หัวข้อ : BOSS จินตนาการพิสดาร เล่ม 1 บทที่ 1 อาชีพที่แปลกใหม่

โพสต์เมื่อ 3 ก.พ. 2555, 22:42

บทที่ 1

 

อาชีพที่แปลกใหม่

 

 

นอนหลับสนิทรวดเดียวถึงฟ้าสาง...พูดให้ถูกคือ ถูกกวนให้ตื่นด้วยเสียงหม้อชามรามไหของคุณแม่ที่เคารพ จื่ออวี๋ยืดเอวบิดขี้เกียจ สูดหายใจลึก รู้สึกแต่กลิ่นตุๆ เต็มจมูก ชายหนุ่มไม่ชอบเปิดหน้าต่าง และไม่มีนิสัยชอบพับผ้าห่ม นานวันนานเดือนเข้า แม้แต่จื่ออวี๋ก็จำต้องยอมรับความสกปรกของตัวเอง และชีวิตความเป็นอยู่ที่มักง่ายตามสบายนี้ก็เป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่จื่ออวี๋ไม่เหมาะจะไปหางานที่เป็นเรื่องเป็นราวข้างนอกทำ

เลิกผ้าห่มออก จื่ออวี๋เข้าไปนั่งในโซฟาเดี่ยวของตัวเองด้วยความเคยชิน หาวหวอดอย่างยังไม่ตื่นเต็มตาดี มือหนึ่งเปิดหน้าจอ

นักดาบคู่สองตัวตัวหนึ่งอัพขึ้นสองเลเวลเป็น 54, อีกตัวอัพขึ้นสามเลเวลเป็น 53, นักเวทอัพขึ้นหนึ่งเลเวลเป็น 61, ผู้เยียวยาอัพขึ้นหนึ่งเลเวลเป็น 52 มีแต่ขวานยักษ์ที่ไม่อัพสักเลเวล ยังคง 65

ยังดีที่ไม่หมอบสักตัว

ความจริงจื่ออวี๋ก็ไม่กังวลหรอกว่าจะหมอบ ยังไงมีผู้เยียวยาอยู่ทั้งคน ที่ตั้งไว้ก็ไม่ใช่มอนสเตอร์เลเวลสูงมาก เก็บเลเวลแบบห้าไอดีหนึ่งขบวนรถไฟ[1]ไม่มีทางมีปัญหาอะไรอยู่แล้ว

เกมออนไลน์เอ๋ยเกมออนไลน์ ทำไมให้นายเกิดมาแล้วต้องมีบอทด้วย?

พอมีบอท จื่ออวี๋แทบจะเคยออฟไลน์ก็แค่ตอนที่คอมพิวเตอร์ค้างเท่านั้น

พอมีบอท จื่ออวี๋แทบจะลืมไปแล้วว่าการรวมกลุ่มกับคนอื่นไปตีมอนสเตอร์แชตคุยกันมันเป็นยังไง

พอมีบอท จื่ออวี๋ก็ไม่เล่นแบบผัวเดียวเมียเดียว...เล่นครั้งละแค่หนึ่งไอดีอีกเลย

ช่างเถอะ เพื่อเงินทองสุดชั่วร้าย

ถอนหายใจอย่างนึกปลง จื่ออวี๋นึกขึ้นได้ถึงเรื่องที่เอ้อร์เลิ่งพูดถึงก่อนที่เขาจะเข้านอน จึงเรียกหน้าต่าง MSN ที่ซ่อนอยู่ออกมา ดับเบิ้ลคลิกดิสเพลย์รูปหัวสิงโตของเอ้อร์เลิ่ง

‘โหย่วสือโหยวอวี่ : เรื่องอะไรเรอะ?’

คาดว่าเอ้อร์เลิ่งจื่อน่าจะกำลังทำเควสอยู่ ครู่ใหญ่ถึงค่อยตอบมาว่า

‘เอ้อร์เลิ่งจื่อ : ตี BOSS’

ตอนกำลังตีบอส[2] ขอปฏิเสธธุระด่วนทุกเรื่อง เรื่องนี้ทุกคนต่างรู้กันดี จื่ออวี๋ลดหน้าต่าง MSN ลงเหลือเล็กสุด แล้วคลิกเปิดหน้าต่างเว็บเริ่มดู game guide บนอินเทอร์เน็ต

อยู่ๆ ก็นึกถึงเกมใหม่ที่เอ้อร์เลิ่งจื่อบอกขึ้นมาได้ จื่ออวี๋คลิกเปิดเว็บไซต์รวมเกมออนไลน์แห่งหนึ่ง

จื่ออวี๋ไม่ได้นึกอยากจะเปลี่ยนเกม แต่อยากจะเห็นนักว่าเกมที่ทำให้นักเล่นเกมออนไลน์อย่างเอ้อร์เลิ่งจื่อคิดโง่ๆ เป็นเกมแบบไหน

หน้าต่างย่อยค่อยๆ เลื่อนอยู่ในหน้า “แนะนำเกมออกใหม่ของเดือนเมษายน” ดูแถวยาวเหยียดนั่นแล้ว อย่างน้อยก็มีเกมออนไลน์เกิดใหม่ยี่สิบเกมตามเคย แต่ว่า...เกมที่เอ้อร์เลิ่งพูดเกมนั้นชื่ออะไรนะ? เรื่องนี้จะว่าไปก็โทษจื่ออวี๋ไม่ได้เลย แค่ที่ชายหนุ่มยังจำได้ว่าเอ้อร์เลิ่งเคยโทรหาเขาก็บุญโขแล้ว

กำลังนึกเพลิน เอ้อร์เลิ่งจื่อก็ตอบกลับมา คงฆ่ามอนสเตอร์เรียบร้อยแล้วเสียแปดส่วน

‘เอ้อร์เลิ่งจื่อ : เจ้าบ้า ตื่นจนได้นะ นอนตั้งเกือบสิบสองชั่วโมง!’

‘โหย่วสือโหยวอวี่ : เกมใหม่ที่นายพูดถึงชื่ออะไรน่ะ ฉันลืมไปแล้ว’

‘เอ้อร์เลิ่งจื่อ : สงครามเทพบรรพกาล นายไม่สนใจไม่ใช่เรอะ?’

จื่ออวี๋หาใน “เกมใหม่ของเดือนเมษายน” ซ้ำอีกรอบ ไม่เห็นมีแม้แต่เงา

‘โหย่วสือโหยวอวี่ : หาไม่เจอ ออกมาเมื่อไหร่น่ะ’ ถ้าเป็นครึ่งปีให้หลังละก็ ไม่แน่เขาอาจจะพิจารณา

‘เอ้อร์เลิ่งจื่อ : ไม่รู้เหมือนกัน คิดว่าจะเปิดโคลสเบต้า[3]เดือนมิถุนามั้ง’

‘โหย่วสือโหยวอวี่ : .........’

จื่ออวี๋พูดไม่ออก การข่าวของเอ้อร์เลิ่งจื่อไวขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? แม้แต่เกมที่กระทั่งเวลาเปิดโคลสเบต้าก็ยังไม่ได้กำหนดแน่นอนยังไปรู้จักได้

‘เอ้อร์เลิ่งจื่อ : จริงสิ มีคนอยากเจอนายแน่ะ’

‘โหย่วสือโหยวอวี่ : ใครเรอะ? ซื้อไอเท็มหรือซื้อไอดี?’

‘เอ้อร์เลิ่งจื่อ : น่าจะเอาหมดมั้ง เอาเป็นว่าเอาเงินมาให้นั่นแหละ’

จื่ออวี๋พยักหน้า เกือบครึ่งเดือนแล้ว ในที่สุดก็มีลูกค้ามาเยือนจนได้ เวลาพวกเขาพี่น้องเพื่อนฝูงไม่กี่คนที่ไปตีมอนสเตอร์ด้วยกันขายของ จะช่วยดึงคนที่เหลือมาร่วมด้วยนิดหน่อยทุกครั้ง ถ้ามีลูกค้าก็จะแอดลากเข้ามาด้วยกัน แล้วขอหักค่าน้ำชานิดหน่อย

กดเพิ่ม MSN ไอดีใหม่เพื่อคุยกัน จื่ออวี๋เป็นฝ่ายขอแอดฝ่ายนั้น ดูจากนามแฝงเหมือนจะเป็นผู้หญิง : ชิงซาม่านอู่[4]

‘โหย่วสือโหยวอวี่ : สวัสดีครับ คุณจะเอาไอเท็มหรือเอาไอดี?’

อีกฝ่ายไม่ตอบ จื่ออวี๋แปลกใจเล็กน้อย ปกติผู้หญิงที่ขอซื้อไอเท็มไอดีของเกมก็มีน้อยอยู่แล้ว นี่ออนไลน์อยู่ชัดๆ ดันไม่พิมพ์ตอบ เมื่อกี้ตอนรับแอดเป็นเพื่อนเธอกลับกดแอดซะเร็วเชียว!

รอประมาณสองนาที อีกฝ่ายถึงค่อยตอบกลับมา

‘ชิงซาม่านอู่ : สวัสดีค่ะ ความจริงฉันไม่ได้จะซื้อของหรอก ฉันเป็นพนักงานของบริษัทสร้างสรรค์อินเทอร์เน็ตเทคนิคัลจำกัดค่ะ’

สมองของจื่ออวี๋เริ่มเข้าสู่สภาวะช็อค...อินเทอร์เน็ตเทคนิคัล พูดง่ายๆ ก็คือทำเว็บเพจเว็บไซต์เซิร์ฟเวอร์สาธารณะ...

‘ชิงซาม่านอู่ : ก็คือบริษัทที่ทำเกมสงครามเทพบรรพกาลนั่นแหละค่ะ เพื่อนของคุณบอกคุณหรือยังคะ?’

สงครามเทพบรรพกาล? สมองที่หยุดนิ่งของจื่ออวี๋เริ่มทำงาน

จื่ออวี๋รู้ตัวดีว่ายังไม่ยิ่งใหญ่ถึงขั้นทำให้คนของบริษัทเกมมาหาถึงที่ นักเล่นเกมอาชีพทั่วประเทศเป็นพันๆ หมื่นๆ เขาไม่ได้อยู่กลุ่มบ๊วยและไม่ได้ติดท็อปเท็น หรือตอนที่เขาขายไอเท็มไอดี ดันตาถั่วไปขายให้คนของบริษัทเกมเข้าให้?

‘ชิงซาม่านอู่ : การผลิตเกมสงครามเทพบรรพกาลได้มาถึงขั้นตอนเสร็จสมบูรณ์แล้ว แต่เนื่องจากเหตุผลบางอย่าง เกมเกมนี้ยังไม่สามารถออกโอเพ่นเบต้า[5]ได้ชั่วคราว และตอนนี้แม้แต่เว็บไซต์ของเกมก็ยังไม่เปิดด้วยซ้ำ แต่พวกเราเชื่อว่าขอแค่ออกสู่ตลาด สงครามเทพบรรพกาลจะต้องสามารถสร้างความฮือฮาได้อย่างแน่นอน’

คุณเชื่อว่า? คุณเชื่อว่าจะไปมีประโยชน์อะไร? จื่ออวี๋เหลือกตาใส่อย่างฉุนๆ ตอบกลับไปอย่างไม่เกรงใจ

‘โหย่วสือโหยวอวี่ : ขอโทษที แต่ดูเหมือนเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวอะไรกับผมนะ?’

‘ชิงซาม่านอู่ : ที่ตอนนี้เกมยังไม่ได้เปิดโคลสเบต้า เพราะเรายังกำลังรับสมัคร GM[6] ออนไลน์อยู่น่ะค่ะ ฉันอยากถามว่าคุณสนใจหรือเปล่า?’

GM? ปล่อยฉันไปเถอะ!

GM เท่ากับกระโถนฯ คนทั่วโลกเขารู้กันทั้งนั้น!

รับเงินเดือนต่ำเตี้ยเรี่ยดินนั่น ต้องดูสีหน้าของเจ้านายกับผู้เล่น เดี๋ยวๆ ก็ถูกด่าเป็นรายแรก

จื่ออวี๋ทำท่าจะปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด เพิ่งจะยกมือขึ้น เสียงตะโกนของคุณแม่ที่เคารพก็ดังมานอกประตูห้อง

“ลูก ตื่นหรือยัง? สิบโมงครึ่งแล้วนะ ตื่นมากินข้าวเช้าได้แล้ว!”

ข้าวเช้า? จื่ออวี๋ดูอาหารเหลือเต็มโต๊ะที่แข็งเป็นหินไปนานแล้ว หมดอารมณ์อยากกินในทันที “ผมไม่หิว ไม่กินละ”

โชคร้ายอย่างยิ่ง คำพูดประโยคเดียวไปจุดชนวนระเบิดเข้าอย่างจัง จื่ออวี๋ได้ยินเสียงคุณแม่ที่นอกประตูเทศน์จากเรื่องสุขภาพของเขาไปถึงเรื่องการเรียนของเขา จากเรื่องการเรียนไปถึงเรื่องงานของเขา จากเรื่องงานไปถึงเรื่องอนาคตของเขา...

สวรรค์ช่วย...

ถึงอย่างนั้น ก็อย่าหวังว่าฉันจะไปเป็น GM ห่าเหวอะไรนั่นเด็ดขาด!

‘โหย่วสือโหยวอวี่ : ขอโทษที ผมไม่สนใจ’

หลงนึกว่าอีกฝ่ายจะหยุดแค่นี้ไม่เซ้าซี้เขาต่อเสียอีก นึกไม่ถึงว่าครั้งนี้ทางนั้นจะตอบกลับมาพิลึกสุดๆ

‘ชิงซาม่านอู่ : คุณอย่าเพิ่งรีบปฏิเสธค่ะ GM ของสงครามเทพฯไม่เหมือนกับ GM ทั่วไป พวกเขาจะมีคอมพิวเตอร์ส่วนตัว แล้วยังสามารถเข้าเกมด้วยตัวเองได้ ที่สำคัญกว่านั้น GM ที่ฉันกำลังรับสมัครตอนนี้ไม่ต้องคุยออนไลน์กับผู้เล่นค่ะ’

GM ที่กำลังรับสมัครตอนนี้...แสดงว่า GM นี่ไม่ได้มีแค่แบบเดียวด้วยงั้นสินะ? แถมยังมีคอมส่วนตัว? เข้าเกมได้เอง? นี่มัน GM แบบไหนกัน?

จื่ออวี๋ชักจะเริ่มกังวลนิดหน่อยแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นสิบแปดมงกุฎ

คนเขาพูดกันทั้งนั้นไม่ใช่หรือว่า...ถ้ามีคนเอาอาหารชั้นเลิศเต็มโต๊ะมาบอกว่าให้คุณฟรีเป็นข้าวเที่ยง งั้นสิ่งที่คุณต้องจ่ายจะต้องแพงหูฉี่ยิ่งกว่าเงินค่าอาหารแน่นอน!

กำลังคิดเพลิน จื่ออวี๋ก็ได้ยินคุณแม่ที่เคารพเรียกเขากินข้าวอีกแล้ว จื่ออวี๋ตอบกลับไปว่าไม่อยากกินตามเคย ผลคือได้ยินคุณแม่ที่เคารพเริ่มเปิดฉากเทศนาอีกแล้ว

ฉันไม่ใช่เด็กซะหน่อย...จื่ออวี๋อารมณ์เสีย แต่จะมากจะน้อยในใจก็รู้ดีว่า ที่แม่พร่ำบ่นแบบนี้ ร้อยละแปดสิบเป็นเพราะเขาไม่มีงานเป็นหลักเป็นแหล่งทำ

งานเอ๋ยงาน...แค่หาเงินได้ก็ถือเป็นงานทั้งนั้นไม่ใช่รึไง?

ทางฝั่งนี้กำลังถอนหายใจ ทางฝั่งนั้นก็พิมพ์ข้อความมาอีกแล้ว

‘ชิงซาม่านอู่ : คุณยังไม่ต้องตัดสินใจเดี๋ยวนี้หรอก ความจริงบริษัทยังมีสอบสัมภาษณ์อีก หลังจากสอบสัมภาษณ์ผ่านแล้วถึงจะตัดสินได้ว่าจะรับเข้าทำงานหรือเปล่า แต่ถ้าได้เข้าทำงาน ค่าตอบแทนจะสูงมาก รับรองว่าเงินหนากว่าที่คุณขายไอเท็มไอดีแน่นอน’

มีสอบสัมภาษณ์ด้วยเรอะ? ทำเหมือนเป็นเรื่องจริงงั้นล่ะ

‘โหย่วสือโหยวอวี่ : ทำไมถึงเลือกผมล่ะ?’

ในตอนที่จื่ออวี๋ยังไม่หลงตัวเองถึงขั้นนึกว่าทั่วฟ้าทั่วดินฉันแน่อยู่คนเดียว คำถามนี้ทำให้จื่ออวี๋คิดไม่ตกอย่างแท้จริง

‘ชิงซาม่านอู่ : บริษัทของเราหวังว่าจะสามารถรับนักเล่นเกมอาชีพที่ออนไลน์เป็นเวลานานๆ สักจำนวนหนึ่ง ก่อนอื่นก็คือเวลาออนไลน์จะต้องนาน รองลงไปคือความสามารถในการทำเควสสูงพอ สุดท้ายซึ่งเป็นข้อสำคัญที่สุด GM ประเภทนี้จำเป็นต้องเข้าทำงานในสถานที่ที่ทางบริษัทกำหนดให้ ดังนั้นจึงเลือกแต่ผู้เล่นที่มีภูมิลำเนาอยู่ในเมือง S เท่านั้น’

พูดตรงๆ ก็คือต้องการหาคนที่ยินดีเอาต้นทุนเรื่อง “ยังหนุ่มแน่นแข็งแรง” ไปแลกเป็นเงินโดยตรงนั่นแหละ ฟังเธอพูดแบบนี้แล้ว จื่ออวี๋กลับรู้สึกว่าตัวเขาเหมาะสมกับเงื่อนไขของพวกเขาจริงๆ นั่นแหละ

แต่เรื่องดีๆ แบบนี้ ก็ยังไม่ค่อยจะน่าเชื่อนักอยู่ดี!

อีกฝ่ายเหมือนจะรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ พิมพ์ข้อความมาอีกแล้วว่า

‘ชิงซาม่านอู่ : ฉันรู้ดีว่าคุณกังวลเรื่องอะไร คุณไม่ใช่คนแรกที่ฉันขอพบแล้ว เมื่อถึงเวลาจะมีการสอบสัมภาษณ์ ถ้าคุณยินยอมล่ะก็ โปรดไปเข้าสอบสัมภาษณ์ที่บริษัทนะคะ ถึงตอนนั้นขนาดของบริษัทจะทำให้พวกคุณคลายความกังวลในเรื่องนี้แน่นอน’

ดูเหมือนจะไม่ใช่สิบแปดมงกุฎแฮะ?

แต่งานที่อยู่ๆ ก็ร่วงตกลงมาจากฟ้า จื่ออวี๋ก็ยังรู้สึกทะแม่งๆ อยู่ดี

‘โหย่วสือโหยวอวี่ : ผมขอคิดดูก่อนนะ พรุ่งนี้ค่อยตอบคุณแล้วกัน’

‘ชิงซาม่านอู่ : อืม ได้ค่ะ MSN นี้มีคนออนอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง คุณเรียกฉันได้ตลอดเวลานะคะ’

ปิดหน้าต่าง MSN แล้ว จื่ออวี๋ยังคงรู้สึกว่าสมองสับสนไปหมด

มีคอมพิวเตอร์ส่วนตัว เข้าเกมได้โดยตรง ไม่ต้องเผชิญหน้ากับผู้เล่น นี่มัน GM ประเภทไหนกัน?

บนอินเทอร์เน็ตดันหาข้อมูลของสงครามเทพบรรพกาลไม่เจอแม้แต่นิดเดียวเสียด้วย แถมแม้แต่บริษัทอินเทอร์เน็ตนั่นก็หาไม่พบว่ามีบริษัทนี้อยู่

หรือจะเป็นสิบแปดมงกุฎจริงๆ?

จื่ออวี๋กำลังคิดเพลิน ประตูห้องก็เปิดผัวะกะทันหัน เห็นคุณแม่ที่เคารพรีบร้อนวิ่งเข้ามา

“ลูก คุณน้าข้างบ้านบอกว่าแนะนำลูกไปเป็นบ๋อยที่ร้านอาหารได้ล่ะ!”

“......”

 

“นายก็ถูกพวกนั้นหลอกเข้ามาเหมือนกันเรอะ?” นี่คือคำพูดประโยคแรกที่คนอื่นพูดกับจื่ออวี๋หลังจากที่ชายหนุ่มเดินเข้าบริษัทเริ่มต้นทำงานอย่างเป็นทางการ

ผู้ชายตรงหน้าออกจะอ้วนท้วม คิ้วสั้นตาเล็กกลม ปากใหญ่เหมือนไส้กรอก โต๊ะคอมพิวเตอร์อยู่ทางซ้ายมือของจื่ออวี๋

“หลอกเข้ามา?” พูดตามตรงกับเรื่องที่เกิดขึ้นใน 2-3 วันนี้ จื่ออวี๋รู้สึกทะแม่งจริงๆ นั่นแหละ

ก่อนอื่นบริษัทนี้แม้แต่ช่วงโปรทดสอบงานก็ไม่มี ก็เซ็นสัญญาทำงานห้าปีกับเขาแล้ว ถัดไปสำนักงานของฝ่ายผลิตหลักของบริษัทห่างจากที่ที่พวกเขามาทำงาน 20 กิโลเมตร แล้วยังเรื่องสอบสัมภาษณ์ บริษัทนี้เหมือนจะรู้จักเขาดีมาก ประวัติย่อหนึ่งชุดที่เขียนแค่ส่วนสูง น้ำหนัก ตารางชื่อโรงเรียนและมหาวิทยาลัยที่จบก็ผ่านแล้ว

ตอนนี้พอได้ยินคำว่า “หลอก” ประสาททั่วร่างของจื่ออวี๋ก็เกร็งเขม็งโดยสัญชาตญาณทันที

คนที่พูดกับจื่ออวี๋พยักหน้า ชี้ที่ตัวเอง “ตอนที่พวกเขาขอพบฉันเขาบอกว่าให้มาเป็น GM” จากนั้นชี้ไปที่คนข้างหลังจื่ออวี๋ “ตอนขอพบเขาบอกว่าให้มาเป็น NPC”

เหงื่อหยดติ๋ง...

“แถมยังบอกว่าถ้าได้เข้าทำงานจะมีคอมพิวเตอร์ส่วนตัว แล้วยังเข้าเกมเองได้ และไม่ต้องออนไลน์เผชิญหน้าผู้เล่นโดยตรง”

เหงื่อหยดติ๋งๆๆ...

“หรือเรื่องพวกนี้หลอกลวงกันทั้งนั้น?” จื่ออวี๋เริ่มเหงื่อแตกพลั่ก

คนนั้นยังไม่ทันตอบ แฟ้มเอกสารเล่มหนึ่งได้ตบเพียะลงบนศีรษะ “อาจ่าย นายคิดจะทำให้คนที่ฉันอุตส่าห์หามาอย่างยากเย็นตกใจเผ่นหนีไปหรือไง?” หลวี่ปินที่ถือแฟ้มเอกสารเลิกคิ้วข้างหนึ่งถามครึ่งจริงครึ่งเล่น

“ใครใช้ให้คุณต้มพวกเราเล่า!” อาจ่ายโวยพลางผลักแฟ้มบนหัวออก

“นั่นมันช่วยไม่ได้นี่นา ก็ตอนนั้นยังบอกความจริงกับพวกนายไม่ได้ นายจะผูกใจเจ็บไปถึงเมื่อไหร่กันฮึ?” หลวี่ปินขึงตาใส่อาจ่ายยิ้มๆ

ผู้ชายคนนี้แหละน่าสงสัยที่สุด! จื่ออวี๋มองอีกฝ่ายอย่างระแวง หลวี่ปินดูแล้วอายุประมาณสามสิบปี สวมเสื้อเชิ้ตสีดำ กางเกงขายาวผ้าฝ้ายเนื้อดีสีดำ ผมตัดสั้นหวีเรียบร้อย รูปร่างสูงปานกลางและไม่ได้บึกบึนมาก แวบแรกที่ดูจะเหมือนกับพวกพนักงานบริษัททั่วไป

แต่ตาของหลวี่ปินมีชีวิตมาก มักจะมองคนอื่นอย่างตั้งใจ ใบหน้าประดับรอยยิ้มบางๆ เหมือนรู้ไปหมดทุกอย่าง เหมือนไม่มีอะไรยากสำหรับเขา ตอนสอบสัมภาษณ์ตั้งแต่ต้นจนจบนอกจากพนักงานต้อนรับสาวที่เคาน์เตอร์แล้ว ก็มีแต่หลวี่ปินคนเดียวเท่านั้น จื่ออวี๋อดสงสัยตงิดๆ ไม่ได้ว่าหลวี่ปินเป็นผู้จัดการของบริษัทนี้จริงๆ น่ะหรือ?

พบเห็นสายตาหวาดระแวงไม่เชื่อใจอย่างรุนแรงของจื่ออวี๋ หลวี่ปินยิ้มอย่างวัวสันหลังหวะเล็กน้อย “ฉันจะแนะนำเพื่อนร่วมงานให้เธอรู้จักก่อนนะ เขาชื่อเจ้าเจี๋ย ในเน็ตชื่ออาจ่าย” จากนั้นชี้ไปที่ “NPC” ข้างหลังจื่ออวี๋คนนั้น “เขาชื่อจั่วจือซาน ในเกมชื่อ A+” จากนั้นชี้ไปที่ผู้ชายที่ดูสงบนิ่งมากข้างหลังอาจ่ายอีกที “เขาชื่อซุนเฉวียนหมิง ในเกมชื่ออาอิ่ง เมื่อก่อนทุกคนเป็นเพื่อนร่วมอาชีพกัน ตอนนี้ต่างเป็นเพื่อนร่วมงานกันล่ะนะ”

จื่ออวี๋หันไปทักทายพวกเขาทีละคน อาจ่ายกับA+นั่นยิ้มแฉ่งอย่างชั่วร้าย แค่ดูก็รู้ว่าเป็นพวกชอบเล่นอะไรแผลงๆ คนที่ชื่ออาอิ่งกลับดูสุภาพเป็นมิตรมาก

ทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมงานเสร็จเรียบร้อย จื่ออวี๋ก็ถามหลวี่ปินอย่างอดใจไม่ไหวอีกต่อไป “หัวหน้า ที่อาจ่ายพูดเมื่อกี้หมายความว่าไงครับ?”

“ความจริงก็ไม่ถือว่าหลอกลวงกันหรอก นายเปิดคอมดูก่อนสิ”

เฮ้ นายบอกมาตรงๆ เลยไม่ได้หรือไง?

ยื่นมือไปเปิดจอมอนิเตอร์กับเครื่องคอมพิวเตอร์ หลังจากภาพคุ้นตา 2-3 ภาพกะพริบโผล่บนหน้าจอก็เข้าสู่หน้าระบบ แต่หลังจากเข้าสู่หน้าระบบแล้ว เครื่องกลับไม่ได้หยุดลงแค่นี้ แต่ดำเนินโปรแกรมบางอย่างต่อไป ครู่ต่อมาหน้าจอก็ดำมืด คนที่เล่นเกมจนชินต่างคุ้นเคยกับหน้าจอดำมืดนี้ทั้งนั้น นี่คือขั้นตอนที่จำเป็นต้องมีเวลาหน้าจอเปลี่ยนไปแสดงผลแบบเต็มจอ จริงดังคาด ภาพขาวล้วนโผล่ขึ้นมาอีกครั้งทันที ข้างในคือภาพโลโก้บริษัทขนาดใหญ่ยักษ์

ภาพหน้าจอแสดงหน้าเข้าสู่ระบบต่อไปทีละก้าวๆ สุดท้ายมาหยุดลงที่ภาพให้คลิกเลือก บนหน้าจอแสดงผลสีดำแดงมีแต่ปุ่มให้คลิกเข้าไปปุ่มเดียว พอเลื่อนเมาส์คลิกที่ปุ่มนั้นเบาๆ ภาพก็ค่อยๆ เลือนหายไปทันที สิ่งที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาแทนที่คือภาพส่วนลึกของป่าเขาซึ่งทำจาก CG[7] ด้านล่างของแบ็กกราวนด์หลักสีเขียวเข้มยังมีปากถ้ำภูเขาขนาดใหญ่อยู่ถ้ำหนึ่ง

ปากถ้ำมีสัตว์ประหลาดครึ่งคนครึ่งงูขนาดยักษ์อยู่ตัวหนึ่ง ถึงแม้ตอนนี้จื่ออวี๋จะบอกไม่ได้ว่าสัตว์ประหลาดนั่นตัวใหญ่แค่ไหน แต่ใบหน้าสีเขียวนั้นดุร้ายอย่างมาก เครื่องหน้าครึ่งคนครึ่งงูประกอบเข้ากับสีเขียวจัดโทนเย็นทำให้เห็นแล้วรู้สึกเหมือนมีลมหนาวเยือกพัดใส่ตัว ผมแห้งกรังบนหัวเลียนแบบพรรคกระยาจกมาจริงแท้แน่นอน เสื้อสีเหลืองสว่าง ข้างล่างกลับเป็นลำตัวงูสีเขียวยาวเหยียดขดยืน บนหน้าผากของสัตว์ประหลาดยังมีตัวหนังสือเล็กๆ สีขาวเขียนอยู่สองตัว...ฝูซี

“นี่ตัวอะไรน่ะ?”

“นี่คือนายไง!” อาจ่ายสรุปแบบนี้

“ฉัน?” จื่ออวี๋ชี้ตัวเอง ตั้งสติไม่ทันไปชั่วครู่

“ควรจะบอกว่านี่คือบอสที่นายใช้น่ะ” หลวี่ปินยิ้มบางๆ “ความจริงที่บริษัทรับสมัครไม่ใช่ GM และไม่ใช่ NPC ที่พวกเรารับสมัครคือบอส บอสระดับกลางลงไปในเกมจะควบคุมโดยคอมพิวเตอร์ทั้งหมด โจมตีเองโดยอัตโนมัติ บอสที่สูงกว่าระดับกลางขึ้นไปพวกนายจะเป็นคนควบคุม ดังนั้นคอมจึงเป็นคอมส่วนตัว แต่พวกนายจะเปิดได้แต่หน้านี้เท่านั้น ตัวนายน่ะอยู่ในเกม แต่ได้แต่รออยู่ตรงนั้นให้ผู้เล่นมาท้าสู้ ผู้เล่นน่ะได้เจอแน่ แต่พวกผู้เล่นจะไม่มีทางรู้เลยว่าที่กำลังเผชิญหน้าอยู่ไม่ใช่โปรแกรมตัวเลข แต่เป็นคนคนหนึ่ง”

“ห่าเอ๊ย!” สิ่งแปลกใหม่เกินรับได้ทำให้จื่ออวี๋ไม่ทราบจะพูดอะไรดี ที่โพล่งหลุดจากปากมีแต่คำสบถคำเดียว

“ปฏิกิริยาปกติ ตอนพวกเรารู้ก็อึ้งกันตั้งพักใหญ่” น้ำเสียงอาจ่ายสมน้ำหน้าชัดเจน

จื่ออวี๋ยังคงจ้องหน้าจอเขม็ง แต่ความรู้สึกในตอนนี้ต่างจากเมื่อกี้โดยสิ้นเชิง เหมือนกำลังดูตัวประหลาดอยู่...ไม่ใช่เจ้าตัวที่ชื่อฝูซีนั่นหรอก แต่เป็นเกมนี้ต่างหาก

“ถึงจะรู้สึกว่าถูกหลอกนิดหน่อย แต่พวกเราก็เห็นว่าน่าสนุกดี เล่นเกมออนไลน์มาหลายปีดีดัก ฉันยังไม่เคยเป็นบอสมาก่อนเลยนะ!” อาจ่ายกับผู้ชายอีกสองคนที่นั่งล้อมอยู่ต่างหัวเราะออกมา

“เอาล่ะ คุยกันแค่นี้ก่อน ทุกคนช่วยเงียบสักแป๊บ!” หลวี่ปินขึ้นเสียงดังดึงความสนใจของทุกคน จากนั้นพูดว่า “ตอนนี้แผนกนี้มีคนครบแล้ว การฝึกอมรมก็จะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการจากวันนี้ไป ให้ทุกคนดูหน้าจอของตัวเองหน่อย ตัวเลขบนนั้นทุกคนน่าจะดูเข้าใจหมดนะ”

เมื่อได้สติจากอาการตกตะลึงพรึงเพริดในตอนแรก จื่ออวี๋ก็สังเกตเห็นหน้าต่างข้อมูลรอบๆ ภาพหน้าจอของตัวเองและหน้าต่างควบคุมอีกครั้ง

 

ฝูซี

ค่าเลือด : 56000

พลังเวท : 60000

พลังโจมตี : 560

ป้องกัน : 670

หลบหลีก : 300

เวทมนตร์โจมตี : 560

อาวุธ : สามง่าม

พลังโจมตี : 300

เวทมนตร์โจมตี : 280

อัตราฟื้นฟูเลือด : 5%

 

“ที่ฉันแจกให้ตอนนี้คือรายละเอียดค่าตัวเลขต่างๆ ของสกิล (skill) พวกนายต้องท่องจำให้ขึ้นใจ ไม่งั้นได้ถูกผู้เล่นฆ่าตายอนาถแน่!” พูดล้อเล่นจบ หลวี่ปินก็พูดเสียงเคร่งอีกว่า “ข้างหลังสกิลมีคำอธิบายอย่างละเอียด หน้าสุดท้ายนั่นคือข้อมูลและคำอธิบายเกี่ยวกับบอสที่เปิดเผยให้ผู้เล่นรู้บนเว็บไซต์ ฉันขอย้ำสักนิดว่า ถ้าจำนวนผู้เล่นไม่ถึงต่ำสุดของจำนวนที่กำหนด ห้ามใช้สกิลเพิ่มพลังพิเศษเด็ดขาด”

จื่ออวี๋รับข้อมูลที่ดูเหมือนว่ามีแค่ไม่กี่แผ่นนั่นมา นึกไม่ถึงว่ามันจะพิมพ์ทั้งสองด้านด้วยฟอนต์ตัวเล็กจิ๋ว จื่ออวี๋ยังไม่ทันได้ตั้งสมาธิอ่านดู เสียงร้องจ๊ากของอาจ่ายก็ดังขึ้นข้างหู “ห่าเอ๊ย เวอร์เกินไปแล้ว! ลูกพี่ แจกแว่นขยายอีกซักอันเหอะ!”

หลวี่ปินตบแฟ้มในมือลงบนหัวอาจ่าย ด่ายิ้มๆ ว่า “นายเพิ่งจะอายุเท่าไหร่กัน คงไม่ได้สายตายาวหรอกนะ?”

บริษัทนี้คงไม่ได้ใกล้จะเจ๊งแล้วหรอกนะ? จื่ออวี๋บ่นอุบในใจด้วยคน พร้อมกันนั้นก็ทุ่มเทสมาธิกับข้อมูลพวกนี้

 

ตารางรวม skill เพิ่มพลังพิเศษของ BOSS

 

จำนวนผู้เล่น 1-20 คน

โจมตีแบบกลุ่ม : ผลลัพธ์ต่อรายคนของการโจมตีแบบกลุ่มต่อเนื่องสองครั้ง ค่าพลังโจมตี x 1.7, ใช้พลังเวท 10, ไม่มี cool down[8] ของ skill

สายฟ้าฟาด : ผลลัพธ์ต่อรายคน ค่าพลังคุ้มกัน, สังกัดธาตุไม่มีผล ค่าพลังโจมตี 1000 ทั้งหมด, ใช้พลังเวท 200, cool down ของ skill 10 วินาที

คลื่นพลังปราณ : โจมตีหมดทั้งหน้าจอ ค่าพลังคุ้มกัน, สังกัดธาตุไม่มีผล ค่าพลังโจมตี 700 ทั้งหมด, ใช้พลังเวท 600, cool down ของ skill 10 วินาที

 

จำนวนผู้เล่น 21-30 คน

เน่ยตาน[9]โจมตี : ผลลัพธ์ต่อรายคน ค่าพลังคุ้มกัน, สังกัดธาตุไม่มีผล ค่าพลังโจมตี 18000 ทั้งหมด, ใช้ค่าเลือดของตัวเอง 20000, cool down ของ skill 15 วินาที

เทพสังเวย : ฟื้นฟูค่าเลือดทั้งหมดของตัวเอง 1/3, ใช้พลังเวท 200, cool down ของ skill 10 นาที

 

จื่ออวี๋เปิดดูคร่าวๆ ตารางสกิลนี้ยาวต่อเนื่องไปจนถึง 120 คนและไม่จำกัดจำนวนคน ซึ่งก็หมายความว่า ในข้อมูลฉบับก็อปปี้นี้ บอสของสงครามเทพบรรพกาลไม่มีการจำกัดจำนวนคน แน่นอน...จำนวนคนยิ่งมาก สกิลของบอสก็ยิ่งมาก ในทางกลับกัน จำนวนคนที่จะแย่งของเทพที่ดร็อป[10]แค่ชิ้นเดียวก็จะยิ่งมีมาก

แต่เมื่อจื่ออวี๋ดูไปถึงบรรทัดสุดท้ายของตารางสกิล ก็ได้ตระหนักอย่างฉุนๆ ในที่สุดว่า จำนวนคนไม่ใช่ปัญหา เลเวลไม่ใช่ปัญหา สกิลไม่ใช่ปัญหา โชคไม่ใช่ปัญหา ปัญหาเดียวที่มีก็คือพวกเขาที่เป็นบอสอยากจะให้ไอ้นี่หรือเปล่า...

...อัคคีสามชีวิต : ฆ่าในพริบตาหมดทั้งหน้าจอ...

บางทีสำหรับพวกผู้เล่นที่ยังไม่รู้อีโหน่อีเหน่เหล่านั้น สิ่งเดียวที่พอจะปลอบใจได้เห็นจะเป็น สกิลนี้มีแต่เมื่อจำนวนผู้เล่นมากเกินกว่า 120 คน, เลือดของบอสต่ำกว่า 1000 เท่านั้นจึงจะสามารถใช้ได้

การออกแบบแบบนี้ ยังจำเป็นต้องสู้กันอีกเรอะ? นี่มันมนุษย์ล้อมโจมตีก็อดซิลลาชัดๆ! ถึงจะเป็นแบบตั้งโปรแกรมไว้ล่วงหน้า บอสแบบนี้ก็ถือว่าเก่งเทพโคตรยากแล้ว นี่ยังมาให้พวกเขาที่เป็นมืออาชีพด้านเล่นเกมออนไลน์บังคับอีก อย่าบอกนะว่าบริษัทไม่คิดจะให้ผู้เล่นได้ของเทพเลย? ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็ ตั้งโปรแกรมบอสให้ไร้เทียมทานไปเลยไม่ดีกว่าเรอะ ยังจะเชิญพวกเขามาเป็นการเฉพาะอีกทำไม?

แม้จื่ออวี๋จะไม่รู้ว่าเงินเดือนกับสวัสดิการของอีกสามคนเป็นอย่างไร แต่ดูแค่ตัวเขาเอง เงินเดือนขั้นต่ำสามหมื่น แต่ละเดือนยังมีโบนัส เบี้ยเลี้ยงค่าเดินทาง เบี้ยเลี้ยงค่าอาหาร บวกกับโบนัสสามเทศกาล[11] ค่าโอทีวันหยุด ถึงแม้สำหรับค่าครองชีพในปัจจุบัน ผู้ชายคนหนึ่งหาเงินได้แค่นี้ไม่ถือว่ามากก็ตาม แต่เมื่อเทียบกับค่าออกแบบโปรแกรมสักโปรแกรมแล้ว เห็นได้ชัดว่าแพงกว่ากันเยอะ



[1] ขบวนรถไฟ หมายถึง การที่ผู้เล่นหนึ่งคนใช้บอท (โปรแกรมช่วยเล่น) ควบคุมตัวละคร 5 ตัวขึ้นไปจากสายอาชีพต่างๆ ที่ช่วยเหลือหนุนเสริมกันได้อย่างครบถ้วนมาตั้งเป็นกลุ่ม (ปาร์ตี้) แล้วพาไปเก็บเลเวล ซึ่งจะทำให้สามารถเก็บเลเวลในที่ยากๆ ในระยะเวลานานๆ ได้ เวลาตัวละครซึ่งเป็นบอทอยู่ในพื้นที่ล่า จะมีการวิ่งเรียงเดี่ยวเป็นแถวตอนเหมือนขบวนเหมือนรถไฟ จึงเป็นที่มาของชื่อ

[2] บอส (BOSS) คือมอนสเตอร์ระดับหัวหน้าในเกม

[3] โคลสเบต้า (close beta) หมายถึง ขั้นตอนเปิดให้ผู้เล่นเกมจำนวนหนึ่งเข้าไปทดลองเล่นในเกมเป็นการทดสอบเพื่อหาจุดบกพร่อง (BUG) ของเกม โดยอาจจะมีการเชิญเกมเมอร์อาชีพและสื่อนิตยสารหรือเว็บไซด์เกมเข้าร่วม จะได้ทำการแก้ไขก่อนเข้าสู่ขั้นตอนโอเพ่นเบต้า ปกติ CB จะเปิดประมาณ 1 เดือน เกมที่มีปัญหามากอาจจะยืดไปถึง 3 เดือน

[4] ชิงซาม่านอู่ แปลว่า แพรเบาบางรำแช่มช้า

[5] โอเพ่นเบต้า (open beta) คือ ขั้นตอนเปิดให้ผู้เล่นเกมทั่วไปได้ทดลองเล่นเกมฟรีโดยไม่จำกัดจำนวนผู้เล่น และไม่จำกัดจำนวนเซิฟเวอร์

[6] GM (Game Master) หมายถึงผู้ดูแลในเกมทำหน้าที่หลายๆ อย่าง ตั้งแต่ตรวจหา bug คอยตรวจจับผู้เล่นเกมที่ทำผิดกฎ เล่นโกง หรือใช้บอท เป็นต้น

[7] CG (Computer Graphic) คือภาพที่สร้างจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์

[8] cool down คือ ดีเลย์ของสกิล, บางสกิลมีดีเลย์ 15 วินาที ถึงใช้ใหม่ได้ หรือ บางสกิลที่ดีมาก ๆ อาจดีเลย์ถึง 60 นาที

[9] เน่ยตาน แปลว่า ตานภายใน, ตาน คือเม็ดที่เป็นศูนย์รวมพลังของสัตว์ที่บำเพ็ญตบะได้ในตำนานจีน โดยตบะที่บำเพ็ญได้ทั้งหมดจะเก็บอยู่ในเม็ดตาน ปกติเม็ดตานจะซ่อนอยู่ภายในร่างของสัตว์นั้น จึงเรียกว่า “เน่ยตาน”

[10] ดร็อป (drop) คือการให้ของ (item) ของมอนสเตอร์หลังจากถูกฆ่าตาย

[11] โบนัสสามเทศกาล คือโบนัสที่บริษัทจีนและไต้หวันให้ในวันตรุษจีน (1 ค่ำเดือนอ้าย), วันเทศกาลตวนอู่ (5 ค่ำเดือน 5 กินบ๊ะจ่าง) และวันไหว้พระจันทร์ (15 ค่ำเดือน 8)

หลินโหม่ว เข้าร่วมเมื่อ 3 ก.พ. 2555, 22:42

0 ความคิดเห็น