หัวข้อ : เล่มที่ 5 มีน้ำใจ แล้งน้ำใจ ตอนที่ 5 กองหนุน

โพสต์เมื่อ 3 ก.พ. 2555, 08:58

ตอนที่ 5

 

กองหนุน

 

 

ตอนจะหาละไม่เจอ พอไม่หาละดันเจอเข้าจริงๆ ครั้นได้ยินเสียง เฉินเฟิงก็ทราบแล้วว่าปัญหาโผล่มาอีกแล้ว นกฮูกที่เป็นเป้าหมายซึ่งกะจะขึ้นเขามาหาดันเกิดจะเข้ามาร่วมวงไพบูลย์เอาตอนนี้พอดีสิน่า !

เพียงแต่เฉินเฟิงอดประหลาดใจไม่ได้ เพราะครั้งก่อนหลังจากปะทะกับฝูงนกฮูกแล้ว เขาถึงกับไปศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์อสูรชนิดนี้เป็นพิเศษเลยแหละ และทราบว่าถึงแม้พวกมันจะเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีผู้เล่นก่อน แต่ก็ไม่น่าจะออกพ้นมาจากแนวป่านี่นา !

“ฮูก ! ฮูก !”

เสียงร้องเฉพาะของนกฮูกดังมากระทบโสต

1 ฝูง 2 ฝูง 3 ฝูง สวรรค์ ! ดำพืดไปทั้งแถบเลย !

เฉินเฟิงสูดหายใจเฮือก นกฮูกแค่ฝูงเดียวก็รับมือยากจะแย่อยู่แล้ว ตอนนี้ดันโผล่มาตั้ง 3 ฝูง เพียงแต่เขาอดแปลกใจไม่ได้ว่าหลังจากบินออกมาจากแนวป่าแล้ว นกฮูกกลับไม่ได้เริ่มโจมตีในทันที แถมในป่ายังมีเสียงร้องของนกฮูกตัวอื่นๆ แว่วมาเป็นระยะๆ อีกต่างหาก เหมือนกับว่าพวกมันกำลังรอคอยอะไรสักอย่าง

ผู้เล่นสปายทั้งห้าเองก็ชักจะเริ่มร้อนใจ จึงพากันส่งข้อความหารือกันอย่างรวดเร็ว สุดท้ายผู้เล่นอาชีพนักรบคลั่งที่เป็นคนออกปากพูดกับเฉินเฟิงมาแล้วหลายครั้งก็เป็นตัวแทนออกปากตามเคย

“ท่านหัวหน้าสมาพันธ์เฟิง ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อกี้พวกเราปรึกษากันแล้วตกลงกันว่า ขอเชิญท่านหัวหน้าสมาพันธ์เฟิงทำตามแผนการเมื่อกี้ของคุณได้เลยครับ ส่วนนกฮูกยกให้พวกเราจัดการเอง แล้วมาแบ่งกัน 5:5 คุณเห็นว่ายังไง ?”

เฉินเฟิงลอบถอนใจและส่ายหน้า จนถึงขั้นนี้แล้วแท้ๆ ทำไมถึงยังคิดเรื่องแบ่งสมบัติกันอีกนะเนี่ย ? เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าพวกนี้มั่นใจในตัวเองจนเกินเหตุ หรือเป็นพวกงกเงินสุดใจขาดดิ้นขนานแท้กันแน่ ? แต่สถานการณ์ในตอนนี้ก็ไม่เปิดโอกาสให้เฉินเฟิงปฏิเสธอยู่ดี จึงได้แต่พูดว่า “อืมม์” เป็นความหมายว่าเห็นด้วย แล้วต้อนอเล็กซ์ไปแทนตำแหน่งเมื่อครู่ของสปายทั้งห้าอย่างรวดเร็ว

ในที่สุดอเล็กซ์ก็ได้กลับมาพบกับคู่ชะตาฟ้าลิขิตของมันจนได้ มันเปล่งเสียงหอนยาวเหยียด เสือดาวหิมะสองหัวเองก็พุ่งเข้ามาหามันทันทีไม่ผิดจากที่คาด เฉินเฟิงค่อยมีเวลาว่างไปร่วมกับสัตว์เลี้ยงอีก 3 ตัวล้อมโจมตีเสือดาวหิมะที่เหลืออยู่แค่ตัวเดียวนั้น

แน่ละว่าเสือดาวหิมะระดับ 50 ไม่มีทางกระจอกงอกง่อยอยู่แล้ว พอไม่มีเสือดาวหิมะสองหัวคอยจ้องเล่นงานปุ๊บ มันก็สำแดงฤทธิ์เดชที่แท้จริงออกมาทันที

เฉินเฟิงไม่กล้าพาตัวเข้าไปเสี่ยง และได้แต่ใช้คุณลักษณะที่เคลื่อนไหวได้ว่องไวปราดเปรียวเป็นพิเศษของแส้เทพสีหราชฯหวดขวับๆ ให้คุณสมบัติเสริมข่มขวัญได้ปรากฏออกมาหลายครั้งเป็นการทอนความเร็วในการเคลื่อนไหวของเสือดาวหิมะ อู้คงที่พอจะฝืนต้านรับการโจมตีของเสือดาวหิมะได้ทำหน้าที่เป็นกองหน้า หลายฝูกับซวงเว่ยระดับไม่สูงพอ จึงได้แต่เลี่ยงมาอยู่ข้างๆ คอยฉวยโอกาสลอบโจมตีเป็นพักๆ

อาจเป็นได้ว่าเมื่อครู่ก่อนเสือดาวหิมะสองหัวโจมตีแข็งขันเกินไป เพราะผ่านไปเพียงครู่สั้นๆ เสือดาวหิมะก็ตกอยู่ในสภาพอ่อนแรง ช่วงเวลาที่มันต้องฟุบหอบหายใจเริ่มจะนานขึ้นทุกทีๆ ทำให้อู้คงที่เมื่อครู่ถูกเสือดาวหิมะเล่นงานเสียหมดท่าค่อยมีโอกาสได้ล้างอาย ทุกการโจมตีของกระบองห่วงทองฯลดพลังชีวิตของเสือดาวหิมะไปได้ถึงเกือบ 100 จุด

เฉินเฟิงคิดในใจว่าในที่สุดก็พอจะได้ผลขึ้นมาบ้างแล้ว หลังจากจัดการเสือดาวหิมะตัวนี้ได้แล้ว ขอแค่นกฮูกอย่าโผล่มามากเกินไป ตัวเขาบวกกับสัตว์เลี้ยง 3 ตัว ก็น่าจะพอรับมือได้แล้วล่ะนะ !

ทันใดนั้นเสือดาวหิมะที่ดวงตกมานานเป็นครึ่งค่อนวันก็พลันเปล่งเสียงคำรามสนั่น แล้วเมินการโจมตีของอู้คงเปลี่ยนไปโถมเข้าใส่ซวงเว่ยแทนที่

ไม้นี้มาแบบเหนือความคาดหมายของเฉินเฟิงโดยสิ้นเชิง ท่าโจมตีที่ล็อกไว้สำหรับระยะที่มันอยู่ใกล้ๆ อู้คงพลอยโจมตีใส่ความว่างเปล่าไปด้วยทันที แม้จะเป็น 4 รุม 1 แต่อย่าลืมสิว่าเฉินเฟิงเป็นคนบัญชาการสัตว์เลี้ยงทุกตัว พอเฉินเฟิงตัดสินใจพลาดปุ๊บ สัตว์เลี้ยงทุกตัวจะพลอยเคลื่อนไหวพลาดตามกันไปหมด

เป็ดย่างสุกในจานดันบินหนีไปเสียได้ เฉินเฟิงยังไม่ทันนึกเจ็บใจ ซวงเว่ยก็ถูกเสือดาวหิมะโจมตีใส่อย่างจังไป 1 ที ที่ซวยกว่านั้นคือ เสือดาวหิมะกลับไปสมทบกับเสือดาวหิมะสองหัวได้อีกแล้ว

สัตว์อสูรระดับราชามีคุณสมบัติเด่นที่เห็นแล้วน่าท้อแท้อยู่อย่าง นั่นคือสามารถช่วยฟื้นพลังให้พวกสัตว์อสูรที่ติดตามมันมาได้ ถึงเสือดาวหิมะเพิ่งจะเลื่อนขึ้นเป็นสัตว์อสูรระดับราชาหลังจากที่คลั่งก็ตาม มันก็ยังมีคุณสมบัติข้อนี้พร้อมมูลอยู่ดี นี่เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเมื่อครู่ผู้เล่นสปายทั้งห้าคนนั้น บวกกับอู้คง หลายฝู และซวงเว่ย ถึงได้เก็บเสือดาวหิมะตัวนี้ไม่ได้สักที

เฉินเฟิงช่วยใช้ยาฟื้นพลังให้ซวงเว่ยอย่างรวดเร็ว แล้วสั่งให้พวกสัตว์เลี้ยงเข้าล้อมเสือดาวหิมะเอาไว้อีกครั้ง น่าเสียดายที่ครั้งนี้ไม่ราบรื่นเหมือนอย่างเมื่อครู่เสียแล้ว เพราะต้องคอยระวังเสือดาวหิมะสองหัวซึ่งกระทั่งตัวเขาเองยังไม่มั่นใจเลยว่าจะรับการโจมตีของมันติดๆ กันสองครั้งได้ไปด้วยพร้อมกัน

ผู้เล่นสปายทั้งห้ามือถือระเบิดแสง กระจายยืนในตำแหน่งสามเหลี่ยม โดยกะว่าพอนกฮูกทั้งหมดปรากฏตัวออกมาปุ๊บ ก็จะใช้ระเบิดแสงทันที เพื่อแย่งชิงช่วงเวลา 10 นาทีที่จะได้เปรียบมา

เฉินเฟิงที่แบ่งสมาธิทำหลายอย่างพร้อมกันได้ยินคำพูดถกเถียงกันของพวกนั้นเข้าก็แทบเป็นลม ปรากฏว่าจนป่านนี้แล้วพวกนั้นก็ยังคิดเล็กคิดน้อยกับค่าระเบิดแสงอยู่อีก โดยเถียงกันว่าจะคิดค่าระเบิดแสงกันยังไงดี

ไม่ทราบวันนี้ดวงของทุกคนมันเป็นยังไงกันแน่…อยู่ๆ นกฮูกทั้ง 3 ฝูงที่อยู่หน้าแนวป่าหยุดส่งเสียงร้องพร้อมกัน แล้วทุกคนก็ต้องขยี้ตาอย่างไม่อยากจะเชื่อ โดยหวังว่าจะแค่ตาฝาดกันไปเองเท่านั้น

ปีกสีดำมะเมื่อมขนาดยักษ์ ใบหน้าอันดุร้าย และเขาสีดำสนิทสองเขาบนศีรษะพญานกฮูก ! สัตว์อสูรระดับราชาซึ่งพบได้หวังไม่ได้ดันแห่กันมาปรากฏกายต่อหน้าต่อตาทุกคนเหมือนวันนี้เป็นวันลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ครั้งยิ่งใหญ่ของระบบอย่างไรอย่างนั้น

เสียงแจ้งจากระบบดังขึ้นกลางอากาศ

‘พญานกฮูก’ สัตว์อสูรระดับราชาถือกำเนิด ระดับ 65 ธาตุความมืดและธาตุลม ผู้ที่ถูกสัตว์อสูรระดับราชาสังหาร เวลาที่ใช้ในการรอเกิดใหม่ต้องเพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็น 4 ชั่วโมง”

เสียงแจ้งจากระบบดับความหวังของทุกคนลงเสียสิ้น พญานกฮูกที่ได้รับฉายาว่าพญามารสีดำเป็นสัตว์อสูรระดับราชาขนานแท้และดั้งเดิมเลยทีเดียวเชียวแหละ มีมันเพิ่มมาอีกตัวปุ๊บ ระดับความยากในการรับมือนกฮูกจำนวนเกือบ 30 ตัวที่อยู่รายรอบจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยที่สุดเกือบเท่าตัวในทันที

แบบนี้ก็กลายเป็นว่าไม่มีโอกาสชนะเลยสักนิดน่ะสิ

ผู้เล่นสปายทั้งห้าเปลี่ยนท่าทีอย่างฉับพลัน กลายเป็นแย่งกันใช้ม้วนคาถากลับบ้านชนิดด่วนจี๋โดยไม่มีการปรึกษาหารือกัน แถมไม่คิดจะบอกกล่าวเฉินเฟิงล่วงหน้าอีกต่างหาก ทิ้งให้เฉินเฟิงยืนตะลึงลานอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง

เมื่อแสงสว่าง 5 ลำพุ่งวาบหายไป สถานการณ์ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง อเล็กซ์กับเสือดาวหิมะสองหัวหันไปโจมตีใส่พญานกฮูกพร้อมกันอย่างฉับพลัน เสือดาวหิมะที่เมื่อครู่เพิ่งเอาชีวิตรอดมาได้หมาดๆ ถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวอีกครั้งในบัดดล

เสียงคำรามกึกก้องของสุนัขป่าและเสือดาวเรียกสติเฉินเฟิงให้กลับคืนมาทันควัน ดูท่าที่พญานกฮูกยกพวกออกมาประกาศศึกคงเป็นเพราะอเล็กซ์กับเสือดาวหิมะสองหัวมารุกล้ำเขตแดนของมันเป็นแน่ ไม่อย่างนั้นอย่าว่าแต่ปกตินกฮูกจะไม่มีทางออกพ้นมาจากแนวป่าเลย พญานกฮูกยิ่งแล้วใหญ่ เพราะปกติมันจะอาศัยอยู่ในถ้ำลับกลางป่าโน่น ขนาดแค่จะหาให้พบยังต้องเสียเวลาไม่ใช่น้อยๆ ด้วยซ้ำ

ระหว่างที่เฉินเฟิงตกตะลึง อู้คง หลายฝู และซวงเว่ยต่างก็กลับมาเคลื่อนไหวด้วยความคิดของตัวเองได้เป็นการชั่วคราว พอพวกมันเห็นเสือดาวหิมะถูกทิ้งไว้ตามลำพังอีกครั้ง ก็รวมพลังกันบุกโจมตีทันที

เฉินเฟิงเพิ่งจะเงยหน้าขึ้น ก็เห็นอู้คงกระโดดขึ้นสูงลิบ สองมือชูกระบองห่วงทองฯขึ้นสุดแขน แล้วฟาดลงใส่ศีรษะเสือดาวหิมะเต็มแรง ด้านหลายฝู ตัวของมันเปล่งแสงสีเขียวอ่อนเรืองรอง จากนั้นส่งเสียงคำรามลั่น ลำแสงสีเขียวอ่อนพุ่งวาบออกไปพร้อมเสียงคำรามอย่างฉับพลัน เป้าหมายคือช่วงเอวของเสือดาวหิมะ ส่วนซวงเว่ยส่งเสียงร้องกึกก้อง แสงสีแดงได้มารวมตัวกันที่ศีรษะ แล้วคาถาศรเพลิงขนาดยักษ์ก็แหวกอากาศพุ่งวาบออกไปในพริบตา

“เปรี้ยง ! เปรี้ยง ! ตูม !”

ในที่สุดเสือดาวหิมะที่น่าสงสารก็ได้พักผ่อนเสียที โดยสลายหายไปในเวลาเดียวกับที่สงครามอันดุเดือดอีกระลอกกำลังจะเปิดฉากขึ้น

ได้เวลาที่เฉินเฟิงซึ่งมัวแต่ดูเพลินจนจบจะออกโรงบ้างแล้ว

หลังจากหายตะลึง เฉินเฟิงก็กลับมาเป็นปกติดังเดิม เมื่อไม่ต้องพะวงถึงคนอื่นอีก เขาจึงจัดการซัดระเบิดแสงออกไปรวดเดียว 6 ลูกทันที

 

เยี่ยหลานอดรู้สึกท้อแท้ไม่ได้ หลังจากที่เธออธิบายถึงสถานการณ์ของเฉินเฟิงไปในช่องสมาพันธ์แล้ว ทุกคนต่างกระตือรือร้นต่อเรื่องที่มีสัตว์อสูรระดับราชาปรากฏขึ้นทีเดียวสองตัวเป็นอย่างมาก ถึงขนาดมีคนเสนอให้มาพนันกันว่าตัวไหนจะเป็นฝ่ายชนะเสียด้วย ไม่กี่นาทีให้หลังยังมีคนนอกสมาพันธ์หลายคนโผล่มาขอร่วมแจมอีกต่างหาก แค่พริบตาเดียวเงินเดิมพันก็เพิ่มขึ้นจนเกือบถึงแสนเหรียญเงิน

และปัญหาสำคัญที่สุด “ช่วยคลี่คลายภาวะวิกฤตให้เฉินเฟิง” ก็ถูกลืมไปเสียสนิทด้วยเหตุนี้เอง จนกระทั่งเยี่ยหลานโมโหสุดขีดอาละวาดร้องเตือนสติทุกคน พวกสมาชิกสมาพันธ์ถึงค่อยสงบเสงี่ยมขึ้นมาหน่อย แต่สุดท้ายก็ไม่มีสมาชิกคนไหนออกปากสักคนว่ายินดีจะไปช่วยเฉินเฟิง

การที่คมพิรุณย้ายที่ทำการไปอยู่ยังเมืองเขี้ยวมังกรพลอยทำให้เวลานี้ยอดฝีมือส่วนใหญ่ของสมาพันธ์ต่างไปอยู่ทางซีกตะวันตกของทวีปกู่ย่ากันหมด พวกที่เหลืออยู่ในซีกตะวันออกส่วนใหญ่จะเป็นพวกมือใหม่ที่ยังไม่ได้อาชีพ กระทั่งระดับของเยี่ยหลานเองยังติดอันดับท็อป 10 ของบรรดาสมาชิกที่อยู่ในซีกตะวันออกเลยด้วยซ้ำ

แต่ที่ทำให้เยี่ยหลานท้อแท้ไม่ใช่ระดับของสมาชิก ถึงแม้การที่ระดับไม่สูงจะทำให้ไปแล้วก็ช่วยอะไรไม่ได้ก็ตาม สิ่งที่ทำให้เธอทั้งเจ็บใจและท้อแท้ คือน้ำใจ

ทันทีที่พวกสมาชิกซึ่งรั้งอยู่ในหมู่บ้านอิวะได้ยินว่ามีความเป็นไปได้ที่อเล็กซ์จะมาโผล่ที่นี่อย่างกะทันหัน แถมยังมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะหนีเสียด้วย ก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง รีบรวมกลุ่มกันไปจากหมู่บ้านอิวะทันที ซึ่งแน่ละว่าไม่ได้กะจะมุ่งหน้าไปช่วยเฉินเฟิงแต่อย่างใด แต่เป็นพากันตัดสินใจถอยไปตั้งหลักที่ป้อมข้ามทะเลทรายกันก่อนเพื่อเลี่ยงหนีจากอันตรายซึ่งอาจจะเกิดขึ้น

หลังจากที่สามสาวบอกกล่าวอันตรายซึ่งอาจจะเกิดขึ้นแก่ผู้เล่นทุกคนในลานกว้างของหมู่บ้านอิวะแล้ว เยี่ยหลานก็ขายไอเท็มทั้งหมดที่มีทิ้ง จากนั้นเอาเงินที่ได้มาไปซื้อยาฟื้นพลังระดับกลางและระดับสูงจนหมด เพื่อนสาวทั้งสองเองก็ทำแบบเดียวกันจนพลอยจนกรอบสุดๆ ตามไปด้วย จากนั้นสามสาวก็พากันออกเดินทางไปยังเทือกเขาไทแทนอย่างเด็ดเดี่ยว ถึงแม้จะทราบดีว่าพวกเธอคงช่วยอะไรไม่ได้ก็ตามที แต่ถ้าแค่ช่วยใช้ยาฟื้นพลังให้ละก็ พวกเธอยังพอทำได้อยู่หรอกน่า !

เพิ่งเดินไปถึงประตูทางเข้าหมู่บ้าน ก็เจอกับผู้เล่นหลายคนที่เพิ่งจะกลับมาถึงหมู่บ้าน ผู้เล่นอาชีพนักรบคลั่งคนหนึ่งเห็นพวกเยี่ยหลานทั้งสาม ก็ขวางเอาไว้แล้วพูดว่า

“พวกเธอคงไม่คิดจะขึ้นเขาไปหรอกนะ !”

แม้จะกะทันหันและผิดคาดไปหน่อย แต่การที่ผู้เล่นหญิงถูกรั้งไว้กลางทางแบบนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจำอยู่แล้ว สามสาวเพิ่งจะโมโหเดือดกับความแล้งน้ำใจของพวกสมาชิกสมาพันธ์มาหมาดๆ สีหน้าจึงบึ้งจัดกันทั้งสามคน ด้วยเหตุนี้ถึงแม้เสียงของผู้เล่นนักรบคลั่งจะดังลั่นอย่างกับฟ้าร้อง ทั้งสามก็ยังทำเหมือนไม่ได้ยินกระนั้น แถมยังเดินอ้อมพวกเขาไปทำท่าจะออกจากประตูหมู่บ้านอีกต่างหาก

ผู้เล่นที่ร้องทักงงไป นึกว่าตัวเองจำผิดคนเสียแล้ว แต่เห็นตราของสมาพันธ์เฟิงแปะอยู่บนแขนพวกเธออยู่ทนโท่ ซึ่งแน่ละว่าเขาไม่มีทางจำผิดอย่างแน่นอน

“รอเดี๋ยวสิ ! พวกเธอจะไปช่วยท่านหัวหน้าสมาพันธ์เฟิงใช่ไหมล่ะ ? ไม่ต้องไปจะดีกว่านะ เพราะตอนนี้มีนกฮูกโผล่มาอีกฝูงใหญ่แล้ว แถมยังมีพญานกฮูกอีกตัวด้วย ขืนไปก็มีแต่ไปตายเท่านั้น” ที่แท้นักรบคลั่งคนนี้ก็เป็นหนึ่งในผู้เล่นสปายทั้งห้าที่ถอยหนีกลับมาจากบนเขานั่นเอง

พอได้ฟัง เยี่ยหลานก็ตะลึง แล้วรีบซักไซ้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีสัตว์อสูรระดับราชาตัวที่ 3 โผล่มาได้ หลังจากฟังผู้เล่นสปายคนนั้นเล่าจบ สามสาวต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริดอย่างไม่อยากจะเชื่อ

แบบนี้ดูท่าต่อให้พวกเธอไปถึง ก็คงทำได้แค่ช่วยเก็บศพให้เฉินเฟิงแหงๆ

“เจ๊หลาน สัตว์อสูรระดับราชา 2 ตัวกับ 3 ตัวมันต่างกันตรงไหนหรือครับ ? เพราะถึงยังไงต่อให้แค่ตัวเดียว พวกเราก็สู้ไม่ได้อยู่แล้ว เพิ่มมาอีกตัวแล้วไงล่ะ ? พวกคุณยังจะไปกันอีกหรือเปล่า ? ถ้าจะไปก็ขึ้นม้าเถอะ !”

อยู่ๆ เจี๋ยเต๋อก็โผล่มาจากด้านข้างอย่างกะทันหัน นอกจากเขาแล้วยังมีสมาชิกสมาพันธ์อีกสองคนติดตามมาด้วย ส่วนด้านหลังจูงม้ามาด้วย 3 ตัว

“ก็ไม่ต่างกันจริงๆ แหละนะ เรื่องไปน่ะต้องไปอยู่แล้ว พวกเราไปกันเถอะ !” เยี่ยหลานยิ้มกร่อยๆ จูงสองสาวไปรับม้าด้วยกัน จากนั้นทั้งหกก็พากันขึ้นขี่ม้าควบตะบึงออกจากประตูทางเข้าหมู่บ้านอิวะไปในขณะที่ผู้เล่นนักรบคลั่งคนนั้นยังคงเอาแต่ส่ายหน้า

 

เฉินเฟิงยังไม่ลืมจุดอ่อนของนกฮูก เมื่อเผชิญหน้ากับนกฮูกจำนวนมหาศาลจนดำมืดไปทั้งแถบ การโจมตีที่ได้ผลที่สุดย่อมต้องเป็นคาถาลูกแก้วอัคคีอยู่แล้ว

นอกจากนี้โชคดีที่เสียงประกาศแจ้งจากระบบเมื่อกี้ช่วยเตือนให้เขานึกถึงม้วนคาถาธาตุที่ไม่ได้ใช้งานมานานขึ้นมาได้ และแล้วแสงสีเทาหม่นก็แผ่กระจายออกครอบคลุมรัศมี 20 เมตรในบัดดล ม้วนคาถาธาตุความมืดออกโรงอีกครั้ง…

“ตูม ! ตูม ! ตูม !”

ไม่จำเป็นต้องเล็งให้เสียเวลา เพราะแค่ซี้ซั้วปล่อยคาถาลูกแก้วอัคคีออกไปสักลูก ก็ย่างนกฮูกได้อย่างน้อย 7-8 ตัวเข้าไปแล้ว แถมประสิทธิภาพยังดีเลิศเป็นพิเศษอีกต่างหาก แม้ไม่ถึงขนาดหนึ่งลูกเก็บได้หนึ่งแถบ แต่ทุกครั้งหลังจากลูกแก้วอัคคีระเบิด เป็นต้องมีกลิ่นบาร์บีคิวนกย่างหอมหวนโชยมากระทบจมูกทุกครั้งไป

เฉินเฟิงเก็บแส้เทพสีหราชฯแล้วขึ้นขี่ซวงเว่ย มือซ้ายถือผลึกเวทมนตร์ธาตุสีเขียว มือขวาถือผลึกเวทมนตร์ธาตุสีแดง เอาไว้เสริมพลังจิตสำหรับใช้เวทมนตร์ที่ลดฮวบฮาบลงอย่างรวดเร็ว

เฉินเฟิงทำใจกล้าช่วยเสือดาวหิมะสองหัวใช้คาถาท่องลม ภายใต้ผลลัพธ์ของม้วนคาถาธาตุทำให้อเล็กซ์และเสือดาวหิมะสองหัวสามารถฝืนใจต่อสู้กับพญานกฮูกได้อย่างสูสี

เนื่องจากปัญหาเรื่องสังกัดธาตุ ทำให้หลายฝูไม่สามารถใช้คาถาคมวายุช่วยเหลืออะไรได้ แถมเฉินเฟิงยังไม่กล้าปล่อยให้มันโถมเข้าหาฝูงศัตรูเสียด้วย จึงได้แต่ให้มันรับผิดชอบเก็บไอเท็มและเงินทั้งหมดที่ร่วงตกลงมา

แต่ทว่าตอนนี้ตัวที่รู้สึกแย่มากที่สุดก็คืออู้คงนั่นเอง คุณสมบัติพิเศษลดพลังโจมตีจากวัตถุเหลือเพียงครึ่งเดียวของนกฮูกส่งผลให้กระบองห่วงทองฯที่ฟาดลงแต่ละครั้งลดพลังของนกฮูกลงได้แค่ไม่กี่สิบจุด ซึ่งทำได้แค่ส่งผลให้นกฮูกรู้สึกเหมือนถูกสะกิดเกาเท่านั้น

เฉินเฟิงสู้พลางถอยพลาง น่าเสียดายที่เส้นทางขึ้นเขาเล็กและแคบเกินไป เขาจึงทำได้แค่ถอยมาถึงปากทาง จากนั้นก็ต้องรอดูแล้วว่าใครจะอึดกว่ากัน

ยาฟื้นพลัง ระเบิดแสง และผลึกเวทมนตร์ธาตุถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว แต่ปริมาณของนกฮูกก็ค่อยๆ ลดน้อยลงเช่นกัน เฉินเฟิงท่องคาถาจนปากและลิ้นแห้งผาก แต่ก็ฝืนต้านมาได้นานถึงครึ่งชั่วโมงราวปาฏิหาริย์

“ซวยล่ะสิ ! ไม่มียาฟื้นพลังแล้ว !” เฉินเฟิงอดสิ้นหวังไม่ได้ ดูท่ามีแต่ต้องยอมถอยเสียแล้ว ส่วนเรื่องหลังจากกลับไปถึงหมู่บ้านอิวะแล้วจะก่อให้เกิดความโกลาหลขนาดไหน ก็ค่อยไปหาทางรับมือเอาตอนนั้นก็แล้วกัน

อู้คงผู้คลั่งไคล้การต่อสู้ถูกโจมตีใส่หลายครั้งติดต่อกัน เฉินเฟิงที่ไม่มียาฟื้นพลังแล้วรีบเรียกมันกลับมาอยู่ข้างๆ ทันที และเตรียมตัวจะใช้ม้วนคาถากลับบ้าน ทันใดนั้นตัวของอู้คงได้มีแสงสีส้มวาบขึ้นหลายครั้ง อันเป็นแสงเฉพาะของยาฟื้นพลังระดับกลาง !

“พี่เฟิง พวกเรามาช่วยพี่แล้ว !”

ยังไม่ทันเห็นชัดตาว่าคนที่มาช่วยคือใคร ลูกศรหลายดอกก็พุ่งแหวกอากาศผ่านศีรษะของเฉินเฟิงไปในทันที

“ตูม ! ตูม !”

ลูกศรเวทอัคคีสำแดงอานุภาพยอดเยี่ยมสุดเปรียบปาน พริบตาเดียวก็จัดการย่างนกฮูกสุกได้ที่ไป 2 ตัว

เฉินเฟิงฉวยจังหวะดื่มน้ำไปเล็กน้อย ถึงค่อยมีแรงพูดทักทายสมาชิกสมาพันธ์ที่มาช่วยได้

ทันใดนั้นทางด้านหลังได้ปรากฏแสงสีแดงสว่างวาบ ข่ายมนตร์รูปแปดเหลี่ยมขนาดยักษ์พลันผุดขึ้นกลางอากาศ ภาพนั้นออกจะดูคุ้นๆ ตาอยู่ แต่เฉินเฟิงเพิ่งจะเคยเห็นมันเป็นครั้งแรก จึงถามอย่างงุนงงว่า

“นั่นคือ…”

“มังกรคู่ระเบิดอัคคีทำลาย !” เสียงตวาดแหลมสูงสะบั้นการถามของเฉินเฟิงลงกลางคัน ครั้นแล้วคลื่นความร้อนระลอกแล้วระลอกเล่าจึงพลุ่งเข้าปะทะอย่างรวดเร็ว แม้แต่อากาศยังเปลี่ยนเป็นร้อนระอุ ทันใดนั้นกระแสความร้อนที่แผ่กระจายอยู่ทั่วท้องฟ้าก็ค่อยๆ มารวมตัวกัน กลายเป็นมังกรไฟที่ดูกึ่งลวงตากึ่งเหมือนจริงสองตัว

มังกรทั้งสองแยกย้ายกันพ่นลูกไฟใส่ฝูงนกฮูกไปตัวละหลายลูก ท่ามกลางเสียงระเบิดดังสนั่น สองมังกรแยกย้ายกันเหาะไปด้านซ้ายขวาของฝูงนกฮูกแล้วบินวนอยู่กลางอากาศ เปล่งเสียงมังกรคำรามดังกึกก้องถึงชั้นเมฆ สุดท้ายพากันพุ่งวาบลงสู่ใจกลางฝูงนกฮูกโดยพร้อมเพรียงดุจได้รับบัญชา แล้วชนกันเองตูมสนั่นจนระเบิดเป็นรัศมีกว้างไพศาล

เสียงระเบิดดังติดต่อกันไม่ขาดสายติดตามด้วยเสียงร้องโหยหวนของฝูงนกฮูก ความจริงมันควรจะเป็นภาพที่แสนจะน่าสยดสยองล่ะนะ แต่ในตอนนี้ทุกคนกลับรู้สึกว่ามันช่างงดงามเป็นบ้า !

“สวัสดีค่ะท่านหัวหน้าสมาพันธ์เฟิง ฉันชื่อ ชากุหลาบ (เหมยกุยหงฉา) เป็นเพื่อนสมัยเรียนของเยี่ยหลาน ยินดีอย่างยิ่งที่มีโอกาสได้รู้จักคุณค่ะ !” ผู้มาสวมชุดสีแดงเพลิงเจิดจ้าไปทั้งตัว ร่างเล็กสมส่วนดูน่ารักน่าเอ็นดูจนไม่อยากจะเชื่อเลยว่าปรากฏการณ์เมื่อครู่จะเป็นฝีมือของเธอ

เยี่ยหลานเห็นเฉินเฟิงยังเอาแต่มองตาค้าง จึงยิ้มหวานพลางพูดว่า

“ตาค้างแล้วนะพี่ ! คนเค้ากำลังทักทายพี่อยู่นะคะ เอาแต่มองตาค้างไม่ยอมตอบอยู่ได้ !”

เฉินเฟิงกำลังจะเอ่ยตอบ ทางด้านหลังก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง

กลางอากาศได้ปรากฏประกายแสงสีทองหมุนวน เมื่อลองสังเกตดูดีๆ ปรากฏว่ามันคืออักษรสวัสดิกะ , อักษรและตัวเลขโรมัน และสารพัดสัญลักษณ์อักษรที่ควรมีก็มีครบครัน อักษรพวกนี้หมุนวนเร็วขึ้นทุกทีๆ สุดท้ายรวมตัวกันเป็นลูกแก้วสีทองขนาดใหญ่

“คำสรรเสริญแห่งเทพเจ้า !”

เสียงตวาดแหลมเล็กดังขึ้นอีกเสียง ครั้นแล้วลูกแก้วสีทองขนาดใหญ่ก็พุ่งวาบเข้าใส่ฝูงนกฮูกทันที

แต่มันไม่ได้ระเบิดแตกออกอย่างรุนแรงดังที่ทุกคนพากันคาดคิด เพราะเพิ่งจะไปถึงกลางอากาศเหนือศีรษะฝูงนกฮูก ลูกแก้วสีทองก็พลันระเบิดแตกออก แล้วประกายแสงสีทองอ่อนจางก็ค่อยๆ พลิ้วโปรยลงมา ทุกคนที่ยืนดูต่างก็รู้สึกราวกับได้อาบหยาดพิรุณแห่งวสันต์ ทั่วทั้งร่างราวเปี่ยมล้นไปด้วยพละกำลัง ทั้งยังได้ยินเสียงประหลาดดังอยู่แว่วๆ เพียงแต่ไม่ว่าจะพยายามฟังอย่างไร ก็ฟังไม่ออกว่านั่นคือเสียงอะไร

จวบจนประกายสีทองสลายไปจนหมด เฉินเฟิงก็ยังไม่ทราบประสิทธิภาพของมันอยู่ดี และเอาแต่ยืนตะลึงมองหญิงสาวสวมชุดนักศึกษาแบบโบราณสีทองอ่อน แถมมือยังถือพู่กันขนาดใหญ่ยักษ์ที่โผล่ออกมาจากด้านหลังของชากุหลาบตาค้าง

“แปลกมากเลยใช่ไหมคะ ? ประสิทธิภาพของมันคือลดค่าพลังทั้งหมดของสัตว์อสูร และจะได้ผลเป็นพิเศษกับสัตว์อสูรธาตุความมืดด้วยนะคะ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยให้ผู้เล่นฟื้นฟูจากภาวะไม่ปกติทั้งหมด เป็นทักษะพิเศษของอาชีพนักเขียนค่ะ

“ฉันก็เป็นเพื่อนสมัยเรียนของเยี่ยหลานเหมือนกัน ชื่อว่า ชาอูหลงเข้มจัด (ท่านเป้ยอูหลงฉา) เรียกฉันว่าชาอูหลงก็ได้ค่ะ” อาจเป็นเพราะบนหน้าของทุกคนต่างก็เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม ชาอูหลงเข้มจัดจึงจัดแจงอรรถาอธิบายก่อน แล้วค่อยแนะนำตัวเอง

“ฟิ้ว ! ฟิ้ว !”

ลูกศรเวทอัคคีถูกยิงออกไปอีกหลายดอก หญิงสาวในชุดพรานคนหนึ่งหันมาร้องตะโกนบอกว่า

“ตอนนี้ดูจะยังไม่ค่อยเหมาะที่จะมาแนะตัวกันนะ ! ทุกคนอย่ามัวแต่ตะลึงสิ !”

พอถูกเธอกระตุ้น ทุกคนถึงค่อยนึกขึ้นได้ว่ายังอยู่ในระหว่างการต่อสู้อยู่เลย ด้วยเหตุนี้ประกายแสงจากลูกศรหัวโตเวทอัคคี คาถาลูกแก้วอัคคี และยาฟื้นพลังจึงเริ่มกะพริบวูบวาบประชันกันที่กลางอากาศอีกครั้ง

ถึงแม้พญานกฮูกจะมีระดับสูงถึง 65 แต่ความสามารถของมันก็ไม่ได้สูงเลิศเลออะไรนัก ที่ปกติเวลาพวกผู้เล่นมาพบมันเข้าแล้วเป็นต้องปวดเศียรเวียนเกล้าอย่างมากก็เนื่องจากทุกครั้งที่มันปรากฏตัว มันจะขนพลพรรคมาด้วยฝูงใหญ่มากกกกเสมอ และคุณสมบัติที่ไม่ค่อยกลัวการโจมตีด้วยวัตถุของพวกมัน บวกกับกลยุทธ์แบ่งหน้าที่ประสานโจมตี ทำให้กลุ่มผู้เล่นที่สามารถกินมันลงได้มีน้อยกว่าน้อย

แต่ตอนนี้กลุ่มของเฉินเฟิงมีทั้งจอมเวท นักเขียน นายพราน บวกกับเฉินเฟิงและพวกพ้องที่ยังไม่ได้อาชีพ แต่ต่างก็มีลูกศรหัวโตเวทอัคคีไว้ยิงประสาน แล้วยังมีสัตว์อสูรระดับราชาที่เกิดจากการคลั่งโดยไม่คาดคิดอีกถึงสองตัว จึงกลายเป็นว่าข่มทั้งพญานกฮูกและฝูงนกฮูกเสียแน่นิ่งกระดิกกระเดี้ยไม่ได้ไปเลย

ควรจะบอกว่าวันนี้พญานกฮูกดวงซวยขนานแท้ เพราะพอลงมือสู้ปุ๊บ ก็ดันถูกอเล็กซ์กับเสือดาวหิมะสองหัวพัวพันเอาไว้ปั๊บ ถึงแม้หากสู้กันตัวต่อตัว ไม่ว่าจะอเล็กซ์หรือเสือดาวหิมะสองหัวก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพญานกฮูกทั้งนั้นก็ตาม แต่ปมเด่นของมันสองตัวคือความเร็ว บวกกับเฉินเฟิงใช้ม้วนคาถาธาตุความมืดเข้าช่วยด้วย แถมยังช่วยใช้คาถาท่องลมให้มันสองตัว แล้วยังช่วยใช้ยาฟื้นพลังให้อีกต่างหาก ทำให้พญานกฮูกไม่มีโอกาสแสดงปมเด่นบงการฝูงนกฮูกประสานโจมตีแม้แต่น้อย แถมบรรดากองหนุนที่เพิ่งจะมาถึงในตอนหลังยังใช้ยุทธวิธีที่เน้นจัดการกับสัตว์อสูรธาตุความมืดโดยเฉพาะอีกต่างหาก ในสถานการณ์ที่ฝ่ายตนเสียเปรียบเต็มประตูแบบนี้ พญานกฮูกจึงทำได้แค่เบิ่งตาดูเหล่าสมุนนกฮูกถูกย่างสุกไปทีละตัวๆ สุดท้ายก็เหลือแต่มันที่ต้องสู้ศึกในสภาพหัวเดียวกระเทียมลีบ

เมื่อนกฮูกตัวสุดท้ายร่วงตกลงสู่พื้น ใบหน้าของทุกคนต่างก็ปรากฏรอยยิ้มโล่งอกและรอคอยชัยชนะ ส่วนพญานกฮูกก็กำลังพยายามดิ้นรนเป็นครั้งสุดท้ายโดยปล่อยหมอกหนาทึบสีดำอ่อนออกจากตัวไม่ขาดสาย

ถึงแม้หมอกสีดำหนาทึบพวกนี้จะไม่มีพลังทำลายอะไร แต่มันจะทำให้พวกผู้เล่นเกิดอาการตาบอด ซึ่งหากเป็นตอนปกติล่ะก็ กล่าวได้ว่าเป็นหมอกมรณะโดยแท้ทีเดียว แต่ตอนนี้ทุกคนต่างก็ไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย เพราะวันนี้พญานกฮูกดันทำผิดพลาดโดยสละปมเด่นมาใช้ปมด้อย ดันออกมาห่างจากเขตแดนของมันเอง เมื่อไม่มีแนวป่าช่วยกำบัง หมอกหนาทึบสีดำก็ไร้ซึ่งประสิทธิภาพอันพึงมี นั่นคือพอปล่อยออกมาปุ๊บ ก็ถูกสายลมพัดกระจายหายไปในทันที

เมื่อหมอกดำกระจายหายไป เฉินเฟิงก็อดผ่อนคลายความระมัดระวังลงไม่ได้ เมื่อพอจะมีเวลาว่าง ตัวเขาที่ท่องคาถาติดต่อกันมาตั้งพักใหญ่ๆ ย่อมต้องหาน้ำมาดื่มก่อนอยู่แล้ว แต่แล้วเฉินเฟิงก็มีอันแทบจะสำลักน้ำพรวดทันที

เสือดาวหิมะสองหัวที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีมานานร่วม 40 นาทีดันมาแปรพักตร์กะทันหันเอาตอนนี้เอง ระหว่างที่ยังตั้งตัวไม่ติดนี้ เจี๋ยเต๋อกับสมาชิกสมาพันธ์อีกสองคนแทบจะมีอันได้เช็กบิลคาที่อยู่รอมร่อ โชคดีที่อู้คงซึ่งไม่มีโอกาสโชว์ฝีมือมานานเต็มทีตรงเข้ารับการโจมตีหลังจากนั้นได้ทันการณ์ ไม่อย่างนั้นเฉินเฟิงคงได้นึกเสียใจอีกหนแน่ เพราะจนบัดนี้เขาก็ยังไม่ทราบชื่อของสมาชิกสมาพันธ์สองคนนั้นเลย

อาจเป็นเพราะเฉินเฟิงต่อสู้อย่างดุเดือดติดต่อกันมาเป็นเวลานานเกินไป บวกกับตัวเขาไม่คุ้นเคยกับคนส่วนใหญ่ที่มาช่วย ทำให้หน้าที่บัญชาการถูกโอนจากตัวเขาที่ได้ชื่อว่าเป็นหัวหน้ากลุ่มไปให้เยี่ยหลานทำแทนที่

คาราเมลและมัคคิอาโตแยกย้ายกันรับผิดชอบช่วยใช้ยาฟื้นพลังให้อู้คงกับพวกเจี๋ยเต๋อทั้งสามคนโดยไม่รอคำสั่งจากเฉินเฟิง ส่วนคนอื่นที่เหลือนั้น หลังจากชุลมุนวุ่นวายกันเล็กน้อยแล้ว ต่างก็แยกย้ายกันยืนหยัดในตำแหน่งที่ได้เปรียบอย่างรวดเร็ว

คำสั่งของเยี่ยหลานคือ “ทุ่มสุดกำลังจัดการพญานกฮูกก่อน แล้วค่อยมาจัดการเสือดาวหิมะสองหัวทรยศทีหลัง”

ฟังทีแรกก็ไม่ผิดปกติอะไรหรอก แต่เสือดาวหิมะสองหัวนี่สิถูกปรักปรำเข้าให้ซะแล้ว เพราะมันเป็นฝ่ายศัตรูมาแต่แรกแล้วต่างหาก เพียงแต่เพราะธรรมเนียมพิลึกๆ ที่ว่าสัตว์อสูรระดับราชามักจะไม่ถูกกัน ทำให้มันทำตัวเป็นนกสองหัวเปลี่ยนข้างไปมาตลอด แต่ทุกครั้งเวลามันเลือกข้าง ดูจะชอบเลือกแต่ฝ่ายที่กำลังเสียเปรียบอยู่เรื่อยสิน่า

เฉินเฟิงเอาคันธนูออกมา แล้วขอลูกศรเวทอัคคีจากเจี๋ยเต๋อมากำใหญ่ จากนั้นก้มหน้าร่ายคาถาว่า

“สัจจะแห่งราชา โทสะแห่งผู้อหังการ์ วีรบุรุษยิงตะวัน[1]ผู้ทรงความแม่นยำเอย ข้าปรารถนาพลังของท่าน หมื่นศรทะลวงใจ !

บังเอิญเหลือหลาย หญิงสาวอาชีพพรานที่ร้องเตือนทุกคนว่ายังอยู่ในระหว่างการต่อสู้เมื่อครู่ซึ่งเป็นหนึ่งในบรรดากองหนุนที่เยี่ยหลานพามาก็ร้องตะโกนขึ้นแทบจะในเวลาเดียวกันพอดีว่า

“หมื่นศรทะลวงใจ !”

ลูกศรเต็มท้องฟ้าพุ่งวาบสูงขึ้นไปอย่างรวดเร็ว จวบจนขึ้นไปสุดแรงส่งยังจุดสูงลิบที่มองไม่เห็นจึงค่อยหักเลี้ยวลง แล้วพุ่งดิ่งตรงใส่เป้าหมายด้วยความเร็วสูงกว่าตอนพุ่งขึ้นไปถึงเท่าตัวอย่างเป็นระเบียบราวกับมีเทพเทวาช่วยบันดาลจริงๆ ปริมาณที่มหาศาลจนสุดจะนับไหวทำให้ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันถูกยิงออกมาจากคันธนูเพียงสองคันเท่านั้น เสียงระเบิดที่ดังติดต่อกันหลังจากนั้นยิ่งสะท้านเข้าไปถึงทรวงของทุกคนเป็นเวลาเนิ่นนาน

กลุ่มเมฆรูปดอกเห็ดขนาดเล็กสีแดงเพลิงปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคน อานุภาพของทักษะพิเศษสองครั้งพร้อมกันบวกกับลูกศรเวทอัคคีทำเอาทุกคนต่างตะลึงลาน

เสียงร้องโหยหวนของพญานกฮูกทำให้ทุกคนยกภูเขาใหญ่ยักษ์ลงจากอกไปได้ แต่เสียงร้องโหยหวนของสุนัขป่าที่ดังตามมาติดๆ ก็ทำเอาทุกคนร้องเหวอลั่นไปตามๆ กัน ถึงแม้เฉินเฟิงจะออกคำสั่งให้พวกสัตว์เลี้ยงออกห่างจากพญานกฮูกไปแล้ว ทว่ากระทั่งเวลาปกติ อเล็กซ์ก็ยังไม่ค่อยจะยอมฟังคำสั่งจนต้องให้สั่งมันซ้ำโดยเฉพาะอยู่แล้ว พอมันมาคลั่งแบบนี้เข้าด้วย ก็ยิ่งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับคำสั่งเข้าไปใหญ่

การที่เฉินเฟิงใช้ทักษะพิเศษของนายพรานออกไปพร้อมกับนายพรานหญิงอีกคนโดยบังเอิญทำให้เขาลืมเรื่องอเล็กซ์ไปเสียสนิท แต่เมื่อเห็นตัวของอเล็กซ์ที่กระเด็นลอยคว้าง เฉินเฟิงกลับแอบสะใจเล็กน้อย ก็ถ้าจะว่ากันตามตรงแล้ว ที่วันนี้เขาถูกบีบจนต้องทุลักทุเลแบบนี้ เป็นเพราะมันนั่นแหละก่อเรื่อง

“พลั่ก !”

อเล็กซ์ชนต้นไม้ล้มไปหลายต้นติดๆ กัน แล้วดันดวงแข็งผิดคาดคือไม่ยักตาย แต่ยังเหลือลมหายใจร่อแร่รวยริน แถมยังฟลุกเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกต่างหาก โดยหลังจากที่แสงสว่างเจิดจ้าสลายไป มันก็กลับคืนมาเป็นมนุษย์หมาป่าระดับ 50 เหมือนเดิม

หลังจากอเล็กซ์กลับคืนสู่สภาพเดิม เสือดาวหิมะสองหัวก็พลอยกลับคืนมาเป็นเสือดาวหิมะธรรมดาด้วยเช่นกันโดยไม่ทราบว่าเป็นเพราะหมดเวลา หรือเป็นเพราะอเล็กซ์กลับคืนสภาพเดิมแล้วกันแน่ หลังจากเสือดาวกลับคืนสภาพเดิมแล้ว ก็ตกอยู่ในสภาพอ่อนแรงถึงขีดสุดเนื่องจากไม่ได้พักผ่อนมาเป็นเวลานานมาก แถมยังตกต่ำถึงขนาดกระทั่งอู้คงยังเข้าไปรังแกมันได้สบายมาก

เฉินเฟิงลอบถอนใจ ถ้ารู้แต่แรกว่าจะเป็นอย่างนี้ล่ะก็ เขาคงไล่ทุบอเล็กซ์ให้ทรุดไปนานแล้ว จะได้ไม่ต้องเกิดเรื่องเกิดราวติดตามมาเป็นลูกโซ่แบบนี้ นี่เขายังไม่รู้เลยว่าจะไปขอโทษพวกสมาชิกสมาพันธ์กับพวกผู้เล่นที่แต่ละกลุ่มสมาคมส่งมาสอดแนมที่มีอันต้องมาตายไปแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ยังไงดี

ขณะที่เสือดาวหิมะกำลังจะได้สูดลมหายใจเป็นเฮือกสุดท้าย เยี่ยหลานก็ห้ามการโจมตีของทุกคน แถมยังขอให้เฉินเฟิงสั่งอู้คงให้หยุดโจมตีอีกต่างหาก

แม้จะไม่เข้าใจว่าเยี่ยหลานคิดจะทำอะไร แต่ด้วยความที่เมื่อครู่เธอแสดงสามารถในฐานะผู้บัญชาการได้อย่างยอดเยี่ยม ทุกคนจึงพากันหยุดมือ แต่ก็ยังล้อมเสือดาวหิมะเอาไว้อยู่เพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉิน

เฉินเฟิงออกปากถามอย่างงุนงง “หลาน ทำไมถึงบอกให้ทุกคนหยุดมือล่ะ ?”

เยี่ยหลานตอบว่า “เพราะฉันได้ยินมาว่ามีคนคนหนึ่งรับปากสาวสวยคนหนึ่งอย่างใจสปอร์ตมากว่าจะช่วยจับเสือดาวหิมะให้เธอ 1 ตัว แต่ดูท่าฉันจะยุ่งไม่เข้าเรื่องซะแล้ว อย่างนั้นลงมือกันเถอะ !” พูดจบก็แกล้งยกธนูขึ้นทำเป็นจะจบชีวิตของเสือดาวหิมะซะเดี๋ยวนั้น

ใบหน้าของหนานอี๋ผุดขึ้นในสมองของเฉินเฟิงอย่างฉับพลัน เขาเพิ่งจะนึกขึ้นได้เดี๋ยวนั้นเองว่าเคยรับปากหนานอี๋เอาไว้จริงๆ แล้วตรงหน้าก็เป็นโอกาสงามชนิดพันปียากพบพานพอดีเสียด้วย ไหงเขาถึงลืมไปได้ล่ะเนี่ย ?

พอคิดได้แล้วเฉินเฟิงก็ตาลีตาเหลือกร้องห้ามเยี่ยหลานทันที

“เดี๋ยวๆๆๆ……ไม่ยุ่ง…ไม่ยุ่งเลยซักนิด เจ๊หลานโปรดยั้งมือไว้ชีวิตเสือดาวด้วยเถอะคร้าบ !”

ฉับพลันนั้นทุกคนที่กำลังยืนดูอยู่ก็พากันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นทันที เฉินเฟิงเพิ่งจะรู้ตัวเอาตอนนั้นเองว่าเยี่ยหลานไม่ได้หยิบลูกศรออกมาพาดสาย ดูท่าทุกคนต่างก็รู้อยู่ก่อนแล้ว มีแต่เขาที่โดนแกล้งปั่นหัวเล่นอยู่คนเดียว



[1] วีรบุรุษยิงตะวัน มีนามว่า “อวี่” เป็นวีรบุรุษในตำนานของจีน ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีความสามารถในการยิงศรได้แม่นยำราวจับวาง แม้แต่นกตัวเล็กๆ บินผ่านตัวเดียว อวี่ก็ยังสามารถแผลงศรยิงมันร่วงตกลงมาได้ ในตำนานกล่าวว่า ในรัชสมัยของพระเจ้าหยาว (ประมาณ 4,000 กว่าปีก่อน) ท้องฟ้าได้ปรากฏดวงอาทิตย์ขึ้น 10 ดวง สาดแสงร้อนแรงพร้อมกันจนผืนดินมอดไหม้ และสิ่งมีชีวิตแทบจะล้มตายลงหมดสิ้น ครั้นเทพราชันแห่งสวรรค์ทรงทราบเรื่องนี้เข้า ก็พระราชทานคันศรสีแดง 1 คันและลูกศรสีขาว 10 ดอกให้แก่อวี่ อวี่รับคันศรและดอกศรลงมายังพื้นพิภพ และทำการยิงดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าแตกดับไปทีละดวงอย่างแม่นยำ พระเจ้าหยาวเห็นเช่นนั้นก็ทรงดำริว่า โลกมนุษย์จะปราศจากแสงอาทิตย์ไม่ได้ จึงส่งคนไปแอบหยิบลูกศรจากถุงใส่ลูกศรของอวี่มา 1 ดอก ทำให้ยังคงเหลือดวงอาทิตย์ 1 ดวงไว้สาดแสงให้ความสว่างและความอบอุ่นแก่โลกนับแต่นั้นมา

หลินโหม่ว เข้าร่วมเมื่อ 3 ก.พ. 2555, 08:58

0 ความคิดเห็น