สรุปเนื้อเรื่องที่เหลือ
หลังจากเนี่ยเฟยเฟยหายตัวไป เนี่ยอี้พยายามออกตามหา เพราะรู้ดีว่าด้วยอาการของเนี่ยเฟยเฟยในตอนนั้น ต่อให้กินยาฆ่าเชื้อช่วย ไม่เกิน 10 วันก็ต้องตายแน่นอน
พอผ่านไป 15 วันแล้วยังคงหาตัวเนี่ยเฟยเฟยไม่พบ เนี่ยอี้ก็เริ่มดื่มเหล้าอย่างหนักจนโดนหามเข้าโรงพยาบาล
ช่วงที่เนี่ยอี้เข้าโรงพยาบาล แม่ของเนี่ยเฟยเฟยมาพาตัวหลานสาวไปเลี้ยงเอง และขนของใช้ส่วนตัวของเนี่ยเฟยเฟยไปหมดบ้าน เพื่อให้เนี่ยอี้ลืมลูกสาวเธอและทำใจกลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง เธอยังทำสุสานเสื้อผ้าของลูกสาวด้วย
หลังออกจากโรงพยาบาล เนี่ยอี้กลับมานิ่งเหมือนเดิม เขามองดูข้าวของของเนี่ยเฟยเฟยที่หายไปโดยไม่พูดอะไร แล้วอยู่ๆ เขาก็หายตัวไปจากบ้าน จากนั้น 11 เดือนถัดมา เขาก็พาสวีหลีเฟยกลับมาด้วย
สวีหลีเฟยเป็นโคลนของเนี่ยเฟยเฟย
ในเนื้อเรื่ององก์ที่ 3 จะมีการเกริ่นบอกว่า เนี่ยอี้สามารถโคลนสุนัขด้วยตัวเองคนเดียวได้สำเร็จตอนอายุ 14 ปี ในห้องทดลองส่วนตัวของตัวเอง และใช้แค่เวลาว่างจากการเรียนมาทำเท่านั้น นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่เขาเป็นที่ต้อนรับของซาลอนนักชีววิทยาบนเกาะไวโอเล็ตมาตั้งแต่อายุเพียง 19 ปี ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านโคลนนิ่ง
ช่วงที่เนี่ยอี้พาสวีหลีเฟยกลับมา ได้บอกกับทุกคนที่ไม่รู้เรื่องเบื้องลึก รวมถึงเซี่ยหลุนว่า สวีหลีเฟยเป็นน้องสาวของเนี่ยเฟยเฟย แต่คังซู่หลัวที่รู้เรื่องการหายตัวไปของเนี่ยเฟยเฟย รู้ว่าสวีหลีเฟยคือโคลนของเพื่อนสนิทเธอ
แต่ถึงจะสร้างโคลนของเนี่ยเฟยเฟยได้สำเร็จ ในใจเนี่ยอี้เองรวมถึงคังซู่หลัว และพ่อแม่ของเนี่ยเฟยเฟย กลับไม่สามารถยอมรับโคลนคนนี้เป็นเนี่ยเฟยเฟยได้ สุดท้ายเนี่ยอี้จึงยืมมือของเหล่านักชีววิทยาในซาลอน ล้างสมองลบความทรงจำสวีหลีเฟยทิ้งไป และฝังความทรงจำใหม่เข้าไปให้ ใช้เส้นสร้างหลักฐานสำมะโนครัวปลอมให้ จากนั้นส่งไปอยู่ที่อื่นที่ไกลหูไกลตา (เกาะนาโกย่า) ให้ได้ใช้ชีวิตตามปกติในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง แต่ก็ส่งคนไปคอยจับตาดูอยู่ตลอดด้วย เผื่อโรคยีนของเนี่ยเฟยเฟยที่สวีหลีเฟยซึ่งเป็นโคลนก็รับมาด้วยกำเริบ
ส่วนเรื่องการหายตัวไปของเนี่ยเฟยเฟย เนี่ยอี้บอกกับคนนอกว่า เธอป่วยหนัก ถูกส่งไปรักษาตัวอยู่ที่อเมริกา แต่คนในครอบครัวเนี่ยอี้ เนี่ยเฟยเฟย และคังซู่หลัวต่างรู้ดีว่า เนี่ยเฟยเฟยตายไปแล้ว
เนี่ยอี้ไม่เคยยอมรับว่าเนี่ยเฟยเฟยตายไปแล้ว โดยยึดติดว่าตราบใดที่ยังไม่เห็นศพ เนี่ยเฟยเฟยก็ยังไม่ตาย เขาจึงไม่ยอมไปสุสานเสื้อผ้าของเนี่ยเฟยเฟยเลย
มีอยู่ครั้งในงานประมูลที่ชิงหยวนชวนสวีหลีเฟยไปด้วยกัน เนี่ยอี้พาเนี่ยอวี่สือไปในงานด้วย และจองที่นั่งไว้ 3 ที่ เป็นที่ VIP หน้าสุดติดกัน 3 ที่ อีกที่ที่ว่างเปล่าเป็นของเนี่ยเฟยเฟย สวีหลีเฟยที่นั่งอยู่ห่างออกไปหลายแถวข้างหลังมองเห็นตอนที่ไฟหรี่ลงจนมืดว่า เนี่ยเฟยเฟยนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ว่างนั้น แต่พอไฟเปิดสว่าง ร่างเนี่ยเฟยเฟยที่โปร่งใสก็หายไป เธอจึงไม่แน่ใจว่าตัวเองตาฝาดหรือเปล่า
ช่วงที่สวีหลีเฟยถูกรับตัวมารักษาที่บ้านเนี่ยอี้ หร่วนอี้เฉินก็แต่งงานกับฟู่เซิงเซิง พิธีแต่งงานยิ่งใหญ่อลังการมากเป็นที่กล่าวขวัญไปทั่ว
หลังจากที่สวีหลีเฟยรู้ตัวว่าตัวเองเป็นโคลนที่ถูกสร้างขึ้นมาในเวลาแค่ 11 เดือน เธอโกรธแค้นเนี่ยอี้มาก และเมื่อรู้ว่าอาการป่วยที่เธอเป็นทำให้เธอต้องตายในเวลาไม่นานเหมือนกับเนี่ยเฟยเฟย เธอก็ขอมีชีวิตอิสระของตัวเองในวาระสุดท้ายของชีวิต
เนี่ยอี้ยอมให้สวีหลีเฟยเดินทางจากไปตามที่ตัวเธอต้องการ โดยทางเขาก็ส่งคนไปคอยตามดูห่างๆ เผื่อเธออาการกำเริบล้มป่วย จะได้ช่วยเหลือทัน สวีหลีเฟยเลือกเดินทางไปตะวันตก ที่เดียวกับที่เธอไปตอนอกหักจากหร่วนอี้เฉิน
สวีหลีเฟยอยู่ที่นั่นได้สองเดือนก็เสียชีวิต ก่อนตาย เธอขอพบเนี่ยอี้ เนี่ยอี้ก็ไปหา เธอบอกว่า ตอนนี้เธอไม่แค้นเขาแล้ว เธอได้สนทนากับพระ ได้รู้ถึงการรู้จักปล่อยวาง
สวีหลีเฟยรู้จักเนี่ยเฟยเฟย และรู้เรื่องราวระหว่างเนี่ยเฟยเฟยกับเนี่ยอี้ผ่านทางปากกาบันทึกเสียงกับการบอกเล่าของเลขาเนี่ยอี้ เซี่ยหลุน และคังซู่หลัว เธอรู้ว่าในสายตาของเนี่ยเฟยเฟย เนี่ยอี้คือดีเลิศประเสริฐศรีเพอร์เฟคไร้ที่ติ แต่เนี่ยอี้ในสายตาของคนรอบข้างเวลานี้ ตั้งแต่เนี่ยเฟยเฟยตายไป เขากลายเป็นคนที่ไร้มนุษยธรรมโดยสิ้นเชิง เขาได้ทิ้งสำนึกผิดชอบชั่วดีในฐานะมนุษย์ไปแล้ว ถึงสามารถสร้างมนุษย์โคลนอย่างเธอขึ้นมาได้โดยเห็นเป็นแค่สัตว์ทดลอง
สวีหลีเฟยบอกว่า เนี่ยอี้บอกว่าจะพาเนี่ยเฟยเฟยกลับมาให้จงได้ แต่ความจริงตัวเนี่ยอี้เองก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งว่าตัวเองจะทำได้สำเร็จ เพราะถ้าเขาเชื่อเต็มร้อยว่าตัวเองทำได้ เขาจะตะลุยทดลองจนกว่าจะได้เนี่ยเฟยเฟยกลับมาอย่างสมบูรณ์ ถ้าเขาไม่เชื่อโดยสิ้นเชิงว่าเขาทำได้ เขาจะปล่อยวางเรื่องนี้ได้ ดังนั้นการที่เขาทำการทดลองสร้างตัวเธอที่เขามองว่าเป็นผลงานการทดลองที่ล้มเหลวออกมา แล้วไม่ได้ลงมือทดลองมากไปกว่านี้ จึงเป็นสิ่งยืนยันว่าเขายังคงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
สวีหลีเฟยบอกอีกว่า สิ่งที่เธอแตกต่างจากเนี่ยเฟยเฟยอีกอย่างคือ เนี่ยเฟยเฟยรักเนี่ยอี้มาก อยากแต่จะให้เนี่ยอี้มีความสุข ไม่เคยอยากให้เขาทุกข์เลย แต่เธอรักหร่วนอี้เฉิน เธอกลับอยากทำให้เขาต้องเจ็บปวดดูบ้าง
สวีหลีเฟยได้ฝากปากกาบันทึกเสียงกับเลขาฉู่ให้นำไปให้เนี่ยอี้หลังจากที่เธอตายไปแล้ว
หลังจากสวีหลีเฟยตายไป เนี่ยอี้เผาศพเธอ แล้วใส่อัฐิไว้ในสุสานในเมืองที่เขาอยู่ (เป็นตึกแถว ข้างใน มีล็อคเกอร์เรียงซ้อนกันขึ้นไปไว้สำหรับใส่อัฐิของแต่ละคน ข้างหน้าติดเบอร์)
หนึ่งเดือนต่อมา มีข่าวว่าหร่วนอี้เฉินหย่ากับภรรยา แล้วโทรศัพท์มาขอนัดพบเลขาฉู่ ถามว่าสวีหลีเฟยยังพักอยู่ที่บ้านเนี่ยอี้หรือเปล่า เนี่ยอี้ก็มาพบหร่วนอี้เฉินพร้อมเลขาฉู่ด้วย แต่นั่งรออยู่คนละโต๊ะ เลขาฉู่บอกอ้อมๆ ว่า สวีหลีเฟยจากไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่บ้านเนี่ยอี้แล้ว
หร่วนอี้เฉินถามต่อว่า มีเบอร์ติดต่อของสวีหลีเฟยไหม เลขาฉู่ตอบว่าไม่มี หร่วนอี้เฉินถามอีกว่า มีที่อยู่เธอไหม? เลขาฉู่อึกอัก หร่วนอี้เฉินเลยบอกว่า ถ้าการขอที่อยู่ของเธอต้องได้รับการอนุญาตจากเนี่ยอี้ งั้นผมจะไปขอออนุญาตเขาเดี๋ยวนี้
เนี่ยอี้ได้ยิน เลยเดินมาหาเอง ถามว่า ต้องการที่อยู่ใช่ไหม? แล้วเขียนที่อยู่สุสานพร้อมล็อกที่เก็บอัฐิของสวีหลีเฟยลงในกระดาษให้ไป
วันต่อมา หร่วนอี้เฉินโทรศัพท์หาเลขาฉู่ ถามว่านี่ล้อกันเล่นรึไง ที่อยู่ที่ให้มาเป็นสุสานนี่ เลขาฉู่บอก ไม่ได้ล้อเล่น ที่อยู่ถูกแล้ว สวีหลีเฟยเสียชีวิตไปแล้วเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ปลายสายเงียบไปเลย แล้วมีเสียงโครม
วันรุ่งขึ้น นสพ.ลงข่าวว่าหร่วนอี้เฉินประสบอุบัติเหตุ ดีที่แค่หัวแตกต้องเย็บ เลขาฉู่บอกข่าวนี้ให้เนี่ยอี้รู้ แล้วพูดปิดท้ายอย่างเสียใจว่าถ้ารู้ว่าตอนนั้นหร่วนอี้เฉินขับรถอยู่ เขาคงไม่บอกไปแบบนั้นหรอก หร่วนอี้เฉินเลยรถชนต้นไม้หัวแตกต้องเย็บเลย
เนี่ยอี้บอก นั่นคงจะเจ็บเนอะ เลขาฉู่บ่นต่อว่า นี่ถ้าเมื่อวานซืนเขาบอกหร่วนอี้เฉินไปตรงๆ เสียแต่แรกว่าว่าสวีหลีเฟยตายแล้วก็คงดี เนี่ยอี้บอก แบบนั้นก็ไม่สนุกน่ะสิ เลขาฉู่ชะงัก หันไปถามอย่างตกใจว่า นี่คุณจงใจให้เขาช็อคจนเกิดอุบัติเหตุเรอะ?
เนี่ยอี้บอกว่า ผมไม่มีอะไรจะชดเชยให้สวีหลีเฟยได้ที่ผมสร้างเธอขึ้นมาเผชิญกับชะตากรรมแบบนี้ ก่อนตายเธอบอกผมว่าอยากลองทำให้หร่วนอี้เฉินเจ็บดูบ้าง เรื่องแค่นี้ผมพอจะช่วยเธอได้ ก็เลยช่วยทำให้
เลขาฉู่บอกว่า บางทีคำพูดของผู้หญิงน่ะ ใจจริงเธอไม่ได้ต้องการแบบนั้นหรอกนะ เนี่ยอี้บอก อันนี้ผมไม่รู้ด้วยหรอก
หลังจากนั้นเนี่ยอี้ก็ฝากปากกาบันทึกเสียงที่สวีหลีเฟยฝากมาให้เขาไปให้หร่วนอี้เฉินอีกต่อ เพราะเขาไม่เคยเปิดฟังเลย เนื่องจากเข้าใจว่าคนบันทึกเสียงคือสวีหลีเฟย
หลังจากหร่วนอี้เฉินได้รับปากกาและเปิดฟัง ก็เอากลับมาคืนให้เนี่ยอี้ บอกว่านี่มันของที่เนี่ยเฟยเฟยฝากไว้ให้คุณต่างหาก
เนี่ยอี้เอาปากกาบันทึกเสียงมาเปิดฟังดู แล้วยืนฟังนิ่งในท่านั้นตลอดทั้งคืนโดยไม่นอน
หลังจากฟังจบ เนี่ยอี้เดินทางไปทะเลขาวทันที และอยู่ที่นั่นครึ่งเดือน เมื่อกลับมาที่เมือง S เขาก็ยกเลิกโครงการทดลองโคลนนิ่งโครงการ 2 ที่เตรียมการเกือบพร้อมแล้ว หันกลับมาวิจัยหาทางรักษาโรคสติกส์ที่เนี่ยเฟยเฟยเป็นต่อ (ตั้งชื่อโรคตามชื่อแม่น้ำสติ๊กส์ในนรก สื่อความหมายว่า เป็นแล้วตายสถานเดียวไม่มีทางรอด)
นับจากนั้นมา เนี่ยอี้เหมือนกลับมาเป็นปกติ จนทั้งเซี่ยหลุน คังซู่หลัว และคนรอบข้างพากันเบาใจ คิดว่าเขาคงจะค่อยๆ ทำใจได้ในที่สุด แต่เนี่ยอวี่สือลูกสาวของเขากลับไม่คิดแบบนั้น เพราะเธอรู้ว่าในวันที่แม่ของเธอหนีหายไปของทุกปี พ่อของเธอจะเข้าไปนั่งฟังเสียงจากปากกาบันทึกเสียงในห้องของแม่เพียงลำพังทั้งคืน
เนี่ยอวี่สือรู้สึกว่า พ่อเธอเหมือนกำลังเตรียมความพร้อมก่อนจะจากไป
ตอนที่เนี่ยอี้อายุได้ 48 ปี ก็หาวิธีรักษาโรคสติกซ์ได้สำเร็จ ได้รับรางวัลใหญ่ด้านชีววิทยา หลังจากนั้น เขาก็ขับรถออกจากบ้าน แล้วหายสาบสูญไปเลย จากการพยายามตามหา พบว่าเขาเดินทางไปที่เกาะนาโกย่า แล้วหายตัวไป
วันที่เนี่ยอี้ค้นคว้าสำเร็จ กลับมาบ้าน เขากอดลูกสาวที่อายุ 20 ปีแล้ว ลูบผมเธอ อยู่กับเธอ ลูกสาวเขาจำได้ว่า ตากับยายเคยเล่าว่า ก่อนที่แม่จะหายตัวไป แม่ก็กอดเธอลูบผมเธอแบบนี้อยู่หนึ่งสัปดาห์เต็ม จากที่เธออยู่กับพ่อมาตลอดชีวิต เธอเลยรู้ว่าพ่อเธอกำลังคิดจะทำอะไร แต่เธอไม่ได้ห้าม
วันรุ่งขึ้น เธอยืนแอบอยู่หลังต้นไม้ มองดูพ่อขับรถออกไปจากบ้านตอนตีสี่ โดยไม่ได้เอาสัมภาระอะไรไปด้วยทั้งสิ้น หลังจากนั้นพ่อก็หายสาบสูญไป
ตอนที่แน่ใจว่าพ่อหายสาบสูญไปแล้ว เธอไปจัดของที่ห้องแม่ และจัดของที่ห้องพ่อ ตอนที่เลขาฉู่ซึ่งอายุ 70 ปีแล้วเข้ามาบอกว่า พบเบาะแสว่าพ่อของเธอนั่งเครื่องบินไปที่เกาะนาโกย่า เขากำลังส่งคนตามไปค้นหาดู เธอบอกว่าไม่ต้องไปแล้ว เพราะเธอได้ลองเปิดปากกาบันทึกเสียงของแม่ฟังดู ท้ายเสียงบันทึกของแม่ มีเสียงของพ่อดังต่อมาว่า
“คุณคงรอจนเบื่อแล้วล่ะสิ? ผมมาหาคุณแล้ว เฟยเฟย”
ท่านที่ต้องการให้ซื้อลิขสิทธิ์มาแปลเป็นภาษาไทย และยินดีอุดหนุน
แก้ไขเมื่อ 10 ต.ค. 2560, 00:38 โดย หลินโหม่ว