หัวข้อ : เล่มที่ 5 มีน้ำใจ แล้งน้ำใจ ตอนที่ 4 อเล็กซ์คลั่ง

โพสต์เมื่อ 3 ก.พ. 2555, 08:58

ตอนที่ 4

 

อเล็กซ์คลั่ง

 

 

สามสาวเยี่ยหลาน คาราเมล และมัคคิอาโต ไล่ตามมาทันเห็นการต่อสู้ระหว่างสัตว์อสูรระดับราชาทั้งสองตัวพอดี สามสาวพากันมาอยู่ข้างๆ เฉินเฟิงอย่างรนหาที่ตาย แถมยังพากันหยิบคันธนูกับลูกศรออกมาอีกต่างหาก ดูท่าคิดจะขอมีเอี่ยวด้วยเห็นๆ !

ศีรษะเฉินเฟิงหันขวับมาโดยเร็ว เมื่อเห็นว่าสามสาวต่างก็น้าวธนูพาดสายกันเป็นที่เรียบร้อย ก็ร้องโพล่งอย่างตกใจสุดขีด

“อยากตายเรอะไง ! ยิงไม่ได้นะ !”

ถ้าไม่ใช่เพราะเสือดาวหิมะกับอเล็กซ์เคลื่อนไหวเร็วเกินไป สามสาวคงยิงธนูออกไปเสียนานแล้ว

เสียงระเบิดกึกก้องดังขึ้น สัตว์อสูรระดับราชาทั้งสองปะทะกันจังๆ ไปแล้ว 1 ครั้ง ส่วนเสียงร้องโพล่งอย่างตกใจของเฉินเฟิงได้ก่อให้เกิดผลลัพธ์ตรงกันข้ามพอดี เยี่ยหลานทำแก้มป่องอย่างเคืองจัด ฉวยโอกาสไม่กี่วินาทีที่สัตว์อสูรทั้งสองยืนประจันหน้ากันปล่อยสายธนู แถมยังร้องตอบกลับไปว่า

“ต่อให้ฉันอยากตาย พี่ก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่ง !”

พอลูกศรพุ่งวาบออกจากสาย ก็พลันเปล่งแสงสีเขียวอ่อน แถมยังมีเสียงพายุคำรามดังมาด้วยแว่วๆ เฉินเฟิงร้องโพล่งทันควัน

“เสร็จกัน ลูกศรวายุอัคคี !”

เยี่ยหลานนั้นฝึกทักษะยิงธนูมาเป็นเวลานานอยู่ก่อนแล้ว ด้วยเหตุนี้ฝีมือยิงธนูของเธอจึงเก่งกาจขนาดติดท็อป 10 ของบรรดาสมาชิกรุ่นใหม่ของสมาพันธ์เฟิงเลยทีเดียว

แต่เวลานี้เฉินเฟิงโคตรจะหวังให้ฝีมือยิงธนูของเธอห่วยสักหน่อยจะดีมาก

น่าเสียดายที่ความเป็นจริงมักไม่เป็นไปตามที่คนเราคาดหวังไว้อยู่เรื่อย...

ลูกศรวายุอัคคีพุ่งวาบเป็นวิถีโค้งอย่างงดงาม แล้วปักใส่เสือดาวหิมะสองหัวที่กำลังคลั่งอย่างแม่นยำสุดเปรียบปาน

ที่ซวยกว่านั้นคือ ลูกไฟที่ติดตามมาภายหลังได้ระเบิดตูมตามคาด แล้วดันไปรบกวนดาวเพชฌฆาตอีกดวง...อเล็กซ์ที่กำลังคลั่งเข้าให้อีกต่างหาก

คำพูดของเยี่ยหลานเพิ่งหลุดจากปาก ก็เหลือบไปเห็นสีหน้าหวาดผวาสุดขีดของเฉินเฟิง จึงนึกเสียใจขึ้นมาทันที แต่คำพูดที่หลุดจากปากก็เหมือนธนูที่หลุดจากสาย นั่นคือไม่สามารถรั้งกลับมาได้เสียแล้ว

แต่เธอก็รู้สึกอยู่ดีว่าธนูดอกนี้ยิงได้สะใจเป็นบ้า เธอต้องการให้เฉินเฟิงเข้าใจอีกครั้งว่า โชคชะตาน่ะมันอยู่ในกำมือของเราเอง แม้จะต้องเผชิญกับอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ การจะเลือกว่าควรจะทำอย่างไร สุดท้ายแล้วก็ตัวเราเองนั่นแหละที่เป็นคนตัดสินใจ !

ครั้งนี้ถึงคราวฉิบหายแล้วจริงๆ สัตว์อสูรระดับราชาทั้งสองที่เมื่อครู่ต่างยังอยู่ในโหมดในสายตาของเธอมีแต่ฉัน ในสายตาของฉันมีแต่เธอ พลันเปลี่ยนเป้าหมายมุ่งมาทางหมู่ผู้คนพร้อมกันอย่างกะทันหันราวกับนัด เหมือนตัดสินใจว่าจะเก็บกวาดแมลงวันที่มารบกวนให้หมดเสียก่อน ค่อยมาโรมรันกับศัตรูหมายเลขหนึ่งของชาตินี้ต่อให้เสร็จ

เฉินเฟิงไม่กล้าแม้แต่จะลังเล รีบคว้ามือเยี่ยหลานวิ่งกลับไปตามทางเดิมทันทีพลางร้องตะโกนสุดเสียง

“ทุกคนใช้ม้วนคาถากลับบ้านเดี๋ยวนี้ ขืนชักช้าจะไม่ทันการณ์แล้ว !”

เยี่ยหลานพบว่าเฉินเฟิงไม่ได้โกรธเธอแต่อย่างใด จึงนึกแปลกใจว่าเขาตะโกนบอกให้ทุกคนใช้ม้วนคาถากลับบ้าน แต่ไหงตัวเขาเองกลับไม่ใช้ แต่เมื่อกี้เธอเพิ่งจะพูดจาเอาแต่ใจไปหยกๆ จึงกระดากที่จะออกปากถาม

ถึงแม้เฉินเฟิงจะรีบตะโกนบอกทุกคนอย่างไม่มีการลังเล แต่พลังของสัตว์อสูรระดับราชามีหรือจะธรรมดาได้

เสือดาวหิมะสองหัวแปรเป็นลำแสงสีทองกวาดวาบผ่านด้วยความเร็วเหนือจินตนาการ ครั้นแล้วอินทรีทะยานที่เมื่อครู่ยังแหกปากร้องโหวกเหวกดังลั่นก็มีอันเช็กบิลไปพักผ่อนในพริบตา นอกจากนี้แม้แต่เพลิงกัลป์เองก็พลอยได้ตั๋วฟรีตามไปพักผ่อนด้วยอีกคน ชั่ววูบเดียวสมาชิกแค่สองคนที่เฉินเฟิงรู้จักก็กลายเป็นแสงสีขาวสลายไปเสียแล้ว

เฉินเฟิงร้อนใจดั่งไฟผลาญจนต้องเร่งตะโกนอีกครั้ง

“รีบใช้ม้วนคาถากลับบ้านเดี๋ยวนี้ !”

ครั้นหันกลับไปเห็นเยี่ยหลานยังทำท่าเหมือนจะพูดอะไร จึงลากเธอเข้ามาใกล้ แล้วพูดเสียงเครียดทันที

นี่คือคำสั่ง ! รีบใช้เดี๋ยวนี้ !”

แม้เยี่ยหลานจะไม่เต็มใจนัก แต่ในเวลาแบบนี้เธอเองก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของเฉินเฟิงเช่นกัน จึงกัดฟันใช้ม้วนคาถากลับบ้านในที่สุด

คาราเมลกับมัคคิอาโตจัดแจงล่าถอยตั้งแต่เฉินเฟิงตะโกนบอกให้ใช้ม้วนคาถากลับบ้านครั้งแรกแล้ว ส่วนสมาชิกที่เหลืออีกสี่คนเองก็ไม่กล้ารั้งอยู่ต่อไปอีก พากันใช้ม้วนคาถากลับบ้านทันที

พริบตาเดียวบริเวณนั้นก็เหลือแค่เฉินเฟิงกับสัตว์เลี้ยงทั้ง 3 ตัว เสือดาวหิมะ 2 ตัว และดาวเพชฌฆาตอีก 2 ตัว

เฉินเฟิงพบว่าหลังจากที่คลั่งแล้ว เสือดาวหิมะสองหัวเองก็เป็นเหมือนอเล็กซ์ คือไม่แยกแยะมิตรศัตรู เทียบกันแล้วขนาดตัวของเสือดาวหิมะอีกสองตัวใหญ่กว่าเฉินเฟิงเล็กน้อย บวกกับชุดนินจามีประสิทธิภาพในการพรางตาอยู่แล้ว ซึ่งถือเป็นโชคดีของเฉินเฟิงอย่างมาก เพราะหลังจากเสือดาวหิมะสองหัวเล่นงานพวกสมาชิกเสร็จแล้ว เป้าหมายถัดไปที่มันเล็งก็คือเสือดาวหิมะทั้งสองตัวที่เดิมทีเป็นพวกเดียวกับมันนั่นเอง

แต่สถานการณ์ก็ไม่ได้ราบรื่นแบบนี้ไปตลอด เดิมทีเป้าหมายของอเล็กซ์คือคาราเมลกับมัคคิอาโต ซึ่งความจริงที่สองสาวว่าง่ายขนาดนี้ เป็นเพราะหลังจากเห็นถนัดชัดตาว่าลูกศรของเยี่ยหลานยิงถูกตัวอะไรเข้า ก็ขวัญบินจนหน้าถอดสีทันที แล้วพอได้ยินเฉินเฟิงสั่งให้ถอย สองสาวก็ทำตามอย่างว่าง่ายโดยพลัน จึงกลายเป็นสองคนแรกที่ถอนตัวไปจากสนามรบก่อนใครเพื่อน แถมยังหนีไปเร็วมากเสียจนไม่ทันได้เห็นกระทั่งฉากที่อินทรีทะยานกับเพลิงกัลป์ถูกฆ่าตายด้วยซ้ำ

พออเล็กซ์สูญเสียเป้าหมายไป ตรงหน้าก็เหลือแค่เฉินเฟิงกับเยี่ยหลาน ถึงมันจะยังจำเฉินเฟิงที่เป็นเจ้านายได้ แต่สำหรับเยี่ยหลาน มันเห็นเป็นแค่เป้าหมายที่ต้องกำจัดทิ้งเท่านั้น โชคดีที่ในภาวะคับขันนั้น เฉินเฟิงกระชากเยี่ยหลานให้ไปด้วยกัน อันเป็นการแทรกตัวเข้าขวางโดยไม่ได้ตั้งใจ และช่วยให้เยี่ยหลานรอดพ้นจากการโจมตีของอเล็กซ์ไปได้พอดี

อเล็กซ์ที่สูญเสียเป้าหมายไปอีกครั้งเดือดจัดจนเปล่งเสียงหอนโหยหวนอย่างคลุ้มคลั่ง สองตาแดงซ่านด้วยสายเลือดจ้องเฉินเฟิงเขม็งเหมือนจะบอกว่ามันกำลังไม่พอใจอย่างมาก

อีกด้านหนึ่ง เสือดาวหิมะสองหัวที่กำลังสู้อยู่กับเสือดาวหิมะทั้งสองตัวได้ยินเสียงหอนบอกความโกรธเกรี้ยวของอเล็กซ์ ก็ส่งเสียงคำรามกึกก้องขึ้นเช่นกัน เหมือนกำลังหัวเราะเยาะอเล็กซ์อย่างไรอย่างนั้น จากนั้นประกายแสงสีทองก็ไหววาบอีกครั้ง แล้วเสือดาวหิมะตัวหนึ่งก็ปิดบัญชีไปในบัดดล

อเล็กซ์เหมือนจะถูกเสือดาวหิมะกระตุ้นเข้าให้ มันวิ่งตะบึงสุดฝีเท้าตรงเข้ามาหาเฉินเฟิงอย่างฉับพลัน ทำเอาเฉินเฟิงใจหายวาบ เพราะคิดว่ามันสูญเสียการควบคุมไปแล้ว

20 เมตร10 เมตร3 เมตร ขณะที่เฉินเฟิงเตรียมรับการโจมตีนั่นเอง เหตุเปลี่ยนแปลงพลันอุบัติขึ้นอีกครั้ง ที่ด้านหลังของเขาได้มีเสียงเอะอะของผู้คนดังมา อเล็กซ์หักเลี้ยวอย่างฉับพลันขณะที่ห่างจากเฉินเฟิงเพียง 1 เมตร แล้ววกอ้อมเขาเร่งความเร็วพุ่งปราดเข้าหาฝูงชนทันที

เฉินเฟิงสูดหายใจลึกอย่างโล่งอก ยังรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงกระแสลมจากการเคลื่อนไหวของอเล็กซ์ที่บาดใบหน้าจนเจ็บแปลบ

หลังจากหายขวัญบิน เฉินเฟิงค่อยมานึกประหลาดใจว่าทำไมทางด้านหลังถึงมีคนอยู่ได้ล่ะ ?

ความจริงสาเหตุสำคัญที่เขาไม่ยอมใช้ม้วนคาถากลับบ้านเสียที เป็นเพราะมองเห็นข้อความ “นอกจากเจ้านาย ไม่แยกมิตรศัตรู” ที่โผล่ขึ้นมาหลังจากที่อเล็กซ์คลั่งนั่นเอง อย่าลืมสิว่าอเล็กซ์เป็นสัตว์เลี้ยงของเขานะ ขืนเขากลับไปที่เมืองล่ะก็ ไม่เท่ากับว่าพาระเบิดลูกใหญ่ไปด้วยหรอกเรอะ ?

ครั้นหันไปดูฝูงคน เฉินเฟิงก็เห็นว่าหลายคนออกจะหน้าคุ้นๆ จึงค่อยทราบว่าพวกนั้นคือกลุ่มสปายที่ระยะนี้ตามติดสมาพันธ์เฟิงอย่างเหนียวหนึบนั่นเอง เขาได้เห็นหน้าคนพวกนี้อยู่แทบทุกวัน จึงพอจะฝืนใจนับเนื่องว่าเป็นคนรู้จักได้อยู่

หลังจากนิ่งตะลึงอยู่หลายวินาที เฉินเฟิงค่อยนึกขึ้นได้ว่าต้องร้องเตือนพวกนั้น จึงรีบตะโกนว่า

“รีบหลบเร็ว ! ใช้ม้วนคาถากลับบ้านซะ นั่นน่ะมนุษย์หมาป่าที่กำลังคลั่งนะ !”

น่าเสียดาย...ชั่วเวลาไม่กี่วินาทีที่เขามัวแต่ตะลึงนานมากพอที่จะให้อเล็กซ์สำแดงเดชเสียแล้ว

ถึงแม้คนกลุ่มใหญ่ซึ่งเพิ่งจะเบียดกันผ่านทางภูเขาสายน้อยขึ้นมาสู่ที่ราบโล่งจะได้ยินเสียงตะโกนของเฉินเฟิงอย่างถนัดชัดเจน แต่กลับไม่มีเวลามากพอที่จะเตรียมตัวรับมือแต่อย่างใด อเล็กซ์เร่งความเร็วจนกลายเป็นเงาสีดำยาวเหยียดพร้อมเปล่งเสียงกู่ร้องคำรามอย่างน่าขนพองสยองเกล้า แล้วพุ่งเข้าใส่ฝูงคนที่กำลังจ้องมองมาตาค้างเต็มแรง

“ตูม !!”

อีกหลายคนเช็กบิลคาที่ไปในบัดดล คนที่เหลือต่างรีบชักอาวุธออกมาอย่างรวดเร็ว ชั่วขณะนั้นแสงจากยาฟื้นพลังกะพริบวาบไม่ขาดสาย เสียงร้องคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวดังระงมไม่ขาดระยะ

เฉินเฟิงชักจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเสียแล้ว ทีแรกเขายังกังวลเรื่องไม่มีกำลังเสริม แต่โชคดีที่ในกลุ่มสปายมีอยู่หลายคนที่เก่งกว่าเขาเสียอีก แม้จะต้องรับศึกอย่างกะทันหัน แต่ด้วยความสามารถของคนพวกนี้ การจะคว่ำสัตว์อสูรระดับราชาสักตัวก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่ที่น่ากลุ้มก็คือ สัตว์อสูรที่ตอนนี้พวกนั้นกำลังคิดจะคว่ำดันเป็นอเล็กซ์ของเขานี่สิ !

ในช่องสัตว์เลี้ยงของเฉินเฟิงมีข้อความแจ้งการสูญเสียพลังของอเล็กซ์ส่งมาอย่างไม่ขาดสาย เป็นอันว่าใช้เวลาแค่แป๊บเดียว พวกสปายที่มีระดับสูงหลายคนก็เริ่มตั้งตัวติดอย่างที่เขาคาดไว้จริงๆ ด้วย

พอคิดถึงว่าหากอเล็กซ์ที่มีระดับตั้ง 50 เกิดตายขึ้นมาล่ะก็ คงไม่รู้ชาติไหนกว่าจะฝึกจนระดับเลื่อนกลับมาเป็น 50 เท่าเดิมได้ แต่ตอนนี้มันดันเป็นฝ่ายโจมตีคนอื่นเขาก่อนนี่สิ เฉินเฟิงจะไปห้ามคนอื่นไม่ให้ตอบโต้มันกลับก็ไม่ได้เสียด้วย ก็จะให้เขาบอกพวกนั้นให้ถอยหนีไปแต่โดยดี หรือยกมือยอมแพ้ได้ยังไงกันเล่า !

เฉินเฟิงทดลองเรียกอเล็กซ์กลับไปอยู่หลายหน น่าเสียดายที่อเล็กซ์ซึ่งกำลังคลั่งไม่สนใจคำสั่งของเขาแม้แต่น้อย เฉินเฟิงผู้หมดทางเลือกได้แต่เดินไปข้างหน้าเพื่อดูว่าพอจะมีหนทางคลี่คลายโดยสันติได้บ้างไหม

เฉินเฟิงสะบัดแส้เทพสีหราชฯออก แล้วอดช่วยใช้ยาฟื้นพลังให้อเล็กซ์ไปหลายหนไม่ได้ แต่ก็ช่วยใช้ให้พวกสปายมากยิ่งกว่า

กลุ่มสปายที่เหลืออยู่แค่ไม่กี่คนต่างตกตะลึง แล้วหนึ่งในนั้นที่ดูจากรูปร่างแล้วคงเป็นผู้เล่นอาชีพนักรบคลั่งก็โพล่งขึ้นอย่างมีโมโห

“ท่านหัวหน้าสมาพันธ์เฟิงช่วยผิดคนแล้ว ! คุณไปช่วยฟื้นพลังให้สัตว์อสูรทำไมกันน่ะหา ?!”

เฉินเฟิงยิ้มแห้งๆ “ต้องขออภัยจริงๆ ครับ แต่ผมจำเป็นต้องทำแบบนี้ ก็มันเป็นสัตว์เลี้ยงของผมนี่ครับ !”

ครั้นสปายหลายคนได้ยินคำพูดของเฉินเฟิง ก็เริ่มผ่อนมือลง ผู้เล่นอาชีพนักรบคลั่งที่ออกปากเมื่อครู่พูดว่า

“อย่างนั้นคุณก็เรียกมันกลับไปสิ ทำไมถึงปล่อยให้มันซี้ซั้วทำร้ายคนอื่นแบบนี้ล่ะ ?”

เฉินเฟิงกำลังพยายามสื่อสารกับอเล็กซ์อยู่เหมือนกัน แต่อเล็กซ์กลับไม่ไว้หน้าเขาแม้แต่น้อย มันฉวยโอกาสที่แรงกดดันผ่อนคลายลงกลับไปเร่งความเร็วเหมือนเดิม เดี๋ยวพุ่งไปหน้าเดี๋ยวโผล่มาหลัง เล่นงานจนสปายหลายคนต่างร้องระงมไปตามๆ กัน

เฉินเฟิงที่หมดทางเลือกได้แต่หวดแส้เทพสีหราชฯใส่อเล็กซ์อย่างสุดกำลังพร้อมกับช่วยใช้คาถาท่องลมให้กับพวกผู้เล่นที่เป็นสปาย

ระหว่างที่ยุ่งกับการกำราบอเล็กซ์ เฉินเฟิงก็เจียดเวลามาบอกว่า

“หวังให้ทุกท่านโปรดอภัยด้วยเถอะครับ ตอนนี้สัตว์เลี้ยงของผมมันกำลังคลั่ง ผมเองก็ควบคุมมันไม่อยู่เหมือนกัน ขอเชิญทุกท่านย้ายไปจัดการอีกตัวเถอะนะครับ ! แต่ขอให้ระวังตัวด้วย เพราะทางนั้นมีเสือดาวหิมะที่กำลังคลั่ง 1 ตัวกับเสือดาวหิมะธรรมดา 1 ตัวครับ”

ผู้เล่นหลายคนนี้ต่างก็ได้รับคำสั่งให้มาจับตาดูเฉินเฟิงกันทั้งนั้น ถึงแม้ทุกคนจะโดนอเล็กซ์เล่นงานจนโกรธแค้นแน่นอก แต่ถึงยังไงก็ยังต้องเห็นแก่หน้าของหัวหน้าสมาพันธ์เฟิงอยู่ดี จึงได้แต่ค่อยๆ ย้ายไปยังสนามรบอีกแห่งแต่โดยดี

เฉินเฟิงอาศัยการที่อเล็กซ์ไม่กล้าลงมือใส่เขา บวกกับคุณลักษณะพิเศษของแส้เทพสีหราชฯที่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว ทั้งความยาวยังยาวมากพอ ทำให้สามารถฝืนใจสกัดขวางความเคลื่อนไหวของอเล็กซ์เอาไว้ได้ เปิดช่องให้พวกผู้เล่นสปายทั้งหลายสามารถย้ายไปยังอีกฝั่งได้อย่างราบรื่น

ถึงตอนนี้เฉินเฟิงค่อยมีเวลามานับจำนวนคน นึกไม่ถึงเลยว่าหลังจากโดนอเล็กซ์เล่นงานไปครู่เดียว ผู้เล่นที่มีจำนวนตั้ง 10 กว่าคนเมื่อครู่จะเหลืออยู่แค่ 5 คนเท่านั้น เขามองอาวุธและเครื่องป้องกันที่ตกกระจัดกระจายเกลื่อนพื้น นอกจากจะลอบถอนหายใจที่อเล็กซ์ดันก่อเรื่องยุ่งยากมาสุมใส่หัวเขาเสียแล้ว เฉินเฟิงยังแอบตกใจกับฤทธิ์เดชของมันเป็นอย่างมาก ความน่าสะพรึงกลัวของสัตว์อสูรระดับราชานี่ช่างสมดังคำร่ำลือจริงๆ !

หลายฝูปรากฏตัวขึ้นข้างๆ เฉินเฟิงในบัดดล เนื่องจากตอนที่มองเห็นอาวุธเครื่องป้องกันที่ตกอยู่เกลื่อนพื้น เฉินเฟิงได้คิดวาบขึ้นในใจว่าต้องหาทางเอาอาวุธพวกนี้ไปคืนให้ทุกคนให้ได้ หลายฝูที่ความคิดสื่อกับเฉินเฟิงใกล้ชิดที่สุดได้รับคำสั่งปุ๊บ ก็วิ่งมาจัดแจงทำงานที่มันถนัดที่สุดทันที พริบตาเดียวไอเท็มทั้งหมดบนพื้นก็ถูกเก็บกวาดหายไปจนเกลี้ยงเกลา

หลายฝูยังไงก็เป็นหลายฝู เห็นมันแสดงออกอย่างรู้ใจเขาขนาดนี้ เฉินเฟิงก็อดตื้นตันใจไม่ได้

ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดจะแจกสัตว์เลี้ยงของตัวเองให้คนอื่นไปบ้างเป็นบางตัว แต่อเล็กซ์กับอู้คงระดับสูงเกินไป ส่วนซวงเว่ยก็เป็นสัตว์เลี้ยงตัวแรก เฉินเฟิงจึงเสียดายไม่อยากยกให้ใครไป

เพื่อนๆ หลายคนพากันระบุว่าอยากได้หลายฝู แต่หลายฝูก็ดันดื้อแพ่ง ไม่ว่าใครเป็นคนรับกำไลสัตว์เลี้ยงไป มันก็ไม่ค่อยยอมฟังคำสั่งทั้งนั้น ทำเอาพวกเพื่อนๆ ต่างผิดหวังไปตามๆ กัน สุดท้ายเขาก็จำต้องเลิกคิดที่จะยกมันให้คนอื่นไปโดยปริยาย

ความจริงถ้าไม่ใช่เพราะพลังโจมตีของหลายฝูมีน้อยที่สุด เฉินเฟิงเองก็ไม่อยากจะยกมันให้คนอื่นเหมือนกัน แต่ดูท่าต่อไปเขาคงแยกจากสัตว์เลี้ยงพวกนี้ยากยิ่งกว่าเดิมเสียแล้ว เพราะเขาพบว่าระยะเวลาในการติดต่อสื่อสารยิ่งยาวนาน สัตว์เลี้ยงพวกนี้ก็จะยิ่งรู้ใจเขามากขึ้นเรื่อยๆ ดูท่าเขาคงต้องยอมรับชะตากรรมเลื่อนระดับอย่างสุดแสนอืดซะแล้ว

 

เมื่อความรู้สึกว่าร่างร่วงตกวูบหยุดลง เยี่ยหลานก็ลืมตาขึ้น และพบว่าตัวเองได้มาถึงหมู่บ้านอิวะโดยสวัสดิภาพแล้ว จึงรีบเหลียวซ้ายแลขวาทันทีเพื่อมองหาเฉินเฟิงกับพวกสมาชิกสมาพันธ์คนอื่นๆ แต่หลังจากกวาดตามองครบรอบ ก็เห็นแต่คาราเมลกับมัคคิอาโตเท่านั้น สองสาวกำลังพูดอะไรจ๋อยๆ ก็ไม่ทราบอยู่ที่ด้านหนึ่งซึ่งห่างออกไปไม่ไกลนัก

พอนึกถึงว่าตอนอยู่บนเขา เพื่อนสาวทั้งสองต่างก็ใจดำทิ้งกันได้ลงคอถึงขนาดแค่พริบตาเดียวก็หายวับไปโดยไร้ร่องรอย เยี่ยหลานก็ให้โมโหเดือด แถมตอนนี้สองคนนั้นยังมีหน้ามาพูดเล่นหัวเราะกันอีกต่างหาก เธอจึงตัดสินใจว่าจะเลิกแยแสสองคนนั้นสักพัก

หลังจากไม่พบอะไรอื่นอีก เยี่ยหลานก็ได้แต่เปิดนาฬิกาข้อมือของระบบเพื่อดูช่องต่างๆ ถึงนาฬิกานี้จะไม่ได้ช่วยให้เธอทราบสถานการณ์ของเฉินเฟิงในตอนนี้ก็ตาม แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เธอรู้ได้ว่าเวลานี้คนที่ยังไม่ตายมีอยู่กี่คน

ช่องกลุ่มยังอยู่ อันหมายความว่าตอนนี้เฉินเฟิงซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มยังปลอดภัยดี ความรู้สึกกระวนกระวายของเธอจึงค่อยผ่อนคลายลงบ้าง

หลังจากนับจำนวนสมาชิกในกลุ่มดู ก็ได้ทราบว่านอกจากสมาชิกที่เห็นเช็กบิลไปสองคนนั้นแล้ว ตอนนี้ยังไม่ปรากฏว่ามีสมาชิกเสียชีวิตเพิ่ม ในช่องกลุ่ม สมาชิกหลายคนกำลังรายงานตัวต่อกันว่าตัวเองปลอดภัยดี เยี่ยหลานจึงรายงานสถานการณ์ของตัวเองและเพื่อนสาวทั้งสองไปด้วย

หลังจากจ้องดูช่องกลุ่มอยู่ครู่ใหญ่ เห็นสมาชิกสมาพันธ์กลุ่มใหญ่พากันถามไถ่ไม่ได้หยุดว่าเกิดอะไรขึ้น ส่วนพวกสมาชิกที่รีบกลับมาแบบตาลีตาเหลือกทั้งหลายก็พากันพูดจ้อสาธยายเป็นฉากๆ แต่หลังจากที่ดูอยู่พักใหญ่ ทุกคนก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่ดีว่าเกิดอะไรขึ้น

ฤทธิ์เดชของเสือดาวหิมะสองหัวเมื่อครู่ยังคงติดตาเยี่ยหลานอย่างชัดเจน เธอไม่เข้าใจเลยว่าทั้งที่รู้ตัวดีว่าอันตรายมาก แล้วทำไมเฉินเฟิงถึงยังมัวชักช้าไม่ยอมถอยกลับมาเสียที ?

และแล้วเยี่ยหลานก็พอจะสรุปอะไรได้บ้างนิดหน่อยจากเนื้อหาในช่องกลุ่มที่มั่วซั่วไปหมด ปรากฏว่าเมื่อครู่ก่อนตอนอยู่บนเขา ทุกคนเจอกับเสือดาวหิมะ 3 ตัว และ 1 ในเป้าหมายที่ถูกเธอยิงธนูใส่ก็ดันเป็นมนุษย์หมาป่าอเล็กซ์ สัตว์เลี้ยงของเฉินเฟิง แต่ไม่มีใครทราบเลยสักคนว่าทำไมอเล็กซ์ถึงได้กลายเป็นแบบนั้นไปได้

เมื่อคิดถึงว่าเธอนั่นเองที่เป็นต้นเหตุของความชุลมุนวุ่นวายที่เกิดขึ้น เยี่ยหลานก็อดเครียดไม่ได้

เนื่องจากไม่ว่าจะร้องเรียกไปในช่องไหน ก็ไม่ได้รับเสียงตอบกลับจากเฉินเฟิงจนชักจะจนปัญญา แถมยังถูกสมาชิกสมาพันธ์บางคนฉวยโอกาสแซวเข้าให้อีกต่างหาก เยี่ยหลานที่เพิ่งจะกะบึงกะบอนใส่เฉินเฟิงมาหมาดๆ เห็นแล้วทั้งฉิวทั้งขัน และตัดสินใจปิดช่องสื่อสารเลิกสนใจพวกนั้นไป

เยี่ยหลานปลอบใจตัวเองว่า อเล็กซ์น่าจะสามารถต้านรับเสือดาวหิมะสองหัวตัวนั้นได้ เฉินเฟิงต้องไม่มีอันตรายไปสักพักแน่ บางทีตอนนี้สถานการณ์อาจจะยังสับสนอยู่มาก เขาถึงยังไม่ได้ตอบกลับมา ทว่าในใจเยี่ยหลานก็ยังรู้สึกขัดๆ ว่าไม่น่าจะใช่อยู่ดี เพียงแต่ร้อนใจไปก็เท่านั้น แล้วเธอจึงตัดสินใจไปคิดบัญชีกับเพื่อนสาวทั้งสองคนก่อน

 

มัคคิอาโตตบอกตัวเองเบาๆ อย่างนึกผวาไม่หายพลางพูดว่า

“แม่เจ้า ! สัตว์อสูรตัวโคตรใหญ่ตัวนั้นนะน่าเกลียดน่ากลัวเป็นบ้า เล็บก็ยาวเวอร์มาก นี่ถ้าเธอโดนมันตวัดเล็บใส่ล่ะก็ ไม่รู้จะมีซากเหลือแค่ไหนเลยนะเนี่ย !”

ทีแรกคาราเมลทำท่าขวัญขวาสุดขีด แล้วรู้สึกทะแม่งๆ ทันที หลังจากงงอยู่ครู่ ค่อยรู้ตัวว่าโดนเพื่อนแกล้งล้อเข้าให้แล้ว จึงรีบโต้กลับทันควัน

“เธอนี่ปากเสียจริงๆ ! ทำไมคนที่โดนกรงเล็บตวัดใส่ถึงเป็นฉันล่ะหา ? เธอน่ะแหละดูน่ากินกว่าฉันอีก ถ้ามันจะตวัดเล็บใส่ มันก็ตวัดใส่เธอโน่น !”

หลังจากมัคคิอาโตนั่งชื่นชมสีหน้าพิลึกๆ ของคาราเมลจนสมใจแล้ว ก็ยิ้มพลางพูดว่า

“เธอไม่ใช่สัตว์อสูรสักหน่อย แล้วรู้ได้ยังไงไม่ทราบว่ามันเห็นว่าฉันน่ากินกว่าเธอ ? คิดไม่ถึงเลยว่าในเกมราชาฯจะมีสัตว์อสูรแบบนี้ด้วย ดูแล้วคล้ายเยี่ยหลี[1]ในถ้ำผีดิบนิดหน่อย แต่ก็ไม่ค่อยเหมือนซะทีเดียว ฉันจำได้ว่าในคู่มือสัตว์อสูรไม่ได้บอกไว้ซะหน่อยว่าตัวมันสูงตั้งขนาดนี้น่ะ ?”

คาราเมลหยิบหนังสือคู่มือสัตว์อสูรเล่มหนึ่งออกมาจากกระเป๋าของตัวเอง แล้วพลิกเปิดไปที่หน้าของถ้ำผีดิบเพื่อหาอ่านดู

มัคคิอาโตเหลือบดูปกของหนังสือคู่มือ แล้วอุทานอย่างตกตะลึง

“ฉบับที่ 99 ! เธอมีเล่มนี้ได้ยังไงกันเนี่ย ? ช่วงนี้สมาคมนักเขียนกำลังปรับโครงสร้างสมาคมกันอยู่ ใครๆ ก็เลยรอคู่มือฉบับใหม่นี้จนเซ็งแล้วเซ็งอีก ได้ยินว่าในนี้มีแนะนำถ้ำสามคูหาสุดบูรพาใหม่ด้วย แล้วยังมีสัตว์อสูรที่เพิ่งออกมาใหม่ในหุบเขามรณะอีก จริงหรือเปล่าน่ะ ?” ว่าแล้วก็กระแซะเข้ามาใกล้เพื่อยืนยันว่าตัวเองจำผิดหรือเปล่า หรือไอ้ตัวที่พวกเธอเห็นบนเขานั่นจะเป็นสัตว์อสูรพันธุ์ใหม่ ?

“เอ๊ะ...อย่าแย่งสิ ! นี่น่ะยืมมาจากชาอูหลงเข้มจัด[2]นะ เกิดขาดขึ้นมา จะให้ฉันไปแก้ตัวว่ายังไงกันเล่า ? อ้าว...หลาน เธอก็กลับมาแล้วเหรอ !” ครั้นเห็นว่าหนังสือคู่มือสัตว์อสูรถูกแย่งไปอยู่ในมือของเยี่ยหลาน สองสาวถึงค่อยรู้ตัวว่าเยี่ยหลานก็อยู่ด้วย

สาวน้อยสองคนนี้ไม่ค่อยกระตือรือร้นกับการฝึกวิชาฆ่าสัตว์อสูรนัก แต่กับการสำรวจพื้นที่และวิจัยข้อมูลสัตว์อสูรละไม่รู้ทำไมถึงได้คลั่งไคล้เอาจริงๆ จังๆ สิน่า

เยี่ยหลานค้อนเพื่อนสาวทั้งสองขวับใหญ่ แล้วพลิกเปิดคู่มือสัตว์อสูรฉบับใหม่เอี่ยมที่ชิงมาได้พลางพูดว่า

“นั่นมันอเล็กซ์เปลี่ยนร่างย่ะ ไม่ใช่เยี่ยหลีอะไรทั้งนั้น แล้วก็ไม่ใช่สัตว์อสูรพันธุ์ใหม่ด้วย”

พอฟังที่เยี่ยหลานพูดจบ สองสาวก็ทำหน้างง มัคคิอาโตเกาศีรษะแกรกพลางถามว่า

“อเล็กซ์ ? นั่นมันสัตว์อสูรชนิดไหนกันเหรอ ?”

เยี่ยหลานทำท่าจะเป็นลม “ป๊ะเธอสิ ! อเล็กซ์คือสัตว์เลี้ยงของเฉินเฟิงย่ะ ! เสียแรงจริงจริ๊งที่เธออุตส่าห์เรียกตัวเองว่าสาวน้อยสุดสวยสารานุกรมสัตว์อสูรฉบับสมบูรณ์ที่เลิศที่สุดเคลื่อนที่ กระทั่งมนุษย์หมาป่าที่เห็นหน้าอยู่ทุกวันก็ยังจำไม่ได้ !”

มัคคิอาโตค่อยทำท่านึกได้ “มิน่าล่ะฉันถึงว่าดูคุ้นๆ ชอบกล...เดี๋ยวๆๆ หลาน เธอว่ามันคืออะไรนะ ? อเล็กซ์ ! เป็นไปได้ยังไงน่ะ ? เมื่อกี้มันคิดจะโจมตีพวกเรานะ !”

“ยังจะมีหน้ามาพูดอีก ! ไอ้ฉันเพิ่งจะทันกะพริบตาก็เห็นเธอสองคนเผ่นหนีไปก่อนใครเพื่อนเลยนะยะ !” เยี่ยหลานว่าอย่างมีโมโห “ตอนที่เดินขึ้นเขากันอยู่พวกเธอพูดไว้ว่ายังไงไม่ทราบ ? จะทุ่มสุดกำลังเพื่อช่วยฉัน ? หนีเร็วออกปานนี้แล้วจะช่วยฉันได้ยังไงกันล่ะยะ ? หนังสือเล่มนี้ฉันจะริบเอาไว้ มีข้อมูลใหม่ล่ะไม่คิดจะเอามาให้ฉันดูก่อนกันเลยนะ แล้วแบบนี้พวกเราจะไปเทียบกับคนพวกนั้นได้ยังไงกันน่ะหา ?”

“ไม่ได้นะ !” คาราเมลร้องกรี๊ด “เจ๊หลานขา นั่นน่ะฉันยืมมาจากชาอูหลงหรอกนะ ครั้งหน้าฉันไม่หนีแล้วก็แล้วกันน่านะ ถ้าไม่คืนหนังสือให้ชาอูหลงละก็ ฉันมีหวังตายแน่ !”

“นั่นมันเรื่องของเธอ ไม่เกี่ยวกับฉันย่ะ” เยี่ยหลานว่า “ถือว่านี่เป็นค่าปรับความใจดำครั้งนี้ของพวกเธอแล้วกัน”

สองสาวพากันโอดครวญเป็นการใหญ่ว่าพวกเธอไม่ผิดนะ เป็นเพราะพักนี้เจอแต่ฝึกพิเศษของเฉินเฟิงนั่นแหละ แล้วฝึกพิเศษของเฉินเฟิงน่ะ อย่างอื่นไม่ได้เรียนรู้เท่าไรหรอก แต่เรื่องเผ่นนี่สิได้ทำบ่อยจนชักจะชิน

ครั้งนี้เยี่ยหลานใจแข็งมาก บอกไม่คืนก็ไม่คืน คาราเมลที่กำลังร้อนใจจึงพูดความลับเรื่องหนึ่งออกมา

ปรากฏว่าสมาคมนักเขียนกำลังมีปัญหาใหญ่จริงๆ ด้วย และตอนนี้ก็กำลังแตกออกเป็น 3 พวกเป็นอย่างน้อย คู่มือสัตว์อสูรฉบับที่ 99 อาจจะไม่มีโอกาสได้เปิดตัวไปตลอดกาลเสียแล้ว เนื่องจากฝ่ายผลิตเกิดการแยกวงครั้งใหญ่ ตอนนี้บรรดาผู้เล่นอาชีพนักเขียนที่ปกติสุภาพอ่อนโยนต่างก็เตรียมตัวก่อศึกใหญ่กันแล้ว

หากคู่มือฉบับใหม่ล่าสุดที่คาราเมลได้มานี้เกิดหลุดรอดแพร่กระจายออกไปล่ะก็ มีหวังก่อให้เกิดผลลัพธ์อันเลวร้ายสุดคาดคิดต่อพวกผู้เล่นอาชีพนักเขียนซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในสภาพเหมือนธนูพาดสายพร้อมจะยิงได้ทุกเมื่ออย่างแน่นอน

กว่าคาราเมลจะยืมหนังสือเล่มนี้มาได้ก็ต้องลงทุนอ้อนวอนจนปากแทบฉีก แถมยังต้องเลี้ยง “ชาอูหลงเข้มจัด” เป็นค่าชดเชยไปไม่ทราบกี่แก้วต่อกี่แก้ว ถ้าเยี่ยหลานไม่ยอมคืนให้เธอจริงๆ ล่ะก็ ต่อให้เลี้ยงชาอูหลงเข้มจัดอีกสักกี่แก้วก็ไม่มีประโยชน์แล้ว

พอฟังคำอ้อนวอนของคาราเมลจบ เยี่ยหลานก็โพล่งขึ้นว่า

“ชาอูหลงขึ้นเป็นสมาชิกระดับสูงตั้งแต่เมื่อไหร่กันน่ะ ? หนังสือที่ยังไม่วางขาย ไม่ใช่ว่ามีแต่พวกระดับสูงเท่านั้นที่มีสิทธิ์รู้หรอกเหรอ ?”

“นั่นน่ะเป็นเพราะเธอคบกับคนจรแห่งนครหลวงไง เขาคบกันมาจะครึ่งปีแล้ว เธอยังไม่รู้อีกหรือยะ !” มัคคิอาโตว่า แล้วฉวยโอกาสที่เยี่ยหลานกำลังทำท่าคิดอะไรสักอย่างแย่งคู่มือสัตว์อสูรมา

คาราเมลร้องกรี๊ดทันที “อย่าแย่งกันสิ อย่าแย่งกัน ! นั่นน่ะต้นฉบับเชียวนะ ! ขืนแย่งกันจนพัง จะไม่มีเล่มใหม่แล้วนะ...”

เยี่ยหลานค่อยยอมปล่อยมือให้มัคคิอาโตแย่งเอาไปได้ แล้วจึงพูดว่า

“พูดถึงยายนั่นแล้วโมโหไม่หาย หน็อย...พอมีแฟนแล้วทิ้งเพื่อนเลยนะ พอเข้าสมาคมนักเขียนแล้วเหมือนหายสาบสูญไปเลยงั้นล่ะ ครึ่งปีมานี้นัดเจอกันทีไรไม่เคยโผล่หน้ามาเลยสักหน แค่ที่ฉันยังจำได้ว่ายายนั่นเป็นใครก็ถือว่าฉันใจดีมากแล้ว”

“ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง เธอเองก็มีแฟนปุ๊บทิ้งเพื่อนปั๊บเหมือนกันแหละว้า ไม่รู้จักคิดเสียบ้างว่าต่อให้เมื่อกี้พวกเราไม่หนี ก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี...” คาราเมลงึมงำ

พอคาราเมลพูดขึ้นมา ความคิดเยี่ยหลานก็วกกลับไปยังฉากรบบนเทือกเขาไทแทนเมื่อครู่ก่อนอีกครั้ง พอนึกถึงว่าจนป่านนี้ก็ยังไม่มีข่าวของเฉินเฟิงเลย เธอก็ลองส่งข้อความเรียกเฉินเฟิงอีกหลายครั้ง

อยู่ๆ มัคคิอาโตก็โพล่งขึ้นว่า “ฉันรู้แล้วว่าทำไมอเล็กซ์ถึงโจมตีพวกเรา พวกเธอดูสิ ตรงนี้มีแนะนำเสือดาวหิมะสองหัวด้วย !”

หลังจากดูข้อมูลจบ สามสาวถึงค่อยทราบว่าอเล็กซ์น่าจะกำลังคลั่งนั่นเอง มิน่าเล่ามันถึงได้โจมตีพวกเดียวกันเอง และมิน่าเล่าเฉินเฟิงถึงได้ไม่กล้ากลับมาที่หมู่บ้านอิวะ แถมยังบอกให้ทุกคนรีบหนีอีกต่างหาก

หลังจากเข้าใจลักษณะพิเศษขณะกำลังคลั่งแล้ว เยี่ยหลานยิ่งนึกเสียใจหนักเข้าไปใหญ่ที่เธอกะบึงกะบอนจนก่อเรื่องใหญ่โตถึงขนาดนี้ นี่ถ้าเธอไม่โผล่เข้าไปก่อกวนล่ะก็ อเล็กซ์คงจะช่วยถ่วงเสือดาวหิมะสองหัวตัวนั้นได้สบายๆ อยู่แล้ว ส่วนเสือดาวหิมะอีกสองตัวที่เหลือ ดูจากขบวนตั้งรับของทุกคนในตอนนั้น ก็ยังพอมีความหวังว่าจะสู้ได้อยู่

การที่เยี่ยหลานก่อเรื่องครั้งนี้ ทำให้สมาชิกสมาพันธ์ตายไป 2 หนีกลับมา 4 บนเขาจึงเหลือแต่เฉินเฟิงแค่คนเดียว ต่อให้อเล็กซ์ดึงเสือดาวหิมะสองหัวเอาไว้ได้ เฉินเฟิงก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเสือดาวหิมะที่เหลืออีกสองตัวอยู่ดี !

หลังจากประเมินสถานการณ์ออกมาได้แล้ว สามสาวก็ร้อนใจดั่งไฟลน ดูท่าครั้งนี้จะก่อเรื่องใหญ่โตเข้าให้จริงๆ เสียแล้ว ด้วยนิสัยของเฉินเฟิง ถ้าเขารู้ว่าตัวเองกลับมาที่หมู่บ้านอิวะแล้วจะสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้เล่นคนอื่นล่ะก็ เขาคงไม่มีทางยอมกลับมาแน่

 

“ทางซ้าย ! ระวังมันจะพุ่งเข้าใส่แล้ว !”

“โกหกน่า ! น้ำหมดแล้ว ใครก็ได้เอาน้ำมาให้กูยืมหน่อยเร็ว !”

เสียงตวาดลั่นหลายเสียงดึงสติเฉินเฟิงที่กำลังเริ่มจะใจลอยเพราะมีเสียงร้องเรียกมาจากทุกช่องให้กลับคืนมา

ตอนนี้สถานการณ์ก็ยังคงครึกครื้นสุดๆ อยู่เหมือนเดิม หลังจากที่สปายทั้งห้าคนได้เข้ามาร่วมวง สนามรบที่เดิมชุลมุนอยู่แล้วยิ่งชุลมุนหนักกว่าเก่า แต่เนื่องจากเสือดาวหิมะสองหัวไม่แยกแยะมิตรศัตรู ดังนั้นฝ่ายที่น่าสงสารที่สุดจึงกลายเป็นเสือดาวหิมะที่ไม่ได้คลั่งตัวนั้นไปโดยปริยาย

เฉินเฟิงกำลังคิดจะเข้าไปช่วย ผู้เล่นคนหนึ่งรีบร้องห้ามขึ้นทันทีว่า

“ไม่ได้นะท่านหัวหน้าสมาพันธ์เฟิง ! คุณไม่ต้องเข้ามาช่วยเลย ถ้าคุณเข้ามาแทรกตอนนี้ล่ะก็ พวกเราจะไปทันทีจริงๆ ด้วย !”

เฉินเฟิงผู้เป็นที่อ้าแขนต้อนรับไปทุกที่ดันโดนปฏิเสธเข้าให้เสียแล้ว แต่ก็เป็นการสะกิดเตือนทุกคนเหมือนกันว่าที่ด้านหลังของเฉินเฟิงยังมีดาวเพชฌฆาตอยู่อีกตัว

เฉินเฟิงผู้ไม่มีทางเลือกได้แต่ยืนอยู่ที่เดิมแล้วเอายาฟื้นพลังออกมาวางเรียงราย จากนั้นไล่อเล็กซ์ให้ออกไปให้ห่างจากทุกคน พร้อมทั้งสั่งให้อู้คง หลายฝู และซวงเว่ยเข้าไปร่วมรบด้วย

เดิมทีเฉินเฟิงคิดจะให้ผู้เล่นสปายทั้งห้าคนนี้รับมือเสือดาวหิมะตัวเดียวที่เหลืออยู่ จากนั้นเขาค่อยล่ออเล็กซ์ไปยันเสือดาวหิมะสองหัวนั่น บวกกับตัวเขาและสัตว์เลี้ยงอีก 3 ตัว การรบครั้งนี้ก็น่าจะยุติลงได้อย่างไม่ยากเย็นเท่าไรนัก

แต่ลูกคิดรางแก้วของเขากลับไม่ได้รับการสนับสนุนเสียนี่ เพราะถึงแม้เสือดาวหิมะจะเลื่อนขึ้นเป็นระดับ 60 หลังจากคลั่งก็ตาม แต่ผู้เล่นมือเก่าต่างก็ทราบดีว่า ระดับ 60 นั้นหมายถึงอะไร และเรื่องที่ไอเท็มอาวุธเครื่องป้องกันรวมถึงของวิเศษระดับที่ 8 ขึ้นไปมีแต่สัตว์อสูรระดับราชาเท่านั้นที่จะระเบิดให้ ก็ได้รับการยืนยันมาเป็นเวลานานแล้วด้วย

หลังจากที่สปายทั้งห้าได้ทราบว่าเสือดาวหิมะสองหัวคือเสือดาวหิมะที่คลั่งปุ๊บ ก็ยืนกรานขอลองสู้ด้วยดูทันที และแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งว่าไม่คิดจะเปิดโอกาสให้เฉินเฟิงฮุบไอเท็มหรือของวิเศษใดๆ ไว้คนเดียวทั้งสิ้น ถึงแม้เฉินเฟิงจะรับรองว่าหากได้ของวิเศษมาก็จะแบ่งปันกันอย่างยุติธรรมก็เถอะ เนื่องจากแม้สปายเหล่านี้จะรู้จักเฉินเฟิงดี แต่ต่างก็เคยชินกับธรรมเนียมปกติของการฆ่าสัตว์อสูรเพื่อเอาของวิเศษ ซึ่งก็คือผู้ที่ไม่ได้ออกแรงจะไม่ได้รับส่วนแบ่งเสียแล้ว เพราะเหตุนี้ถึงได้กลายเป็นสภาพดังที่เห็นไป

เมื่อได้รับการช่วยเหลืออย่างถูกจังหวะจากเฉินเฟิง สถานการณ์ก็อยู่ในสภาพสมดุลแบบแปลกๆ เพียงแต่สภาพสมดุลนี้ทำให้เฉินเฟิงรู้สึกอ่อนใจอย่างมาก

สปายทั้งห้าเอาเสือดาวหิมะสองหัวไม่ลง แถมตัวเฉินเฟิงเองจะไปจากที่นี่ก็ไม่ได้เสียด้วย เพราะดูเหมือนอเล็กซ์กับเสือดาวหิมะสองหัวจะกำลังดึงดูดกันอยู่ ขอเพียงเฉินเฟิงล่ออเล็กซ์ออกห่างไปไกลหน่อย เสือดาวหิมะสองหัวก็จะทิ้งพวกสปายแล้วเผ่นเข้ามาหาอเล็กซ์ทันที

ส่วนเสือดาวหิมะที่ไม่ได้คลั่งอีกตัวนั้น ถึงแม้บางครั้งมันจะถูกเสือดาวหิมะสองหัวพุ่งเข้าเล่นงานบ้าง แต่ไม่ว่าจะล่อยังไงมันก็ไม่ยอมออกห่างจากเสือดาวหิมะสองหัวเอาเลยเหมือนกัน

สภาพการณ์จึงกลายเป็นติดหนึบกันอยู่แบบนี้ สปายทั้งห้าต่างก็กำลังฝืนสู้เต็มที่ ตอนนี้ก็ต้องรอดูแล้วล่ะนะว่ายาฟื้นพลังของพวกเขาจะหมดลงก่อน...หรือเสือดาวหิมะสองหัวจะหมดแรงก่อนกันแน่

แต่ดูท่าระบบของเกมราชาฯจะไม่คิดให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปในสภาพนี้เสียแล้ว เพราะฉับพลันนั้นในป่าได้มีเสียงกรีดร้องดัง “ฮูก ! ฮูก !” แว่วมา และปริมาณของเสียงนั้นทำเอาทุกคนใจหายวาบ...



[1] เยี่ยหลี เป็นสัตว์ประหลาดชนิดหนึ่งซึ่งถูกบันทึกอยู่ใน “ซานห่ายจิง” (Shan hai jing : ตำราว่าด้วยขุนเขาและทะเล) ซึ่งเป็นตำราภูมิศาสตร์ฉบับแรกสุดในประวัติศาสตร์จีน หน้าตาดุร้ายคล้ายยักษ์ เคลื่อนไหวอืดอาด นิ้วมีกรงเล็บขนาดใหญ่

[2] ชาอูหลงเข้มจัด (ท่านเป้ยอูหลงฉา : Heavy Baked Oolong Tea) ชาอูหลงคือชาจีนซึ่งเป็นที่นิยมดื่มชนิดหนึ่ง

หลินโหม่ว เข้าร่วมเมื่อ 3 ก.พ. 2555, 08:58

0 ความคิดเห็น