โพสต์เมื่อ 3 ก.พ. 2555, 22:46
บทที่ 4
พี่น้องคู่ฮา
ขณะที่จื่ออวี๋กำลังวางแผนพัฒนาการในอนาคตของไอดีนี้ ก็กลับมองเห็นว่าในกรอบหน้าต่างแชตมีคนใช้ข้อความส่วนตัวคุยกับเขา
‘อู๋ตี๋เป๋าเป่าจู[1] : เก็บเลเวลเป็นเพื่อนฉันนะ’
เฮ้? ใครกันเนี่ย? จื่ออวี๋เงยหน้าขึ้นดู พบว่าข้างตัวมีเซียนสาวสวยชุดขาวคนหนึ่งยืนอยู่ เมื่อกี้เธอนั่นแหละที่พูดกับเขา ชายหนุ่มเลื่อนเมาส์เบาๆ เดินไปด้านข้าง 2-3 ก้าวอย่างทำเป็นมองไม่เห็น เขาไม่เคยปฏิเสธว่าตัวเองไม่ชอบพวกผู้หญิงในเกมออนไลน์เอาเลย ไม่เพียงแค่คาแรคเตอร์ที่เหมือนกันและหน้าตาที่เหมือนกันทำให้เขารู้สึกว่าที่ตัวเองกำลังเผชิญหน้าอยู่คือตัวเลขโปรแกรมโขยงหนึ่งเท่านั้น ยังเป็นเพราะในเกมออนไลน์มีการโกหกหลอกลวงอยู่ทุกที่ เมื่อไม่กี่เดือนก่อนนี้เอง ทุก 2-3 วันจื่ออวี๋ยังได้เจอผู้หญิงที่มาขอไอเท็มจากเขา หรือกระทั่งผู้ชายที่ปลอมตัวเป็นผู้หญิงอยู่เลย
‘อู๋ตี๋เป๋าเป่าจู : อีกประเดี๋ยวพี่ชายของฉันจะมาช่วยพาฉันเก็บเลเวล อัพเลเวลเร็วมากเชียวนะ!’
โชคดีที่หล่นจากฟ้าจะต้องมีค่าตอบแทน นี่เป็นคำขวัญประจำใจของจื่ออวี๋เสมอมา ดังนั้นจื่ออวี๋จึงนิ่งเงียบต่อไป
‘อู๋ตี๋เป๋าเป่าจู : นายคือมือใหม่สินะ? ฉันขอให้พี่ชายให้เครื่องป้องกันกับเงินนายได้นะ!’
เครื่องป้องกัน? จื่ออวี๋เหลือกตา เครื่องป้องกันอะไรเรอะจะเลิศไปกว่าสามง่ามของฝูซี?
‘อู๋ตี๋เป๋าเป่าจู : ฟังว่าวันนี้พี่ชายไปตีสัตว์เทพกับพรรคพวก ระหว่างทางได้ของดร็อปกันมาเยอะอยู่’
จื่ออวี๋ออกจะไม่อยากเชื่อความโชคดีของตัวเองเอาเลย คนตั้งมากมายเท่าไรพยายามตามหาตัววีรบุรุษที่สู้ชนะสัตว์เทพกลุ่มนั้น กลับจนใจที่ไม่มีข่าวคราวเลยสักนิด ส่วนเขาแค่มายืนเฉยๆ ในเมืองก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเร่เข้ามาบอกเขาแล้วว่ารู้จักคนที่ไปตีสัตว์เทพ
บนอินเทอร์เน็ตตอนนี้ ไอดีของคนที่มีของเทพเรียกราคากันตั้งสี่ล้านเหรียญของเกมสงครามเทพแล้ว หนึ่งแสนเหรียญของเกมสงครามเทพเท่ากับสี่ร้อยหยวนไต้หวัน คนตั้งมากมายเท่าไรจ้องเงินจำนวนนี้ตาเป็นมัน แล้วได้แต่เจ็บใจที่ตัวเองเอามันมาเข้ากระเป๋าไม่ได้
แต่จื่ออวี๋ก็ประหลาดใจมากอยู่เหมือนกัน ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงจำเพาะเจาะจงมาเลือกตัวเขา
‘โหย่วสือโหยวอวี่ : ที่นี่มีคนตั้งเยอะแยะ ทำไมเธอถึงมาหาฉันล่ะ?’
‘อู๋ตี๋เป๋าเป่าจู : ก็ที่นี่มีแต่นายที่เลเวลไม่ถึงเลเวล 5 เหมือนฉันนี่นา...’
นี่มันเหตุผลประเทศไหนน่ะ? เซลล์สมองของผู้หญิงนี่ต่างจากของผู้ชายจริงๆ ด้วย
‘อู๋ตี๋เป๋าเป่าจู : พี่ชายฉันมาแล้ว ไปเก็บเลเวลกับพวกเรานะ!’
‘โหย่วสือโหยวอวี่ : พี่ของเธอคือคนไหน?’
จื่ออวี๋เพิ่งถามจบ ในหน้าต่างห้องแชตส่วนตัวก็มีคนเพิ่มมาหนึ่งคน เป็นนักดาบเลเวล 68 ชื่อ “หูถุเปี้ยนสีก้วน”[2]’
‘หูถุเปี้ยนสีก้วน : เป๋าเป่า นี่ใครเหรอ?’
‘อู๋ตี๋เป๋าเป่าจู : ฉันเพิ่งรู้จักน่ะ พาเขาไปเก็บเลเวลกับพวกเรานะ’
‘หูถุเปี้ยนสีก้วน : นักสู้เหรอ? เก็บเลเวลช่วงแรกเหนื่อยมากเลยนะ!’
‘โหย่วสือโหยวอวี่ : อื้อ! ฉันรู้’ จื่ออวี๋กล่าวรับ ‘เป๋าเป่าจูบอกว่าวันนี้นายไปตีสัตว์เทพมา?’
‘หูถุเปี้ยนสีก้วน : ......วันนี้นายเป็นคนที่ N แล้วที่ถามแบบนี้ ถ้านายอยากจะถามเรื่องของเทพล่ะก็ ฉันได้แต่บอกว่าที่วันนี้พวกเราไปตีคือเจ้าแม่หวางหมู่ ไม่ใช่ฝูซี’
อ๋า? จะเป็นลม...
‘อู๋ตี๋เป๋าเป่าจู : พอแล้วน่า พี่ชาย ไปเก็บเลเวลกันเถอะ’
สวรรค์จงใจแกล้งเขาชัดๆ! ถึงจื่ออวี๋จะสุดเซ็ง แต่ยังคงออกไปจากเมืองกับสองพี่น้องอยู่ดี
ทั้งสามคนวิ่งหนึ่งหน้าสองหลังออกจากเมืองหนานเทียน นอกเมืองคือมอนสเตอร์ขนาดเล็กเลเวลไม่เกิน 5 วิ่งตรงดิ่งไปทางตะวันตกจนออกจากเมืองซื่อฟัง หูถุเปี้ยนสีก้วนจึงค่อยหยุดลง ตรงหน้าคือผืนป่าสีเขียว ในพงไม้ขนาดเล็กสูงครึ่งตัวคนมีสุนัขเถื่อน[3] 2-3 ตัวกำลังเหลียวซ้ายแลขวา ตัวเลขบอกค่าที่เหนือหัวเขียนไว้ว่าเลเวล 10
ทันใดนั้นบนหน้าจอได้มีหน้าต่างแลกเปลี่ยนของเด้งขึ้นมา จื่ออวี๋ตั้งสมาธิดู หูถุเปี้ยนสีก้วนนั่นเอง ในหน้าต่างแลกเปลี่ยนของมีเครื่องป้องกันครบชุดกับยาตานต่อชีวิตหนึ่งร้อยเม็ด ใจกว้างจริงๆ! จื่ออวี๋เองก็ไม่เกรงใจเหมือนกัน หลังจากรับมาแล้วลองตรวจดูค่า status ค่อยพบว่าเป็นเครื่องป้องกันชั้นดีระดับกลางค่อนไปทางสูง
ในเกมสงครามเทพบรรพกาล ไม่ว่าจะเป็นอาวุธหรือเครื่องป้องกันหรือไอเท็มเปลี่ยนค่า status อื่นๆ ต่างมีการแบ่งเป็นของเทพ, ของวิเศษ, ของช่าง, ของธรรมดา ทั้งหมด ของเทพนั้นไม่ต้องพูดถึง ก็คือสมบัติแสนรักที่พวกจื่ออวี๋เป็นคนดูแลและใช้งานนั่นแหละ ของวิเศษคือเครื่องป้องกันที่ช่างเหล็กเทพเป็นคนตี เนื่องจากการได้อาชีพและวัตถุดิบต่างหายากมาก ดังนั้นจึงจัดเป็นของจำพวก “ได้ยินแต่ชื่อไม่เคยเห็นของ”
ของช่างคือผลงานของช่างตีเหล็ก ซึ่งก็คือเครื่องป้องกันที่ตอนนี้จื่ออวี๋กำลังถืออยู่ อันจัดว่าเป็นของฟุ่มเฟือยสำหรับสงครามเทพฯในตอนนี้ ของธรรมดาก็คือเครื่องป้องกันที่ได้มาเวลาทำเควสหรือตีมอนสเตอร์ เนื่องจากตอนนี้ในสงครามเทพฯมีมือใหม่มากเกินไป ดังนั้นโอกาสที่จะตีมอนสเตอร์แล้วได้ของธรรมดาก็พอๆ กับโอกาสที่คุณโยนก้อนหินใส่ลานเต้นรำของผับหรือบาร์แล้วไปถูกหัวคนนั่นแหละ แต่ฟังหลวี่ปินบอกว่าอัตราส่วนนี้จะลดน้อยลงเรื่อยๆ อัตราส่วนสุดท้ายน่าจะเป็น 0.1% หรือก็คือหนึ่งในพัน ความต่างชั้นของเครื่องป้องกันทั้งสี่ระดับจะชัดเจนมาก เครื่องป้องกันชนิดเดียวกันของทั้งสี่ระดับจะไม่มีทางเกิดการเหลื่อมระดับอย่างเด็ดขาด
ดูท่าทางคนชื่อหูถุเปี้ยนสีก้วนนี่น่าจะเล่นจนเก่งมาก ลองคิดดูก็ใช่อยู่หรอก เพราะตอนนี้คนที่กล้าไปตีบอสมีแต่เทพทั้งนั้น
ทั้งสามคนตั้งกลุ่มกัน หูถุเปี้ยนสีก้วนเป็นกำลังหลัก ฆ่ามอนสเตอร์ในพริบตาง่ายเหมือนหั่นเต้าหู้ เป๋าเป่าจู (หนูน้อยหมู) เองก็น่าจะได้ของช่างระดับท็อปมาเหมือนกัน ถึงแม้การร่ายคาถาต้องใช้เวลา แต่ก็ลูกไฟหนึ่งลูกเก็บมอนสเตอร์ได้หนึ่งตัว มีแต่จื่ออวี๋ที่แข่งกับสุนัขเถื่อนตัวหนึ่งอยู่ตรงนั้นว่าเลือดใครเยอะกว่ากัน กว่าเขาจะ K สุนัขเถื่อนตายไปตัวหนึ่งจนได้ เลเวลก็กระโดดขึ้นไปเป็นเลเวล 8 แล้ว
หูถุเปี้ยนสีก้วนวิ่งลึกเข้าไปในป่าอีกหลายก้าว มอนสเตอร์รอบตัวเปลี่ยนจากสุนัขเถื่อนเป็นจิ้งจอกภูตเลเวล 20 ดวงตาดำสนิททั้งคู่บนขนสีขาวสะอาดเหมือนหิมะกวาดมองไปรอบด้าน เขี้ยวที่โง้งออกมานอกปากเหมือนพร้อมจะกระโจนเข้ามาฉีกกระชากผู้เล่นได้ทุกเมื่อ
‘หูถุเปี้ยนสีก้วน : เป๋าเป่า เจ้านั่นเป็นพวกโจมตีก่อน เธอกับเขานั่งอยู่ห่างๆ เถอะ!’
ช่างเป็นคนดีที่หนักเอาเบาสู้ไม่มีเกี่ยงงอนแท้ๆ...จื่ออวี๋มองหูถุเปี้ยนสีก้วนที่ไปจัดการเก็บมอนสเตอร์เพียงลำพังอย่างพูดไม่ออกเล็กน้อย ในความทรงจำของจื่ออวี๋ ดูเหมือนชายหนุ่มจะไม่เคยดูแลใครแบบนี้มาก่อน ไม่ว่าจะในเกมออนไลน์หรือในโลกความจริง ยังจำได้ว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อนตอนที่เขาเพิ่งจะได้สัมผัสกับเกมออนไลน์ เขาก็เคยมีช่วงเวลาที่รับการช่วยเหลือดูแลจากคนอื่นเหมือนกัน พาเขาไปเก็บเลเวล, ช่วยสอนเขาทีละอย่างๆ ว่าจะเล่นเกมออนไลน์อย่างไร ตัวจื่ออวี๋ในตอนนั้นรู้สึกขอบคุณคนเหล่านั้นตั้งมากมายแค่ไหน พอออนไลน์ปุบก็จะเรียกทักไม่กี่คนนั้นทางช่องลับทันที ของดีเลิศแค่ไหนพวกเขาอยากได้จื่ออวี๋ก็ให้ฟรีทั้งนั้น
แต่พอเวลานานเข้า คนเหล่านั้นก็จากไปทีละคนๆ จนเหลือจื่ออวี๋เพียงคนเดียว สำหรับจื่ออวี๋แล้ว ความทรงจำช่วงนั้นทั้งหวานชื่นและขมขื่น เวลาส่วนใหญ่ชายหนุ่มจะถึงกับไม่ยินดีที่จะหวนคิดถึงคนเหล่านั้น ถือซะว่าตัวเองเลือดเย็นไร้น้ำใจแหละดีแล้ว บางครั้งจื่ออวี๋มักจะคิดอยู่เนืองๆ ว่า นิสัยชอบไปมาเพียงลำพังของตัวเขาในตอนนี้ เป็นเพราะความทรงจำเหล่านั้นใช่หรือเปล่า...
‘อู๋ตี๋เป๋าเป่าจู : เสียวอวี่ นายอายุเท่าไหร่แล้ว?’
กับเป๋าเป่าจู จื่ออวี๋ไม่ได้วางตัวห่างเหินอย่างในตอนแรกอีก จึงพูดตอบไปตามตรง ‘ยี่สิบสาม’
‘อู๋ตี๋เป๋าเป่าจู : ก่อนมาสงครามเทพฯ นายเล่นเกมอะไรเหรอ?’
‘โหย่วสือโหยวอวี่ : บันทึกสร้างโลก’
‘อู๋ตี๋เป๋าเป่าจู : ฝึกถึงเลเวลไหนเหรอ?’
‘โหย่วสือโหยวอวี่ : เลเวลร้อยกว่า’
‘อู๋ตี๋เป๋าเป่าจู : อาชีพอะไร?’
‘โหย่วสือโหยวอวี่ : นักดาบคู่ นักเวท ผู้เยียวยา ขวานยักษ์’
‘อู๋ตี๋เป๋าเป่าจู : เลเวลร้อยกว่าทั้งหมด?’
‘โหย่วสือโหยวอวี่ : อื้ม!’
‘อู๋ตี๋เป๋าเป่าจู : ว้าว! เสียวอวี่เก่งจัง!’
เนื่องจากเก็บเลเวลคนเดียวจนเคยชิน จื่ออวี๋จึงออกจะไม่ค่อยชินกับการมีเด็กผู้หญิงช่างพูดขนาดนี้อยู่ข้างๆ เอาเลย
‘อู๋ตี๋เป๋าเป่าจู : บันทึกสร้างโลกฉันเองก็เคยเล่นเหมือนกัน เก็บเลเวลยากมาก ฉันเก็บถึงเลเวล 20 กว่าก็ขี้เกียจเก็บแล้ว ฉันก็ยังชอบเกม Concerto Gate มากกว่าอยู่ดี ถึงจะเป็นเกมเก่าแก่ N เมื่อปีก่อนแล้ว แต่เกมขึ้นหิ้งก็คือเกมขึ้นหิ้ง ฉันเล่นมันครบหมดทุกอาชีพเลย ตั้งสามสิบกว่าไอดีเชียวนะ! เพียงแต่ไม่เก่งเลยสักไอดีเท่านั้น ต่อมาก็เล่นเกม MapleStory, Fugleman, ตำนานพิภพเซียนอะไรพวกนี้อีก แต่จนกระทั่งได้เล่นเกม Lineage II ถึงค่อยพบว่านั่นแหละถึงจะเป็นเกมที่ฉันรักมากที่สุด ดาร์คเอลฟ์นี่หล่อซะจนฉัน...’
......
ยายหมูตัวนี้ไร้เทียมทานจริงๆ ด้วย...จื่ออวี๋มองตัวหนังสือในหน้าต่างแชตที่เลื่อนปราดๆ ขึ้นข้างบนอย่างรวดเร็วไม่มีหยุดแล้วเกิดความรู้สึกเหมือนน้ำลายจะฟูมปากยังไงยังงั้น ความเร็วในการพิมพ์ของยายหมูตัวนี้แข่งกับแฟลชแมนได้เลยจริงๆ...
‘อู๋ตี๋เป๋าเป่าจู : เฮ้? เสียวอวี่ เธอเป็นอะไรไปน่ะ? ทำไมไม่พูดไม่จา?’
แล้วเธอจะให้ฉันพูดอะไรไม่ทราบ? จื่ออวี๋ตาเขียวปัด
‘อู๋ตี๋เป๋าเป่าจู : อ๊ะ! พี่ ที่พี่เก็บเมื่อกี้คืออะไรน่ะ?’
หือ? ไม่รอให้จื่ออวี๋ทันได้มีปฏิกิริยาตอบโต้ ยายหมูไร้เทียมทาน(อู๋ตี๋จู)...จื่ออวี๋ตัดสินใจว่าต่อไปจะเรียกเธอแบบนี้แหละ...ก็พุ่งเข้าไปถึงข้างตัวหูถุเปี้ยนสีก้วนแล้ว
‘หูถุเป้ยนสีก้วน : หนังสือสกิล เธอจะเอาเหรอ? เคล็ดจิตพลังภายในของนักสู้’
‘อู๋ตี๋เป๋าเป่าจู : นึกว่าของดีอะไรซะอีก! ทำเอาฉันหลงดีใจซะตั้งนาน’ ยายหมูไร้เทียมทานยืนอยู่ตรงนั้นอย่างผิดหวัง
‘หูถุเป้ยนสีก้วน : เธออยากได้อะไรเหรอ?’
‘อู๋ตี๋เป๋าเป่าจู : ฉันอยากได้หนังสือได้อาชีพของปรมาจารย์ห้าธาตุ’
หา? จื่ออวี๋เหลือกตาใส่ต่อไป ยายหมูตัวนี้โลภมากไม่เล่นเลยแฮะ หนังสือได้อาชีพทั้งเก้าเล่มเล่มที่ถูกที่สุดยังราคาตั้งหนึ่งล้าน เล่มของนักหลอมที่แพงที่สุดสามล้านหกแสน แถมยังมีแต่คนให้ราคาไม่มีคนขายด้วย
‘หูถุเป้ยนสีก้วน : งั้นฉันจะลองรับซื้อดูแล้วกัน’
จะเป็นลม! จื่ออวี๋แทบจะล้มตึงลงกับพื้น ‘พี่น้อง เจ้านั่นน่ะไม่ถูกนะ’
‘หูถุเป้ยนสีก้วน : ฉันรู้’
ใช่สิ! ที่เขาพูดไปมันวาจาไร้สาระเห็นๆ แปดในสิบส่วนหูถุฯต้องรู้ข่าวสารเรื่องอาชีพมากกว่าเขาอยู่แล้ว แม่งรวยฉิบหาย!
‘อู๋ตี๋เป๋าเป่าจู : งั้นหนังสือสกิลเล่มนั้นให้เสียวอวี่เถอะ นายยังไม่มีหนังสือสกิลใช่ไหมเสียวอวี่?’
‘โหย่วสือโหยวอวี่ : อื้ม! ยัง!’ ยังไม่ทันได้ออกจากเมืองก็ถูกหล่อนลากมาซะแล้ว
หูถุฯเชื่อฟังยายหมูไร้เทียมทานมาก คลิกเปิดหน้าต่างแลกของเอาหนังสือสกิลให้จื่ออวี๋
หนึ่งร้อยยี่สิบเหรียญสงครามเทพฯ...ก็ยังดีกว่าไม่มี...จื่ออวี๋ดับเบิ้ลคลิก รับหนังสือสกิลเข้ามาในหน้าต่างแสดงไอเท็ม
เคล็ดจิตพลังภายใน : สกิลป้องกัน ทุกครั้งที่อัพ 1 เลเวลเพิ่มพลังโจมตี 2% ทุกครั้งที่ฆ่ามอนสเตอร์หนึ่งตัว, ค่าประสบการณ์สกิล +5, จากเลเวล 1 อัพถึงเลเวล 10 ค่าประสบการณ์สกิลจะต้องถึง 1800, 7200, 19800, 45000, 82800, 133200, 183600, 246600, 322200 ตามลำดับ
หูถุเป้ยนสีก้วนหันตัวไปตีมอนสเตอร์ต่อ จื่ออวี๋ถามว่า ‘นายรู้จักกลุ่มที่ไปตีฝูซีตอนบ่ายวันนี้กลุ่มนั้นมั้ย?’
‘หูถุเป้ยนสีก้วน : ไม่รู้จัก แต่น่าจะเป็นพวกพรรคใหญ่ไม่กี่พรรคนั่นแหละทำ’
ไม่กี่พรรค?
‘โหย่วสือโหยวอวี่ : มีพรรคใหญ่ทั้งหมดกี่พรรคเรอะ?’
‘หูถุเป้ยนสีก้วน : ประมาณ 4-5 พรรคมั้ง นายถามเป๋าเป่าเหอะ เธอพิมพ์เร็ว’
เหงื่อหยดติ๋ง...เรื่องนี้จื่ออวี๋เห็นด้วยอย่างแรง
‘อู๋ตี๋เป๋าเป่าจู : โฮะๆ! รู้ประโยชน์ของฉันแล้วใช่มั้ยล่ะ?’ ยายหมูไร้เทียมทานทำท่าลำพองใจแล้วค่อยเข้าประเด็นหลัก ‘ในสงครามเทพฯมีอยู่ห้าค่ายพรรคที่พอจะมีชื่อเสียงนิดหน่อย หนึ่งคือสำนักซื่อฟัง คำจำกัดความเหมือนพรรคกระยาจก เหนือใต้ออกตกกลาง ขอแค่เป็นที่ที่มีคนก็จะมีคนของสำนักซื่อฟังโต๋เต๋อยู่ แถมในสงครามเทพฯระบบค่ายพรรคไม่จำกัดจำนวนคน ในผู้เล่นของสงครามเทพฯร่วมล้านคน สงสัยจะเข้าสำนักซื่อฟังซะ 1/10
‘ยังมีสำนักซินเยี่ย ลูกพี่ใหญ่ของสำนักซินเยี่ยเป็นคนดีแสนดี มีเพื่อนอยู่ทั่วหล้า
‘สำนักเทพสงครามเป็นพวกบ้า PK ล้วนๆ สามวันยิง[4]ย่อยหน ห้าวันยิงใหญ่หน เพราะว่ามีศัตรูมากเกินไปก็เลยดัง
‘ในสำนักเทวดามีแต่คนรวยทั้งนั้น ฟังว่าลูกพี่ใหญ่ของพวกเขาเป็นผู้เร้นกาย แถมอาชีพพิเศษคือนักหลอม ในสำนักอยู่สายผลิตทั้งหมด คนรวยน่ะนะ...’
ยายหมูตัวนี้อยู่สายข่าวเรอะ? เหมือนพวกเหยี่ยวข่าวเลยวุ้ย! จื่ออวี๋ทอดถอนชมเชย ก่อนจะพบว่ายังขาดอีกหนึ่ง ‘แล้วอีกสำนักนึงล่ะ? สำนักมังกรน้ำของพวกเธอ?’ ข้างหน้าชื่อของหูถุฯกับยายหมูไร้เทียมทานต่างเขียนไว้ว่า “สำนักมังกรน้ำ”
‘อู๋ตี๋เป๋าเป่าจู : เปล่าน่อ! สำนักมังกรน้ำเป็นแค่สำนักที่พี่กับพวกเพื่อนๆ ไม่กี่คนเปิดกันเล่นๆ เท่านั้น รวมฉันแล้วทั้งหมดก็แค่สิบเจ็ดคนเอง อีกสำนักนึงคือสำนักอีอี่ต่างหาก! คนของสำนักอีอี่เองก็มีไม่มากเหมือนกัน ปกติจะไม่ได้เห็นพวกเขาหรอก แต่ดูเหมือนคนในสำนักอีอี่จะเก่งมากกันทั้งนั้น คนของสำนักเทพสงครามแค้นสำนักอีอี่ที่สุดแล้ว เพราะฟังว่าคนของสำนักเทพสงครามไม่เคยยิงชนะคนของสำนักอีอี่มาก่อน’
เก่งมาก? จื่ออวี๋ตกตะลึง นึกถึงนักธนูที่ชื่อซินซางนั่นกับนักสู้เสื้อแดงคนนั้น จะใช่พวกเขาหรือเปล่านะ?
‘อู๋ตี๋เป๋าเป่าจู : แต่ฉันน่ะชอบสำนักเทวดามากกว่า ก๊กคนรวยนี่นะ! ลือกันว่าค่าตัวของลูกพี่ใหญ่พวกเขาทะลุร้อยล้านแล้ว เฮ้อ...แต่ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ใครใช้ให้พวกเขาโชคดีล่ะ จริงสิ เสียวอวี่ ตอนนี้เธอทำงานแล้วหรือยังเรียนอยู่...’
…สปีดการพิมพ์ของยายหมูไร้เทียมทานฝึกมาแบบนี้เองเรอะ?
อยู่ๆ ในหน้าต่างแชตก็ไม่มีข้อความเด้งขึ้นมาอีก จื่ออวี๋ดูยายหมูไร้เทียมทานที่ก็ยังยืนอยู่ข้างๆ ในที่สุดก็พูดจบแล้วเรอะ? จากนั้นจื่ออวี๋ก็ต้องพูดไม่ออกอย่างแรงเมื่อพบว่าชื่อตั้งเองเหนือศีรษะของยายหมูไร้เทียมทานถูกเปลี่ยนเป็น : ฉันถูกห้ามพูดแล้ว...
สปีดในการแชตคุยสามารถบรรลุถึงขั้นฟลัดหน้าจอ[5]ได้...ยายหมูตัวนี้ไม่ได้ไร้เทียมทานธรรมดาจริงๆ ด้วย...
จื่ออวี๋ฉวยโอกาสในช่วงที่ยายหมูไร้เทียมทานถูกห้ามพูด ทำให้ไม่มีมลพิษทางเสียงเอ่ยถามว่า ‘หูถุฯ งั้นนายเคยเห็นนักธนูที่มีเสือดำ ชื่อว่าซินซางหรือเปล่า?’
หูถุเปี้ยนสีก้วนหยุดความเคลื่อนไหวอย่างปุบปับ ‘นายไม่ใช่มือใหม่เรอะ?’
คำถามเดียวสะกิดจื่ออวี๋ให้ได้สติทันที ดันถามซะคล่องปากเกินไป เกือบได้ความแตกแล้วไง
‘โหย่วสือโหยวอวี่ : เพื่อนที่เรียกฉันมาเล่นบอกน่ะว่าคนที่ชื่อซินซางนั่นเล่นได้เทพมาก ฉันถึงได้ลองถามดูไงว่ามีใครรู้จักหรือเปล่า’
‘หูถุเปี้ยนสีก้วน : เพื่อนนาย?’
‘โหย่วสือโหยวอวี่ : ทำไมเรอะ?’
‘หูถุเปี้ยนสีก้วน : เพื่อนนายชื่ออะไร?’
เอ้อ...นั่นสิ ชื่ออะไรนะ? จะบอกว่าชื่อฝูซีไม่ได้อยู่แล้วนี่เนอะ...
แต่ขณะเดียวกัน ปฏิกิริยาของหูถุเปี้ยนสีก้วนก็ทำให้จื่ออวี๋ทราบเช่นกันว่าอีกฝ่ายรู้อะไรบางอย่าง แถมยังเริ่มนึกระแวงตัวเขาแล้วด้วย
‘โหย่วสือโหยวอวี่ : ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าในเกมเขาใช้ชื่ออะไร เป็นเพื่อนร่วมงานในบริษัทของฉันน่ะ’
‘หูถุเปี้ยนสีก้วน : งั้นครั้งหน้าแนะนำให้พวกเรารู้จักด้วยล่ะ!’
เอ้อ...นี่มันหมายความว่าไงหว่า?
การสนทนาสะดุดหยุดกลางคัน จนกระทั่งการถูกห้ามพูดของยายหมูไร้เทียมทานสิ้นสุดลง เวลาหลังจากนั้นได้ยินแต่ยายหมูไร้เทียมทานพูดจ้อไร้สาระไม่มีหยุดอยู่ตรงนั้นคนเดียว จื่ออวี๋สุดจะสามารถจินตนาการได้จริงๆ ว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะมีเรื่องให้พูดได้มากมายมหาศาลขนาดนี้
ในโลกนี้มีคำพูดอยู่ประโยคหนึ่งเรียกว่า “ทำตัวเอง” ตอนนี้จื่ออวี๋ได้ตระหนักถึงความหมายของคำพูดนี้อย่างสุดซึ้ง
ยามเมื่อของเทพชิ้นแรกถูกปั่นราคาอย่างดุเดือดเลือดพล่านจนพุ่งสูงลิบลิ่วไปถึงประมาณสองหมื่นสี่พันหยวน จื่ออวี๋กลับถูกผู้เล่นกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าตีจนหัวหมุนไปหมด
คลื่นพลังปราณกวาดราบออกไปอย่างเดือดจัด ผู้เล่นที่ห้อมล้อมอยู่รอบตัวล้มไปกว่าครึ่ง ฝูซีไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้พักหอบหายใจ แค่ 2-3 ทีก็กำจัดคนที่เหลือจนหมดเกลี้ยงอย่างง่ายดายเหมือนหั่นเต้าหู้
นี่เป็นกลุ่มที่สามของวันนี้เข้าไปแล้ว และตอนนี้ยังเพิ่งจะสี่โมงเย็นเศษๆ เท่านั้น
เนื่องจากความเข้าใจผิดของผู้เล่น และด้วยการช่วยสนับสนุนผลักดันของการที่ของเทพปรากฏสู่โลก ทำให้ตอนนี้ดูเหมือนจะมีผู้เล่นครึ่งหนึ่งต่างแห่กันแล่นมาที่ถ้ำของฝูซี
จัดการคนสุดท้ายเสร็จสิ้น จื่ออวี๋ถลึงจ้องคอมพิวเตอร์เขม็งอย่างเป็นฟืนเป็นไฟ สาบานว่าถ้าวันนี้มีใครโผล่มาอีกล่ะก็ เขาจะปล่อยคลื่นพลังปราณติดต่อกันจนกว่าจะจัดการพวกนั้นหมอบกระแตหมดนั่นแหละ
หางตาจื่ออวี๋เหลือบขึ้นไปถึงจอเรดาร์ขนาดเล็กตรงมุมบนขวาเหมือนเคยชินแล้วยังไงยังงั้น จุดเล็กๆ สีแดงจุดหนึ่งกำลังเคลื่อนมาทางนี้อย่างรวดเร็ว
ผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว...จื่ออวี๋ถอนหายใจอยู่ในใจอย่างอดไม่ได้
เมื่อสี่วันก่อน หลังจากฝูซีตายเป็นครั้งแรก ผู้หญิงคนนั้นก็แล่นมาที่นี่ตลอด ขอเพียงจื่ออวี๋เปิดเครื่อง ก็จะสามารถมองเห็นผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่แถวๆ ปากถ้ำไม่ขยับเขยื้อน ต่อให้ฝูซีโจมตีใส่เธอ เธอก็จะแค่วิ่งหนีไป ไม่ถึงสองนาทีก็จะวิ่งกลับมาอีกครั้ง
เวลากลุ่มอื่นล้อมโจมตีฝูซีและขอให้เธอช่วย เธอก็จะนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างไม่สนใจ บางครั้งจื่ออวี๋ก็นึกสงสัยเอาจริงๆ จังๆ ว่าไอดีนั้นน่าจะไม่มีคนบังคับ
เวลาเบื่อๆ จื่ออวี๋อยากจะลองถามผู้หญิงคนนั้นดูจริงๆ ว่าเธอนั่งอยู่ตรงนั้นทำอะไรกันแน่ น่าเสียดายที่บอสไม่สามารถพูดได้...และที่จื่ออวี๋ลงทะเบียนเป็นผู้เล่นธรรมดาเข้าสู่เกมนี้ นอกจากเพื่อจะหารายได้พิเศษเสียครึ่งหนึ่งแล้ว อีกครึ่งหนึ่งก็คือคิดจะไปหาผู้หญิงคนนั้น
แต่ที่ทำให้จื่ออวี๋เซ็งมากคือ เก็บเลเวลมาตั้งสี่วันแล้วเขายังอยู่แค่เลเวล 30 อยู่เลย ยังไม่มีปัญญาจะเดินมาถึงถ้ำฝูซีด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่เลเวล 30 เลย ผู้หญิงคนนั้นเลเวล 64 แต่สามารถแล่นมาคนเดียวได้นี่ก็ทำให้จื่ออวี๋นึกนับถือมากแล้ว
พอนึกถึงการเก็บเลเวลตอนกลางคืน จื่ออวี๋ก็มีแม้แต่ความคิดอยากจะฆ่าตัวตาย...ยายหมูไร้เทียมทานตัวนั้นนี่น่าจะเปลี่ยนชื่อเป็นหมูหน้าเป็นหรือหมูปากมากจริงๆ! น่ารำคาญยิ่งกว่าแม่ของเขาเสียอีก แต่ทุกที่ที่มีหูถุเปี้ยนสีก้วนดันต้องมียายหมูปากมากตัวนั้นตลอดนี่สิ
จื่ออวี๋ผู้กำลังขุ่นแค้นแรงกล้าพลันได้เห็นช่องระบายอารมณ์อย่างปุบปับ...บนจอเรดาร์ตรงมุมบนขวามีจุดกลมๆ เล็กๆ แน่นหนานับจำนวนไม่ถ้วนปรากฏขึ้นอีกแล้ว
ดีมาก มาคอยดูกันว่าฉันจะลอกค่าเลือดของพวกนายออกทีละชั้นๆ เหมือนลอกเปลือกหอมใหญ่จนหมดเกลี้ยงยังไง
เรียกข้อมูลของผู้เล่นออกมาดู ครั้งนี้มากันสามสิบเจ็ดคน เลเวล 80 ขึ้นไปมีแค่สามคน เลเวล 85 ขึ้นไปไม่มีเลยสักคน จากที่สู้มา 2-3 วันนี้ จื่ออวี๋เชื่อสนิทใจแล้วว่ากลุ่มคนที่ซินซางพามากลุ่มนั้นจะต้องเป็นคนของค่ายพรรคใหญ่พรรคไหนสักพรรคอย่างแน่นอน เพราะกลุ่มคนที่มาท้าสู้มีน้อยมากที่จะมีจำนวนมากกว่าสี่สิบคน คนที่เลเวลสูงกว่า 85 เองก็มีอยู่แค่ไม่กี่คนเท่านั้น
บวกกับพวกเขายังมีความสามารถตั้งค่ายกลเซียนได้อีกด้วย...นอกจากครั้งนั้นแล้ว บอสทั้งสี่คนรวมทั้งจื่ออวี๋บวกกับหัวหน้าบอสอีกคนต่างไม่เคยได้เห็นค่ายกลเซียนอีกเลย
บางทีคืนนี้เขาควรจะเปลี่ยนไปลองถามคนอื่นดู หูถุเปี้ยนสีก้วนเริ่มนึกระแวงเขาแล้ว ถึงแม้จื่ออวี๋จะไม่รู้เรื่องเลยก็ตามว่าฝ่ายนั้นระแวงเขาเรื่องอะไร แต่การจะถามข้อมูลอะไรจากปากของหูถุเปี้ยนสีก้วนกลับยากยิ่งกว่ายากเสียแล้ว
กำลังคิดเพลิน คนกลุ่มนั้นได้เดินเข้ามาใกล้แล้ว มีคนถามผู้หญิงคนนั้นว่าจะตีด้วยกันไหมเหมือนกับกลุ่มอื่นๆ อีกหลายกลุ่ม ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่พูดอะไรเหมือนเคย
‘หลังจากที่ดร็อปของเทพครั้งก่อน ดูเหมือนฝูซีจะเปลี่ยนเป็นเก่งแล้วเหมือนกัน บนเว็บบอร์ดพวกผู้เล่นที่เคยมาตีต่างพูดกันว่าบริษัทเกมแก้การตั้งค่าแล้ว’
ไม่ใช่ว่าเปลี่ยนเป็นเก่งหรอก แต่เป็นเพราะในที่สุดจื่ออวี๋ก็ค้นพบว่าวิธีที่พวกอาจ่ายใช้นั่นแหละคือวิธีที่ได้ผลและประหยัดแรงมากที่สุด
‘จริงสิ เอ้อร์เลิ่งจื่อ เมื่อวานฉันเหมือนจะเห็นโหยวอวี่ด้วย’
เฮ้ย? จื่ออวี๋แทบจะอ้าปากค้างจนกรามร่วง คงไม่บังเอิญขนาดนี้มั้ง?
‘โหย่วสือโหยวอวี่? นายคงไม่ได้เห็นวิญญาณเข้าให้หรอกนะ? หมอนั่นไม่ได้ทักมาสักแอะตั้งสี่เดือนเข้าไปแล้วนะ’
‘ชื่อน่ะชื่อโหย่วสือโหยวอวี่ แค่ไม่รู้ว่าใช่คนเดียวกันหรือเปล่า ฉันเห็นเขากับนักดาบคนนึงแล้วก็น้องหนูเซียนตีหมีสิงโตด้วยกันที่ทางใต้ของเมืองน่ะ’
ไม่ผิดตัวแล้ว เขาเองนั่นแหละ น้องหนูเซียนคนนั้นก็คือยายหมูตัวตลก นักดาบก็คือหูถุเปี้ยนสีก้วน
แต่ว่า ในเมื่อตอนนี้มีพวกเอ้อร์เลิ่งจื่อก๊วนคนอาชีพเดียวกันแล้ว เขาก็น่าจะสามารถบอกศาลายายหมูตัวตลกแหล่งเสียงรบกวนขนาดยักษ์นั่นได้เสียที
‘ดูผิดมากกว่ามั้ง? เวลาหมอนั่นเปิดบอทจะเปิดห้าไอดีพร้อมกันมาแต่ไหนแต่ไรนะ’
‘แต่สงครามเทพบรรพกาลน่ะบัตรประชาชนหนึ่งใบต่อหนึ่งไอดีนะ เขาจะไปเอาบัตรประชาชนห้าใบมาจากไหน?’
‘โปรแกรมปลอมหมายเลขบัตรประชาชน! หมอนั่นน่ะมือเก่าเรื่องซิกแซก!’
‘ฮ่าๆๆ...’
ขณะที่คนบางคนกำลังหัวเราะชอบใจ ฝูซีกลับตั้งสามง่ามในมือขึ้นตรง แสงสีขาวชั้นหนึ่งแผ่กระจายออกรอบด้านเหมือนคลื่นเสียงในพริบตา
‘อะไรเนี่ย มาถึงปุ๊บก็ใส่คลื่นพลังปราณเลยเรอะ’
‘หลางจงซัพพอร์ตเลือด ที่เหลือเริ่มสู้ได้แล้ว’
เริ่มแรกกลางกลุ่มคนมีแสงสีฟ้าสายหนึ่งกระโดดขึ้นมา นักดาบคนหนึ่งกระโดดขึ้นสูง เล็งไปที่ฝูซีแล้วฟันฝ่าอากาศเข้าใส่ คมแสงสีฟ้าฟันถูกเอวขนาดยักษ์ที่เป็นงูของฝูซีในพริบตา คมแสงนำพาเลือดกระฉูดออกมาเป็นแถบ ตัวเลขที่เด้งขึ้นกลับแค่ 89 เท่านั้น
พร้อมกับที่นักดาบกระโดดขึ้น ฝูงคนข้างล่างเองก็เริ่มโจมตีเช่นกัน ภายใต้การโจมตีที่มีนักดาบเป็นแกนนำหนึ่งระลอก ค่าเลือดของฝูซีได้ลดลงทีละ 80, 90 อย่างไม่มีหยุด
ฝูซีเป็นเหมือนงูยักษ์กลางฝูงมด สองมือชูขึ้นแหงนหน้ากู่ร้องก้อง สามง่ามในมือซึ่งถูกสายฟ้าที่กลางอากาศโอบวนรอบค่อยๆ เปล่งรัศมีสีขาวออกมา เสียงกู่ร้องยังไม่หยุด สามง่ามขนาดยักษ์ก็ได้แทงเข้าใส่ฝูงคน
ตัวสามง่ามสีดำจมเข้าสู่ชุดยาวสีเขียวของนักธนู เมื่อกี้ที่ถูกคลื่นพลังปราณโจมตีค่าเลือดยังไม่ทันได้ฟื้น มาถูกสามง่ามแฝงเวทโจมตีของฝูซีเข้าให้หนึ่งทีก็ลดฮวบลงเป็นศูนย์ในบัดดล เงาคนสีเขียวค่อยๆ กระจายสลายไป
ตัวสามง่ามสีดำเปลี่ยนจากแทงเป็นกวาด นักดาบนักสู้ที่ล้อมโจมตีอยู่ตรงหน้าฝูซีส่วนใหญ่ต่างเสียเสือดไปเกือบครึ่งเพราะการตวัดกวาดครั้งนี้ แม้แต่นักธนูกับเซียนที่ยืนอยู่ใกล้หน่อยก็พลอยถูกหางเลขเสียเลือดไปเล็กน้อย ฝูซีซึ่งมีรูปร่างใหญ่มหึมาเป็นเหมือนสัตว์ประหลาดที่กำลังระเบิดโทสะ ส่วนผู้เล่นเหล่านั้นก็เป็นเหมือนหนอนตัวน้อยๆ ที่ไม่พอให้บี้เบาๆ แค่หนึ่งที
‘ต้าส้าว ขืนปล่อยแบบนี้ต่อไปไม่เข้าทีแน่ เปิดบอทเถอะ!’
เฮ้ย! ไม่ต้องเดา คำพูดนี้เอ้อร์เลิ่งจื่อต้องเป็นคนพูดอย่างแน่นอน เอ้อร์เลิ่งก็เหมือนกับจื่ออวี๋ คือต่างก็เป็นลูกค้าเก่าแก่ของบอท
‘อย่าโง่ไปหน่อยเลยน่า ของเทพราคาตั้งหมื่นสอง บริษัทเกมมีเรอะจะไม่ตรวจสอบว่ามีการใช้บอทหรือเปล่า?’
‘กว่าเขาจะตรวจเจอ พวกเราก็ขายเครื่องป้องกันไปนานแล้ว’
เจ้าโง่เอ้อร์เลิ่ง นายยังไม่ทันได้เครื่องป้องกันมา ฝ่ายเทคนิคก็บล็อกไอดีของนายไปแล้วต่างหากโว้ย! จื่ออวี๋ดูไอ้ปัญญาอ่อนนั่นแล้วอดด่าในใจไม่ได้ ชิวต้าส้าวนี่สิฉลาดกว่ากัน
‘งั้นนายเปิดเหอะ แต่ฉันรู้สึกตงิดๆ ยังไงชอบกลว่ามันมีปัญหา ขอเตือนนายว่าทางที่ดีอย่าลองเลย’
‘งั้นนายว่าเอาไงดี?’
‘กลับไปกันเถอะ เดิมทีบอสใหญ่ทั้งสี่ตัวก็ตีไม่ง่ายอยู่แล้ว ถึงคนของบริษัทเกมจะโง่แค่ไหนก็ไม่มีทางยอมทำธุรกิจที่ขาดทุนแน่’
‘พวกเราตีเลือดลดไปเท่าไหร่แล้ว?’
‘ประมาณ 6000 มั้ง’
‘……’
ระหว่างที่กำลังพูด ฝูซีก็ชูสามง่ามขึ้นอีกครั้ง เสียงคำรามเสียดแทงหูดังกึกก้องในโสตประสาทของทุกคนในที่นั้น จากนั้นฝูงคนก็แตกฮือกันบินหนีเหมือนกองทัพแมลงโดยไม่รอให้สามง่ามของฝูซีแทงลง ฝูซีเพียงแค่ไล่ตามไปไม่กี่ก้าวอย่างไม่รีบไม่ร้อนก็เลื้อยกลับไปยังปากถ้ำของตัวเอง
เจ้าพวกก๊กนี้โชคดีไปที่หนีเร็ว!
[1] อู๋ตี๋เป๋าเป่าจู แปลว่า หนูน้อยหมูผู้ไร้เทียมทาน; อู๋ตี๋ - ไร้เทียมทาน; เป๋าเป่า เป็นคำเรียกเด็กทารกด้วยความเอ็นดู; จู - หมู
[2] หูถุเปี้ยนสีก้วน แปลว่า ป้ำเป๋อจนเคยชิน; หูถุ - ป้ำเป๋อ; เปี้ยน – เปลี่ยน; สีก้วน - เคยชิน
[3] สุนัขเถื่อน คือสุนัขบ้านไม่มีเจ้าของที่อยู่ในป่า
[4] ยิง คือภาษาปากของกลุ่มที่ไม่พอใจกันไป PK หรือ PVP (ผู้เล่นดวลกันโดยความยินยอมของทั้งสองฝ่าย) กัน
[5] ฟลัดหน้าจอ (flood) ในที่นี้หมายถึง ทำให้ทั้งหน้าจอมีแต่ข้อความของตัวเองทั้งหมด ดันข้อความของคนอื่นเลื่อนตกหายจากขอบล่างของจอไปในเวลาที่สั้นมาก จนทำให้ถูกระบบลงโทษห้ามพิมพ์ข้อความแชตไปชั่วครู่หนึ่ง