคนไหนปฏิเสธมาก่อน แต่ “ซึรูงะ เรน” ไม่เคยมีแฟน ซึ่งเรื่องนี้มีสาเหตุอยู่ หากได้อ่านในเนื้อเรื่องเต็มก็จะรู้ได้เอง จะไม่ขอบอกสาเหตุที่ว่าในที่นี้ แม้แต่เรื่องที่เรนหล่อเท่ถึงขนาดนี้ได้ ก็มีสาเหตุที่มาที่สมเหตุสมผลอีกเหมือนกัน ทำนอง “ก็สมควรแล้วที่เรนจะหล่อเนี้ยบเพอร์เฟคไร้ที่ติถึงขนาดนี้”


 


เนื่องจากเรนเป็นคนมาขอร้อง แม้รูริโกะจะไม่อยากแสดง แต่เธอปิ๊งเรน ดังนั้นจึงรับแสดง รูริโกะเป็นนักร้องที่เอาแต่ใจมากจนขึ้นชื่อ หากไม่พอใจขึ้นมาก็มักจะบอกว่าจะเลิกเล่น ให้พวกผู้จัดการและคนอื่นต้องมาอ้อนวอนและยอมตามใจ ประธานลอรี่คิดจะดัดนิสัยนี้ของเธอ จึงสั่งให้เรนและผู้กำกับให้ความร่วมมือ เชิญเธอมาแสดงหนังเรื่องนี้เพื่อเป็นการดัดนิสัยเธอ

หนังเรื่องนี้มีฉากที่ต้องถ่ายกลางแจ้งนอกสถานที่ และรูริโกะเกลียดการที่ต้องตากแดดมาก เธอสั่งทำร่มชายหาดแบบติดแผ่นกันรังสียูวี และเพื่อรอรับร่มนี้ เธอจึงไปถึงสถานที่ถ่ายทำสายไปหนึ่งวันอย่างไม่สนใจเลยว่าคนอื่นจะต้องรอ และพอดีว่าตอนใกล้จะไปถึงสถานที่ถ่ายทำรถตู้ที่เธอนั่งเกิดเสีย จึงให้เคียวโกะกางร่มพาเธอไปที่สถานที่ถ่ายทำก่อน รูริโกะไม่อยากเดินเหนื่อยให้เหงื่อออก จึงจงใจพูดโกหกทำนองว่าเธอแพ้แดด เป็นโลหิตจาง ให้เคียวโกะต้องทั้งถือร่มชายหาด ถือของของเธอ และแบกเธอขี่หลังเดินขึ้นเนินเป็นระยะทางไกลเอาเรื่อง

ทีแรกเคียวโกะก็ใจดี มองโลกในแง่ดี มองว่าตัวเองช่วยปกป้องสาวน้อยผู้อ่อนแอ ก็พยายามอดทนช่วยเต็มที่ แต่ตอนใกล้จะถึงสถานที่ถ่ายทำเธอเกิดสะดุดหกล้มข้อเท้าเจ็บ ลุกไม่ขึ้น รูริโกะจึงบอกว่าจะไปต่อเองแล้วจะเรียกคนมาช่วย ก่อนจะถือร่มถือของเดินไปเอง

เมื่อไปถึงสถานที่ถ่ายทำ รูริโกะก็ไม่คิดจะเรียกใครมาช่วยเคียวโกะเลย เคียวโกะรอแล้วรออีก จนเรนกับพวกสตาฟเดินมาเจอเธอเอง พอเห็นเธอขาเจ็บ และท่าทางจะเจ็บมาก (วาดรูปเป็นก็อดซิลลาคำรามตอนเรนบังคับถอดรองเท้าออกดูข้อเท้า) เป็นไปได้ว่าอาจถึงขั้นกระดูกข้อเท้าร้าว เรนจึงช้อนตัวเคียวโกะขึ้นอุ้มพาไปที่กองถ่าย เคียวโกะแอนตี้เรนมาก บอกว่าไม่ต้องมาเสแสร้งใจดีใส่หรอก เรนจึงปล่อยให้เคียวโกะนั่งลงตรงระเบียง ส่วนตัวเองไปแต่งตัวเตรียมเข้าฉาก

หลังจากเรนผละจากไป ยาชิโร่ ผู้จัดการของเรน (ตัวละครที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับที่ 4 ของเรื่องนี้ อายุ 25 ปี นิสัยน่ารักมาก ขี้แกล้งเรน เป็นเหมือนพี่ชายของเรน) เข้ามาช่วยพันข้อเท้าปฐมพยาบาลให้เคียวโกะ แล้วจะพาไปส่งโรงพยาบาล แต่เคียวโกะบอกขออยู่ดูแลรูริโกะจนจบงานนี้ก่อนแล้วค่อยไป

 

ยาชิโร่

 


 

รูริโกะเห็นเรนอุ้มเคียวโกะกลับมา ก็ยิ่งโกรธหนักเข้าไปใหญ่ ตอนเรนแต่งตัวเตรียมเข้าฉากก็เที่ยวแอบดูพลางร้องตะโกนตัดพ้อในใจว่าเนไม่เห็นเธอรึไง ทำไมไม่เข้ามาทักเธอเลย ก็เรนเป็นคนบอกเองแท้ๆ ว่าอยากจะแสดงร่วมกับเธอ ไปๆ มาๆ รูริโกะได้เผลอถึงขนาดเข้าไปดึงแขนเสื้อเรน เรนจึงหันมาเห็น และยิ้ม (จอมปลอม) ให้ พูดว่า “มาถึงจนได้นะ รอจนเมื่อยแล้ว”

รูริโกะได้ฟังก็ช็อกมาก ยิ่งนึกถึงภาพที่เรนอุ้มเคียวโกะก็ยิ่งโมโห จึงบอกจะเลิกแสดงแล้ว และเดินหนีไปกะให้ผู้กำกับและเรนวิ่งตามมาง้อ หลังจากรูริโกะเดินหนีไป ผู้กำกับก็เข้ามาพูดกับเรนว่ารูริโกะคงไม่พอใจที่เรนพูดด้วยแบบนั้น เรนไม่พูดเอาใจเธอหน่อยล่ะ? เรนบอกถ้าทำแบบนั้นก็ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องให้รูริโกะมาแสดงหนังเรื่องนี้น่ะสิ

รูริโกะที่เดินหนีจากเรนมาอย่างกระฟัดกระเฟียดเดินสวนกับเคียวโกะและยาชิโร่พอดี รูริโกะพูดด่าทอเยาะเย้ยเคียวโกะว่าเธอเกลียดแผนกเลิฟมี เกลียดจุดประสงค์ที่มีแผนกนี้ด้วย อย่างเคียวโกะที่เข้ามาเป็นพนักงานในบริษัททั้งที่ไม่ได้มีพรสวรรค์น่ะไม่มีทางเผยอหน้าเห็นแสงอาทิตย์ได้หรอก เป้าหมายของเธอคือทำลายเคียวโกะซะ เคียวโกะจึงได้รู้ว่าความจริงแล้วรูริโกะเกลียดเธอ และจับวิญญาณร้ายในตัวที่โผล่ออกมาจะไปเล่นงานรูริโกะไว้ แล้วร่วมกับยาชิโร่ช่วยกันจับรูริโกะกลับไปส่งจุดถ่ายทำ

กลับไปถึงจุดถ่ายทำ รูริโกะเห็นเรนกำลังนั่งดื่มชากับผู้กำกับสบายใจเฉิบโดยไม่มีทีท่าว่าจะเดือดเนื้อร้อนใจคิดจะไปตามหาเธอเลย รูริโกะก็โกรธมาก ยิ่งเห็นเรนถามเคียวโกะว่าทำไมยังไม่ไปโรงพยาบาล ก็ยิ่งหมั่นไส้เคียวโกะ ผลักเธอล้มกระเด็นไปทางเรนจนโดนเท้าข้างที่เจ็บซ้ำ ผู้กำกับดุรูริโกะให้ขอโทษเคียวโกะ พวกสตาฟเองก็มองรูริโกะอย่างตำหนิ รูริโกะจึงเชิดหน้า ยิ่งโมโหหนัก ไม่ยอมขอโทษ

ระหว่างที่เริ่มแสดง เคียวโกะยืนดูอยู่ด้วย เรนที่ยังไม่ต้องเข้าฉากเอาเก้าอี้มาให้นั่ง พูดว่า “คุณหนู ไม่นั่งหรือครับ?” เคียวโกะบอกไม่นั่ง ทำไมต้องมาทำใจดีกับฉันด้วย คุณเกลียดฉันไม่ใช่รึไง? เรนบอกคนเราคนป่วยกับคนเจ็บต้องเป็นข้อยกเว้น ใจดีด้วยไม่ได้เหรอ? เคียวโกะเลยอ๋อ อย่างนี้นี่เอง แล้วนึกขึ้นได้ เขยิบออกห่างจากเรน บอกว่าช่วยอยู่ห่างๆ หน่อย เดี๋ยวรูริโกะหันมาเห็นจะโกรธเธออีกหรอก

หนังที่ถ่ายทำนี้เป็นหนังยุคเก่าที่ต้องสวมกิโมโน และรูริโกะแสดงเป็นคุณหนูลูกผู้ดี แต่แสดงได้ไม่มีมาดคุณหนูเลย จึงถูกสั่งให้แสดงใหม่ไม่ผ่านสักทีตั้งแต่ฉากแรกจนเธอโกรธมาก ระเบิดอารมณ์พูดว่าจะเลิกแสดงแล้ว ให้เคียวโกะแสดงแทนไปเลยสิ เคียวโกะที่กำลังเคืองอยู่แล้วรับคำท้า ผู้กำกับเองก็บอกโอเค สองคนไซส์พอๆ กัน เสื้อผ้าสวมแทนกันได้ ถ้าเคียวโกะแสดงได้ดีกว่า ให้เปลี่ยนตัวกับรูริโกะไปเลย ทำเอารูริโกะอึ้ง ชักเดือดร้อนขึ้นมาจริงๆ

เคียวโกะถูกพาไปแต่งหน้าและสวมวิก เนื่องจากเธอเคียวโกะไม่เคยได้แต่งหน้ามาก่อน ตอนที่ได้รู้ว่าช่างจะแต่งหน้าให้จึงปลื้มมาก ผลการแต่งหน้าของเคียวโกะออกมาอย่างสวยจนตกตะลึงมาก เหมือนคุณหนูผู้ดีระดับเจ้าหญิงสุดๆ แม้แต่เรนเห็นแล้วยังอึ้งพูดไม่ออก รูริโกะแดกดันว่าเพราะช่างแต่งหน้าเก่งหรอก ไม่ว่าใครก็แต่งหน้าให้ออกมาสวยได้ทั้งนั้น แต่แทนที่เคียวโกะจะโกรธก็กลับปลาบปลื้ม บอกเป็นความฝันในชีวิตของเธอเลยที่ได้แต่งหน้า ทำเอาทุกคนที่ได้ฟังเหงื่อตกอย่างแรงว่ายายนี่ใช้ชีวิตผ่านมาแบบไหนกันเนี่ย ถึงได้กะอีแค่ได้แต่งหน้าก็ปลื้มซะเวอร์ขนาดนี้

 


เนื่องจากเคียวโกะถูกอบรมมาโดยแม่ของโชเพื่อให้เป็นนายหญิงของบ้านรับช่วงกิจการต่อในอนาคต มารยาทแบบญี่ปุ่นของเคียวโกะจึงไร้ที่ติ แสดงเทคเดียวผ่าน ผู้กำกับพูดชมอย่างทึ่งว่า “เหนือชั้น” เคียวโกะพูดใส่หน้ารูริโกะว่าเธอมีหน้าที่ปกป้องรูริโกะ ดังนั้นนับจากนี้ไปรูริโกะไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะต้องเจอกับแสงแดดอีก เพราะเธอจะบังแสงแดดให้มิดไม่ให้รูริโกะได้มีโอกาสเผยอหน้าไปเจอกับมันได้อีกเลย ทำให้รูริโกะยิ่งช็อกมาก กลัวจะโดนเขี่ยออกจากบทนี้จริงๆ

แต่เพราะตอนเข้าฉากแรก เคียวโกะต้องใช้ขาข้างที่เจ็บเดิน หลังถ่ายเสร็จจึงเจ็บหนักกว่าเดิม เรนช่วยตรวจดูขาให้ แล้วบอกว่าฉากต่อไป ต่อให้เทคเดียวผ่าน เคียวโกะก็ต้องนั่งคุกเข่านานถึง 15 นาที สภาพขาแบบนี้นั่งไม่ไหวแน่ ถอนตัวจะดีกว่า แต่เคียวโกะยืนกรานที่จะลองดู

ฉากถัดไปเป็นฉากชงชา รูริโกะเคยเรียนมานิดหน่อยตอนยังเด็ก จึงนึกว่าตัวเองต้องทำได้ดีกว่าเคียวโกะแน่ ตอนฟังเลคเชอร์สอนเรื่องชงชา รูริโกะทำได้ดีมาก ส่วนเคียวโกะขอผ่านไปนั่งพัก และเมื่อจะเริ่มแสดงค่อยขึ้นไปนั่งบนแท่นที่เป็นฉากแสดง โดยฉากนี้นางเอกของเรื่องจะต้องนั่งพับขาคุยกับพระเอก (เรน)

รูริโกะเป็นฝ่ายแสดงก่อน แต่ระหว่างแสดง มัวแต่จ้องหน้าเรนคิดเรื่องเรนจนลืมบท จึงถูกสั่งคัท เปลี่ยนให้เคียวโกะแสดงบ้าง

เคียวโกะท่องไว้ในใจถึงกฎเหล็กของตอนให้บริการลูกค้าที่แม่ของโชสอนไว้ ว่าเมื่อลูกค้ายังอยู่ จะต้องทำหน้ายิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นตลอด อย่าให้ลูกค้ารู้ถึงความผิดปกติของเรา จนกว่าลูกค้าจะลุกจากไป เมื่อผู้กำกับบอกเริ่ม เคียวโกะที่ก่อนเริ่มยังเอามือยันพื้นอย่างเจ็บมาก นั่งพับขาไม่ไหว ก็นั่งพับขายิ้มละไมได้เหมือนไม่เจ็บเลย โดยสมมุติว่าตรงหน้าตัวเองคือลูกค้า ทำเอาทุกคนต่างตกตะลึง โดยเฉพาะเรนกับผู้กำกับ ผู้กำกับชมออกมาเลยว่าสปิริตของเด็กคนนี้เทียบได้กับนักแสดงระดับมืออาชีพแล้ว และเคียวโกะทำให้เรนไฟนักแสดงลุก แสดงความสามารถในการแสดงออกมากับเธอด้วยเช่นกัน

พูดถึงความสามารถในการแสดงของเรนว่ามีมากแค่ไหนนั้น นอกจากคำพูดแล้ว ทั้งสีหน้า แววตา อากัปกิริยา ต่างสามารถที่จะสื่อให้คู่แสดงที่แสดงด้วยกันรู้ได้ และสามารถที่จะชักนำคู่แสดงให้แสดงออกมาตามที่ตัวเองต้องการได้ด้วย กรณีนี้ เรนจงใจใช้ความสามารถนี้ดึงให้เคียวโกะแสดงตามการชักนำของเขา เคียวโกะที่เผลอทำตามจนลืมบทพูดเจ็บใจมากและนึกฮึดสู้คุมสติให้อยู่ระหว่างแสดง ทำให้ผู้กำกับทึ่งมากที่เคียวโกะกล้าแสดงปะทะสู้กับเรนตรงๆ ซึ่งหานักแสดงที่กล้าหาญท้าเรนแบบนี้ได้ยากมาก

รูริโกะที่รู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงความแตกต่างของเรนว่าต่างกับตอนที่แสดงกับเธอก็ถูกผู้กำกับบอกว่า หากคิดจะให้เรนเอาจริง ก่อนอื่นเธอต้องมีศักยภาพมากพอที่จะกระตุ้นให้เรนอยากแสดงด้วยอย่างจริงจังในฐานะนักแสดงเสียก่อน

ฉากตอนที่เรนแสดงคู่กับเคียวโกะนี่เจ๋งมาก ลองไปหาอ่านดูนะคะ

เคียวโกะแสดงได้ไม่จบฉาก เพราะเจ็บขามากจนสติเริ่มเลือนราง ผู้กำกับสังเกตเห็นจึงรีบสั่งให้เรนลงมาจากแท่นที่เป็นฉาก พอเรนลงไปจากแท่น เคียวโกะก็ล้มลงหมดสติไป และถูกพาส่งโรงพยาบาลด่วน ผลคือกระดูกข้อเท้าหักต้องเข้าเฝือก แต่ฉากการแสดงประชันกันของเรนกับเคียวโกะนี้ก็สุดยอดประทับใจผู้กำกับมากอยู่ดี

รูริโกะที่ได้เห็นสปิริตในการแสดงของเคียวโกะได้นึกถึงเมื่อตอนที่ตัวเองเพิ่งเข้าสู่วงการใหม่ๆ ที่มีใจรักในการร้องเพลง มีสปิริต มีความพยายามที่จะทำให้ดีที่สุดแม้จะกำลังป่วยมีไข้สูง และไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่ตัวเองกลายมาเป็นคนเอาแต่ใจ ไม่พอใจนิดหน่อยก็อาละวาดขู่ว่าจะเลิกให้คนอื่นๆ มาคอยง้อคอยอ้อนวอนแบบนี้ เธอจึงเกิดความละอายใจและนึกฮึดสู้ขึ้นมา ขอโอกาสแก้ตัวกับผู้กำกับอย่างจริงใจ ซึ่งก็ตรงกับเป้าหมายของแผนการในครั้งนี้ของท่านประธานลอรี่พอดี หลังเสร็จงานนี้ รูริโกะปั๊มคะแนนให้เคียวโกะ 100 คะแนนเต็ม และพูดขอบคุณรวมถึงขอโทษท่ามกลางความงุนงงของเคียวโกะ

ผู้กำกับพูดปลอบเคียวโกะที่แพ้รูริโกะ เคียวโกะบอกดีแล้วที่เธอแพ้ เพราะเธอไม่ได้เจ็บใจที่แพ้รูริโกะ แต่เจ็บใจที่โดนเรนปั่นหัวเล่นให้แสดงไปตามที่เรนต้องการเหมือนถูกเรนชักเชิด ผู้กำกับจึงปลอบว่าไม่ใช่เธอคนเดียวที่รู้สึกแบบนี้ นี่คือความเก่งของเรน สำหรับเรน ถ้ามีบทที่ต้องทำให้คู่แสดงหลงใหล เรนก็จะทำให้คู่แสดงหลงใหลจริงๆ ถ้ามีบทที่ทำให้กลัว ก็จะทำให้คู่แสดงกลัวจริงๆ คนที่แสดงกับเรนจึงแสดงอารมณ์ของจริงออกมาเสมอ เคียวโกะแย้งว่านี่แหละที่น่าเจ็บใจ เพราะเธอไม่ได้แสดงออกมาด้วยฝีมือการแสดงของตัวเอง แต่แสดงออกมาเพราะถูกเรนบังคับ ซึ่งการที่เรนทำแบบนั้นทำให้เธอไม่มีโอกาสแสดงฝีมือการแสดงของตัวเองออกมา

พอดีกับจังหวะนี้ เรนกับยาชิโร่เดินผ่านมา ผู้กำกับจึงวานให้เรนช่วยพาเคียวโกะไปส่งที่ห้องแต่งตัว ระหว่างทางยาชิโร่ชวนคุย (เคียวโกะไม่คุยกับเรนเลย เรนก็เหมือนกัน) ถามถึงเรื่องชงชาที่เคียวโกะทำได้ดีมาก ทำให้เคียวโกะนึกไปถึงนายหญิง แม่ของโช และนึกโยงได้ว่าแม่ของโชฝึกเธอให้เป็นเจ้าสาวของโชในอนาคตนี่นา เท่ากับว่าความสามารถที่เธอถูกฝึกทั้งหมดเป็นไปเพื่อโชทั้งนั้น เคียวโกะรู้สึกขึ้นมากะทันหันว่าตัวเองช่างว่างเปล่าและเกิดหมดแรงทรุดลงไปนั่ง เรนย่อตัวลงถามว่ามีอะไร จังหวะนี้ได้มีนักข่าวที่แอบแฝงตัวเข้ามาจะขอถามเกี่ยวกับเคียวโกะ โดนเรนทำหน้าโหดสวนกลับไปว่ากำลังคุยธุระอยู่ นักข่าวก็รีบขอตัวจากไปอย่างรวดเร็ว ยาชิโร่มองแบบเหงื่อตกพลางคิดในใจว่านี่ถ้าเรนพูดแบบเดียวกันนี้จากมุมมองก้มหน้าลง (เพราะเรนตัวสูงมาก) มีหวังน่ากลัวยิ่งกว่านี้แน่ เพราะงี้ผู้กำกับถึงได้วานให้เรนช่วยเดินมาส่ง (เพื่อป้องกันนักข่าวเข้ามาถามซอกแซก)

เมื่อไปถึงห้องแต่งตัว ช่างแต่งหน้าจะล้างเครื่องสำอางให้เคียวโกะ เคียวโกะไม่อยากล้างเครื่องสำอางเพราะเสียดาย เรนจึงจงใจพูดโฆษณาครีมบำรุงผิวที่โชเป็นพรีเซ็นเตอร์ และพูดกระตุ้นว่าจะแพ้เขานา เคียวโกะจึงจำใจต้องยอมให้ช่างแต่งหน้าล้างเครื่องสำอางทั้งน้ำตา ยาชิโร่จำได้ว่าที่เรนพูดคือคำโฆษณาที่โชแสดง จึงถามเรนอย่างประหลาดใจ แต่เรนไม่บอกอะไร

วันถัดมาเคียวโกะมาลาผู้กำกับจะกลับบริษัท เจอกับเรนและยาชิโร่ ยาชิโร่ถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่าเห็นเมื่อวานอยู่ๆ เคียวโกะก็ลงไปนั่งตอนที่เขากับเรนพาไปส่ง เคียวโกะรีบบอกว่าไม่เป็นไร นั่นแค่เพราะพอพูดถึงเรื่องชงชา ก็นึกถึงผู้ชายที่เกลียดขึ้นมา เรนถามว่าเจ้านั่นน่ะหรือ? งั้นที่เธอพยายามคราวนี้ก็เพื่อแก้แค้นสินะ? เคียวโกะตอบอย่างมุ่งมั่นว่าแน่นอนที่สุดค่ะ เรนจึงยิ้ม (จอมปลอม) บอกว่าที่ครั้งนี้รูริโกะแสดงเต็มที่ได้เพราะเธอ ในฐานะที่เขาเป็นนักแสดงร่วมก็ต้องขอบใจ อยากจะปั๊มคะแนนให้ ถ้าไม่รังเกียจขอสมุดหน่อย พอเคียวโกะยื่นสมุดไปให้อย่างดีใจ ปรากฏว่าเรนปั๊มคะแนน -10 ให้เฉยเลย

เคียวโกะได้แต่เจ็บใจว่าโดนเรนหลอกอีกแล้ว ไปหลงเชื่อหมอนั่นทำไมเนี่ย แน่นอนว่าพอเคียวโกะกลับที่พัก ภาพเรนที่อยู่คู่กับโชได้กลายเป็นภาพใหม่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ตุ๊กตาสาปแช่งเรนก็เพิ่มจำนวนขึ้น...แต่การที่ได้เห็นฝีมือการแสดงของเรน ทำให้เคียวโกะตั้งเป้าหมายใหม่เช่นกันว่าจะพัฒนาฝีมือให้เหนือกว่าเรนให้ได้

ยาชิโร่ถามเรนหลังจากนั้นว่านายชอบเคียวโกะจังไม่ใช่เหรอ? เรนบอกสปิริตน่ะชอบ แต่เกลียดแรงจูงใจ ยาชิโร่ได้แต่คิดในใจว่านึกแล้วว่าสองคนนี้ต้องไม่ถูกกัน

 


กลับมาทำงานที่บริษัท LME ต่อ เคียวโกะได้สมาชิกแผนกเลิฟมีคนใหม่ คือโคโตนามิ คานาเอะที่เคยร่วมเทสต์หน้ากล้องด้วยกัน เนื่องจากคานาเอะตกรอบสาม และเป็นโรคคล้ายๆ กับเคียวโกะ คือไม่มีความรักให้ใคร แต่มีพรสวรรค์ด้านการแสดงสูงมากคู่ควรแก่การขัดเกลา จึงโดนท่านประธานจับเข้าแผนกเลิฟมีด้วยคน

ทีแรกคานาเอะจะไม่ยอม แต่พอดีว่าตอนนั้นมีการทดสอบแสดงของแผนกสอนการแสดงที่การจะเข้าไปต้องจ่ายค่าเล่าเรียนเกือบห้าแสนเยน และหลานสาวคนเดียวของท่านประธานได้อาละวาดทำลายข้าวของเสียหายรวมถึงทำให้นักเรียนการแสดงบางคนบาดเจ็บ และตอนนี้หนีไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนไม่รู้ ประธานลอรี่จึงเดินนำเคียวโกะเดินไปที่แผนกสอนการแสดงไปพลางพูดไปพลางว่าถ้าแผนกเลิฟมีสามารถปลดความเจ็บปวดในใจของหลานสาวเขาได้ เขาจะให้ทั้งเคียวโกะและคานาเอะได้ยกเว้นค่าเล่าเรียนในแผนกสอนการแสดง คานาเอะที่ได้ยินเข้าด้วยจึงตกลงใจเข้าแผนกเลิฟมีทันที

หลานสาวของท่านประธานชื่อมาเรีย ก็คือเด็กหญิงคนที่คานาเอะเคยจับโยนใส่เคียวโกะตอนเทสต์หน้ากล้องคนนั้นเอง เด็กหญิงเป็นลูกสาวคนเดียวของลูกชายคนเดียวของท่านประธาน แม่ของเธอเป็นนางแบบระดับโลก ตอนเธออายุได้ 3-4 ขวบ ได้ขอให้แม่กลับมาร่วมฉลองวันเกิด แล้วเครื่องบินตก แม่เธอเสียชีวิต พ่อเธอจึงกล่าวโทษว่าเธอเป็นต้นเหตุให้แม่ต้องตาย เธอจึงเสียใจมาก

เคียวโกะเทตุ๊กตาสาปแช่งของเรนและโชที่ตัวเองทำออกมา ประมาณว่ากะล่อเด็กออกมาหา เพราะเด็กผู้หญิงน่าจะชอบตุ๊กตา คานาเอะเห็นตุ๊กตาพวกนี้แล้วอย่างช็อกมาก เพราะทำได้ละเอียดสุดๆ จึงเข้าใจผิดว่าเคียวโกะเป็นสาวกที่คลั่งไคล้ทั้งเรนและโช (คานาเอะไม่รู้ว่าเป็นตุ๊กตาสาปแช่ง) ส่วนเด็กหญิงมาเรียก็ปลื้มเรนพอดี เลยวิ่งเข้ามาขอตุ๊กตาอย่างคลั่งไคล้ (รายนี้รู้ว่าเป็นตุ๊กตาสาปแช่ง) เรียกว่าเคียวโกะไม่ต้องทำอะไรเลยก็ล่อมาเรียที่ซ่อนตัวอยู่ออกมาได้แล้ว มาเรียขอตุ๊กตาเรน บอกจะเอาไปทำเสน่ห์ เคียวโกะก็ยกให้ (แถมตกใจมากที่เพิ่งได้รู้ว่าตุ๊กตาสาปแช่งเอามาใช้ทำเสน่ห์ได้ด้วย) จากนั้นเคียวโกะกับมาเรียก็คุยกันอย่างถูกคอมากเรื่องสาปแช่งแบบที่คานาเอะได้แต่นั่งฟังอย่างสุดอึ้งว่าสองคนนี้คุยอะไรกันฟะ

 


พอดีตอนนั้นแผนกสอนการแสดงกำลังมีการฝึกแสดงบทเด็กผู้หญิงที่นึกว่าพ่อเกลียดตัวเองที่ทำให้แม่ตายอยู่พอดี (เป็นสาเหตุที่มาเรียดูการแสดงแล้วอาละวาดไม่พอใจทำลายข้าวของเสียหายไปทั่ว) เคียวโกะจึงใช้ฝีมือการแสดงของตัวเองชักนำจิตใจของมาเรียให้ได้รู้ความจริงและเชื่ออย่างสนิทใจว่าความจริงแล้วพ่อรักเธอ ไม่ได้เกลียดเธอเลย เพียงแต่ไม่รู้จะสื่อสารกับลูกสาวตัวเองยังไงดีเท่านั้น เท่ากับสามารถเคลียร์โจทย์ของท่านประธานได้ แต่เพราะถูกพวกแผนกการแสดงหมั่นไส้หาว่าขี้โกง ทั้งสองจึงต้องจ่ายค่าเล่าเรียนเองอยู่ดี แต่ผ่อนจ่ายได้

ท่านประธานลอรี่บอกว่าการที่เคียวโกะซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะจะเข้าแผนกการแสดง ต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกปครองก่อน เคียวโกะนึกถึงแม่ที่ทิ้งตัวเองไป จึงรู้สึกเศร้าขึ้นมาทันที และย้อนถามกลับไปว่า “คนที่ไม่ห่วงว่าฉันจะทำอะไรอยู่ที่ไหน ถึงอย่างนั้นความยินยอมของคนคนนั้นก็ยังจำเป็นหรือคะ?” ท่านประธานจึงอึ้งไป

เคียวโกะที่นึกถึงแม่ที่ทิ้งตัวเองไปรู้สึกหดหู่มาก จึงไปนั่งกุมก้อนหินสีฟ้าที่เป็นเครื่องรางพกติดตัวตลอดอยู่ตรงบันได ซาวาระเดินมาเห็นเข้าจึงร้องทัก เคียวโกะตกใจทำก้อนหินร่วงตกลงไปตรงร่องระหว่างชั้นข้างราวบันไดร่วงดิ่งลงไปรวดเดียวถึงชั้นหนึ่ง จึงร้องกรี๊ด รีบตามลงไปเก็บอย่างรวดเร็ว

ก้อนหินตกลงไปอยู่ตรงหน้าเรน เรนเก็บขึ้นมาดูอย่างประหลาดใจ เคียวโกะที่วิ่งตามลงมาหาหินตะโกนร้องเสียงดังว่า “คอน” ส่งผลให้มือที่ถือหินของเรนกระตุกไปวูบหนึ่ง

เคียวโกะถามเรนว่าเห็นก้อนหินสีฟ้าตกลงมาไหม? เรนถามว่าของเธอหรือ? (เคียวโกะไม่เห็นว่าเรนถืออยู่) เคียวโกะคุกเข่าลงพยายามมองหากับพื้นไปร้องไห้ไป พูดว่าตกลงมาจากที่สูงขนาดนั้น ถึงหาเจอก็คงแตกเป็นเสี่ยงๆ ไปแล้ว ขอโทษนะคอนจ๋า เรนถามว่า “คอนนี่คือ?” ซาวาระก็ทักเหมือนกันว่าเมื่อกี้ก็ได้ยินเคียวโกะพูด เคียวโกะจึงบอกว่าคอนคือชื่อของหินก้อนนั้น เธอตั้งตามชื่อของคนที่ให้หินก้อนนั้นมา สมัยเด็กเธอเป็นคนขี้แง เขาจึงให้หินก้อนนี้มาบอกว่าจะช่วยให้น้ำตาของเธอลดลง หินนี้เป็นของสำคัญของเขาแท้ๆ แต่เธอกลับทำมันหาย

เรนยื่นก้อนหินในมือให้ ถามว่า “นี่น่ะหรือ?” เคียวโกะรีบเข้าไปดู เมื่อเห็นว่าหินยังอยู่ดีไม่มีแตกก็โล่งใจ ยิ้มออกมาอย่างดีใจสุดขีด เรนกับซาวาระเห็นแล้วตกตะลึง ซาวาระนึกในใจว่าเพิ่งเคยเห็นเคียวโกะยิ้มแบบนี้เป็นครั้งแรก เคียวโกะโค้งขอบคุณเรนอย่างจริงใจ เรนถามอย่างลังเลเล็กน้อยว่าเคียวโกะเคยอยู่ที่เกียวโตหรือ? เคียวโกะตกใจมากว่าทำไมเรนถึงรู้ เพราะมีแต่พวกหัวหน้าแผนกและท่านประธานลอรี่ที่ได้อ่านประวัติของเธอเท่านั้นที่รู้ เรนถามซ้ำว่าไม่ใช่หรือ? เคียวโกะบอกว่าเปล่า มันก็ถูกอยู่หรอก เธอเคยอยู่ที่เกียวโต ทำไม...(จะถามว่าทำไมเรนถึงรู้) เรนบอกไม่รู้หรือว่าหินนั้นมีอยู่ที่เกียวโต เคียวโกะมองหินตาโตอย่างตื่นเต้น พูดว่า “จริงเหรอคะ!”

 


เรนบอก “ถ้าจริง คนท้องถิ่นอย่างเธอน่าจะรู้สิ เธอเคยไปดูร้านขายของฝากของเกียวโตบ้างไหมนี่ ไม่ไหว เธอนี่หลอกง่ายดีนะ อินโนเซนส์ขนาดนั้นอยู่มาถึงตอนนี้ได้ด้วย แบบนี้เดี๋ยวโดนผู้ชายหลอกให้เสียน้ำตาหรอก เอ๊ะหรือว่า...โดนหลอกให้ร้องไห้ไปแล้ว? สายไปแล้ว?” (แทงใจดำเคียวโกะดังฉึก)

เคียวโกะ “ไม่ต้องพูดก็ได้!”

เรน “เอ๊ะ...หรือว่าคนที่หลอกจะเป็นคนๆ นั้น?” เคียวโกะกัดฟันกรอด แล้วทำเป็นเมินหันไปพูดขอตัวกับซาวาระ เรนพูดหน้าตาเฉยต่อว่า “แทงใจดำล่ะสิ อยากจะบอกว่า ‘ไม่ได้ถูกเขาหลอกซะหน่อย’ สิท่า ในวงการนี้ถึงจะโดนแยงเรื่องจริง แต่ก็ต้องบอกปฏิเสธว่าไม่ใช่ไปให้ชัดเจน ไม่อย่างนั้นคนจะเอาไปตีความในทางไม่ดี และอาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ เอาเถอะ แต่ก็ต้องได้ออกแสดงก่อน ไม่งั้นก็ไม่มีความหมายหรอกนะ”

เคียวโกะโมโหสุดขีด ตกลงใจว่าจะไม่เข้าใกล้ซึรูงะ เรน ในรัศมีห้าเมตรอีกเด็ดขาด และชูนิ้วกลางใส่แล้วเผ่นหนีจากไปอย่างรวดเร็ว เมื่อยาชิโร่มาหาเรนหลังจากนั้นไม่นานเห็นเรนยืนเหม่ออยู่ก็ร้องทัก เรนบ่นกับตัวเองว่า “มาคิดๆ คนเรานี่เปลี่ยนไปได้มากเอาเรื่องนะ” ยาชิโร่ถามอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าเรนพูดเรื่องอะไร เรนบอกเปล่า แล้วนึกถึงรอยยิ้มของเคียวโกะตอนที่ได้หินคืนไป ซ้อนทับกับรอยยิ้มของเด็กผู้หญิงคนนั้นตอนที่เขามอบหินก้อนนั้นให้เมื่อตอนยังเด็ก รอยยิ้มอ่อนโยน (แบบจริงใจ) ได้ผุดขึ้นบนใบหน้าของเรนอย่างลืมตัว นึกในใจว่าถึงอย่างนั้น (เคียวโกะจัง) ก็คงยังไม่เปลี่ยนไปมากเท่าตัวเราหรอกล่ะมั้ง...

 


เหตุการณ์ฉากนี้ได้บอกให้รู้ว่า เด็กผู้ชายลึกลับชื่อว่า “คอน” ที่เคียวโกะเคยได้พบเมื่อสมัยยังเด็กก็คือเรนนั่นเอง เป็นจุดเริ่มต้นของปมเกี่ยวกับปริศนาของเรนที่ยังมีอีกมากมาย ประเด็นนี้ แม้แต่เนื้อเรื่องในตอนปัจจุบันที่เรนรักเคียวโกะแล้ว ก็ยังคงถูกเก็บเป็นความลับในใจเรนที่ไม่สามารถบอกกับเคียวโกะได้ เพราะยังไม่ถึงเวลา

ณ ตรงนี้จะ spoil ให้ว่า ตอนที่เรนได้พบกับเคียวโกะ เป็นตอนที่เรนอายุสิบขวบ ส่วนเคียวโกะหกขวบ เป็นช่วงเวลาที่เรนประสบมรสุมในชีวิตอย่างหนักระลอกที่หนึ่ง (ยังมีระลอกที่สองที่สาหัสกว่า จนต้องเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนแซ่มาใช้ชื่อปลอมว่า “ซึรูงะ เรน”) จนต้องหลบมาพักตัวฟื้นฟูสภาพจิตใจที่เกียวโต บ้านเกิดของพ่อเขา และการที่ได้เจอได้รู้จักสนิทสนมกับเคียวโกะ แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาไม่กี่วัน ได้เยียวยาจิตใจของ “คอน” ให้กลับมามีกำลังใจมากพอที่จะกลับไปฮึดสู้กับอุปสรรคในชีวิตอีกครั้ง

และจากการที่เรนได้รู้ว่าเคียวโกะก็คือ “เคียวโกะจัง” ที่เขาเคยได้พบเมื่อสมัยยังเด็ก ได้ส่งผลให้มุมมองต่อตัวเคียวโกะที่เคยติดลบสุดๆ เพิ่งมามีคะแนนบวกตอนได้เห็นสปิริต มีคะแนนบวกเพิ่มขึ้นมาโขจากความประทับใจในวัยเด็ก เพราะพูดได้ว่าเคียวโกะก่อนจะเป็นโหมดร้ายนี่สเปคของเรนเลย

 

ไม่กี่วันถัดมา LME จะเปิดรายการใหม่ โดยพิธีกรคือกลุ่มนักแสดงบริดร็อคของ LME มีด้วยกันสามคน และมีคนใส่ตุ๊กตาไก่ชื่อว่า “โบ” เป็นเหมือนของประดับรายการ เนื่องจากการถ่ายทอดครั้งแรกเป็นการถ่ายทอดสด และเป็นการแสดงครั้งแรกของบริดร็อค พวกบริดร็อคเลยตื่นเต้นกันมาก มีแขกรับเชิญคือฟูวะ โช ซาวาระจึงมอบหมายให้สมาชิกแผนกเลิฟมีไปนั่งเป็นหน้าม้าด้วย เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเคียวโกะชอบโช ได้เจอโช เคียวโกะน่าจะดีใจ

พอดีว่าคนที่ต้องสวมตุ๊กตาไก่ติดธุระมาไม่ได้ คานาเอะ (ที่ตอนนี้เคียวโกะเรียกว่า “โมโกะ” ) จึงดันให้เคียวโกะไปสวมชุดไก่แสดงแทน พอเคียวโกะได้รู้ว่าแขกรับเชิญคือโช วิญญาณอาฆาตก็ออกมาล่องลอยออย่างเริงร่าทันที หมายมาดเตรียมพร้อมเล่นงานโชให้หน้าแตกกลางงานเต็มที่

การปะทะกันในรายการโชว์ระหว่างเคียวโกะ (ในร่างไก่) และโชสุดยอดฮามาก ขำเสียชีวิต ไม่ขอเล่าในที่นี้ ไปหาอ่านกันเอาเองนะคะ

 


ผลลัพธ์คือเคียวโกะโดนโปรดิวเซอร์เล่นงานอย่างหนัก และกะไม่ให้ออกรายการใดๆ อีก เคียวโกะที่เซ็งสุดขีดใส่ชุดไก่เดินเรื่อยเปื่อยอยู่ในสถานีโทรทัศน์ แล้วไปเจอเรนที่กำลังนั่งทำหน้ากลุ้มใจอย่างผิดบุคลิกเข้าก็เหวอมาก นึกถึงการพบกันครั้งสุดท้ายที่ตัวเองชูนิ้วกลางใส่เรน ก็จะรีบเผ่นหนี แต่เสียงเดินของตุ๊กตาไก่ที่ลากเท้ามันดัง เรนได้ยินเสียงหันมามอง ก็เจอเข้า และรีบลุกขึ้นเดินเข้ามาหาพร้อมกับขอยืมใช้มือถือ

เคียวโกะกลัวเรนรู้ว่าตัวเองคือใคร จึงดัดเสียงเป็นผู้ชายบอกว่าไม่มีมือถือ (เคียวโกะพูดทางท้องได้ ดัดเสียงตามต้องการได้ เก่งเนอะ) เรนก็ทำท่าคอตก เคียวโกะจึงถามว่าไม่ไปขอยืมผู้จัดการส่วนตัวล่ะ เรนบอกมือถือผู้จัดการพังโดยไม่ทราบสาเหตุ (ยาชิโร่เป็นพวกที่มีคลื่นแปลกๆ ไม่ถูกกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิค แตะมือถือด้วยมือเปล่าแค่สิบวินาที มือถือก็จะพัง) ส่วนพวกสตาฟถามมาแล้วหกคน วืดหมด บางคนเอาไปให้แฟนยืมใช้ บางคนลืมเอามา บางคนต้องบอกอีเมลถึงจะให้ยืม

เคียวโกะนึกในใจว่าถ้าแค่จะโทรศัพท์ ใช้เครื่องแบบหยอดเหรียญเอาก็ได้นี่ หรือว่าหมอนี่มีคำศัพท์ในบทที่ต้องท่องที่อ่านไม่ออก เลยจะใช้มือถือเสิร์ชข้อมูลแบบตอนที่เสิร์ชหาชื่อโช เคียวโกะคิดแล้วก็พูดออกมาตามที่สงสัย เรนแอบสะดุ้ง รีบยิ้มละไม (จอมปลอม) ตอบปฏิเสธทันทีว่าจะเป็นอย่างนั้นได้ยังไง

เคียวโกะพูดตอบไปว่า “ถึงจะโดนพูดแทงใจดำก็ต้องเฉไฉไปให้ได้ นั่นเป็นกฎเหล็กของนักแสดงสินะฮะ” แทงใจดำเรนดังฉึก เคียวโกะนึกต่อในใจว่านั่นเป็นเรื่องที่นายสอนฉันด้วยความเมตตายังไงล่ะ น่าขำดีเนอะ ถ้าไม่ใช่เพราะนายเคยสอนฉันไว้แบบนั้น เมื่อกี้ที่นายบอกว่า “ไม่ใช่” ฉันคงจะยอมเชื่อไปแล้ว และพูดไล่ต้อนเรนว่าเรนต้องมีคำพูดในบทที่อ่านไม่ออกแน่ๆ แต่ไม่กล้าไปถามใคร เขา (เธอ) ไม่โดนหน้ายิ้มๆ ของเรนหลอกเอาหรอก คนอื่นน่ะโดนหน้ายิ้มๆ ของเรนหลอกกันทั้งนั้น เวลาเรนอยากจะกลบเกลื่อนปิดบังความในใจหรือหลอกอะไรใคร จะต้องใส่หน้ากากยิ้มที่ตรงข้ามกับใจจริงบังหน้าตลอด นั่นคือยิ่งรอยยิ้มเจิดจ้ามากเท่าไร ในใจก็ยิ่งมืดดำมากเท่านั้น

เคียวโกะพูดถึงตรงนี้พอดูหน้าเรน ก็เห็นว่าหน้าของเรนไม่ยิ้มแล้ว แต่ดูดุน่ากลัวมาก แสดงว่าเรนโกรธจริงๆ ทำเอาเคียวโกะเหวอไปเลย กลัวสุดๆ เรนถามเสียงเหี้ยมว่าทำไมถึงรู้ เคียวโกะร้องไห้โฮ บอกขอโทษคร้าบ ผมเกลียดซึรูงะ เรนฝังใจมาก เลยอยากพูดแกล้งน่ะคร้าบ

 


เรนเห็นท่าขอโทษแบบกลัวมากของตุ๊กตาไก่ยักษ์ก็ขำมาก หัวเราะออกมาและหายโกรธ เคียวโกะแปลกใจที่เรนหายโกรธเร็ว เรนบอกว่าเขาไม่มีความจำเป็นต้องโกรธใครที่สำนึกผิดอย่างจริงใจหรอก เคียวโกะแอบนึกนับถือความใจกว้างและเป็นผู้ใหญ่ของเรน และนึกกลับกันว่าถ้าตัวเธอกับเรนสลับที่กัน เธอจะทำยังไง ก็พบว่าตัวเองโคตรใจแคบเลยและนึกละอาย จึงตื๊อให้เรนยอมบอกว่ากำลังลำบากเรื่องอะไร เธอจะได้ช่วยจนสำเร็จ

เรนไม่เข้าใจสำนวนหนึ่งในบทพูดที่ผู้กำกับเพิ่งเอามาให้ใหม่กะทันหัน (ผู้กำกับเปลี่ยนใจไม่ใช้บทเดิม และเอาบทใหม่มาให้โดยให้เวลาเตรียมตัวอ่านแค่ก่อนแสดงไม่นานเท่าไหร่ เรนจึงไม่มีเวลาเสิร์ชหาข้อมูลมาจากบ้าน) และไม่กล้าถามใครแม้แต่ยาชิโร่ เพราะไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าเขาไม่สันทัดภาษาญี่ปุ่นบางคำที่ไม่ได้พบเจอบ่อยหรือใช้บ่อยๆ ในชีวิตประจำวัน เคียวโกะรู้ถึงเรื่องกลุ้มใจของเรนก็ขำมาก และช่วยบอกความหมายของคำที่เรนไม่เข้าใจให้โดยไม่ได้นึกสงสัยอะไร เพราะคำที่เรนไม่รู้เป็นคำค่อนข้างโบราณ เคียวโกะจึงคิดไปว่าที่เธอรู้คำนี้ อาจเป็นเพราะเธอโตมาในโรงแรมสไตล์โบราณ จึงได้พบเจอคำนี้ค่อนข้างบ่อย

เมื่อแก้ปัญหาได้แล้ว เรนก็สบายใจ แต่เคียวโกะกลับนึกไปถึงโชอีกแล้วและจิตตก เรนเห็นท่าทางของเคียวโกะ จึงถามดู เคียวโกะบอกความดันต่ำ เรนบอกเพราะใส่แต่ชุดนี้น่ะสิ และจะให้ถอด เคียวโกะไม่ยอมถอด บอกว่าวันนี้โดนไล่ออกแล้ว เลยอยากจะใส่ต่ออีกหน่อย เรนบอกเพราะมัวแต่ใส่ชุดที่ถูกไล่ออกถึงได้ไม่ก้าวหน้าสักที เคียวโกะแหวว่าอย่างนายจะมาเข้าใจอะไร นายไม่เคยโดนไล่ออกนี่ เรนบอกว่าเคยสิ ตอนที่เขาเพิ่งเข้าวงการใหม่ๆ ก็อยากจะขายออกเร็วๆ แต่กลายเป็นคว้าลมไปซะหลายรอบ ตอนยังเป็นนักแสดงอ่อนหัดไม่เชื่อผู้กำกับ เลยโดนไล่ออก แล้วนั่งนับนิ้วว่าเคยโดนไล่ออกมากี่หน นับไปสิบก็แล้ว ยี่สิบก็แล้ว ก็ยังไม่หมด

เคียวโกะดูแล้วตกตะลึงคาดไม่ถึงมาก ว่าสำหรับซึรูงะ เรน เจอมาตั้งขนาดนี้แล้วยังดังขนาดนี้ได้ จะไม่เวอร์ไปหน่อยเหรอ แล้วนึกขึ้นได้ จึงถามแบบกึ่งล้อเล่นว่าทำไมอดีตที่ล้มเหลวของดาราดังอย่างนายถึงไม่มีใครพูดถึงเลยสักครั้งล่ะ? พวกสื่อญี่ปุ่นไม่มีทางปล่อยเรื่องแบบนี้ไว้แน่ แสดงว่าตอนนั้นนายไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงญี่ปุ่นหรือเปล่า? เป็นสมัยอยู่ในประเทศอื่นไกลๆ อย่างอเมริกางั้นสิ?

เรนชะงัก แล้วแกล้งแสดงท่ากลบเกลื่อนเหมือนตัวเองเป็นคนอเมริกันและทำหน้าดูถูกเคียวโกะ ทำให้เคียวโกะโกรธมาก และเข้าใจไปว่าตัวเองเดาผิด + เลิกสนใจเรื่องนี้ ทำให้เรนโล่งอก พอดีกับตอนนั้นยาชิโร่มาตามเรน เคียวโกะจึงจากไปอย่างกระฟัดกระเฟียด เรนวิ่งตามไปขอบคุณอย่างจริงใจที่เคียวโกะช่วยแก้ปัญหาให้เขา ส่วนเคียวโกะเอง การที่ได้รู้ความจริงว่านักแสดงอันดับหนึ่งอย่างเรนเคยล้มเหลวมามากครั้งขนาดนั้น ทำให้เธอมีกำลังใจที่จะฮึดสู้ต่อไป

 


เนื่องจากการแสดงของโบในรายการถ่ายทอดสดเป็นที่ชื่นชอบของผู้ชมมาก เคียวโกะจึงถูกจ้างให้แสดงประจำเป็นโบ และเนื่องจากเคียวโกะกลัวโชกับเรนจะรู้ว่าเธอคือโบแล้วเธอจะซวย จึงให้คุณวาวาระช่วยเก็บเงียบเป็นความลับให้

 

จากเนื้อเรื่องช่วงนี้ ผู้เขียนได้บอกใบ้ให้ว่า ความจริงแล้วเรนไม่ใช่คนญี่ปุ่น และเคยอยู่ที่อเมริกามาก่อน รวมถึงเคยมีอดีตการแสดงที่ล้มเหลวมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

ในความเป็นจริง เมื่อสมัยอายุสิบขวบ เรนที่ตอนนั้นชื่อว่า “คอน” ถูกผู้กำกับไล่ออก เจอความล้มเหลวมามากครั้งจนจิตใจทนรับความกดดันไม่ไหว พ่อเขาจึงให้เขามาที่ญี่ปุ่นบ้านเกิดของพ่อเพื่อพักฟื้นจิตใจ ช่วงอยู่ที่ญี่ปุ่น คอนได้พบกับเคียวโกะ เด็กหญิงที่อายุน้อยกว่าเขาสี่ปีแท้ๆ แต่มีความพยายามและอดทนเก่งเหลือเกิน พยายามทำอย่างสุดกำลังในทุกเรื่องโดยไม่ย่อท้อ การได้เห็นเด็กผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าตัวเองเข้มแข็งและอดทนถึงขนาดนี้ ทำให้คอนที่จิตใจเริ่มบิดเบี้ยวกลับมาเป็นเด็กจิตใจอ่อนโยนเหมือนเดิม และนึกฮึดสู้มีกำลังใจขึ้นมา จึงหวนกลับไปต่อสู้ในวงการบันเทิงของอเมริกาได้อีกครั้ง

 

ขอเล่าเนื้อเรื่องแต่เพียงเท่านี้ ท่านที่อยากทราบเนื้อเรื่องต่อจากนี้ ให้ไปหาเช่าหรือหาซื้ออ่านนะคะ

 

 

 

หลินโหม่ว

16 มี.ค. 2555

 

 


แก้ไขเมื่อ 3 เม.ย. 2555, 00:41 โดย

หลินโหม่ว เข้าร่วมเมื่อ 17 มี.ค. 2555, 08:39

176 ความคิดเห็น