โพสต์เมื่อ 24 ก.ค. 2559, 11:46
บทที่ 3 เซ่นความรักที่จากไป (ต่อ)
วันที่ 18 ธันวาคม วันพฤหัสบดี อีกหนึ่งอาทิตย์จะถึงวันคริสต์มาส
ตอนที่ใกล้จะเลิกงาน ซูจิ่นได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง เป็นหมายเลขที่ไม่รู้จัก หญิงสาวลังเลเล็กน้อยค่อยกดรับ “ฮัลโหล สวัสดีค่ะ ฉันชื่อซูจิ่น”
“ฮัลโหล Renée (เรอเน่) ผมเอง ตอนนี้ผมอยู่ที่เปิ่นปู้ อยากเจอกันหน่อยมั้ย?” เสียงห้าวทุ้มที่คุ้นเคยพูดด้วยภาษาจีนที่ไม่ชัดนัก เรียกชื่อภาษาฝรั่งเศสของเธอถูกต้องชัดเจนมาก...เขามาแล้ว
สีหน้าซูจิ่นซีดเผือดจนเหมือนคนตายในทันที นิ่งเงียบไปอึดใจใหญ่ หญิงสาวได้ยินเสียงเบาหวิวไม่แน่ใจของตัวเอง “ได้ค่ะ อยู่ที่ไหน?”
โรงแรม New Century Intercontinental หนึ่งในโรงแรมระดับหกดาวที่มีอยู่น้อยนับจำนวนได้ในเมืองนี้ ซูจิ่นเดินเข้าสู่ห้องอาหาร ก็มองเห็นเฉียวเซวียนที่ริมหน้าต่างในทันที เขายังคงดูหล่อคมคายสดใสเหมือนเดิม แต่งตัวดูลำลองมาก เสื้อเชิ้ตสีครีมลายตารางสีน้ำตาลสวมทับด้วยเสื้อขนสัตว์คอแหลมสีน้ำตาลอ่อน ท่อนล่างคือกางเกงสีครีม ผมยังคงตัดสั้น ดูทันสมัยและคล่องแคล่ว เหมาะสมกับฐานะระดับหัวกะทิของ Wall Street Finance ของเขาเป็นอย่างมาก
เมื่อซูจิ่นปรากฏตัวขึ้นที่ประตูห้องอาหาร เขาก็ลุกขึ้นเข้ามาต้อนรับ กอดกับเธอ “คุณผอมลงนะ แต่สวยขึ้น”
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวยิ้มบางๆ นั่งลงบนเก้าอี้ที่เฉียวเซวียนดึงออกมาให้เธอ เขารอจนเธอนั่งเรียบร้อย ค่อยนั่งลงยังที่นั่งของตัวเอง
หลังจากคนทั้งสองนั่งเรียบร้อย บริกรก็เข้ามาช่วยเปิดขวดไวน์ให้ทั้งคู่ทันที ซูจิ่นมองดู อย่างที่คิด...ไวน์ Lafite (ลาฟิต) ปี 1982[1] ผลิตที่ประเทศฝรั่งเศสเหมือนเคย
หลังจากแตะแก้วจิบไปหนึ่งคำก็วางแก้วไวน์ลง เฉียวเซวียนจ้องมองหญิงสาวอย่างลึกล้ำด้วยดวงสีกรมท่าอันเป็นลักษณะเฉพาะของลูกครึ่งต้าฉินอเมริกาของเขา พูดขึ้นปุบปับว่า “ทำไมถึงไม่ยอมรับโทรศัพท์ผม และไม่ตอบอีเมลผมเลย?”
ซูจิ่นหลุบตาลง ยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มอีกอึกใหญ่ เมื่อรู้สึกว่ารสฝาดของไวน์แดงแผ่ซ่านอยู่ในช่องปาก ค่อยพูดว่า “เพราะฉันอยากจะลืมคุณ”
ชายหนุ่มเหมือนนึกไม่ถึงว่าเธอจะตรงไปตรงมาแบบนี้ ตะลึงไปชั่วขณะ ค่อยเม้มปากพูดอย่างไม่พอใจ “Renée...คุณหนีออกจากบ้านโดยไม่แม้แต่จะให้โอกาสผมได้อธิบายเลย คุณไม่คิดว่าตัวคุณเองทำเกินไปหรอกหรือ?”
ซูจิ่นยิ้มหยัน “แล้วที่คุณกอดจูบกับผู้หญิงอื่นอย่างร้อนแรงนี่ไม่เกินไปหรือ?”
ชายหนุ่มสะอึก ขมวดคิ้ว อึดใจใหญ่ค่อยระบายลมหายใจออกมา “ผมขอโทษ ได้ไหม?” เขาพูดพลางยื่นมือมากุมมือของเธอ “กลับมาเถอะ ปีหน้าเราแต่งงานกัน ดีไหม?”
หญิงสาวดึงมือกลับอย่างนุ่มนวล ยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มอีกคำใหญ่ “ถ้าคุณมาก่อนหน้านี้หลายเดือน ฉันอาจจะรับปากก็ได้ค่ะ” แต่ว่าเขาไม่มาเลย ปล่อยให้เธอรอคอยเพียงลำพังจนสิ้นหวัง และตัวเธอในตอนนี้...ได้เคยชินกับชีวิตที่ไม่มีเขาไปแล้ว
“คุณรู้ดีว่าผมยุ่งมาก และผมอยากจะให้เวลาคุณมากพอที่จะทำใจให้เย็นลงด้วย” เมื่อพบว่าเธอเฉยชาไม่หวั่นไหว ชายหนุ่มจึงชักจะร้อนใจขึ้นมาบ้าง คิดจะใช้วิธีอธิบายมารั้งสิ่งที่ได้สูญเสียไปแล้วคืนกลับมา
หญิงสาวยิ้มละไม “ใช่ค่ะ ฉันใจเย็นลงแล้ว...ดังนั้น...ฉันไม่แค้นคุณแล้ว...แต่ก็ไม่รักคุณอีกแล้วด้วย” เรื่องราวมากมาย สามารถอภัยให้ได้ แต่ไม่มีทางหวนกลับไปอีก
บางทีความงดงามของความรัก อยู่ที่การที่มันผ่านพ้นไปในพริบตา ชั่ววูบที่เบ่งบานงดงามเจิดจ้าดั่งดอกไม้ไฟ จากนั้นในชั่วกะพริบตา ก็ได้ดับหายไปจนไร้ร่องรอย ทำให้คิดจะไขว่คว้าก็ไขว่คว้าไว้ไม่อยู่
ความเงียบงันแผ่ขยายอยู่ระหว่างคนทั้งสอง จังหวะนี้บริกรได้เดินเข้ามาถามว่า “สองท่านจะสั่งอาหารหรือยังครับ?” ซูจิ่นยิ้มน้อยๆ พูดกับเฉียวเซวียนว่า “ฉันยังมีธุระอื่น ต้องขอตัวไปก่อนล่ะค่ะ” จบคำก็ลุกขึ้นยืน ยื่นมือออกไปอย่างสง่างาม “Joseph ขอให้คุณมีความสุขนะคะ”
เฉียวเซวียนหน้าเครียด แต่ยังคงรักษามาดสุภาพบุรุษ ลุกขึ้นจับมือกับเธอ “ลองคิดดูให้ดีๆ ล่ะ Renée ผมจะรอคุณ”
ซูจิ่นยิ้มเรียบๆ ไม่พูดอะไรอีก หันกายเดินจากไปโดยไม่หันกลับมา
ความรักมาราธอนหกปี สุดท้ายได้วิ่งมาถึงเส้นชัยอันมืดมนเช่นนี้เอง
ปล่อยวาง ใจหาย เสียใจ ยังมีความรู้สึกที่บรรยายไม่ได้อีกมากมายพันสุมกันเป็นก้อนอยู่ในอก หญิงสาวสุ่มโถมเข้าไปในบาร์เหล้าแห่งหนึ่ง ดื่มเหล้าคำโตๆ มาเซ่นแก่ความรักที่จากไป
เธอพยายามไล่ตามเงาหลังของเขามาตลอด แต่แล้วกลับเป็นฝ่ายรามือเสียเองในตอนที่เขาหันกลับมามองเธอในที่สุด อาจเป็นเพราะอายุมากแล้ว จึงรู้สึกเหนื่อยในที่สุด
เฉียวเซวียนเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยเฮย์ของซูจิ่น ตอนที่เธอเข้ามหาวิทยาลัย เขาก็กำลังเรียนปริญญาเอกแล้ว ทั้งยังควบตำแหน่งอาจารย์ผู้สอนวิชาการเงินของเธอ เฉียวเซวียนที่ทั้งหน้าตาและวิชาการต่างโดดเด่น ได้เป็นบุคคลระดับเจ้าชายของมหาวิทยาลัยอยู่แต่แรก แต่ซูจิ่นกำลังอยู่ในวัยช่างฝันพอดี จึงตกลงสู่พล็อตโหลๆ ของละครน้ำเน่าหลังข่าว...หลงรักเฉียวเซวียนแต่แรกพบอย่างง่ายดาย หลังจากนั้นเธอยิ่งแสดงนิสัยกล้าหาญชาญชัยที่ไม่เข้ากันอย่างมากกับหน้าตาภายนอกของเธอออกมา ตามจีบเฉียวเซวียนทั้งแบบเปิดเผยและไม่เปิดเผยแทบจะเป็นตื๊อสุดใจขาดดิ้นจนกระทั่งจีบเขาติด
หลังจากเริ่มคบกันได้สามเดือน เขากับเธอก็อยู่ด้วยกัน
ต่อมาเฉียวเซียนเรียนจบก่อนกำหนด ไปทำงานในธนาคารมีชื่อที่ถนนวอลล์สตรีท หลังจากเธอเรียนจบ ก็ตามหลังเขาไป กลายเป็นหนึ่งในกองทัพหัวกะทิของแมนฮัตตัน
ชีวิตมาถึงจุดนี้ ดูแล้วก็แทบจะสมบูรณ์แบบ แต่เมื่องานยุ่งมากขึ้นเรื่อยๆ เขากับเธอก็ยิ่งไม่มีเวลาพูดคุยกัน เธอเคยคิดจะเปลี่ยนไปทำงานที่เครียดน้อยกว่านี้ แต่ก็รู้สึกว่าหากทำอย่างนั้น เธอจะยิ่งห่างไกลจากเขามากขึ้น เธอเฝ้าหวังมาตลอดว่า ตัวเธอจะสามารถเคียงบ่าเคียงไหล่กับเขาได้ ไม่ใช่ว่ายืนอยู่ข้างหลังเขา
แม้ว่านี่จะเป็นความเห็นแก่ตัวของซูจิ่น แต่ในอีกแง่หนึ่งก็กล่าวได้ว่า เฉียวเซวียนไม่เคยทำให้เธอรู้สึกมั่นคงเพียงพอเลย สายตาของเขาทอดไกลเกินไป วิ่งเร็วเกินไป ทำให้เธอไล่ตามอย่างลำบากเกินไป
ในที่สุด ในจังหวะเวลาเช่นนี้ ความได้แตกออก ซูจิ่นได้รับจดหมายนิรนามในตู้จดหมายของคอนโดที่คนทั้งสองพักอยู่ด้วยกัน ข้างในมีรูปถ่ายเฉียวเซวียนกับผู้หญิงที่ไม่รู้จักจูบกันแค่ใบเดียว
บางทีการที่จูบกันนั้นอาจไม่ใช่ปัญหาหนักหนาสาหัสอะไร และตัวซูจิ่นเองก็ไม่ได้ใส่ใจวิธียุให้แตกแยกกันแบบลับๆ ล่อๆ อย่างนี้ แต่ประสาทที่เครียดเขม็งมาเป็นเวลาเนิ่นนาน ได้ขาดผึงลงในที่สุดภายใต้การดีดใส่ไม่หนักไม่เบานี้ ดังนั้นหญิงสาวจึงไม่พูดอะไรทั้งสิ้น ลาออกเก็บกระเป๋ากลับประเทศโดยไม่บอกไม่กล่าว ตอนจากไป เธอแค่ทิ้งรูปถ่ายใบนั้นไว้บนโต๊ะกินข้าวภายในบ้าน เหตุผลมากพอแล้วกระมัง?
ความแล้วในตอนนั้น ในใจของเธอยังคงคาดหวังอยู่ คาดหวังให้เขาใจกว้างยอมอภัยให้แก่ความเอาแต่ใจของเธอ คาดหวังให้เขาหันกลับมามองเธอ...แต่เขาไม่ได้มา ปล่อยให้ไฟรักที่ไหววูบวาบกลางสายลมของเขาและเธอดับสนิทลงโดยสิ้นเชิง
การสิ้นสุดของความรัก บางครั้งก็บอกไม่ได้ว่าเป็นความผิดของใคร สุดท้ายก็ได้แต่ถอนหายใจว่าไม่มีบุญร่วมกันกระมัง
“หนอนบ่อนไส้ถูกปิดปากแล้ว” ที่อยู่บนหน้าจอคือหนุ่มแว่นผู้ลึกลับซึ่งโผล่มาที่ห้องของฉินชวนเมื่อวันก่อน
ฉินชวนแค่นเสียง “หึ” อย่างไม่ตกใจเลย “อย่างที่คาด มีเบาะแสอะไรไหม?”
“อืม เบาะแสที่น่าสนใจมาก” ชายหนุ่มลึกลับยิ้มอย่างนึกสนุก “นายกลับไปก็จะเห็นเอง แต่นายจะกลับไปเมื่อไหร่?”
“ด้านตาแก่เป็นยังไงบ้างแล้ว?” ฉินชวนย้อนถามกลับไปสีหน้าเรียบเฉยโดยไม่ตอบ
“ฮึฮึ จะพูดว่าไงดี? ทุลักทุเล?” สีหน้าของชายหนุ่มลึกลับแทบจะเป็นสมน้ำหน้า
ฉินชวนหลุบตาลง “ฉันจะตั้งใจคิดดู” เขาเพิ่งจะตอบคำถามก่อนหน้านี้ของของชายหนุ่มลึกลับ
เสียงเปิดประตูดังมาจากประตูใหญ่ ฉินชวนขมวดคิ้ว “ไว้ค่อยติดต่อกันใหม่” กดปุ่มออกจากหน้าต่างอย่างรวดเร็ว หน้าจอกลับคืนสู่ background ตามปกติ
คืนนี้เสียงฝีเท้าของซูจิ่นซวนเซไม่มั่นคงอยู่นิดๆ ชายหนุ่มฟังอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจออกไปดูเสียหน่อย ผลคือเปิดประตูปุบ ทันช่วยพยุงหญิงสาวที่เกือบจะเสียหลักล้มลงพอดี
ได้กลิ่นเหล้าคลุ้งตลบมาจากตัวของเธอ ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เหน็บอย่างฉุนๆ ว่า “ไม่นึกว่าเธอยุ่งมากขนาดนี้ ยังจะมีอารมณ์ไปเมาเหล้าอีก”
ซูจิ่นยิ้มแป้นแร้นอย่างไม่ค่อยมีสติ “ฉันอกหักแล้ว”
ความรู้สึกประหลาดพลุ่งขึ้นในอกของชายหนุ่ม เขายังไม่ทันนึกรู้ว่ามันคืออะไร ปากก็โพล่งถามออกไปก่อนแล้ว “เธอมีแฟนแล้ว?” ไม่เห็นเหมือนเลยนี่? เขากับเธออยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ ไม่มีการออกเดท ไม่มีโทรศัพท์...ถ้าเป็นแฟนแบบนี้ ไม่ต้องเอาก็ได้
กลายเป็นว่าเสียงตอบอ้อแอ้ของซูจิ่นทำเอาเขาแทบล้มหน้าคว่ำ “เมื่อครึ่งปีก่อนมี”
มุมปากฉินชวนกระตุก ในใจกลับผ่อนคลายลงเล็กน้อยอย่างประหลาด กระเซ้าว่า “ระบบของเธอดีเลย์หนักเกินไปแล้วมั้ง? ควรจะเปลี่ยน CPU ได้แล้วหรือเปล่า?”
ซูจิ่นเมามากพอสมควร คำพูดกระเซ้าเล่นของเขา เธอกลับขมวดคิ้วคิดอย่างจริงจังอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกระซิบพึมพำ “ควรเปลี่ยนได้แล้วจริงๆ...”
ไม่ทราบเหมือนกันว่าอะไรที่ควรเปลี่ยนได้แล้ว...อย่าบอกนะว่าเธอนึกว่าตัวเองเป็นคอมพิวเตอร์จริงๆ สามารถเปลี่ยน CPU ได้?
ฉินชวนพูดไม่ออก ประคองเธอไปถึงห้องนอน เห็นเธอถอดเสื้อโค้ทออก แล้วเดินโซเซไปเข้าห้องน้ำ เมาขนาดนี้ยังอาบน้ำได้อยู่หรือเปล่า? ตอนที่ชายหนุ่มจะกลับห้องไปนอน ได้ยืนลังเลที่หน้าประตูห้องนอนของเธออยู่พักหนึ่ง แล้วตัดสินใจอยู่ต่อ ตั้งใจจะรอจนเธอปลอดภัยออกมาจากห้องน้ำแล้วค่อยไป
แต่ชายหนุ่มนึกไม่ถึงว่า เหตุการณ์ “เคสนอนหลับ/เป็นลมในห้องน้ำ” ที่เขากังวลไม่ได้เกิดขึ้นในบทละคร แต่ที่เกิดขึ้นในบทละคร คือฉากที่น้ำเน่ายิ่งกว่า...ซูจิ่นอาบน้ำเสร็จแล้ว ดันสวมชุดนอนสายเดี่ยวผ้าไหมชายสั้นกุดแค่ต้นขาก็เดินออกมาเลย บนตัวเธอยังชื้นอยู่นิดๆ ชุดนอนเกาะแนบกับเรือนร่างของเธอในสภาพกึ่งโปร่งใส มองเห็นได้ชัดเจนกระทั่งยอดถันที่ตั้งเชิดเพราะถูก น้ำและบริเวณเซ็กซี่ของกายท่อนล่าง
เธอไม่ได้สวมอะไรข้างใต้ชุดนอนเลย เมื่อได้ตระหนักถึงข้อนี้อย่างชัดเจน ฉินชวนเมินหน้าหนีอย่างกระอักกระอ่วน กล้ามเนื้อตลอดทั้งร่างต่างเกร็งเขม็ง
ซูจิ่นเป็นผู้หญิงที่สวยมาก และเขาก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูน
ฉินชวนใช้ความมุ่งมั่นสูงลิบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว หวังจะเผ่นหนีไปก่อนที่เธอจะสังเกตเห็นเขา แต่อย่างไรเขาก็ไม่ใช่อากาศ สายตาที่เลื่อนลอยของหญิงสาวยังคงกวาดมาทางทิศที่เขาอยู่ ชายหนุ่มตัวแข็งทื่อ
หลังจากที่เธอมองเห็นเขา ตอนแรกก็งุนงงอยู่ชั่ววูบ เหมือนไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงมาโผล่อยู่ในห้องนอนของเธอได้ จากนั้นแววตาได้สว่างวาบเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว ถามด้วยเสียงค่อนข้างอ้อแอ้ว่า “ฮ่า ในที่สุดคุณก็ตัดสินใจจะยอมกายเคียงคู่แล้วเหรอ?”
ฉินชวนมองเธออย่างพูดไม่ออก...สมองของยายคนนี้โตมายังไงเนี่ย? เธอไม่มีประสาทด้านความสำรวมในฐานะที่เป็นผู้หญิงอยู่บ้างสักนิดเลยหรือ? ปรายตามองซูจิ่น แล้วเดินออกไปข้างนอกต่อโดยไม่พูดอะไร เธอกลับยื่นมือมาคว้าเขาไว้อย่างไม่ทราบประสาทเส้นไหนเกิดผิดปกติ “บอกไว้ก่อนนะ ฉันไม่รับผิดชอบแน่”
ถ้าฉินชวนได้ฟังคำพูดนี้ สงสัยได้โมโหจนควันออกหูแน่
น่าเสียดายที่ในจังหวะที่มือเย็นเฉียบของเธอแตะถูกตัวเขา เส้นสายบ้างเส้นในตัวชายหนุ่มก็ขาดผึง เสียงขาดผึงนี้ดังเกินไปจนเขาได้ยินไม่ถนัดว่าซูจิ่นพูดอะไร หรืออาจจะได้ยินแล้ว แต่เกิดอาการระบบประสาทดีเลย์
ไม่ว่าอย่างไร เวลานี้เขาได้ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดมาควบคุมความใคร่ของตัวเอง หันไปด้วยสีหน้าเรียบสนิท ถามอย่างเย็นชา “คุณรู้หรือเปล่าว่าผมคือใคร?” เขาไม่คิดจะขึ้นเตียงกับผู้หญิงแล้วยังถูกเข้าใจว่าเป็นตัวแทนของคนอื่นแน่
ซูจิ่นยิ้มแป้น “คุณก็ต้องเป็นคุณฉินรูปหล่อลากดินอยู่แล้วสิ”
มุมปากกระตุก ในที่สุดชายหนุ่มก็อุ้มเธอขึ้นอย่างสุดจะข่มกลั้น โยนขึ้นไปบนเตียง ส่วนตัวเองตามขึ้นไปทาบทับ...
คั่นส่วนที่เซ็นเซอร์ 18+
น้ำหนักของเขาดูจะทำให้เธอพอใจไม่น้อย ริมฝีปากแดงสดเผยอนิดๆ ถอนหายใจอย่างเคลิบเคลิ้ม ยื่นแขนขาวผ่องสองข้างรั้งศีรษะเขาลงต่ำ เป็นฝ่ายจุมพิตริมฝีปากที่ดูแล้วเหมาะแก่การจูบอย่างมากของเขา
ความจริงถึงจะบอกว่าซูจิ่นเมาแล้ว แต่ยังห่างไกลจากระดับไม่มีสติโดยสิ้นเชิงอีกมาก ตัวเธอในตอนนี้ ก็คืออาศัยเหล้าเพิ่มความกล้า กระทำเรื่องที่ปกติเธอไม่กล้าทำ และการแกล้งทำเป็นเมายังมีข้อดีอีกข้อ นั่นคือหลังจากกินเสร็จแล้วไม่ต้องรับผิดชอบได้ รอจนพรุ่งนี้สร่างเมา ก็บอกปัดให้หมดว่าจำไม่ได้แล้ว คนที่สติมีปัญหา ไปฆ่าคนยังไม่ต้องถูกดำเนินคดีเลย ดังนั้นการที่เธอล่อลวงข่มขืนตอนสติไม่สมบูรณ์ ก็น่าจะไม่ต้องถูกเรียกร้องการรับผิดชอบทางกฎหมายเหมือนกัน
พอมีความคิดแบบนี้ พฤติกรรมของซูจิ่นจึงยิ่งเหิมเกริม ขณะที่จูบอย่างเร่าร้อนกับชายหนุ่ม ขาเรียวสวยก็รัดเอวแข็งแรงของเขาไว้ พื้นที่เซ็กซี่อยู่ห่างจากความต้องการที่ขยายตัวของเขาแค่กางเกงอยู่กับบ้านที่ไม่หนานักคั่น เสียดสีกันเบาๆ
จุมพิตอันยาวนานอวลด้วยกลิ่นเหล้าเข้มข้น เมื่อจูบจนคนทั้งสองต่างใกล้จะหายใจไม่ออก ชายหนุ่มพลันผลักเธอออกกดนอนลงกับเตียง ยามก้มหน้าลงมองเธอ สายตาเธอเลื่อนลอย สายของชุดนอนเลื่อนหลุดลงจากไหล่ หน้าอกที่ไม่ใหญ่นักแต่รูปร่างงามงอนอวบอิ่มกึ่งๆ เผยตัว กลับดูเย้ายวนยิ่งเสียกว่าเผยให้เห็นทั้งหมด ณ ที่นี่เวลานี้ สติเสี้ยวสุดท้ายในดวงตาของฉินชวน ได้ดับวูบไปในที่สุด มือแข็งแรงได้รูปกุมเอวคอดกิ่วแทบจะสองมือรวบได้ของเธอ ก้มกายลงประทับจุมพิตที่ไม่สู้อ่อนโยนนักลงบนร่างกายราวกับหยกขาวเนื้อดีของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า
ซูจิ่นไม่ชอบเป็นฝ่ายรับมาแต่ไหนแต่ไร เวลาร่วมรักก็เช่นกัน ตอนที่ฉินชวนยุ่งอยู่กับการใช้ริมฝีปากสำรวจความงามสมบูรณ์ของเธอ เธอก็ยุ่งอยู่กับการช่วยถอดเสื้อผ้าให้เขาเช่นกัน ถอดเสื้อผ้าของเขาไปพลาง ควานหาริมฝีปากเขาจุมพิตกับเขาเป็นระยะๆ เมื่อร่างกายสมบูรณ์แบบของเขาปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ แววตาที่เลื่อนลอยของเธอได้เปล่งประกายเจิดจ้าอย่างปิดไม่มิด
เธอรู้มาตั้งแต่เมื่อวันที่เก็บเขากลับมาบ้านแล้วว่า ความงดงามของรูปร่างและหน้าตาเขา เธอเพิ่งจะเคยได้เห็นในชีวิตจริงๆ นั่นเป็นใบหน้าและรูปร่างที่งดงามปานเทพบุตร กล้ามเนื้อทุกมัดเหมือนแฝงเร้นความแข็งแกร่งและพละกำลัง เธอมักจะรู้สึกว่า เขาเป็นเหมือนยอดกระบี่แห่งยุคที่มีฝักอันงดงามหรูหรา แม้ยามปกติจะซ่อนเร้นคมดาบไว้ภายในฝักที่ไร้พิษภัย แต่รังสีกระบี่ที่คุกคามคนนั้น กลับปิดอย่างไรก็ปิดไม่มิด
ครางออกมาเบาๆ อย่างชื่นชม ซูจิ่นใช้มือและริมฝีปากบูชาร่างกายของเทพบุตรตรงหน้าต่อไป ส่วนความปรารถนาที่ร้อนจัดของชายหนุ่มได้วนเวียนอยู่บริเวณส่วนสงวนของเธอ อีกหนึ่งจุมพิตอันยาวนาน ในที่สุดเขาก็แยกสองขาเรียวสวยของเธอที่รัดเอวเขาแน่นออกจากกันอย่างระงับใจไม่อยู่ ทำท่าจะรุกล้ำเข้าสู่ร่างของเธออย่างอดใจรอไม่ไหว ใครจะไปนึกว่าในจังหวะนี้ ซูจิ่นจะพูดเสียงอ้อแอ้ขึ้นมากะทันหันว่า “รอเดี๋ยว”
ฉินชวนตะลึง ร่างกายพลอยชะงักค้าง เหงื่อหนึ่งหยดไหลลงมาจากหน้าผาก หยดลงบนอกเปลือยที่เชิดชันของเธอ เขาหรี่ตาก้มลงมองเธอ ตลอดทั้งร่างแผ่กลิ่นอายอันตราย...ผู้หญิงบ้าคนนี้คงไม่บอกให้หยุดเอาในเวลาแบบนี้หรอกนะ? สายตาวาบประกายทรมาน ถ้าเธอบอกให้หยุดจริงๆ เขาจะทนช้ำในจากไปอย่างสุภาพบุรุษ หรือบังคับขืนใจเธอก่อนแล้วค่อยว่ากันดี?
ซูจิ่นลังเลเล็กน้อย ค่อยถามเสียงอู้อี้ว่า “คุณไม่มีเชื้อ HIV นะ?”
เหงื่อฉินชวนหยดติ๋งอีกหนึ่งหยด ขมวดคิ้วดันร่างเข้าไปอย่างหมดความอดทน เมื่อเสียงครางเหมือนเจ็บปวดคล้ายพอใจหลุดออกมาจากริมฝีปากเธอ ค่อยเอ่ยตอบเสียงจริงจังที่ริมหูของเธอ “เลือดเป็นลบ”
หญิงสาวค่อยผ่อนคลายอย่างเต็มที่รับความใหญ่โตของเขาไว้ และแล้วค่ำคืนอันปั่นป่วนอย่างแท้จริงก็ได้เปิดม่านขึ้น ณ เวลานี้
ตอนเช้าตื่นขึ้นมา ยังไม่ทันได้ลืมตา ซูจิ่นก็ขบคิดถึงปัญหาที่ซีเรียสมากหลายข้อ
ก่อนอื่น ไม่ใช่ว่าความเห็นโดยทั่วไปคือความสามารถด้านนั้นของหนุ่มหล่อจะค่อยข้างด้อยหรอกหรือ? ทำไมตอนนี้เธอถึงเหนื่อยจนกระดิกตัวไม่ไหวล่ะ? ร่างกายเหมือนไม่ใช่ของตัวเองไปแล้วยังไงยังงั้น? คนเรานี่ดูแต่หน้าตาไม่ได้จริงๆ...ถูกหน้าตาหลอกเอาอีกแล้ว
ถัดไป ตำแหน่งที่ชอบในการร่วมรักของเขากับเธอไม่สอดคล้องกันอย่างเห็นได้ชัด ฉินชวนผู้นิยมรุกชอบเข้าจากด้านหลัง แต่ซูจิ่นชอบเป็นฝ่ายอยู่ข้างบน เมื่อคืนนี้เขาทั้งล่อลวงและล่อหลอกให้เธอตามใจเขาก่อน แต่เธอพบว่ารอจนเขาได้สมใจแล้ว เธอก็หมดแรงจะขึ้นไปอยู่ข้างบนแล้ว ดังนั้นลำดับนี้ก่อนหลังครั้งต่อไปต้องเปลี่ยน
ต่อไป ถึงเธอจะไม่อยากมีความรักกับเขา แต่เธอพบว่าเธอชอบร่วมรักกับเขา...ต้องคิดหาวิธีทำให้ความสัมพันธ์กำกวมที่ไม่รับผิดชอบนี้ดำเนินต่อไปเสียแล้ว วิธียังไม่มี...ถ้าเขาคิดแบบนี้เหมือนกันย่อมจะดีที่สุด...แต่ถ้าไม่ใช่...ระหว่างชายหญิง มีครั้งแรกแล้ว ก็ยากที่จะไม่มีครั้งที่สอง ครั้งที่สาม...สังเกตดูสถานการณ์ไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน
อีกอย่าง เมื่อคืนนี้เขากับเธอไม่ได้ป้องกันกันทั้งคู่ ถึงสุดท้ายเขาจะไม่ได้หลั่งในตัวเธอก็เถอะ แต่ก็ยังมีโอกาสเจอแจ็คพ็อตอยู่ดี ไปซื้อยาคุมฉุกเฉินดีไหม? แต่ถ้าเป็นลูกของเขา...มีหน้าตาและสมองเหมือนอย่างเขา เด็กคนนี้ก็เพอร์เฟคเกินไปแล้ว (ตัวซูจิ่นเห็นว่าอย่างนี้) ถ้าเจอแจ็คพ็อตเข้าให้ ถึงเธอจะไร้วาสนากับหนุ่มหล่อรุ่นใหญ่ ในบ้านก็ยังเลี้ยงหนุ่มหล่อรุ่นเยาว์ได้ ก็ไม่เลวเหมือนกันเนอะ งั้นอย่าเพิ่งไปซื้อยาคุมฉุกเฉินเลย
ปัญหาสุดท้าย ตอนนี้กี่โมงแล้ว? เธอแข็งใจลืมตามองนาฬิกา เก้าโมง สรุป วันนี้ต้องลาป่วยอีกแล้ว...
ในขณะซูจิ่นกำลังกลุ้มใจกับปัญหาที่เป็นสภาพจริงของชีวิตอย่างมาก ฉินชวนกลับกลุ้มใจในปัญหาที่เป็นเรื่องของอารมณ์อย่างมากอยู่ที่อีกฟากของเตียง
เขาค้างคืนบนเตียงของเธอเสียแล้ว
ในชีวิตเขาได้มอบครั้งแรกให้แก่เธอมากมายเกินไปแล้ว อยู่ร่วมชายคากับผู้หญิงเป็นครั้งแรก ทำอาหารให้ผู้หญิงเป็นครั้งแรก นอนค้างคืนบนเตียงของผู้หญิงเป็นครั้งแรก ร่วมรักกับผู้หญิงที่ไม่ได้กำลังคบกันเป็นครั้งแรก...
ปัญหาหวนกลับไปสู่ประเด็นที่เขาหงุดหงิดกลุ้มใจเมื่อวันเสาร์ที่แล้วอีกครั้ง...เขากับเธอมีความสัมพันธ์แบบไหนต่อกันกันแน่?
ที่แท้การร่วมรักจบลงแล้ว เรื่องราวกลับเพิ่งจะเริ่มต้น...
[1]ชื่อเต็มว่า ไวน์ ชาโตร์ ลาฟิต- รอธส์ชิลด์ (Chateau Lafite-Rothschild) แบ่งเป็นสองยุค ยุคเก่าได้แก่ปี 1797, 1801, 1805, 1811, 1870, 1893, 1895 และ 1900 สำหรับยุคใหม่ ปีทองประกอบด้วยปี 1945, 1949, 1952, 1953, 1955, 1959, 1966, 1970, 1982, 1986, 1988, 1989, 1990 และ 1995