หัวข้อ : BOSS จินตนาการพิสดาร เล่ม 1 บทที่ 3 ของเทพชิ้นแรก

โพสต์เมื่อ 3 ก.พ. 2555, 22:45

บทที่ 3

 

ของเทพชิ้นแรก

 

 

กลุ่มแสงสีทองรวมตัวเป็นกลุ่มเดียว ส่องทั่วทั้งหน้าจอสว่างจ้าจนลืมตาไม่ขึ้น จื่ออวี๋หลับตาลง ตอนที่ลืมตาขึ้นอีกครั้งกลุ่มแสงสีทองถึงค่อยๆ จางตัวลง

เฮ้ย? ห่าเอ๊ย!

จวบจนแสงทองจางหายไปแล้ว จื่ออวี๋ก็ยังคงจ้องหน้าจอตาค้าง ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองมองเห็นอะไร

ค่ายกลเซียนสิบสี่คนกลับฆ่าเลือดเขาทิ้งได้ตั้ง 23000 อัพในครั้งเดียว นี่กะเอาให้ตายกันเลยเรอะ? งั้นถ้าเป็นค่ายกลเซียน 36 คน มิฆ่าเขาในพริบตาไปเลยรึ?

‘เยี่ยมมากพรรคพวก ค่ายกลเซียนโคตรเทพเลย’

‘ให้คนถ่วงบอสไว้ ใช้ค่ายกลเซียนอีกสักรอบก็เรียบร้อยแล้ว’

จื่ออวี๋ดูเลือดของตัวเองที่เหลือ 24000 ขืนให้พวกนั้นใช้ค่ายกลเซียนอีกรอบ มีหวังได้เรียบร้อยจริงๆ นั่นแหละ...

เถ้าแก่ของสร้างสรรค์ฯต้องนึกขอบคุณสวรรค์แน่ที่คนที่เขาเชิญมาคือบอสคนจริงไม่ใช่บอสตั้งโปรแกรม

“ถึงพวกนายจะทำได้ไม่เลวเลย แต่น่าเสียดายเหลือเกินที่พวกนายเจอคือคน ไม่ใช่โปรแกรม!”

“นายว่าอะไรนะ?” อาอิ่งที่กำลังสู้กับอีกกลุ่มจนนึกเบื่อหันหน้ามาถาม

“ไม่มีอะไร” ตอบไปทันควัน จื่ออวี๋หัวเราะหึๆ คลิกปุ่มด้านขวามือของหน้าจอ

เหนือป่าโปร่งที่ทุกคนกำลังต่อสู้กันอย่างเมามันพลันมีความเคลื่อนไหวผิดสังเกตเล็กน้อย ก้อนเมฆสีดำเหมือนมีลมช่วยผลัก พริบตาเดียวเมฆดำก็ได้มารวมตัวกันที่เหนือศีรษะฝูซี มีสายฟ้าสีขาวหม่นแซมอยู่ข้างใน

‘...เป็นไปไม่ได้น่า...’

‘อะไรเรอะ?’

‘บอสจะปล่อยสายฟ้าฟาดแล้ว’

‘ไรนะ?’

‘สวรรค์ อย่าเด็ดขาดนะ...’

เด็กน้อยทั้งหลาย คำอธิษฐานของพวกนายนั้นสวรรค์ทรงได้ยินแล้ว แต่เสียใจด้วยนะ คนที่บังคับบอสน่ะคือฉันเฟร้ยไม่ใช่สวรรค์

จื่ออวี๋ยิ้มละไม สายฟ้าหนึ่งสายผ่าวาบลงถูกหนึ่งในสิบสี่คนอย่างจัง

พร้อมกับที่ซากศพของเซียนคนนั้นค่อยๆ เลือนจางจนหายไป หน้าต่างสนทนาได้วิ่งจี๋อย่างรวดเร็ว คำสบถด่าแถวแล้วแถวเล่าเลื่อนขึ้นข้างบนไม่ได้หยุด จื่ออวี๋เห็นแล้วเบาสบายไปทั้งตัวจริงจริ้ง บางทีอาจ่ายอาจจะพูดถูกก็ได้...ในส่วนลึกของจิตใจ เขาต่างหากที่เป็นคนชอบทารุณกรรมสัตว์ตัวเล็กๆ...

ไม่รอให้คนพวกนั้นด่าจนพอใจ ฝูซีก็ได้เริ่มการโจมตีอีกระลอก สามง่ามขนาดยักษ์ร่ายรำกวัดแกว่งไปมาในกลุ่มคนไม่ได้หยุด ค่าพลังโจมตีที่มหาศาลของวัตถุขนาดใหญ่ยักษ์ทำให้สามง่ามของเขาปักลงไปหนึ่งทีก็สามารถทำให้หนึ่งคนลงนอนหมอบ พวกเซียนกับหลางจงที่ยังเหลือรอดได้แต่ช่วยเติมเลือดให้พรรคพวกอย่างต่อเนื่องไม่ได้หยุด

สถานการณ์ค่อยๆ โน้มเอียงไปสู่สมดุล หรือพูดได้ว่าโน้มเอียงไปสู่สภาพการโจมตีกับอัตราฟื้นฟูเลือดอัตโนมัติของฝูซีหักล้างกันได้พอดี ผู้เล่นที่ห้อมล้อมอยู่รอบตัวฝูซีเริ่มจะค่อยๆ ลดน้อยลง ขบวนสี่สิบกว่าคนในตอนแรกตอนนี้เหลืออยู่ประมาณครึ่งเดียว ส่วนเซียนยิ่งถูกฝูซีไล่ฆ่าจนเหลือแค่สามคน

‘ซินซาง กลับไปคิดหาทางกันใหม่เถอะ ไม่มีค่ายกลเซียนชนะมันยากมาก’

จื่ออวี๋เหลือบไปมอง ชายหนุ่มจำได้ว่าตอนแรกสุดก็เห็นชื่อนี้เหมือนกัน บางทีมีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่านั่นก็คือชื่อของ “พระเอก”

‘ยังมีโอกาส คนที่สู้ได้ยังอยู่ครบหมด ที่ถูกเก็บมีแต่คนเลเวลต่ำทั้งนั้น’

จื่ออวี๋พยักหน้า ถูกต้อง คนที่เลเวล 80 ขึ้นไปเขาไม่ได้ไปแตะต้องสักเท่าไร เหตุผลง่ายมาก สามง่ามของเขาหนึ่งทีเอาไม่อยู่หมัด รอจนเขาซ้ำสามง่ามลงไปอีกที หลางจงข้างหลังก็เติมเลือดให้ไปแล้ว แต่เขาจะจัดการเก็บหลางจงกับเซียนที่ด้านหลังให้หมดเกลี้ยงก็ไม่ได้อีกแหละ เพราะมันเหมือนสิ่งที่คนจะทำมากเกินไป ไม่ใช่สิ่งที่โปรแกรมจะทำ

แต่ถึงจะเก็บหลางจงพวกนั้นไม่ได้ เขาก็สามารถทำเรื่องหนึ่งได้

คนที่ชื่อ “ซินซาง” นั่นก็ยังเหมือนครั้งก่อน นั่งอยู่บนหลังเสือดำยิงธนูเวทมนตร์ใส่ฝูซีจากกลางอากาศ ทันใดนั้น ฝูซียกสามง่ามขึ้นแทงเข้าใส่กลางอากาศ เสือดำเหมือนจะระวังป้องกันการเล่นงานแบบกะทันหันของฝูซีตลอดเวลาอยู่แล้ว ไม่รอให้สามง่ามมาถึง เสือดำก็ขยับหลบอย่างรวดเร็ว แต่ฝูซีกลับยกสามง่ามค้างไม่ได้ลดลง หนามแหลมตรงกลางของสามง่ามพลันเปล่งแสงสว่างแรงกล้าขึ้นกลางท้องฟ้ามืดทะมึน ไม่รอให้ทุกคนได้สติ แถบแสงสีขาวเหมือนสายฟ้าฟาดก็ได้พุ่งทะลุผ่านซินซางที่อยู่บนหลังเสือดำเสียแล้ว

เสียเลือด 18000, ฆ่าในพริบตาโดยตรง...

‘สวรรค์...นั่นอะไรน่ะ?’

‘ไอ้หอกหักคนไหนมันบอกว่าฝูซีกระจอกที่สุดวะ?’

‘ใครเคยเห็นบ้างว่านั่นมันอะไร?’

ขณะที่ผู้เล่นพวกนั้นตกใจจนร้องโวยวายกันลั่น อาอิ่งเองก็ชะโงกศีรษะเข้ามามองหน้าจอของจื่ออวี๋ตาค้าง

“อาอวี่ นายบ้าไปแล้วเรอะ? เน่ยตานโจมตีหนึ่งครั้งต้องเสียเลือดตั้งสองหมื่น ใครกันที่คู่ควรให้นายทำถึงขนาดนี้”

แปดในสิบส่วนบ้าไปแล้วจริงๆ แหละ...

จื่ออวี๋เองก็ตาค้างไปนิดหน่อยเหมือนกัน ปกติเน่ยตานโจมตีจะปล่อยออกมาก็ต่อเมื่อบอสชนะใสแน่นอนแล้วถึงค่อยเอามันมาใช้แกล้งทรมานผู้เล่นเล่นเท่านั้น เน่ยตานโจมตีหนึ่งครั้งต้องเสียเลือดของตัวเองมากกว่า 1/3 มองดูฝูซีบนหน้าจอที่ค่าเลือดเหลือแค่ไม่ถึง 4000 จื่ออวี๋ได้ยิ้มเจื่อนๆ ให้ตัวเอง

แต่สำหรับสถานการณ์ในตอนนี้ที่การโจมตีกับอัตราฟื้นฟูเลือดเสมอกัน จะเหลือค่าเลือดเท่าไรไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรนัก อีกทั้งระหว่างที่สู้กันมาเกือบครึ่งชั่วโมง ยาเติมเลือดเติมเวทของผู้เล่นเองก็ถูกใช้ไปเกือบหมดแล้วด้วย ว่ากันตามสถานการณ์ถัดจากนี้ไป คนพวกนี้ก็แค่กำลังถ่วงเวลาเท่านั้น

‘ซินซางตายแล้ว?’

‘กลับกันเถอะ เขาตายไปแล้วยังจะสู้ไปทำไมอีก?’

การถอยกลับตอนนี้เป็นทางเลือกที่ฉลาดมาก

จื่ออวี๋กำลังรอให้คนพวกนี้ถอนตัวกลับไป ในกลุ่มคนกลับมีเงาคนสีแดงเริ่มเปล่งแสงสีแดงอย่างปุบปับ

เดี๋ยวก่อน นั่นมันอะไรน่ะ?

ความสว่างของดวงแสงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้หยุด จนกระทั่งสีแดงสดนั้นสว่างจนใกล้จะเป็นสีขาว ในหน้าต่างสนทนาของผู้เล่นพลันเด้งข้อความแถวหนึ่งขึ้นมา

‘คนที่อยากกลับไสหัวไปให้หมด ฉันจะล้างแค้นให้ซินซาง!’

ข้างกายพระเอกมักจะมีพี่น้องที่แสนดีผู้ภักดีสุดหัวใจตลอดกาล...โคตรโหลจริงๆ ด้วย...

แต่แสงสีแดงนั่นมันเรื่องอะไรกันน่ะ?

ดวงแสงค่อยๆ จาง ผู้ชายชุดแดงชกเข้าใส่ฝูซีหนึ่งหมัด จังหวะที่เกล็ดกับหมัดปะทะกันถึงกับมีสะเก็ดไฟสีขาวกระเซ็นออกมาหนึ่งชั้น

ท่าเคลื่อนไหวนั้นคือนักสู้ แต่ค่าโจมตีหนึ่งหมัด 300 กว่านั่นไม่ใช่ค่าที่นักสู้จะทำได้เลยนะ!

“ห่าเอ๊ย! รวยเป็นบ้า ตานพัฒนาการ[1]” อาจ่ายที่จับตาสังเกตด้านจื่ออวี๋นี่อยู่ตลอดถอนหายใจออกมาอีกครั้ง

“ตานพัฒนาการ? มันอะไรเรอะ?”

“ของไว้ดูดเงินของบริษัทไงเล่า กินหนึ่งเม็ดค่า status ทั้งหมดเพิ่มเท่าตัว อยู่ได้สามสิบนาที แต่หลังฤทธิ์ยาผ่านไปจะลดค่าประสบการณ์ครึ่งนึง จากเลเวลของเขานี่ อีกเดี๋ยวอย่างน้อยต้องลดไปสิบเลเวล”

“เดี๋ยวก่อน ทำไมฉันไม่เห็นรู้เลยว่ามีเจ้านี่ด้วย?”

“ตอนที่แจ้งนายกำลังนอนหลับ ใครจะไปกล้าปลุกนาย?”

“......”

จื่ออวี๋ตาขวาง อยากจับหัวอาจ่ายชนใส่คอมพิวเตอร์ขึ้นมาติดหมัด

“ขืนนายยังไม่ขยับอีกได้ตายจริงแน่” ถึงตาเลือดแดงฉานของจื่ออวี๋จะน่ากลัวมาก แต่อาจ่ายก็ยังคงพูดเตือนอีกฝ่ายด้วยความหวังดียิ่งอยู่นั่นเอง

“ช่างมันเถอะ ถึงยังไงก็ควรดร็อปของเทพได้ตั้งนานแล้ว!”

ดูกลุ่มคนบนหน้าจอที่สามัคคีกันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเพราะผู้ชายชุดแดง เหมือนฝูงมดงานที่ขยันขันแข็งกัดใส่ฝูซีไม่ได้หยุดแล้ว จื่ออวี๋ปล่อยคลื่นพลังปราณครั้งสุดท้ายก่อนตายอย่างหงุดหงิด ปราบหมอบไปสิบกว่าคน จากนั้นจึงถอนหายใจตายไปในที่สุด

“นายตายไปทั้งอย่างนี้จริงๆ เรอะ?” จื่ออวี๋ถอนใจ อาจ่ายกลับร้องลั่นอย่างอดไม่อยู่

“มีคนตายแล้วเรอะ?” หลังอาจ่ายตะโกน เสียงของอาอิ่งก็ดังมาจากข้างหลังด้วยอีกคน

“หา? ในที่สุดก็ดร็อปของเทพแล้วเรอะ?” จากนั้นแน่นอนว่าA+ก็ลุกพรวดขึ้นด้วย

ไม่รอให้จื่ออวี๋เอ่ยปาก เสียงตะโกนของอาจ่ายได้ทำให้อีกสองคนต่างวางของในมือลง พุ่งพรวดมาล้อมจื่ออวี๋กับอาจ่ายทันควัน

จื่ออวี๋พูดไม่ออก เจ้าพวกนี้จะว่างงานเกินไปแล้วมั้ง?

“นายก็เห็นแล้วไม่ใช่เรอะ?” จื่ออวี๋ยักไหล่ให้อาจ่าย

“นายตายแล้วจริงน่ะ?” เสียงแปดหลอดของA+ร้องลั่นที่ข้างหูจื่ออวี๋

คำพูดนี้นี่ทะแม่งเป็นบ้า...

“ทำไมคอมถึงดำซะล่ะ? ของเทพรูปร่างเป็นไง?”

จื่ออวี๋ยักไหล่ต่อไป ดูหน้าจอที่ดำสนิท “ฉันเองก็ไม่รู้ เอาเป็นว่าพอเลือดเป็นศูนย์ปุ๊บหน้าจอก็ดำเลย ส่วนจะมีของเทพดร็อปหรือเปล่านี่ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“พี่น้องเอ๋ย เข้าเว็บ บนเน็ตต้องมีข้อมูลแล้วแน่ๆ!”

อาจ่ายโห่ร้องเสียงดัง พรึ่บเดียวทั้งสามคนก็เฮโลกันไปล้อมคอมพิวเตอร์ปกติเพียงเครื่องเดียวในออฟฟิศอีกครั้ง นั่นคือคอมพิวเตอร์ของหลวี่ปิน...หรือก็คือหัวหน้าของพวกเขาเหล่าบอสนั่นเอง

จะยังไงก็ตาม จื่ออวี๋รู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งที่คนพวกนี้ยอมปล่อยเขาจนได้

 

ในความรู้สึกของจื่ออวี๋ การออกสู่โลกของของเทพชิ้นแรก ผลลัพธ์ไม่ต่างอะไรเลยกับระเบิดปรมาณูลูกแรกระเบิด

ของเทพปรากฏตัวไม่ถึงสิบนาที ทางด้านบริษัทก็มีปฏิกิริยา หลวี่ปินได้รับโทรศัพท์ที่ระดับสูงในบริษัทโทรมาหา ทางบริษัทแสดงความพอใจอย่างมากต่อการดร็อปของเทพครั้งนี้ ด้านหนึ่งเป็นเพราะอีกไม่กี่วัน สงครามเทพบรรพกาลก็จะสิ้นสุดโอเพ่นเบต้า เริ่มต้นเก็บเงินอย่างเป็นทางการแล้ว การดร็อปของเทพในจังหวะเวลานี้ สามารถใช้เป็นการประกาศข่าวได้พอดี อีกด้านหนึ่ง ดูจากเลเวลและจำนวนคนของกลุ่มที่มาท้าสู้แล้ว ผลลัพธ์แบบนี้ถือว่าสามารถยอมรับได้เช่นกัน เพียงแต่สุดท้ายทางบริษัทยังคงสะกิดบอกว่า ให้ควบคุมจำนวนของของเทพเป็นปีละสิบสองชิ้น ซึ่งก็คือเฉลี่ยให้ออกมาเดือนละหนึ่งชิ้น

ส่วนทางด้านผู้เล่น ของเทพปรากฏขึ้นไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ทุกกระทู้บนเว็บบอร์ดของสงครามเทพฯได้เปลี่ยนชื่อเป็น “ของเทพ” ทั้งหมด หน้าต่างแชตในเกมต่างถกกันถึงเรื่องของเทพและเรื่องที่ใครเป็นคนได้ดร็อปของเทพเสียเป็นส่วนใหญ่

ที่ทำให้จื่ออวี๋หงุดหงิดคือของเทพชิ้นแรกกลับเป็นธนู ทำให้ชายหนุ่มมิอาจไม่ทอดถอนว่าค่าความโชคดีแอบแฝงของ “พระเอก” นี่มันสูงสุดยอดจริงแท้

ศรโฮ่วอี้[2] :

วัตถุโจมตี : 260

เวทมนตร์โจมตี : 280

ค่าป้องกัน : 100

อัตราฟื้นฟูเลือด : 20%

ความทนทาน : 2000

 

ฝูซีถือสามง่ามชัดๆ ทำไมถึงดร็อปธนูได้ล่ะ? จื่ออวี๋คิดเท่าไรก็ไม่เข้าใจ...

ของที่ดร็อปพร้อมกับของเทพยังมีลูกศรโฮ่วอี้สามดอก วัตถุโจมตี : 120, เวทมนตร์โจมตี : 100 นอกจากนี้ยังมีหนังสือสกิลค่ายกลเซียนสามสิบหกคน เม็ดตานสุดยอดเติมเลือดหนึ่งเม็ด น้ำเป็นผลึกสองก้อน

จวบจนจื่ออวี๋อ่านกระทู้บนเน็ตที่เกี่ยวข้องกับการ PK[3] ครั้งนี้ทั้งหมดจบ ยังคงรู้สึกว่าเหมือนจะขาดอะไรบางอย่างไป กระทู้เปิดเผยเรื่องของเทพบนอินเทอร์เน็ตเป็นผลลัพธ์จากการสร้างกระแสของภายในบริษัทเสียร้อยละเก้าสิบ กระทู้ที่ผู้เล่นเป็นคนโพสต์จริงๆ มีน้อยมาก เพราะถึงแม้ทุกคนจะรู้ว่าของเทพดร็อปแล้ว แต่ผู้เล่นที่ได้ดร็อปของเทพเลือกที่จะเงียบ ผู้เล่นที่ไม่ได้ดร็อปของเทพมิอาจไม่เงียบ เพื่อเป็นการสร้างกระแส ทางบริษัทจึงได้ประกาศชนิด ภาพ และความสามารถของของเทพลงบนอินเทอร์เน็ตทั้งหมด

แต่ใครกันที่เป็นคนได้ดร็อปของเทพไป? จื่ออวี๋รู้ดีว่าตัวเขาเองไม่ได้สนใจประเด็นนี้มากนัก ที่เขาสนใจคือนักสู้เสื้อแดงคนนั้นคือใคร เขาจำได้ว่าอาอิ่งเคยบอกว่าตานพัฒนาการนั้นสามารถทำให้ค่า status เพิ่มขึ้นเท่าตัว แต่ทันทีที่หมดฤทธิ์ จะลดค่าประสบการณ์ครึ่งนึง

“อาอวี่ ได้เวลาแล้ว คอมของนายสว่างแล้ว” หลวี่ปินตบไหล่จื่ออวี๋ เป็นความหมายให้อีกฝ่ายกลับไปประจำตำแหน่งของตัวเอง

จื่ออวี๋มองหลวี่ปิน หลวี่ปินเหมือนจะสามารถทำให้คนอื่นเกิดความรู้สึกยอมรับนับถือได้อยู่กลายๆ ถึงแม้หลวี่ปินจะใช้น้ำเสียงสงบนิ่งมากพูดจาตลอด ทุกคนก็ยังคงทำตามที่เขาพูดโดยอัตโนมัติอยู่ดี

แต่จื่ออวี๋รู้สึกว่าหลวี่ปินไม่ได้เป็นอย่างที่รูปกายภายนอกของเขาทำให้คนอื่นรู้สึก บางทีคนในออฟฟิศนี้อาจจะรู้สึกแบบนี้อยู่กลายๆ กันทุกคน ถึงได้ไม่มีใครไปหาเรื่องหลวี่ปิน ยังไงพวกเขาก็เล่นอินเทอร์เน็ตกันมานาน ได้พบปะติดต่อกับผู้คนมามากมาย จึงรู้จักตัดสินคนกันโดยสัญชาตญาณ

ผละจากคอมพิวเตอร์ของหลวี่ปิน จื่ออวี๋กลับไปยังที่นั่งของตัวเอง หน้าจอกลับคืนสภาพเดิมก่อนหน้านี้แล้ว ฝูซีที่เลือดและเวทเต็มหมดเลื้อยกลับไปกลับมาในขอบเขตที่แน่นอนเหมือนไม่ได้เกิดอะไรขึ้นเลย รอบด้านยังคงเป็นป่าสีเขียวเข้มขนาดเล็ก แม้แต่เครื่องป้องกันกับของที่ตกเกลื่อนหลังผู้เล่นตายก่อนหน้านี้ก็ถูกเก็บกวาดจนเกลี้ยง

นักสู้เสื้อแดงคนนั้นคือใครกันแน่? ถึงกับยอมเสียสละแบบนี้เพื่อ “พระเอก” นั่น แม้จื่ออวี๋จะรู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาสักนิด แต่โดยพื้นนิสัยแล้ว เขาจะรู้สึกถูกชะตากับคนจำพวกที่ยอมเสียสละเพื่อพรรคพวกพี่น้องของตัวเอง อาจจะเป็นเพราะดูหนังดูละครเกี่ยวกับมาเฟียมามาก อาจจะเป็นเพราะเห็นกลุ่มพรรคในเกมมามาก อาจจะเป็นเพราะในโลกความจริงจื่ออวี๋สันโดษเก็บตัวเกินไป

เหลือบไปเห็นเรดาร์ขนาดเล็กตรงมุมบนขวาโดยบังเอิญ สังเกตเห็นอย่างผิดคาดว่าตรงตำแหน่งซึ่งใกล้เขามากกลับมีจุดสีแดงเล็กๆ อยู่หนึ่งจุด

จื่ออวี๋ตกใจเล็กน้อย เพ่งดูบนหน้าจออย่างละเอียด ก็มองเห็นว่าบนขอบของก้อนหินใหญ่สองก้อนมีลำตัวคนโผล่ออกมาครึ่งตัวจริงๆ เสื้อผ้าสีเขียว ผมสีดำ เป็นผู้หญิงหรือนี่

เรียกข้อมูลของผู้เล่นออกมา ผู้หญิงคนนั้นแค่เลเวล 64, นักธนู, ค่าเลือดและค่าเวทมนตร์โจมตีธรรมดาทั้งหมด เครื่องป้องกันบนตัวก็เป็นแค่ระดับกลาง

ผู้หญิงคนนี้คิดจะทำอะไรน่ะ? อย่าบอกนะว่าคิดจะสู้กับฝูซีคนเดียว?

ถึงฝูซีจะเป็นบอสที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่ากระจอกที่สุดมาโดยตลอด ประกอบกับของเทพชิ้นแรก ฝูซีก็เป็นคนให้ ดังนั้นตอนนี้บนอินเทอร์เน็ตจึงยิ่งเชื่อเข้าไปใหญ่ว่าฝูซีคือบอสที่กระจอกที่สุดในบอสทั้งสี่ แต่ถึงจะกระจอกยังไงเขาก็เป็นหนึ่งในบอสทั้งสี่อยู่ดี ซึ่งคนที่มีสติปัญญาต่างรู้กันทั้งนั้นว่าคนเดียวน่ะเอาไม่อยู่หรอก

จื่ออวี๋จ้องดูเธออยู่พักใหญ่ พบว่าเธอแค่นั่งอยู่ตรงนั้นเท่านั้น ทั้งไม่พูดจาและไม่ขยับ ตอนแรกจื่ออวี๋เดาว่าเธอกำลังรอพรรคพวกมาตีฝูซีด้วยกันหรือเปล่า แต่เห็นผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่ชั่วโมงกว่าก็ยังไม่มีใครมา จื่ออวี๋ก็เริ่มรู้สึกว่าดูเหมือนเธอจะไม่ได้กำลังรอคน

ผู้หญิงคนนั้นกำลังทำอะไรกันแน่? ต่อให้ออนไลน์ทิ้งไว้แล้วไปทำอย่างอื่น แต่ใครกันจะมาออนไลน์ทิ้งไว้ที่หน้าประตูบ้านบอสอย่างไม่กลัวตาย?

 

ตอนที่เลิกงานก็ปาเข้าไปตีหนึ่งแล้ว ความจริงแล้วเวลาทำงานของพวกจื่ออวี๋ไม่ได้กำหนดแน่นอนตายตัว ขอแค่ในหนึ่งวันเข้าทำงานเต็มแปดชั่วโมงก็ใช้ได้แล้ว ขอเพียงพวกเขาเหล่าบอสทั้งสี่ออนไลน์ ภายในเกมก็จะมีการประกาศแจ้งโดยระบบ จากนั้นผู้เล่นที่ต้องการท้าสู้ก็สามารถเตรียมตัวเข้ามาหาได้

แต่โดยปกติแล้วในเกมต้องหลังตีสองเป็นต้นไปถึงจะเริ่มเงียบเหงา หลังสิบโมงเช้าถึงจะเริ่มมีคนทยอยกันเข้ามา ดังนั้นปกติจื่ออวี๋จะไปที่บริษัทหลังเที่ยง ตอนเช้ายังสามารถนอนจนสายโด่งได้ ซึ่งสำหรับพวกเขาที่เล่นเกมออนไลน์กันมานานปี นี่เป็นเงื่อนไขที่วิเศษมาก

สำหรับพวกเขาสี่คนที่เป็นนักเล่นเกมอาชีพกันมาอย่างน้อยสามปี หลังจากออนไลน์แล้วก็จะไม่สนใจอีกว่าจะออฟไลน์เมื่อไร ดังนั้นเวลาออนไลน์ตามความเป็นจริงของพวกเขาในแต่ละวันคือสิบสองชั่วโมงโดยประมาณทั้งสิ้น

ถึงจะรู้สึกไม่พอใจที่ไม่มีวันหยุด แต่พวกจื่ออวี๋ก็ถือว่าเป็นพวกบ้าเกมอีกประเภทได้ บวกกับหลวี่ปินไม่ได้สนใจควบคุมพวกเขานัก พวกเขาจึงไม่มีแรงกดดันอะไร และถือเสียว่ากำลังอยู่บ้านทำอาชีพเดิม

ออกจากตัวอาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่บริษัทตั้งอยู่แล้ว จื่ออวี๋เลื่อนจักรยานของตัวเองออกมาจากที่จอดบริเวณประตูของอาคาร กล่าวลากับพวกเพื่อนร่วมงาน จากนั้นเร่งปั่นกลับบ้านสุดชีวิต

เพิ่งจะเข้าประตูบ้าน จื่ออวี๋ก็พุ่งเข้าไปในห้องขนาดเล็กของตัวเอง แล้วเปิดไฟ เปิดหน้าจอ เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์หลัก นั่งลงในเก้าอี้โซฟาตัวเล็กของตัวเองอย่างต่อเนื่องในรวดเดียว

ถึงแม้บริษัทจะกำหนดเอาไว้ชัดเจนว่าห้ามพนักงานเข้าไปเล่นในเกม แต่พวกอาจ่ายก็เปิดไอดีกันตั้งแต่ตอนโคลสเบต้าเมื่อสองเดือนก่อนแล้ว ตอนนี้เลเวลตั้ง 60 กว่ากันแล้ว ส่วนจื่ออวี๋เก็บเลเวลไอดีชุดก่อนจนถึงมากกว่าหนึ่งร้อยทั้งหมดแล้วเพิ่งจะเหมาขายทิ้งไปเมื่อวานซืนนี้เอง ตอนนี้เขาก็คิดจะเข้าสู่สงครามเทพฯอย่างเป็นทางการเหมือนกัน เหอๆ...ตอนนี้สงครามเทพฯถือเป็นเกมออนไลน์ที่มีอนาคตมากที่สุดบนอินเทอร์เน็ต นักเล่นเกมอาชีพที่สันดานโจรยากจะแก้ก๊วนนี้มีหรือจะยอมปล่อยมันไปง่ายๆ ได้

ลงทะเบียนเข้าสู่เกม จื่ออวี๋เลือกหน้าคาแรคเตอร์ตัวละครที่ธรรมดาสุดๆ ทรงผมยุ่งๆ สีดำแซมปอยสีขาวที่เลือกย้อม 2-3 ปอย ช่องใส่นามแฝงจื่ออวี๋ใส่ว่า “โหย่วสือโหยวอวี่” (มีฝนบางเวลา) เหมือนเดิม หลังจากกดยืนยัน ภาพหน้าจอก็เด้งเข้าสู่หน้าเลือกอาชีพ

อาชีพเริ่มต้นของสงครามเทพบรรพกาลมีทั้งหมดเจ็ดอาชีพ สายต่อสู้สี่สาย สายซัพพอร์ตหนึ่งสาย สายผลิตสองสาย การแบ่งชนิดของสายต่อสู้เหมือนกับการแบ่งชนิดของเกมออนไลน์ในตอนนั้น อาชีพนักสู้ที่ค่าเลือดสูงป้องกันสูงโจมตีสูงเป็นแบบบ้าพลังล้วนๆ เพราะถืออาวุธไม่ได้ ดังนั้นช่วงแรกที่เก็บเลเวลจึงเหนื่อยหน่อย แต่ก็ค่อนข้างจะเหมาะกับคนจน อาชีพนักดาบ ค่า status ค่อนข้างสมดุล ขอแค่มีเงินมีเครื่องป้องกัน พูดได้ว่าเป็นอาชีพที่เก็บเลเวลง่ายที่สุด นักธนูโจมตีระยะไกล เนื่องจากสามารถทำมอนค้างได้ ดังนั้นปกติค่า status จึงมักจะค่อนข้างขี้เหนียว

เซียนมีค่าเท่ากับไอดีโลหิตจาง ถึงค่าเวทมนตร์โจมตีจะสูงมาก แต่ถูกK[4]ทีเดียวก็ม่อยกระรอกแล้ว หลางจงถือเป็นอาชีพที่ค่อนข้างงานยุ่งในสายซัพพอร์ต ตอนต่อสู้รับผิดชอบเติมเลือด พอมีเวลาว่างยังสามารถทำยาซัพพอร์ต HP,MP นิดหน่อยไว้ใช้เองในบ้าน

อาชีพสายผลิตถึงจะค่อนข้างรวย แต่ตอนเก็บเลเวลจะน่าอนาถมาก ผู้เร้นกายเน้นขุดวัตถุดิบดั้งเดิม เวลาหลางจงปรุงยาหรือช่างตีเหล็กตีเครื่องป้องกันก็ต้องอาศัยเขาทั้งนั้น นอกจากอาศัยสกิลได้วัตถุดิบแล้ว ยังมีที่ได้จากตัวมอนสเตอร์ด้วย ดังนั้นต้องเก็บเลเวล ช่างตีเหล็กทำเครื่องป้องกัน แต่มีวัตถุดิบบางอย่างซื้อขายแลกเปลี่ยนไม่ได้ ได้แต่ตีมอนสเตอร์เอาเอง ดังนั้นต้องเก็บเลเวลเหมือนกัน สำหรับอาชีพสายผลิตที่โจมตีต่ำความไวต่ำค่า status ต่ำ ข้อที่ใช้ปลอบใจได้มากที่สุดเห็นจะเป็นสามารถรวยเป็นมหาเศรษฐีได้ล่ะนะ!

จื่ออวี๋ค่อนข้างชอบสายต่อสู้มาแต่ไหนแต่ไร และยังชอบเป็นนักดาบ อาชีพที่สมดุลในทุกด้านรุกได้ถอยได้ แต่เมื่อดูชุดสีแดงสดตลอดตัวของอาชีพนักสู้นั่นแล้ว จื่ออวี๋กลับเลือกอาชีพนักสู้อย่างผีดลใจ หลังจากลงทะเบียนเข้าสู่เกมอย่างเป็นทางการ หน้าควบคุมที่จื่ออวี๋มองเห็นแทบไม่ต่างอะไรเลยกับหน้าควบคุมฝูซีที่เขาดูอยู่ทุกวันที่บริษัท กรอบแชต แถบ status หน้าต่างแสดงไอเท็ม เกจค่าประสบการณ์สีแดงกับฟ้า ดิสเพลย์ขนาดเล็ก แผนที่ขนาดเล็ก

จื่ออวี๋คลิกเปิดหน้าต่างแสดงไอเท็มด้วยความเคยชิน ครึ่งบนแบ่งเป็นสองฝั่งซ้ายขวา ฝั่งซ้ายคือช่องเก็บไอเท็มสวมใส่สำหรับเก็บไอเท็มที่เอาไว้ใช้เปลี่ยนรูปร่างภายนอก ฝั่งขวาคือช่องเก็บไอเท็มพิเศษสำหรับเก็บไอเท็มเพิ่มค่า status ข้างล่างคือช่องว่างสี่สิบช่อง

ปิดหน้าต่างแสดงไอเท็ม เปิดหน้าต่างค่า status

 

โหย่วสือโหยวอวี่

ค่าเลือด : 120

พลังเวท : 40

เลเวล : 1

ค่าประสบการณ์ : 0

ค่าประสบการณ์อัพเลเวล : 16

ฉายา : ไม่มี

อาชีพ : นักสู้

อาชีพพิเศษ : ไม่มี

ฉายาตั้งเอง : ไม่มี

ค่ายพรรค : ไม่มี

ชื่อค่ายพรรค : ไม่มี

ขั้นเซียน : 0

ค่า BOSS : 0

ชื่อเสียง : 0

วัตถุโจมตี : 50

ป้องกัน : 64

หลบหลีก : 20

ความเร็วโจมตี : 35

เวทมนตร์โจมตี : 10

ปัญญา : 0

สังกัดธาตุ : ไฟ

 

ตรงหน้าคือหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีกลิ่นอายโบราณเต็มพิกัด รอบด้านคือกระท่อมมุงหญ้าสูงต่ำไม่เท่ากัน ยังมี NPC[5] ที่สวมชุดโบราณ

ก่อนจะเข้าสู่เกม จื่ออวี๋ได้ทำการบ้านมาล่วงหน้าหลายวันแล้ว สถานที่ที่ไอดีแรกเริ่มลงทะเบียนเข้าไปชื่อว่าเมืองซื่อฟัง (เมืองสี่เหลี่ยม) เป็นฐานสำคัญที่สุดของสงครามเทพบรรพกาล ในเมืองซื่อฟังมีเมืองเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก กลาง รวมห้าเมือง เมืองศูนย์กลางยังแบ่งเป็นสองชั้นฟ้ากับดิน รอบๆ เมืองเหนือใต้ออกตกยังหมู่บ้านเล็กๆ สิบหกหมู่บ้านกระจายอยู่อย่างเป็นระเบียบ

ที่ที่จื่ออวี๋อยู่ในเวลานี้ก็คือหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งใกล้ๆ เมืองหนานเทียน (เมืองใต้) เนื่องจากเมืองหนานเทียนอยู่ใกล้ที่เก็บเลเวล ดังนั้นผู้เล่นกว่าครึ่งต่างไปออกันอยู่ที่เมืองหนานเทียน จื่ออวี๋ย่อมจะแล่นไปที่นั่นเช่นกัน

เดินออกจากปากทางหมู่บ้าน โหยวอวี่เดินมุ่งหน้าตรงไปทางตะวันออก ไม่เท่าไหร่ก็ไปถึงเมืองหนานเทียน กลางคืนตีหนึ่งครึ่งกว่าๆ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสำหรับชาวเกมออนไลน์ ในเมืองยังคงมีคนมากมายนับไม่ถ้วน แถมเนื่องจากเมื่อกลางวันของเทพเพิ่งจะดร็อปไปหนึ่งชิ้น ดังนั้นตอนนี้ผู้เล่นในเมืองยิ่งมากเป็นเท่าตัวของวันปกติ จับกลุ่มกันบ้างสามบ้างห้าล้อมวงกันคุยอะไรสักอย่าง

ทำเควสของมือใหม่เสร็จ เลื่อนเป็นเลเวล 3 เนื่องจากเป็นนักสู้ ถืออาวุธไม่ได้ จึงมีแต่ชุดป้องกันหนึ่งชุดกับยาตานต่อชีวิตสำหรับเติมเลือดสิบเม็ด (หน่วยจำนวนนับของไอเท็มใช้แล้วหมดไปทั้งหมด 99 ชิ้นเรียกเป็นหนึ่งปึก)

จื่ออวี๋ไม่ได้รีบร้อนจะออกจากเมืองไปเก็บเลเวล แต่เดินดูแผงลอยขายของทั้งหมดทุกแผงของเมืองหนานเทียนจนทั่วถ้วนทั้งในและนอก มีของบางอย่างที่ถ้าไม่ได้เข้ามาในเกมด้วยตัวเองจะไม่มีทางหาพบได้แน่นอน มาเป็นนักเล่นเกมอาชีพ จื่ออวี๋เคยชินมานานแล้วว่าเรื่องแรกที่ต้องทำเมื่อเข้ามาในเกม คือต้องทำความเข้าใจให้กระจ่างก่อนว่าของอะไรบ้างที่ขายได้เงิน ราคาประมาณเท่าไร

สำหรับจื่ออวี๋แล้ว จริงอยู่ว่าของเทพราคาดี แถมจากที่จื่ออวี๋ดู ของเทพชิ้นแรกต้องสามารถไต่ขึ้นไปถึงหนึ่งหมื่นสองพันหยวนอย่างแน่นอน แต่ของแบบนั้นก็เหมือนกับล็อตเตอรี่นั่นแหละ ได้แต่ถือเป็นลาภลอยก้อนใหญ่ที่บินมาหา การจะอาศัยมันเลี้ยงตัวเองนั้นเป็นไปไม่ได้โดยสิ้นเชิง

แผงลอยขายของร้อยละเจ็ดสิบของเมืองหนานเทียนขายแต่เครื่องป้องกันระดับเริ่มต้นทั้งนั้น สงครามเทพยังเป็นเกมใหม่ ผู้เล่นเกือบทั้งหมดยังคงวนเวียนอยู่ที่เลเวลห้าสิบโดยประมาณ ทั้งยังมีผู้เล่นหน้าใหม่กลุ่มใหญ่ๆ แห่กันเข้ามาไม่ได้หยุด ตลาดเครื่องป้องกันระดับเริ่มต้นมีขนาดใหญ่มาก แต่จื่ออวี๋เลือกอาชีพนักสู้ จึงไร้วาสนากับตลาดนี้...

ยังมี นอกจากอาชีพเริ่มต้นเจ็ดอาชีพแล้ว ในสงครามเทพบรรพกาลยังมีอาชีพพิเศษอีกเก้าอาชีพ เพียงแต่เงื่อนไขในการได้อาชีพของอาชีพพิเศษเก้าอาชีพนี้โหดหินเกินไป โอกาสได้อาชีพมีไม่ถึง 0.01% หนึ่งในเงื่อนไขที่ว่า ทุกเลเวล 40 จึงจะสามารถได้อาชีพพิเศษหนึ่งอาชีพ พวกเทพในออฟฟิศก๊กนั้นเลเวล 60 ขึ้นไปกันแล้วทั้งนั้น แต่ไม่มีใครได้อาชีพพิเศษเลยสักคน ทั้งเก้าอาชีพได้แก่พ่อมด (แม่มด), นักบวงสรวง, นักพยากรณ์, นักหลอม, ช่างเหล็กเทพ, เซียนน้อย, ปรมาจารย์เซียน, เซียนเด็ก, ปรมาจารย์ห้าธาตุ เซียนน้อยคือเงื่อนไขที่ต้องมีของการได้อาชีพปรมาจารย์เซียน ฟังว่าไอดีที่ได้อาชีพปรมาจารย์เซียนหนึ่งไอดีเรียกราคากันตั้งสามหมื่นห้าพันหยวนขึ้นไป

นอกจากอาชีพพิเศษแล้ว ที่เงินดีที่สุดก็คือขายสัตว์เลี้ยงนี่แหละ โดยหลักการแล้วทุกอาชีพจับสัตว์เลี้ยงได้หมด เมื่อตีจนเลือดของมอนสเตอร์ลดลงเหลือต่ำกว่าสิบ จะสามารถใช้การ์ดผนึกที่ซื้อจาก NPC มาจับได้ หลังจากจับสำเร็จแล้วเลเวลของสัตว์เลี้ยงจะย้อนกลับไปเป็นเลเวล 1 โดยอัตโนมัติ ค่า status ของสัตว์เลี้ยงหลังจากถูกจับได้จะต่ำมาก พลังต่อสู้กระจอกมาก แต่สัตว์เลี้ยงนั้นต่างกับผู้เล่น สัตว์เลี้ยงมีขั้นเซียน พูดตรงๆ ก็คือเมื่ออัพเลเวลขึ้นถึงเลเวลที่สูงพอ สัตว์เลี้ยงจะสามารถเกิดใหม่ได้ นั่นคือคงค่า status เดิมที่มีอยู่, เลเวลเปลี่ยนกลับไปเป็นเลเวล 1, ค่า status สะสมเพิ่มขึ้นต่อไป จำนวนเลเวลที่จะทำให้เกิดใหม่ได้นี้เรียกว่า “เลเวลเซียน” จำนวนครั้งที่เกิดใหม่จะเรียกว่า “ขั้นเซียน”

ทุกครั้งที่เกิดใหม่หนึ่งหน เลเวลเซียนก็จะเพิ่มขึ้น 5 เลเวล แต่หลังจากเลเวลเซียนถึงเลเวล 120 แล้ว ก็จะไม่เพิ่มขึ้นอีก ขั้นเซียนสี่ขั้นจะเริ่มเกิดใหม่เป็นสัตว์ปิศาจ รูปร่างภายนอกเองก็จะเริ่มเปลี่ยนแปลงเช่นกัน และจะเพิ่มสกิลโจมตี

ตามหลักแล้ว สัตว์เลี้ยงสามารถเกิดใหม่ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง นั่นก็คือขั้นเซียนไม่มีขีดจำกัดสูงสุด แต่สัตว์เลี้ยงตายหนึ่งครั้ง จะหักค่าประสบการณ์ไปสิบล้าน การนี้หมายความว่าอะไรรึ? ก็หมายความว่าสัตว์เลี้ยงเลเวล 56 หนึ่งตัวตายแค่หนึ่งครั้งก็สามารถลดขั้นเซียนได้แล้วไงเล่า (ถ้าค่าประสบการณ์ไม่พอให้หักก็จะลดขั้นเซียน) !

ประกอบกับหากผู้เล่นตาย สัตว์เลี้ยงที่กำลังต่อสู้ก็จะหายไปเนื่องจากไม่มีเจ้าของด้วย ดังนั้น...สัตว์เลี้ยงน่ะฝึกไม่ง่ายเลย เงินก็หาไม่ง่ายเลย...

ด้วยเหตุนี้สำหรับจื่ออวี๋แล้ว ของพวกนี้พบได้หวังไม่ได้ทั้งนั้น หนทางที่อยู่ในโลกความจริงมากกว่าก็คือ : เก็บเลเวล --> ทำเควส --> ขายไอดี



[1] ตาน ในที่นี้แปลว่า ยาเม็ดที่เป็นยาวิเศษ หรือยาเซียน

[2] โฮ่วอี้ คือเทพนักยิงธนูในตำนานของจีนที่ยิงแม่นมาก เคยยิงพระอาทิตย์ตกลงมาเก้าดวง

[3] ในจีน คำว่า PK กินความครอบคลุมหมดทั้ง PK (ผู้เล่นคนหนึ่งฆ่าผู้เล่นอีกคนโดยผู้เล่นฝ่ายหลังไม่ได้อยากสู้ด้วย), PVP (ผู้เล่นดวลกันโดยยินยอมทั้งสองฝ่าย), การสู้แบบตัวต่อตัว, การสู้แบบกลุ่มต่อกลุ่ม และการสู้ระหว่างผู้เล่นกับมอนสเตอร์

[4] K (kill) ในเรื่องนี้จะแปลได้ 2 ความหมาย คือ โจมตี กับ ฆ่า หรือ ต่อสู้ ในบริบทนี้แปลว่า “โจมตี”

[5] NPC (Non-player character) ตัวละครที่ไม่ใช่ผู้เล่น เป็นโปรแกรมที่ทำหน้าที่ต่าง ๆ ในเกมเช่น พนักงานต้อนรับซื้อขายของในเมือง, ตัวรับ-ส่งเควส, ตัวประกอบในฉาก ฯลฯ

หลินโหม่ว เข้าร่วมเมื่อ 3 ก.พ. 2555, 22:45

1 ความคิดเห็น