หัวข้อ : เล่มที่ ๔ รวมพลก่อตั้งสมาพันธ์ ตอนที่ ๕ ผลประโยชน์ขัดแย้ง

โพสต์เมื่อ 3 ก.พ. 2555, 08:45

ตอนที่ ๕

 

ผลประโยชน์ขัดแย้ง

 

 

ภูเขาแร่เหล็กครึกครื้นขึ้นมาอย่างกะทันหัน เพราะไม่กี่วันมานี้ได้มีผู้เล่นแห่กันมาถึงเกือบ ๑,๐๐๐ คน พื้นที่บริเวณใจกลางภูเขาที่เดิมกว้างขวาง ตอนนี้เปลี่ยนเป็นออกจะแออัดเล็กน้อย

ในกระโจมแบบมองโกล[1]ขนาดใหญ่มีคนนั่งเบียดกันอยู่ ๔ คน อะไรก็ได้ เจี๋ยเต๋อ และส้มโอ สามเสนาธิการจากแต่ละกลุ่มกำลังสนทนาแลกเปลี่ยนความเห็นกัน หลายวันมานี้กลุ่มของพวกเขาเพิ่มจำนวนขึ้นเป็น ๕๐ คน ตอนแรกทุกคนก็อยู่ร่วมกันได้อย่างสงบดีอยู่หรอก แต่พวกผู้เล่น ๑,๐๐๐ คนที่แห่กันมาอย่างกะทันหันได้ทำลายข้อตกลงที่ต่างก็รู้กันนี้ลงเสียสิ้น เนื่องจากที่ว่างมีไม่มากพอจะเฉลี่ยให้ผู้เล่นทุกคนได้เสียแล้ว การกระทบกระทั่งเล็กๆ น้อยๆ จึงเริ่มจะเกิดขึ้น

การเข้ามาร่วมของกลุ่มขนาดเล็กและขนาดกลางหลายกลุ่มยิ่งทำให้บรรยากาศในภูเขาแร่เหล็กคุกรุ่นเข้าไปใหญ่ กลุ่มคนจำนวนหลายสิบหรือกระทั่งหนึ่งร้อยกว่าคนเริ่มกั้นเขตยึดครองพื้นที่กันแล้ว

ถึงแม้กลุ่มของพวกเฉินเฟิงจะไม่ใช่กลุ่มอย่างเป็นทางการ แต่ ๑๒ วันที่ร่วมงานกันมา ทำให้ทุกคนพากันถือว่าพวกตนเป็นกลุ่มเดียวกันไปเรียบร้อยแล้ว พวกผู้เล่นที่เพิ่งจะเข้ามาร่วมในภายหลังต่างก็เป็นผู้เล่นที่ยังไม่ได้อาชีพกันทั้งสิ้น ดังนั้นแม้จะมีจำนวนคนถึง ๕๐ คน แต่ฐานกำลังก็ไม่ได้เพิ่มมากขึ้นสักเท่าไรนัก

อะไรก็ได้พูดขึ้นเป็นคนแรกว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าการเปิดเผยวิธีนี้ออกไปจะส่งผลให้กลุ่มสมาคมแห่กันมาเยอะขนาดนี้ พวกเราทำพลาดไปซะแล้ว”

“นั่นสิ !” ส้มโอเห็นด้วย “ถ้าไม่เพราะพี่เฟิงใจกว้างไม่คิดจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับล่ะก็ กว่าคนพวกนั้นจะรู้ความลับนี้ก็ต้องเสียเวลาอีกพักใหญ่โน่นแหละ ตอนแรกทุกคนแบ่งๆ กันทำกินก็ยังพอว่า แต่พวกกลุ่มสมาคมนั่นดันมาเลียนแบบเรา พวกพี่น้องต่างก็ชักจะไม่พอใจกันทั้งนั้น ถ้าทุกคนแข่งขันกันอย่างยุติธรรมก็ว่าไปอย่าง นี่ดันมากั้นเขตยึดครองพื้นที่กันเฉยเลย !”

“เรื่องมันเกิดไปแล้ว มานั่งนึกเสียใจไปก็ไร้ประโยชน์ ตอนนี้พวกที่หาจอมเวทธาตุแสงมาช่วยไม่ได้พากันมาเบียดอยู่แถวๆ พวกเรากันหมดแล้ว พวกเรามีแต่พี่เฟิงคนเดียวที่ใช้เวทมนตร์ธาตุแสงได้ แล้วก็เพิ่มจำนวนคนไม่ได้แล้วด้วย ถ้ายังไม่หาทางแก้ปัญหานี้ ไม่ช้าก็เร็วคงได้มีเรื่องกันแน่ !” เจี๋ยเต๋อว่า

อะไรก็ได้ถอนหายใจ “ใจคนโลภยิ่งกว่างูที่คิดกลืนช้าง กลุ่มสมาคมพวกนี้พอได้ผลประโยชน์ปุ๊บ ก็คิดจะฮุบเอาไว้ฝ่ายเดียวทันที ไม่ยอมคิดเสียบ้างเลยว่าใครเป็นคนบอกวิธีนี้ให้พวกมัน มิน่าเล่าพวกยอดฝีมือถึงได้ไปมาเพียงลำพังกันทั้งนั้น เพราะโลกนี้บีบให้พวกเขาต้องอยู่ตามลำพังนี่เอง”

“ก็พวกเรายังไม่ได้ตั้งกลุ่มกันอย่างเป็นทางการ เพราะพวกเรายังไม่มีปัญญาเลี้ยงคนมากขนาดนี้ได้ แล้วยังไม่มีปัญญาซื้อศูนย์สมาพันธ์ด้วย อีกอย่างหากเป็นกลุ่มที่มารวมตัวกันเพราะผลประโยชน์ล่ะก็ ทุกคนก็ไม่อยากจะได้กลุ่มแบบนี้เหมือนกัน” เจี๋ยเต๋อเสริม

ส้มโอพูดว่า “แต่พวกในกลุ่มเราไม่อยากจากไปกันทั้งนั้น กลัวก็แต่เกิดมีเรื่องกันขึ้นมา จะเลี่ยงก็เลี่ยงไม่ได้แล้วนี่สิ”

เฉินเฟิงนั่งคิดอยู่เงียบๆ หากกลุ่มกลุ่มหนึ่งก่อร่างขึ้นโดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ล้วนๆ คิดจะประคองให้มันยืนหยัดต่อไปได้นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ ถึงแม้คนในกลุ่มของเขาจะยังมีระดับไม่สูงมากนัก แต่หากที่อื่นมีผลประโยชน์ที่ดีกว่า ก็จะจากไปในทันที

ตอนนี้ยังไม่เกิดกรณีพิพาทกัน แต่กลุ่มสมาคมที่ค่อนข้างใหญ่บางกลุ่มเริ่มจะรับสมัครสมาชิกกันแล้ว แถมยังเริ่มไล่ที่พวกผู้เล่นที่ไม่ยอมเข้าเป็นสมาชิกอีกต่างหาก อีกไม่นานคงกลายเป็นสภาพผูกขาดอย่างแน่นอน

เฉินเฟิงไม่ได้เพิ่งจะเคยพบเหตุการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรก พวกทหารรับจ้างในเมืองเขี้ยวมังกรเองถึงแม้จะต่างกลุ่มต่างอยู่ แต่ต่างก็ยึดผลประโยชน์เอาไว้อย่างแน่นหนาเหมือนกันไม่ใช่หรือ ? ทันทีที่มีกลุ่มอิทธิพลอื่นเข้ามารุกราน ก็จะรวมตัวกันต่อต้านโดยอัตโนมัติ พวกขบวนนักเวทและสัตว์เองก็มีเรื่องบาดหมางกับสมาพันธ์ดาบกระบี่เพราะเหตุนี้เช่นกัน

ขบวนอัศวินมังกรยึดครองเมืองมังกรเมฆเอาไว้อย่างเหนียวแน่นก็เพื่อผลประโยชน์เช่นกัน และตอนนี้ก็ไม่มีกลุ่มสมาคมไหนจะมีอิทธิพลมากไปกว่าขบวนอัศวินมังกรอีกแล้ว พวกนั้นอาศัยผลประโยชน์ในการผูกขาดการรับซื้อก้อนโลหะ และได้สร้างศูนย์สมาพันธ์เอาไว้ที่เมืองมังกรเมฆ เมืองห่ายเทียน และเมืองมอร์ บวกกับเดิมทีก็มีผู้เล่นที่ได้อาชีพอัศวินอยู่มากที่สุดอยู่แล้ว พอจะเดาล่วงหน้าได้เลยว่าเมื่อไหร่ที่ทวีปเขตสงครามเปิดใช้งาน ขบวนอัศวินมังกรคงจะสร้างอาณาจักรได้ในทันที

เมื่อเกิดกรณีพิพาทกันขึ้น ก็มีแต่ต้องเทียบว่าหมัดใครใหญ่กว่ากันเท่านั้น และนี่ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ก่อนหน้านี้พวกสมาคมสามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคง เพราะพวกนั้นมีฐานกำลังแข็งแกร่งพอ ถ้าไม่เพราะช่วงท้ายๆ มานี้บริษัทเลจจ์มีการเคลื่อนไหวหลายอย่างล่ะก็ สถานการณ์นี้คงยากจะสลายไปได้

สมาพันธ์ต่อต้านสมาคมอัศวินเองก็ไม่แข็งแกร่งพอจะต้านรับการโจมตีของขบวนอัศวินมังกรมาแต่แรก สงครามระหว่างสมาพันธ์ครั้งที่ ๑ ของเกมราชาแห่งราชันจบสิ้นลงภายในเวลาสั้นๆ แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น

เนื่องจากสมาพันธ์ต่อต้านสมาคมอัศวินไม่มีกำลังจะจ่ายค่าชดเชยจากการแพ้สงคราม จึงต้องประกาศสลายตัวไปในวันนั้นเอง นับแต่นั้นมาขบวนอัศวินมังกรก็ยิ่งเหิมเกริมกว่าเดิม แต่ก็ไม่มีใครกล้าไปตอแยพวกเขาอีก

แม้คนที่อยากตั้งกลุ่มจะมีอยู่ไม่ใช่น้อยๆ แต่ติดที่ไม่มีผลประโยชน์มาช่วยรองรับและประคับประคอง เวลานี้ศูนย์สมาพันธ์ได้กลายมาเป็นตัวแทนแห่งคำว่าอำนาจของยุคใหม่ไปแล้ว แต่ขนาดบ้านส่วนตัวของผู้เล่นหนึ่งคนยังต้องใช้เงินถึงหนึ่งหมื่นเหรียญทอง แล้วศูนย์สมาพันธ์ที่สามารถรองรับผู้เล่นเข้าไปใช้งานได้ถึง ๑๐๐ คนต้องใช้เงินมากแค่ไหน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าต้องเป็นจำนวนเงินที่คนทั่วๆ ไปไม่สามารถหามาได้แน่ๆ

ตอนนี้เฉินเฟิงนึกสงสัยอยู่เล็กน้อยว่า ครุโฬพนันกับเขาว่าสามารถก่อตั้งกลุ่มขึ้นได้ แล้วครุโฬเอาปัจจัยอะไรไปดึงดูดผู้เล่นคนอื่น ? เพราะบริษัทเลจจ์ได้กำหนดวันที่จะเปิดศูนย์แนะนำอาชีพแล้ว อันหมายความว่าไม่สามารถอาศัยความลับในการฝึกทักษะอาชีพไปดึงดูดผู้เล่นได้อีก

ครุโฬที่หายสาบสูญไปนานส่งข้อความกลับมาอีกครั้งในที่สุด แถมยังยืนยันว่าจำนวนคนที่จะเข้าร่วมในกลุ่มของเฉินเฟิงมี ๕๐ คนแล้ว ทำเอาเฉินเฟิงใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ ในระยะนี้เฉินเฟิงเองก็พะวงถึงเรื่องที่รับปากครุโฬเอาไว้อยู่เหมือนกัน ทว่านับตั้งแต่ส้มโอที่เป็นเพื่อนใหม่เสนอแผนหาเงินนั้นขึ้นมา เขาก็ไม่มีเวลาปลีกตัวเลย

หลายวันมานี้คนที่ขออาศัยความสามารถของเขาหากินต่างก็ขยันขันแข็งกันจนเฉินเฟิงเกรงใจไม่กล้าหยุดพัก และได้ประจักษ์เป็นครั้งแรกว่าระบบจะทำการกล่าวเตือนหากออนไลน์นานเกินขีดจำกัด สุดท้ายเนื่องจากพวกเพื่อนๆ พากันเกลี้ยกล่อม เขาถึงค่อยออฟไลน์ไปพักผ่อนมาครู่หนึ่ง

เฉินเฟิงรายงานความเป็นไปในหลายวันมานี้ให้ครุโฬได้รับรู้ในรวดเดียว และกล่าวขอโทษที่เขาไม่สามารถปลีกตัวไปได้ ผลกลายเป็นว่าครุโฬหัวเราะแล้วพูดว่าเฉินเฟิงนี่ทึ่มจริงๆ พวกที่ร่วมขุดแร่ด้วยกันกับเขาเหล่านี้นี่แหละคือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับรับเข้าเป็นสมาชิกของกลุ่ม จากนั้นบอกให้เฉินเฟิงเลิกคิดถึงเรื่องเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้เสียชั่วคราว ให้เอาเวลาไปสร้างความสัมพันธ์กับคนกลุ่มนี้ให้ดีๆ ก่อน แล้วมีเวลาว่างเมื่อไหร่ค่อยวิจัยเรื่องทักษะอาชีพต่อ

คำพูดของครุโฬทำให้เฉินเฟิงตื้นตันใจอย่างมาก แต่ก็เริ่มคิดถึงผลได้ผลเสียเช่นกัน โดยเอาแต่คิดหาวิธีตลอดทั้งวันว่าทำอย่างไรจึงจะทำให้กลุ่มในอนาคตของตัวเองมีรายได้ที่แน่นอนและมั่นคงได้

อยู่ๆ เจี๋ยเต๋อก็ร้องเรียกเฉินเฟิงติดต่อกันหลายครั้ง เรียกสติเขากลับคืนมาจากการคิดฟุ้งซ่าน เฉินเฟิงพูดเก้อๆ

“ขอโทษที เมื่อกี้มัวแต่คิดเพลินเลยไม่ได้ยิน มีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้บ้างหรือเปล่า ?”

เจี๋ยเต๋อพูดว่า “ต้องขอโทษจริงๆ ที่ทำให้พี่เฟิงต้องพลอยตกกระไดพลอยโจนไปด้วยในครั้งนี้ พวกเราเพิ่งจะตัดสินใจกันเมื่อกี้เองว่าจะเลิกขุดแร่ต่อแล้วล่ะครับ พวกเราจะช่วยเกลี้ยกล่อมพวกที่เพิ่งจะมาร่วมกลุ่มพวกนั้นเอง พวกเราตกลงกันว่าจะเปลี่ยนสถานที่ไปฆ่าสัตว์อสูรเอาก้อนโลหะกันที่ป่าเฟิงแทน พี่จะไปกับพวกเราด้วยหรือเปล่าครับ ?”

“อย่าพูดแบบนั้นสิ ผมต่างหากที่เป็นฝ่ายต้องขอโทษ ! เพราะพวกคุณต่างก็ต้องแบ่งแร่ที่ขุดได้ให้ผมตั้ง ๑/๔ แน่ะ พวกคุณเสียเปรียบกว่าเห็นๆ ผมไม่ได้ตอบแทนอะไรเลยยังพอว่า แถมยังจะขอให้ทุกคนทำตามระเบียบอีกต่างหาก ทำให้ทุกคนต้องเสียเวลาทำมาหากินไปไม่ใช่น้อยๆ ! เดี๋ยวผมจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวเอง ทุกคนไปกินกันที่เมืองท่าเซียงห่ายเถอะ ! ในเมื่อทุกคนตกลงกันได้แล้ว งั้นก็ไปกันเถอะ เพราะเดี๋ยวเกิดราคาก้อนโลหะมันตกขึ้นมา แร่เหล็กพวกนี้จะกลายเป็นไม่มีคนเอาเสียเปล่าๆ”

“พี่เฟิงเกรงใจกันเกินไปแล้ว” ส้มโอว่า “จะเลี้ยงก็ต้องให้พวกเราทุกคนเป็นฝ่ายเลี้ยงพี่ถึงจะถูก ถ้าไม่มีวิธีการของพี่ รายรับของทุกคนไม่มีทางมากขนาดนี้ได้หรอกครับ อย่าว่าแต่ทุกคนเองก็ยินดีให้พี่กันทั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องเสียเปรียบหรือได้เปรียบอะไรกันหรอกน่า แถมอีกเดี๋ยวพวกเรายังต้องขอให้พี่ช่วยเคลียร์สินค้าให้อีกต่างหาก !”

“นั่นสิครับ ! ส้มโอพูดถูกแล้วล่ะ หากจะเลี้ยงก็ต้องให้พวกเราทุกคนเลี้ยงคุณถึงจะถูก หลายวันมานี้คุณแทบไม่ได้พักผ่อนเลยเพราะมัวแต่ช่วยพวกเราหาเงินแท้ๆ อีกเดี๋ยวผมจะไปพูดกับทุกคนเอง มื้อนี้ยังไงคุณก็ต้องเปิดโอกาสให้พวกเราได้เลี้ยงครับ !” อะไรก็ได้เสริม

เฉินเฟิงยังคิดจะพูดต่อ แต่ทั้งสามพากันออกไปจากกระโจมเสียแล้ว จึงได้แต่เก็บข้าวของเตรียมออกเดินทางพร้อมกับทุกคน

ความจริงหลายวันนี้คงไม่มีใครหาเงินได้มากเท่าเฉินเฟิงแล้ว ถึงเขาจะออฟไลน์ไป ๒ วัน บวกกับช่องเก็บไอเท็มในบ้านเต็ม จนต้องเสียเวลาไปกลับหมู่บ้านอิวะถึงครึ่งวัน แต่เวลา ๙ วันครึ่ง ค่าตอบแทน ๑/๔ ที่ทุกคนมอบให้ก็ยังทำให้เขาได้แร่เหล็กมาถึงเกือบ ๑๐,๐๐๐ หน่วย

หากคิดราคาที่หน่วยละ ๗๐ เหรียญเงิน ก็ได้ตั้ง ๗ แสนเหรียญเงินเลยทีเดียว แต่เฉินเฟิงเองก็จ่ายต้นทุนไปบ้างเหมือนกัน

ปรากฏว่าทุกครั้งที่ใช้ “คาถากระบี่เที่ยงธรรม” ต้องใช้พลังจิตไป ๕๐ จุด และมีฤทธิ์อยู่ได้นาน ๔๐ นาที ถึงแม้พลังจิต ๕๐๐ จุดบวกกับการฟื้นฟูด้วยกระโจมและทักษะภวังคจิต ทำให้พอจะฝืนใจรับมือความต้องการของคนจำนวน ๒๐ คนได้ แต่เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดความลำเอียง หลายวันมานี้เฉินเฟิงจึงค้นพบสิ่งใหม่บางอย่าง

เนื่องจากเฉินเฟิงคิดแต่จะหาวิธีฟื้นฟูพลังจิตให้ได้เร็วที่สุด จึงนั่งพลิกอ่านสมุดบันทึกของตัวเองทุกเล่มเพื่อควานหาหนทาง และทำให้ได้ทราบว่าสามารถใช้ผลึกเวทมนตร์ธาตุเข้าช่วยได้

ด้วยความช่วยเหลือของผลึกเวทมนตร์ที่สามารถช่วยประหยัดพลังจิตในการใช้เวทมนตร์ได้ ทำให้สามารถเพิ่มจำนวนคนที่จะช่วยใช้คาถากระบี่เที่ยงธรรมได้ สุดท้ายยังพบว่าสามารถปรับอัตราการสูญเสียพลังจิตได้ด้วย ซึ่งแน่นอนว่าความเร็วในการสูญพลังของผลึกเวทมนตร์จะพลอยถูกปรับตามไปด้วย อัตราสูงสุดสามารถปรับได้ถึงขนาดให้ลดอัตราการสูญเสียพลังจิตได้ถึง ๙ ใน ๑๐ ส่วน แต่ก็ส่งผลให้ใช้ผลึกเวทมนตร์สิ้นเปลืองมากจนน่าตกใจเช่นกัน

โชคดีที่ผลึกเวทมนตร์พวกนี้ร้านขายไอเท็มรับซื้อในราคาก้อนละแค่ ๕ เหรียญเงิน แถมหลังจากที่เฉินเฟิงเห็นระลอกน้ำแห่งสารทม่วงกับวิหารจันทราเทพเก็บสะสมแล้ว ก็เลยพลอยเก็บสะสมตามไปด้วย คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เอามาใช้ประโยชน์ในตอนนี้ และเพราะเหตุนี้เองที่ทำให้ในตอนหลังเขาสามารถยืนหยัดช่วยใช้คาถากระบี่เที่ยงธรรมเพิ่มพลังให้ผู้เล่นได้ถึง ๕๐ คน แต่รายจ่ายก้อนนี้ของเขา นอกจากคมพิรุณกับอะไรก็ได้แล้ว ไม่มีใครรู้แม้แต่คนเดียว

เฉินเฟิงก้าวออกจากกระโจม ก็พบว่าทุกคนต่างก็เตรียมตัวกันพร้อมแล้ว ผู้เล่นที่ตกลงว่าจะไปด้วยกันมีถึง ๔๐ คน หลายวันมานี้คนพวกนี้ต่างก็มีรายรับไม่ใช่น้อยๆ และได้ร่วมสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับทุกคนมาไม่น้อยเช่นกัน ความจริงใครบ้างไม่อยากมีเพื่อน อย่าว่าแต่อยู่กับคนกลุ่มนี้แล้วก้าวหน้าเร็วกว่าคลำหาทางเอาเองหลายเท่า

เนื่องจากการเดินทางไปท่าเรือเซียงห่ายต้องใช้เวลาอย่างน้อย ๖ ชั่วโมง เฉินเฟิงจึงตัดสินใจว่าจะใช้ม้วนคาถากลับบ้านล่วงหน้าไปก่อน เพราะเขาสามารถกลับไปที่หมู่บ้านอิวะก่อน แล้วค่อยไปที่เมืองท่าเซียงห่ายผ่านทางบ้านของตัวเองได้ ดังนั้นจึงนัดกับทุกคนว่าค่อยไปเจอกันที่คลังเก็บไอเท็ม

คนอื่นๆ ไม่ได้สะดวกสบายเหมือนอย่างเฉินเฟิง ถ้าใช้ม้วนคาถากลับบ้านตอนนี้ จะประหยัดเวลาเดินทางไปได้ ๓ ชั่วโมงก็จริง แต่ม้วนคาถากลับบ้าน ๑ ม้วนราคา ๓๕๐ เหรียญเงิน การประหยัดเวลาไปได้ ๓ ชั่วโมงไม่ได้รับประกันว่าจะสามารถหาเงินมาทดแทนค่าม้วนคาถากลับบ้าน ๓๕๐ เหรียญนี้ได้ อย่าว่าแต่เดินทางไปแบบนี้ยังพอจะฆ่าสัตว์อสูรหาเงินได้อีกนิดหน่อย

ก่อนจากไป เฉินเฟิงได้ไปรับซื้อแร่เหล็กจากพวกผู้เล่นที่ตัดสินใจว่าจะรั้งอยู่ โดยรับซื้อในราคาหน่วยละ ๖๕ เหรียญเงิน ซึ่งเป็นราคารับซื้อในระหว่างผู้เล่นกันเอง เพราะยังไงเขาก็ต้องคิดค่าเหนื่อยสักหน่อยแหละนะ !

ผลคือพวกผู้เล่นจำนวนมากในละแวกนั้นต่างแย่งกันมาขายให้เป็นการใหญ่ เพราะตอนนี้สถานที่รับซื้อแร่เหล็กมีแต่ที่เมืองมังกรเมฆ แล้วกว่าจะเดินทางไปถึงต้องใช้เวลาตั้ง ๕ วัน !

จวบกระทั่งเป้เขี้ยวเหล็กไหลจัมโบ้และกระเป๋าคาดเอวต่างก็เต็มหมดแล้ว น้ำหนักเกือบ ๓๐ กิโลกรัมทำเอาเฉินเฟิงทุลักทุเลไม่ใช่น้อยอยู่เหมือนกัน อย่าว่าแต่นี่เป็นน้ำหนักที่ทางระบบช่วยปรับลดให้เหลือแค่ ๑/๑,๐๐๐ ด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นตัวผู้เล่นคงถูกทับแบนไปนานแล้ว

การใช้เวทมนตร์ติดต่อกันในหลายวันมานี้ทำให้ระดับความชำนาญในการใช้เวทมนตร์ธาตุแสงเต็มไปนานแล้ว แต่เนื่องจากเวทมนตร์ธาตุอื่นๆ ยังไม่เต็ม ดังนั้นทักษะเวทมนตร์ธาตุจึงยังเลื่อนระดับไม่ได้ แต่การที่เฉินเฟิงขยันใช้พลังจิตซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้ทำให้ระดับของพลังจิตเลื่อนขึ้น ๑ ระดับ จำนวนพลังจิตเพิ่มขึ้นเป็น ๕๕๐ จุด นอกจากนี้ทักษะภวังคจิตได้เลื่อนขึ้น ๒ ระดับ ทักษะใหม่ “ใช้ผลึกเวทมนตร์” เลื่อนขึ้นเป็นระดับ ๔

 

ตรงหน้าหูจื่อหลิงมีก้อนแร่เหล็กกองพะเนินอีกครั้ง พอได้เห็นราคา เฉินเฟิงก็ตกใจ เพราะราคาได้ขึ้นจาก ๗๐ เหรียญเงินเป็น ๙๐ เหรียญเงินไปแล้ว แค่ไม่กี่วันก็ขึ้นราคามากถึงขนาดนี้ ทำเอาเฉินเฟิงงงกับหลักเกณฑ์ความผกผันของราคาของไปเลย

หูจื่อหลิงอธิบายว่า “เป็นเพราะความต้องการเหล็กกล้ายังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องไม่ได้ลดทอนลงเลยน่ะครับ แร่เหล็กที่เป็นวัตถุดิบสำคัญเลยยังจะขึ้นราคาแบบนี้ต่อไป ความจริงก้อนโลหะเองก็ขึ้นราคาเป็นก้อนละ ๑๕๐ เหรียญเงินแล้ว ดูท่าจะยังเป็นแบบนี้ไปอีกช่วงหนึ่งแน่”

คราวนี้เฉินเฟิงออกจะรู้สึกผิดอยู่บ้างเสียแล้ว เพราะในจำนวนนี้มีอยู่ ๓,๐๐๐ กว่าหน่วยที่เขารับซื้อมา กลายเป็นว่าเขาได้ค่าเหนื่อยถึงหน่วยละ ๒๕ เหรียญเงิน ซึ่งสำหรับพวกผู้เล่นที่ขุดแร่อย่างยากลำบากแล้ว เงินจำนวนนี้ไม่ใช่น้อยๆ เลย

หลังจากไปกลับอีก ๒ รอบ เฉินเฟิงค่อยเคลียร์คลังเก็บไอเท็มของตัวเองเสร็จเรียบร้อย ตอนนี้เงินในบัญชีของเฉินเฟิงมีมากถึง ๒ ล้านกว่าเหรียญเงินแล้ว เทียบกับตอนแรกๆ ที่กระทั่งม้วนคาถากลับบ้านม้วนเดียวก็ยังต้องมาคำนวณว่าคุ้มหรือเปล่าแล้วเป็นคนละเรื่องกันเลยทีเดียว

 

พอมาถึงเมืองท่าเซียงห่าย เฉินเฟิงก็บอกให้ทุกคนรีบเคลียร์แร่เหล็กทันที

ความเร็วในการตกของราคาก้อนโลหะเมื่อครั้งก่อนยังติดตรึงอยู่ในใจของเฉินเฟิง ถึงหูจื่อหลิงจะบอกว่าจะยังเป็นแบบนี้ไปอีกช่วงหนึ่ง แต่เกิดราคามันตกขึ้นมามีหวังน่าเสียดายแย่ แถมคนที่มีบ้านไม่ได้มีแค่เขาคนเดียวอย่างแน่นอน อย่างน้อยพวกนักเล่นอาชีพมือเก่าที่ให้คำแนะนำบนบอร์ดสนทนานั่นกับพวกยอดฝีมือด้านการหาเงินในสมาคมพ่อค้าก็น่าจะมีบ้านของตัวเองกันทั้งนั้น

หลายวันมานี้แต่ละคนต่างก็เก็บเกี่ยวแร่เหล็กกันมาได้อย่างน้อยคนละ ๘๐๐ หน่วย ๔๐ คน ๓๐,๐๐๐ กว่าหน่วยทำเอาเฉินเฟิงวิ่งไปกลับจนขาแข็ง โชคดีที่ทุกคนยืนกรานจะให้ค่าเหนื่อยหน่วยละ ๕ เหรียญเงิน ไม่อย่างนั้นแค่คิดก็หมดแรงแล้ว

ตกค่ำทั้งกลุ่มนี้ยึดภัตตาคารไปถึง ๑ ใน ๓ สุราอาหารชั้นเลิศสั่งกันมาอย่างไม่ต้องบันยะบันยัง เพราะแต่ละคนมีรายได้เข้ากระเป๋ากันอย่างน้อยคนละ ๗ - ๘ หมื่นเหรียญเงินกันทั้งนั้น มีหรือจะเรื่องมากกับอาหารที่ราคาแค่โต๊ะละ ๕๐๐ เหรียญเงิน

เนื่องจากสองวันนี้เป็นวันหยุดพอดี คนทั้งกลุ่มจึงไม่ต้องกังวลเรื่องที่ต้องออฟไลน์ เช้าวันถัดมา ทั้ง ๔๐ คนก็ยึดครองป่าเฟิงไปถึงกว่าครึ่ง

ตอนนี้ก้อนโลหะกำลังฮิต ดังนั้นผู้เล่นที่กะมาหาก้อนโลหะที่นี่จึงมีไม่ใช่น้อย คนแคระเกิดใหม่ปุ๊บก็โดนจัดการเรียบแทบจะในทันที ก็อบลินที่อยู่แถวนั้นเองก็ประสบชะตากรรมเดียวกัน

พอมีคนมากเข้าก็อดเกิดการแย่งกันฆ่าสัตว์อสูรไม่ได้ แต่ไม่ว่าใครมาเห็นกลุ่มของพวกเฉินเฟิงเข้า ถึงจะนึกไม่พอใจแต่ก็ไม่กล้าหาเรื่อง เพราะเห็นอยู่ว่าในจำนวนนี้มีผู้เล่นที่ได้อาชีพแล้วอยู่หลายคน แถมดูจากความสามารถในการฆ่าสัตว์อสูร ทำให้ทราบว่าระดับของแต่ละคนไม่ใช่ต่ำๆ เสียด้วย ดังนั้นจึงไม่เกิดการกระทบกระทั่งกันแต่อย่างใด

พระมากข้าวสารน้อย พรรคพวกที่ระดับค่อนข้างสูงหลายคนต่างก็ตะขิดตะขวงใจที่จะแย่งฆ่าสัตว์อสูรกับคนที่ระดับต่ำกว่า แต่จะมาเสียเวลากันอยู่แบบนี้ก็ไม่ค่อยชินเสียด้วย ด้วยเหตุนี้พวกขบวนนักเวทและสัตว์ทั้ง ๗ คนและพวกพ้องที่ระดับค่อนข้างสูงจึงตัดสินใจออฟไลน์ไปพักผ่อน

เพียงครู่เดียวพวกยอดฝีมือก็หายไปกลุ่มใหญ่จนเหลือกันอยู่เพียง ๑๐ กว่าคน แถมระดับไม่ค่อยสูงกันทั้งนั้น พวกผู้เล่นที่ตอนแรกเลี่ยงไปอยู่ด้านข้างจึงเริ่มไม่เลี่ยงกลุ่มของเฉินเฟิงอีกแล้ว

แล้วก็เกิดเรื่องจนได้ กลุ่มคนจำนวน ๕ คนแย่งคนแคระที่อู่ชิวเฟิงกำลังสู้ด้วยได้ครึ่งทางไปอย่างหน้าตาเฉย หลังจากได้เจี๋ยเต๋อช่วยปลอบใจก็ยังไม่มีเรื่องอยู่หรอก แต่ ๕ คนนั้นเห็นได้คืบก็เอาศอกทันที พากันแย่งสัตว์อสูรที่พวกพ้องในกลุ่มกำลังสู้ด้วยได้ครึ่งทางไปหลายตัวติดต่อกัน ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าจงใจหาเรื่อง

เฮยโถวขวางคนทั้ง ๕ ไว้แล้วพูดว่า “พวกคุณครับ แบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยหรือ ?”

ผู้เล่นในกลุ่มนั้นที่ดูท่าทางจะเป็นนักรบคลั่งพูดว่า “ถ้าไม่พอใจพวกนายก็มาแย่งตีได้นี่ ! ไม่รู้จักดูซะมั่งว่าสัตว์อสูรเหลือน้อยขนาดไหน พวกนายมันอ่อนหัดตีช้าจะตายชัก แบบนี้เมื่อไหร่มันถึงจะเกิดใหม่กันหา ? ไม่รู้รึไงว่าตอนนี้เวลาเป็นเงินเป็นทองน่ะ ?”

ผู้เล่นอีกคนซึ่งมีอาชีพพรานพูดว่า “ฝีมืออ่อนหัดก็ต้องรู้จักเจียมตัวซะบ้าง พวกนายมีเวลาค่อยๆ ตีสัตว์อสูร แต่พวกเราไม่มีนะโว้ย ! ไปฝึกระดับทักษะให้สูงกว่านี้ก่อนไป๊ ไม่ก็ไปหาพรรคพวกระดับสูงๆ มาช่วยตีซะ มาตีอืดอาดอยู่แถวนี้มันเกะกะพวกฉัน ถ้าไม่พอใจก็ยินดีต้อนรับพวกนายเข้ามาแย่งได้ทุกเมื่อ !”

ปากพูดระราน มือก็ไม่ได้อยู่ว่าง ด้านข้างมีคนแคระเพิ่งเกิดใหม่ ๓ ตัว ผู้เล่นที่เป็นนายพรานรีบยิงศรออกไปหลายดอกติดๆ กันทันที คนแคระ ๓ ตัวต่างโดนกันไปตัวละหลายดอก

เมื่อคนแคระถูกโจมตี ก็ฮือกันเข้ามาล้อมทันที ผู้เล่นถือดาบสั้นสองคนในกลุ่มพุ่งเข้าไปรับหน้า แค่ ๓ - ๔ ดาบก็จัดการฟันร่างคนแคระตัวหนึ่งแยกเป็นเสี่ยงๆ

ผู้เล่นที่เป็นนักรบคลั่งเหวี่ยงขวานจัดการคนแคระไปอีกตัว ผู้เล่นถือดาบคนสุดท้ายเข้าไปรับมือคนแคระอีกตัวที่เหลือ อู่ชิวเฟิงไม่พูดพล่ามทำเพลง พุ่งเข้าไปแย่งฟันหลายดาบทันที คนแคระระเบิดก้อนโลหะออกมา ๒ ก้อน ผู้เล่นที่เป็นนายพรานจัดการเก็บเข้ากระเป๋าคาดเอวทั้งหมดอย่างไม่มีการเกรงใจ

อู่ชิวเฟิงพูดอย่างโกรธจัด “เอาของมา !”

ผู้เล่นนายพรานแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง “อะไรเอาของมา ? ฉันแย่งได้ก่อนก็เป็นของฉันสิวะ ถ้านายแน่พอก็เข้ามาแย่งได้นี่ !”

พวกผู้เล่นที่อยู่บริเวณนั้นพากันตีวงล้อมเข้ามาดูทันที ความจริง ๕ คนนี้ระรานจนผู้เล่นคนอื่นต่างก็ไม่พอใจอย่างมาก แต่ใน ๕ คนนี้ดันมีตั้ง ๒ คนที่ได้อาชีพแล้ว แย่งก็แพ้แถมยังสู้เขาไม่ได้ มีแต่ต้องยอมรับชะตากรรมสถานเดียว มาตอนนี้เห็นมีคนออกมาขวางพวกนั้นไว้ จึงไม่สนใจจะแย่งตีสัตว์อสูรกันแล้ว ต่างพร้อมใจกันทำตัวเป็นจีนมุงรอดูคนมีเรื่องกันเต็มที่

เดิมทีเฉินเฟิงคิดจะออฟไลน์ไปพักผ่อนสักหน่อย เพราะไม่กี่วันก่อนเขาออนไลน์ถึง ๗ วันติดต่อกันไปแล้ว แต่เนื่องจากต้องใช้เวทมนตร์ช่วยทุกคนขุดแร่ จึงแค่ออฟไลน์ไปหาอะไรใส่ท้องอย่างลวกๆ แค่ไม่ถึง ๘ ชั่วโมงก็กลับมาออนไลน์อีกครั้ง ตอนนี้ถึงสมองจะยังปลอดโปร่งดี แต่ก็ไม่ค่อยดีต่อสุขภาพนัก บริษัทผลิตเตียงจับคลื่นสมองร่วมเตือนเอาไว้แต่แรกแล้วว่า หลังจากใช้ติดต่อกัน ๗ วันตามขีดจำกัดสูงสุดแล้ว ต้องพักผ่อนเป็นเวลา ๒๔ ชั่วโมงขึ้นไป จึงจะไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกาย

ขณะที่กำลังคิดจะบอกลากับทุกคน อันธพาล ๕ คนนั้นที่เห็นได้ชัดว่าอาศัยพวกมากรังแกคนอื่นดันโผล่มาเสียแล้ว ตอนแรกเฉินเฟิงกะจะใช้วิธีประนีประนอมเพราะไม่อยากมีเรื่องเหมือนกัน แต่คนรู้จักของเขาถูกรังแกครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้เขาชักจะทนดูต่อไปไม่ไหว

แต่เฉินเฟิงก็ยังเข้าไปห้ามอู่ชิวเฟิงที่กำลังจะระเบิดโทสะ เพราะถ้าลงมือเล่นงานคนอื่นก่อน ระบบจะตัดสินทันทีว่าอู่ชิวเฟิงโจมตีด้วยเจตนาร้าย ถึงตอนนั้นต่อให้ฝ่ายโน้นร่วมมือกันเล่นงานอู่ชิวเฟิง พวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปช่วยเสียแล้ว

เฉินเฟิงติดหน้าไม้ ขึ้นลูกดอกเงินเตรียมพร้อม แถมยังใช้คาถาท่องลมให้อเล็กซ์ อู้คง และหลายฝูอีกต่างหาก สัตว์อสูรรอบๆ คนทั้ง ๕ ถูกเฉินเฟิงจัดการกวาดเสียเรียบ

สัตว์อสูรบริเวณนี้ระดับไม่สูงมากกันทั้งนั้น จึงไม่มีปัญญาต้านทานการประสานโจมตีของอเล็กซ์กับอู้คงแค่เปรี้ยงเดียวเสียด้วยซ้ำ ส่วนหลายฝูมีฝีเท้าจัดอยู่แล้ว เมื่อได้คาถาท่องลมมาช่วยยิ่งเร็วจนเหลือเชื่อ ยังไม่ทันเห็นชัดตาด้วยซ้ำว่าสัตว์อสูรระเบิดให้อะไร ของก็ถูกมันกินไปเรียบร้อยแล้ว

คนทั้ง ๕ เพิ่งจะมารู้ตัวเอาตอนนี้เองว่าคนกลุ่มนี้ใช่จะรังแกกันได้ง่ายๆ แค่ฝีมือของเฉินเฟิงเท่าที่เห็น ต่อให้พวกเขาทุกคนฮือกันเข้าไปรุม ยังไม่แน่เลยว่าจะมีปัญญาเอาชนะได้ ! จึงได้แต่ขยี้จมูกแล้วพากันค่อยๆ เลี่ยงออกไปห่างๆ หน่อย แต่เฉินเฟิงไม่คิดจะปล่อยทั้ง ๕ ไปแค่นี้ จึงเดินตามไปติดๆ ทันที ถึงเห็นสัตว์อสูรเขาก็ไม่ลงมือ แต่รอให้คนพวกนี้ลงมือ

ครั้นพวกอู่ชิวเฟิงเห็นเข้า ก็พากันระเบิดหัวเราะลั่นอย่างกลั้นไม่ไหวทันที ทำเอาอันธพาลทั้ง ๕ ต่างโมโหเดือด แต่เนื่องจากพวกตนเป็นฝ่ายพูดจาอวดดีออกไปเอง แถมเห็นได้ชัดว่าคนพวกนี้เป็นพวกเดียวกัน เกิดลงไม้ลงมือกันขึ้นมา พวกเขาไม่โดนรุมยำสิแปลก

เพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉิน เฉินเฟิงจึงรวมกลุ่มตัวเองกับพวกเพื่อนๆ ทุกคนเอาไว้ก่อนทันที แบบนี้ไม่ว่าใครคนไหนถูกโจมตี พวกผู้เล่นในกลุ่มเดียวกันจะสามารถลงมือด้วยกันได้หมดทุกคนโดยไม่ต้องกลัวจะถูกระบบตัดสินว่าโจมตีก่อนด้วยเจตนาร้าย

ผู้เล่นนายพรานอดใจไม่ไหว ยิงธนูใส่คนแคระที่เพิ่งจะเกิดใหม่ตัวหนึ่ง เฉินเฟิงไม่พูดมากความ ยิงธนูเงินตามไปด้วยทันที อเล็กซ์กับอู้คงช่วยกันทุบซ้ำตัวละที ปิดบัญชีคนแคระไปในพริบตา

คนแคระระเบิดให้เงิน ๑๐ เหรียญเงินและก้อนโลหะ ๑ ก้อน แต่ครั้งนี้เฉินเฟิงไม่ได้สั่งให้หลายฝูไปเก็บของ และค่อยๆ เดินไปเก็บเอง

ผู้เล่นอาชีพนักรบคลั่งกำลังคิดจะลงมือแย่งของที่ได้ หลายฝูก็จงใจหาเรื่องขึ้นทันที ขณะที่มือของนักรบคลั่งกำลังจะแตะถูกของ หลายฝูก็จัดการกลืนเหรียญเงินและก้อนโลหะลงท้องไปเรียบร้อย ผลคือนักรบคลั่งคว้าได้แต่ความว่างเปล่า

พวกของเฉินเฟิงที่ยืนดูอยู่เห็นฉากนี้เข้า ก็ยิ่งหัวเราะก๊ากกันดังสนั่น กระทั่งพวกผู้เล่นที่มามุงดูก็พลอยหัวเราะไปด้วย อันธพาลทั้ง ๕ โกรธสุดขีดจนหน้าแดงก่ำ แต่ยังสะกดกลั้นเอาไว้ไม่ยอมลงมือ เพียงแต่เห็นได้ชัดว่าสายตาที่จ้องเฉินเฟิงเขม็งเดือดดาลแทบจะลุกเป็นไฟ

เจี๋ยเต๋อศอกกลับไปว่า “แย่งเก่งนักไม่ใช่หรือ ทำไมพูดไม่ออกซะแล้วล่ะ ? ฝีมืออ่อนหัดก็ต้องรู้จักเจียมตัวซะบ้าง พวกนายมีเวลาค่อยๆ ตีสัตว์อสูร แต่พวกเราไม่มีนะโว้ย ! ไปฝึกระดับทักษะให้สูงกว่านี้ก่อนไป๊ ไม่ก็ไปหาพรรคพวกระดับสูงๆ มาช่วยตีซะ มาตีอืดอาดอยู่แถวนี้มันเกะกะพวกฉัน ถ้าไม่พอใจก็ยินดีต้อนรับพวกนายเข้ามาแย่งได้ทุกเมื่อ !”

คำพูดของผู้เล่นอาชีพพรานเมื่อครู่ถูกโยนกลับไปชนิดครบถ้วนไม่ขาดหายแม้แต่พยางค์เดียว ทำเอาผู้เล่นนายพรานโกรธแทบคลั่ง โชคดีที่พรรคพวกอีก ๔ คนช่วยกันห้ามเอาไว้ได้ ไม่อย่างนั้นลูกดอกเงินคงยิงใส่เจี๋ยเต๋อไปนานแล้ว

เฉินเฟิงส่งข้อความแจ้งไปในช่องเพื่อนว่า “อีกเดี๋ยวถ้าพวกนั้นกลั้นไม่อยู่ลงมือขึ้นมาล่ะก็ ไม่ว่าใครจะโดนก็ให้รับไปก่อน ๑ ครั้ง จำไว้ให้ดีนะว่าต้องถูกโจมตีก่อน ถึงค่อยลงมือตอบโต้ได้ !”

เฮยโถวจัดแจงราดน้ำมันลงกองไฟว่า “โอ้ว ! พี่ชายท่านนี้เป็นอะไรไปหรือครับ ? พูดแค่ไม่กี่ประโยคก็โมโหซะแล้ว ดูถ้าจะยังอ่อนหัดไปหน่อยนะ ! เฮ้อ ! ที่นายพูดก็ถูกนะ ฝีมืออ่อนหัดก็ต้องรู้จักเจียมตัวซะบ้าง ไปก้มหน้าก้มตาฝึกวิชาที่ด้านข้างโน่นไป๊ อย่ามาทำให้คนอื่นเขาต้องเสียเวลาอยู่แถวนี้ มันเสียมรรยาทน่ะ !”

ในที่สุดลูกดอกเงินดอกหนึ่งก็พุ่งแหวกอากาศตรงดิ่งมาที่เฮยโถว เฮยโถวที่กำลังตกใจนึกถึงที่เฉินเฟิงสั่งเอาไว้ได้ จึงไม่ยอมหลบ หัวไหล่ขวาโดนธนูไปหนึ่งดอกทันที

ตัวของกลุ่มอันธพาล ๕ คนนั้นเรืองแสงสีแดงทันควัน ทุกคนจึงฮือกันเข้าไปรุมอย่างไม่ต้องเกรงใจกันแล้ว ทำเอาบริเวณนั้นเอะอะวุ่นวายไปในพริบตา เงาดาบโผล่ไปมาวูบวาบ แถมยังมีลูกดอกเงินโผล่แซมเป็นระยะๆ

สุดท้ายน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ ไม่ถึง ๓ นาทีผู้เล่น ๕ คนที่ถูกโจมตีตอบโต้ก็ทยอยกันใช้ม้วนคาถากลับบ้านเผ่นหนีไป แล้วบริเวณนั้นก็ดังสะท้านสะเทือนไปด้วยเสียงโห่ร้องอย่างสะใจ เพียงแต่น่าเสียดายที่ไม่มีศพพวกนั้นทิ้งเอาไว้สักศพ ไม่อย่างนั้นคงยิ่งสะใจกันมากกว่านี้แน่

เฉินเฟิงกลายเป็นวีรบุรุษของทุกคนไปในทันที อู่ชิวเฟิงกับเฮยโถวยังมาขอบคุณเขาเป็นพิเศษอีกต่างหาก เฉินเฟิงลนลานบอกว่าไม่ต้องเกรงใจ ทุกคนเป็นเพื่อนกันทั้งนั้น ก็ต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้ว !

แต่จากการที่ ๕ คนนั้นก่อเหตุทำให้เฉินเฟิงมองเห็นปัญหาเรื่องการเกิดใหม่ของสัตว์อสูร ด้วยพื้นฐานความสามารถของผู้เล่นในบริเวณนี้ส่วนใหญ่ ทำให้ใช้เวลาในการต่อสู้นานเกินไปนิดจริงๆ ซึ่งแบบนี้จะทำให้ทุกคนพลอยต้องเสียเวลาตามไปโดยไม่รู้ตัว เพราะจำนวนสัตว์อสูรมีกำหนดเอาไว้แน่นอน ถ้าไม่ได้ถูกผู้เล่นฆ่าตายไป ต่อให้ผ่านไปนานแค่ไหนก็จะไม่มีเกิดเพิ่มขึ้นมาแม้แต่ครึ่งตัว

ถึง ๕ คนนั้นจะอันธพาลไปหน่อย แต่ที่พวกนั้นพูดมาก็เป็นความจริง !

เฉินเฟิงลากเจี๋ยเต๋อกันเฮยโถวมาบอกความคิดของตัวเองแล้วร่วมกันปรึกษาหาวิธีการ สุดท้ายตกลงกันว่าให้ทุกคนแบ่งกลุ่มกันตามความสามารถ ให้ผู้เล่นที่มีพลังโจมตีสูง ๑ คนจับกลุ่มกับผู้เล่นที่ระดับอ่อนกว่า ๒ - ๓ คน พวกผู้เล่นที่มองอยู่ข้างๆ จึงพากันเลียนแบบบ้าง จากนั้นขอเพียงมีคนแคระเกิดใหม่ ก็จะถูกส่งกลับบ้านเก่าไปภายในเวลาแค่ไม่ถึง ๑ นาที



[1] กระโจมแบบมองโกล คือกระโจมที่มีผนังรอบด้านเป็นทรงกระบอก และมีหลังคาทรงโค้งแบบโดม

หลินโหม่ว เข้าร่วมเมื่อ 3 ก.พ. 2555, 08:45

0 ความคิดเห็น